==>>มนุษย์ถูกสร้างให้มีหูและตาอย่างละสอง แต่มีปากเพียงหนึ่ง เพื่อให้เรา 'มอง' และ 'ฟัง' มากกว่า 'พูด'<<==
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2559
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
13 มีนาคม 2559
 
All Blogs
 

[ญี่ปุ่น 11 วัน หิมะ&ซากุระ] วันที่ 8 ไปหาโดเรมอน





22 กุมภาพันธ์ 2559


หลังจากที่เราตะลอนกันมาอย่างหนัก วันนี้เราจะได้พักแล้วค่ะ Smiley วันนี้น่าจะสบายที่สุดในทริปแล้ว เพราะไม่มีอะไรเลย นอกจากไปกินบุฟเฟต์ตอนเที่ยง และช่วงบ่ายๆ เย็นๆ ไปดูโดเรมอน ค่ำๆ แวะช้อปที่ชิจูกุ


เช้านี้เราตื่นกัน 8 โมง เพื่อนๆ ก็ทยอยตื่นไล่ๆ กัน ตื่นแล้วก็ซักผ้าก่อนเลย ตอนแรกว่าจะซักเมื่อคืน แต่กลัวเครื่องซักผ้าเสียงดัง เดี๋ยวรบกวนบ้านอื่นเลยเปลี่ยนมาซักกลางวันแทน ก็ไม่ได้เสียงดังอะไรนะ เงียบเหมือนเครื่องไม่ทำงานเลย 55555 ซักและปั่นพอหมาด ใช้เวลาเกือบชั่วโมงก็เรียบร้อย ซักได้แค่กองเดียวนะคะ คือเสื้อ กางเกง ส่วนถุงเท้าค่อยกลับมาซักคืนนี้ เพราะขี้เกียจรอละ เดี๋ยวไม่ทัน ระเบียงหลังห้องท่วมเลยค่ะ ไม่รู้ว่าท่อไม่ระบายหรืออะไร 5555 เกือบทำห้องเขาพังแล้วไหมละ

ทำอะไรกันไปเรื่อยๆ ออกจากห้องตอน 10 โมงกว่าๆ จะได้ไม่เร่งเกิน เพราะบุฟเฟต์ที่โตเกียวสเตชั่นเปิด 11 โมง



ถึงโตเกียวสเตชั่นแล้วก็เปิดเว็บที่เคยรีวิวบุฟเฟต์ มีบอกวิธีไปเสร็จสรรพ คือออกทาง North Yaesu ก็จะเจอห้างไดมารู มันจะมีสองฝั่ง เข้าทางฝั่งขวามือ กดลิฟต์ไปยังชั้น 12 ได้เลย

เราไปถึงประมาณ 10.40 น. มีคนไปต่อคิวเป็นแถวยาวเลย ใครกลัวไปไม่ถูก พอออกจากลิฟต์ ก็มองหาบันไดเลื่อน ร้านบุฟเฟต์อยู่หน้าบันไดเลื่อน ตอนนั้นเราก็งงๆ ว่าต้องทำยังไง ไปเข้าแถวเลยมั้ยหรือว่าต้องไปแจ้งชื่อกับพนักงานก่อนว่าเรามากันกี่คน ยืนๆ งงๆ เลยให้เพื่อนยืนรอแล้วเราเดินไปที่หน้าร้าน ก็ไม่รู้จะถามอะไร เลยใช้ภาษามือชี้ไปที่แถว เขาก็ผายมือให้ คงบอกว่าไปต่อแถวเลย เราก็โอเค ไม่ต้องแจ้งชื่อเหมือนบุฟเฟต์ที่ไทยนะคะ ต่อแถวรอเลย

พอ 11 โมงตรง พนักงานก็ออกมาเชิญให้เข้าไปในร้าน มีพนักงานประมาณ 2-3 คนวนออกมารับ ใครไม่ได้ภาษาไม่เป็นไรค่ะ พอไปถึงเขาก็จะถามว่ากี่คน เราก็บอกไป 3 คน 4 คน 5 คน ไรงี้ จากนั้นเขาก็พาไปที่โต๊ะ รับคนได้เยอะเลยนะคะ เราเข้าไปนั่งจนถึง 11.30 แล้วก็ยังรับคนได้เรื่อยๆ (แต่เราเข้าตอน 11.05 ได้มั้ง) มีเวลาทาน 90 นาที เวลาออกคือ 12.35 น. 













อาหารหลากหลาย ปูก้ามใหญ่แต่รสชาติค่อนข้างเค็ม เวลา 90 นาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกว่ายังกินไม่ค่อยเท่าไหร่เลย เพราะมัวแต่เสียเวลาแกะปู 5555

พออิ่มแล้วก็เอาบิลไปจ่ายที่เคาน์เตอร์ด้านหน้า เป็นอันเรียบร้อย

ตอนนี้เรายังพอมีเวลาเหลือเฟื้อที่จะเดินเล่น เพราะเราจองรอบเข้ามิวเซี่ยมโดเรมอน (จริงๆ ชื่ออะไรนะ ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ อะไรใช่ป่าว แต่มันเรียกยากขอเรียกมิวเซี่ยมโดเรมอนแล้วกัน) ตอน 4 โมงเย็น ก็กะว่าสักบ่ายสองกว่าๆ ค่อยไปก็ได้ ให้ถึงที่นู่นสักบ่าย3 ครึ่ง เพราะตั้งใจจะเดินไป เคยอ่านรีวิว เขาว่าเดินกิโลกว่าๆ


แต่ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายโมงเอง เราก็เดินๆ ดูของที่ห้างไดมารู ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเสื้อผ้า ของใช้เหมือนห้างที่กรุงเทพ เราลงบันไดเลื่อนมาแบบไม่รีบร้อน จากนั้นก็เดินทะลุไปขึ้นรถไฟ ไปตามหา Line ตามที่เว็บบอก ก็ขึ้นไปเรื่อยๆ จนเจอ track 1 เวลาที่เราเลือก ไม่ใช่อันนี้นะคะ  (อันนี้เราาทำใส่ลงไปในไกด์บุ๊กเพื่อดูเป็นตัวอย่าง) จำได้ว่าไปรอบประมาณ บ่าย2  เพราะเพื่อนบอกว่าไปถึงเร็วหน่อยก็ไม่เป็นไร จะได้เดินเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ  โดยสถานีที่เราจะลงคือ Shukugawara sta. เป็นสถานีที่ถึงก่อน Noborito 1 สถานี




แต่กว่าจะได้ขึ้นรถไฟ ก็มีเหตุให้ต้องตื่นเต้นกันเล็กน้อย เพราะ track 1 ที่เราไปรอ คนละ 1 กับที่เราต้องขึ้น 55555 โตเกียวสเตชั่นเป็นสถานีที่ชวนงงที่สุดในโลก Smiley ตอนนั้นจำได้ว่าเราดูเวลาจากป้ายไฟ มันจะขึ้น 2 ขบวน คือขบวนที่กำลังจะมาและขบวนถัดไป เราก็ดูไปเรื่อยๆ และแล้วความบรรลัยก็เกิด เมื่อป้ายไฟข้ามนาทีของขบวนที่เราจะขึ้น Smiley เฮ้ย ทำไมเป็นงี้ นี่ไง Track 1 แล้วไหนล่ะ เวลาที่เราจะขึ้น มันหายไหน ตอนนั้นเหลืออีก 10 นาที เราก็เอาแล้วไง มองหานายสถานีเลย และขอบอกว่าตรงที่รอรถไฟหาเจ้าหน้าที่ยากมากๆ นานๆ จะเดินมาสักคน หันไปหันมา เจอพอดี เลยเอาโทรศัพท์ที่เปิดหน้าต่างของเว็บไฮเปอร์เดียให้เขาดู เขาก็บอกว่า ไม่ใช่ตรงนี้ Smiley Smiley ต้องลงไปข้างล่าง ตรงไป แล้วเลี้ยวนู่นนี่ เอาล่ะ ขอบคุณๆๆๆ แล้วก็...วิ่งสิ รออะไร Smiley วิ่งไปก็บ่นไป อะไรวะเนี่ย ทำไมมีแทร็ก 1 หลายอัน เราดูผิดเหรอ อะไร ทำไม แต่ก็ช่างมันเถอะ เราดู Line ไม่ดีเองมากกว่า สุดท้ายก็วิ่งไปทันรอบที่เลือกไว้

รูทนี้เราต้องไปลงที่ Musashi-kosugi เพื่อขึ้นสาย Numbu Line ขอบอกว่าเดินไกลมากกกกกที่สุด Smiley เดินไปร่วมกิโลเลยทีเดียว ใครลงสถานีนี้ไม่ต้องกลัวไปไม่ถูกนะคะ อ่านป้ายอย่างเดียว มันจะมีหลาย Line เราก็ดู Line ที่เราจะขึ้น ซึ่งต้องเดินไปประมาณ 500-600 ม. เดินในอาคารมีทางเลื่อนเหมือนเดินในสนามบินเป็นระยะๆ  อากาศหนาวเวอร์ ยืนรอรถไปก็สั่นไป


สถานีที่เราลงคือ
Shukugawara sta.




ด้านหน้าของสถานีจะมีป้ายบอกทางเดินไปมิวเซี่ยม ไม่ยากๆ และยังมีร้าน Lawson ให้แวะซื้อของกินอีก เราถามพนักงานอีกครั้งเพื่อกันพลาด เขาบอกว่าตลอดทางจะมีสัญลักษณ์บอก และเพื่อกันหลง เราก็เปิดกูเกิ้ลให้นำทางไปด้วย แต่มันพาเข้าตรอก ซอก ซอยเล็กๆ แรกๆ เราก็ไปตามัน จนหลังๆ มันจะพาเข้าหลืบตามซอกบ้าน เราเลยตัดสินใจไปตามถนนใหญ่ 5555





จริงๆ เราก็เดินตามแผนที่อันนี้แหละ จนถึงถนนใหญ่ที่ขนานกับมิวเซี่ยม กูเกิ้ลมันจะมาไปทางลัดที่ไปโผล่หน้ามิวเซี่ยมเลย แต่เราไม่มั่นใจว่ามันจะไปได้ เลยตัดสินใจเดินย้อนไปที่สี่แยกไฟแดง แล้วเดินไปอีกสี่แยกจากนั้นเลี้ยวขวาก็ใกล้ถึงมิวเซี่ยมแล้ว

อีกอย่าง พนักงานบอกว่าตลอดทางจะมีสัญลักษณ์ เพื่อนก็คิดว่าคงเป็นพวกรูปปั้นหรืออะไรแบบนั้น แต่ตลอดทางที่เราเดิน ไม่เจอนะ เจอแต่ป้ายลูกศรบนถนน เขาหมายถึงอันนี้ แต่เพื่อนเราคิดใหญ่เกินไปหรือเปล่าไม่รู้ 5555





คลองน้ำใส ระหว่างทางเดินไปยังมิวเซี่ยม ชอบอ่ะ ธรรมชาติมาก แวะถ่ายรูปอยู่พักใหญ่ๆ เลย



ก่อนถึงมิวเซี่ยม มีร้านขายของมือสองด้วย ใครชอบพวกโมเดลหุ่นยนต์ ตัวต่อ ตุ๊กตา น่าจะชอบร้านนี้ (อยู่เลยสี่แยกไฟแดง ก่อนถึงมิวเซี่ยมประมาณ 200 ม.)


และแล้ว 15.50 น. เราก็เดินมาถึงมิวเซี่ยมตามเวลาที่กำหนดไว้ พอไปถึง เราก็ยื่นตั๋วให้เขาดู เจ้าหน้าที่เปิดประตูให้เข้าไปด้านใน ตอนนั้นมีนักท่องเที่ยวประมาณ 10 กว่าคนได้ ก่อนเข้าก็มีพนักงานหญิงออกมาอธิบายกฏกติกา มารยาทในการเข้าชม พูดญี่ปุ่นรัวๆ ใส่แบบไม่หายใจเลย ฟังไม่ออกแต่ก็เข้าใจ เพราะมีภาพประกอบบนจอทีวีให้ดู พอฟังจบก็เข้าไปแลกบัตรและรับเครื่องแปลภาษา

เจ๋งอ่ะ ชอบมากเลย เป็นเหมือนโทรศัพท์ มีปุ่มให้กด คือถ้าเราถึงจุดไหนแล้วอยากรู้ประวัติก็ให้กดหมายเลขแล้วฟัง เสียดายไม่ได้ถ่ายรูป เพราะด้านในที่โชว์ผลงานของ อ.คนเขียน เขาไม่ให้ถ่ายภาพ




ใบเล็กๆ เป็นตั๋วเข้าชมการ์ตูนค่ะ เป็นการ์ตูนสั้นๆ ประมาณ 10-15 นาที พูดญี่ปุ่นทั้งเรื่องแต่ก็เข้าใจนะ ดูแล้วก็สนุกดี





หลังจากดูประวัติและผลงานของคนวาดการ์ตูนเสร็จแล้ว เราก็ออกมาถ่ายรูปด้านนอกต่อ เล็กๆ นะคะ มีตุ๊กตาแค่ไม่กี่ตัวเอง








ไจแอนท์ขึ้นจากบ่อน้ำ ถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลย ตอนเราไป มีแค่ 2-3 กลุ่มเองที่ไปถ่ายรูป คนไม่เยอะค่ะ คงเพราะเป็นวันธรรมดาและช่วงเย็นแล้ว















ฟ้าด้านนอกจะครึ้มๆ หน่อย เพราะฝนใกล้ตก พอสัก 5 โมง เราก็เข้ามาด้านใน เพราะการ์ตูนจะฉาย 17.20 น.












คนเข้าชมมีประมาณ 20 กว่าคนค่ะ เป็นเรื่องราวที่ผสมตัวการ์ตูนจากหลายๆ เรื่องไว้ในเรื่องเดียวกัน

เรื่องที่เราดู ตัวเอกเป็นหุ่นยนต์ หน้าตาเหมือนหัวหอม ต้องไปซื้อของให้คุณแม่ ระหว่างทางก็เจอสิ่งยั่วพวกอาหาร ขนมจนเกือบไม่ได้ซื้อของหลายครั้ง พอซื้อเสร็จก็เจอเด็กหลงทาง ต้องพาไปส่งตำรวจ เดินชนกับเด็กจนทำไข่แตกทั้งแผง หุ่นยนต์เลยเอาไข่ของตัวเองให้แล้วไปซื้อใหม่ แต่กระเป๋าตังค์หาย ไจแอนท์เป็นคนเก็บได้ หุ่นยนต์นั่งร้องไห้ โนบิตะกับโดเรมอนมาเจอ เลยใช้เครื่องมือจับไจแอนท์ขึ้นมา ไจแอนท์ไม่ยอมให้ แม่โผล่มา ไจแอนท์เลยยอมคืน แต่ไม่ใช่แม่จริงๆ หรอก เป็นหุ่นยนต์ที่เคยช่วยไว้ปลอมตัวมาต่างหาก...จบ

ดูเสร็จก็แวะร้านของที่ระลึกนิดหน่อย แต่ไม่ได้ซื้ออะไรติดมือมา เพื่อนบอก สำเพ็งก็มี ...จบข่าว

 เดินดูของจนถึง 18.00 น. มิวเซี่ยมก็ได้เวลาปิด แต่ยังมีคนซื้อของอยู่นะคะ เราก็เดินออกมาด้านนอกเพื่อรอขึ้นรถต่อไปยังสถานี
Noborito ค่ารถ 210Y จ่ายตอนขึ้นนะคะ จ่ายให้กับคนขับรถเลย ตอนแรกเรางงมาก ก็เตรียมเงินไว้พร้อมแล้วล่ะ แล้วกลุ่มเราคือขึ้นไปก่อน ก็เตรียมจะหยอดเหรียญ แต่คนขับเอามือปิดช่องไว้ เราก็คิดว่าคงจ่ายตอนลง ก็เดินไปนั่ง แล้วเหมือนเขาก็เรียกไว้ คนที่รอขึ้นก็ขึ้นไม่ได้ ต้องรอให้กลุ่มเราจ่ายเงิน ก็งงๆ กันเล็กน้อย แล้วตอนนั้นฝนก็ลงเม็ดด้วย ...ขอโทษนักท่องเที่ยวที่ขึ้นต่อจากเราด้วยนะคะ Smiley จริงๆ ควรจะแบมือวางบนกล่องมากกว่านะ แต่เขาเล่นเอามือปิดกล่องแบบไม่ให้ใส่ก็คิดว่ายังไม่ต้องจ่ายน่ะสิ


นั่งรถบัสไปลงที่ Noborito ตอน 6 โมงนิดๆ เป็นช่วงเวลาที่พนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่กลับบ้านพอดี โอ้โห คนมหาศาลล้านแปด เดินกันน่ากลัวมาก 55555 เรากับเพื่อนต้องหลบฉากออกมาก่อน รอให้เริ่มซาๆ แล้วค่อยเดินตามเข้าไป

ขากลับก็ไปต่อรถไฟที่ 
Musashi-kosugi เดินไกลอีกแล้ว แถมยังต้องไปเดินแข่งกับประชากรญี่ปุ่นอีก เดินกันเร็วมาก ดีนะก่อนไปเที่ยว เราไปซ้อมวิ่งวันละ 8 กิโลมาแล้ว เลยเดินเร็วได้ 5555

จากนั้นเราก็ขึ้นสาย Shonan-shinjuku เพื่อไปลงที่ชินจูกุ สถานีใหญ่โตอลังวังเวอร์อีกแล้ว ตอนนั้นเราก็ปรึกษากับเพื่อนว่า พรุ่งนี้กับมะรืนจะไปไหนดี มีให้เลือก 2 ทางคือ ไปคาวาซุ แล้ววันสุดท้ายไปปราสาทมัตซึโมโต โดยเอากระเป๋ามาฝากที่นี่ แล้วนั่งไปนาริตะจากชินจูกุเลย หรือว่าพรุ่งนี้จะไปมัตซึและวันสุดท้ายไปคาวาซุ แต่ต้องรีบกลับนะ เพราะเดี๋ยวไม่ทันรถไฟเข้านาริตะ สรุปแล้วเพื่อนเลือกพรุ่งนี้ไปคาวาซุ และตัดมัตซึโมโตทิ้ง เปลี่ยนเป็นเดินเล่นที่โตเกียวแทน เพราะแลดูแล้วถ้าให้ลากกระเป๋าแล้วเที่ยวหนักๆ เวลากระชั้นคงไม่ไหว

เมื่อตกลงกันได้ เราก็ไปจองตั๋ว JR เพื่อไปคาวาซุ ได้ตั๋วจองมา 1 ใบคือ คือจากต้องรถ JR แบบไม่ต้องจองไปลงที่ Yokohama จากนั้นค่อยนั่งต่อนั่งไป Kawazu ด้วยรถ Ltd. exp super view รอบเวลา 9.24 ถึง 12.01

แต่กว่าจะหาที่จองตั๋ว JR ได้เนี่ย เล่นเอางงเลย ต้องเดินไปที่ช่อง JR ถึง 3 ช่องกว่าจะจองได้ ช่องแรก ออกตั๋วเป็นวันต่อวัน เขาบอกให้ไปอีกที เราก็เดินไป พอเจอก็เข้าไปถาม เขาบอกไม่รับจอง ต้องไปอีกฝั่ง  เดินหาตั้งนานกว่าจะเจอ

กว่าจะจองเสร็จก็เกือบ 2 ทุ่มเลย หิวๆๆ หาอะไรกินดีกว่า แต่หาอยู่นานไม่เจอเลย เจอแต่ร้านแพงๆ เลยตัดสินใจออกจากห้างแล้วไปเดินตามถนน ระหว่างนั้นก็หาร้านเพื่อช้อปไปด้วย ฝนก็ตก ร่มก็ไม่มี แต่ในที่สุดก็เจอร้าน

เป็นร้านอะไรไม่รู้ ราคาถูกดี แต่ซื้อยากมาก ลูกค้าต้องไปสั่งเองที่เครื่องแล้วเอาบิลให้พนักงาน แต่ดีหน่อยตรงที่เครื่องมีภาษาไทยด้วย แต่มีเมนูไม่กี่รายการเอง วุ่นวายรุมตู้อยู่พักใหญ่ พนักงานเลยออกมากดให้











กินร้อนๆ โอเคเลยนะ แต่ต้องปรุงรสเพิ่มนิดหน่อย เราใส่น้ำส้มสายชู กับอะไรไม่รู้ที่เป็นสีเหลืองๆ คล้ายๆ วาซาบิแต่ไม่ใช่ ฉีกใส่ไป 2-3 ซอง พอให้เผ็ดๆ เปรี้ยวๆ


พอท้องอิ่มก็เริ่มมีแรง ตอนแรกเพื่อนอยากไปร้านดองกี้เพราะมีบัตรส่วนลด แต่เราเช็กจากกูเกิ้ลแล้ว จากที่เราอยู่ไปร้านดองกี้ ต้องเดินไปประมาณ 15 นาที และฝนก็ตก เลยไม่ไปดีกว่า แต่ก็เจอร้านที่ถูกนะคะ ร้านใหญ่ด้วย free tax อีกต่างหาก เดินวนๆ เวียนๆ อยู่ในร้านรวม 2 ชม.  ของที่ซื้อส่วนใหญ่เป็นของที่เว็บแนะนำว่าต้องซื้อ เขาแนะนำ 15 รายการ เราซื้อไปแล้ว 9 รายการ





เราไม่ใช่ขาช้อป แต่จ่ายไป 15,450Y หมดตัว!!! เหลือติดกระเป๋า 5,000 กว่าเยน Smiley


ก่อนกลับแวะซื้อไข่หวานกลับไปกินก่อนนอน







พรุ่งนี้ลุยกันต่อ จะได้เจอซากุระแล้ว




 

Create Date : 13 มีนาคม 2559
0 comments
Last Update : 29 มิถุนายน 2559 15:05:49 น.
Counter : 941 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


latics1
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]











ผลงานเป็นรูปเล่ม


บ้านของหัวใจ
(โพรเจกต์หอมลมหวน)
ปาลินี พิมพ์คำสำนักพิมพ์
v
v



คือแสงแห่งใจ
ปาลินี สนพ.อรุณ
v
v



กลลวงบ่วงหัวใจ
รีชณัีฐ สนพ.ธราธร
v
v



แทนใจด้วยรัก
ปาลินี สนพ.อรุณ
v
v



จัดหัวใจให้ลงรัก
ปาลินี สนพ. อรุณ
v
v



ในดวงตามีความรัก
รีชณัฐ สนพ. กรีนมายด์
v
v



เมื่อหัวใจได้เจอรัก
รีชณัฐ สนพ. กรีนมายด์
v
v



ซ่อนรักลวงใจ
รีชณัฐ สนพ.โซฟา
v
v



สองหัวใจแห่งรัก
รีชณัฐ สนพ.ชูการ์เรน
v
v


Friends' blogs
[Add latics1's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.