dtredwing
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
11 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add dtredwing's blog to your web]
Links
 

 
.......ว่าด้วยบทสวดมนต์และคาถา..........

สวดมนต์ไปทำไม

สวดมนต์แล้วได้อะไร

คำตอบของคำถามพวกนี้หาอ่านได้ไม่น่าจะยากนะครับ ผมเคยเห็นในหนังสือของสมเด็จพระสังฆราช หลวงพ่อจรัญ ฯลฯ ผมเคยอ่านผ่านๆ บ้าง แต่....ไม่ได้สนใจศึกษาอย่างแท้จริง

เท่าที่เข้าใจและเอามาใช้เอง สิ่งที่ได้จากการสวดมนต์คือ

1. เป็นข้อวัตร = ทำให้เป็นกิจวัตรในแต่ละวัน...ถ้าสร้างนิสัยกันเวลาบางส่วนของชีวิตเพื่อ.....มาเคล้าเคลียกับพระพุทธศาสนา เช่น......... แต่ละวันจะตั้งใจสวดมนต์ เช้า/เย็น อย่างละ 15 นาที ...ถ้าตั้งใจตื่นเช้ามานั่งสมาธิแล้วผมมักจะหลับ ถ้าสวดมนต์แล้วจะหลับน้อยกว่านั่ง (สวดๆ ไปบางทีก็หลับได้...เหอะๆๆ เก่งมั๊ย)

2. สวดมนต์......อย่างน้อย.....จิตก็เป็นกุศล ไม่ได้คิดเปะปะ ไม่ได้คิดจะไปพยาบาทอาฆาตใคร สวดมนต์แล้วเคล้าเคลียอยู่กับบทสวดเป็น......สมาธิได้ง่ายหรือสวดก่อนนั่งสมาธิหรือเดินจงกรมจะรู้สึกสงบง่ายขึ้น

3. สวดมนต์แล้ว......รู้สึกตัวอยู่ที่บทสวดบ้าง เผลอไปคิดบ้าง เห็นร่างกายกำลังนั่งบ้าง เห็นปากกำลังขยับบ้าง

4. สวดมนต์เพื่อหวังบางอย่าง บทสวดมนต์หรือคาถาบางบท เค้าว่า.....มีอานุภาพบางอย่าง

5. คำแปลของบทสวดมนต์ สอนธรรมะเราได้หลายๆ อย่างเล่ามา 5 ข้อ 3 ข้อแรกมันตรงไปตรงมาและหลายๆ คนคงสะดุดข้อ 4 ที่สุด (รึเปล่า) งั้นเล่าข้อ 4 กับข้อ 5 ให้ฟังละกัน...เหอะๆๆ

ก่อนหน้านี้ไม่เคยสนใจเลยครับเรื่องพวกนี่ ถึงตอนนี้ก็ไม่ได้สนใจเท่าไร แต่.......ช่วงก่อนบวชและระหว่างบวชได้ยินและได้รับฟังมาเลยพอมีความรู้บ้างบางส่วนนานพอสมควร

เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง  
มีคนถามว่า....

คาถาชินบัญชรมีอานุภาพจริงหรือ

ผู้ตอบ......ตอบว่า คาถานี้ไม่ใช่คาถาที่มนุษย์เป็นผู้เขียนขึ้นมา สมเด็จพระอาจารย์โตไม่ได้เป็นผู้แต่ง แต่....เป็นผู้นำมาเรียบเรียงเพื่อให้สำนวนลงตัว จัดแต่งให้คาถามีอานุภาพมากขึ้น

คาถานี้เป็นคาถาที่อัญเชิญ……สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ......มาประทับที่แต่ละส่วน.....ของร่างกาย (ลองอ่านคำแปล...ดูละกันนะครับ) ถ้าทำอะไรก็ตามแล้วใช้คาถานี้โอกาสสำเร็จจะเพิ่มมากขึ้น แต่........ต้องระวังเป็นการเพิ่มมานะอัตตาให้ตัวเอง..

.ผู้ตอบแนะนำว่าบทสวดที่ควรใช้เป็นประจำ.... คือ “บทอิติปิโส” เพราะ.........เป็นบทสรรเสริญระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ

....ไม่ได้สวดเพื่อ...หวังผล....อย่างใด สวดแล้วจิตใจจะสงบร่มเย็นถ้าจะให้ไล่ประวัติคาถา อานุภาพบทสวดแต่ละบทเขียนทั้งปีคงไม่จบ

และเรื่องพวกนี้ก็มีอยู่ในหนังสือหลายๆ เล่ม (ซึ่งตัวผมเองก็ไม่ได้สนใจเท่าไร...เหอะๆๆ  เลยไม่เขียนละกัน)

ตอนต่อไปจะ...เล่าให้ฟังละกันว่า....ตอนอยู่วัด สวดบทไหนบ้าง


Create Date : 11 เมษายน 2554
Last Update : 11 เมษายน 2554 22:22:31 น. 4 comments
Counter : 1087 Pageviews.

 
อ่านไปอ่านมาแล้ว...2 บทความหลัง คำเฉพาะเยอะจังเลยครับ

บางทีก็...รู้สึกขี้เกียจ เขียนเหมือนกัน....เดี๋ยว ตอนหน้า

เอาเรื่องที่ไม่ค่อยมีศัพท์มาลงให้ละกัน เปลี่ยน บรรยากาศ

ทำวัตรเช้า/เย็น จะมีทุกวัน 1 เดือนแรกของช่วงเข้าพรรษาตอนประมาณตี 3.30 น. (จำได้ไม่ค่อยแม่นครับ...ถ้าคลาดเคลื่อน..ว่างๆจะมาแก้ให้อีกที) เพื่อให้พระใหม่คุ้นเคยกับการตื่นตี 3 ส่วนเวลาปกติจะไม่มีทำวัตรร่วม .....ยกเว้น.....วันพระที่จะมีทำวัตรเย็นตอน 1 ทุ่มตรง

ช่วงบวชบท.....ที่ใช้ก็มีบททำวัตรเช้า...ทำวัตรเย็นตามปกติ พ่วงด้วยบทพิจารณาอาการ 32 , พิจารณาอาหาร, บทชุมนุมเทวดา (7 ตำนาน) ....ทำวัตรเช้า/เย็น ผมเคยสวดแปลตอนก่อนบวชอยู่แล้ว

บทชุมนุมเทวดาก็สวดไปอย่างนั้น (สวดไม่ค่อยได้ด้วย)
บางทีสวดตามพระผู้ใหญ่ไม่ทัน หาในหนังสือบทสวดมนต์ก็ไม่เจอก็เลยประนมมือไปอย่างนั้น...เหอะๆๆ...... ก็มันไม่ทันจริงๆ ...บทพวกนี้ไม่มีแปลด้วยครับ เพราะ.....แค่ไม่แปลก็สวดไปเกือบ 40 นาทีแล้ว ช่วงต้นพรรษาก็เลยสวดไปอย่างนั้น ทำตามๆ เค้าไป

จนอยู่มาวันหนึ่ง.......ได้ยินพระใหม่ถามพระที่อยู่มานานว่าอาจารย์ใหญ่เน้นบทสวดไหนบ้าง
ท่านก็ว่ามี พาหุงฯ, ชินะบัญชร, กรณียเมตตสูตร, ขันธปริต ฯ ที่เหลือท่านก็ไม่ได้เน้นเท่าไร อืม...2 บทแรกก็คุ้นเคยอยู่ แม้จะท่องได้แค่ พาหุงฯ ก็ตาม

แต่......สองบทหลังนี่คืออะไรเอ่ย เลยถามท่านไป ท่านว่าก็อยู่ในชุมนุมเทวดาที่สวดกันอยู่ไง แหะ...ไม่เคยรู้เลย จนมีพระใหม่ท่านหนึ่งเอาหนังสือพระปริตร ....มาให้....... หนังสือเล่มนี้อธิบายที่มาที่ไปของแต่ละคาถาในชุมนุมเทวดา ไล่ให้ฟังคร่าวๆ ละกัน

เริ่มที่ ชุมนุมเทวดา (7 ตำนาน)

นมการสิทธิคาถา (ใช้สวดนมัสการพระรัตนตรัย)

นโมการัฏฐกคาถา

มงคลสูตร (สูตรว่าด้วยมงคล 38 ประการ ใช้สวดเพื่อเสริมสิริมงคลและจุดเทียนน้ำมนต์)
ขึ้น อะเสวะนา

รัตนสูตร (สูตรว่าด้วยการพรรณนาคุณของพระรัตนตรัย ใช้สวดเพื่อขับไล่เสนียดจัญไร ภูตผีปีศาจ โรคภัย ไข้เจ็บ)
ขึ้น ยังกิญจิ
จบก่อน ยะถิน
ขึ้นอีกทีที่ ขีณัง จนจบ

กรณียเมตตสูตร (สูตรว่าด้วยการเจริญเมตตาและอานุภาพแห่งเมตตา ใช้สวดเพื่อให้เทวดาเมตตารักใคร่)

ขันธปริตร (คาถาเจริญเมตตาแก่สัตว์มีพิษ ใช้สวดป้องกันสัตว์ร้ายทุกชนิด)

โมรปริตร (ใช้สวดเพื่อเป็นเกราะป้องกัน ทั้งกลางวันและกลางคืน)

อาฎานาฎิยปริตร (เป็นคาถาของเท้ากุเวร ใช้สวดเพื่อคุ้มครองตน
จากภูตผีปีศาจ และอำนาจชั่วร้าย)
จบก่อน นะโม เม สัพพะ

อังคุลิมาลปริตร (บทนี้ไม่ได้สวดที่วัดครับ.....แต่......เผื่อไว้ให้คนท้อง.....บทนี้ว่าด้วยสัจวาจาของพระองคุลิมาลเถระ นิยมสวดในงานแต่งงาน หรือทำน้ำมนต์ให้คนท้องดื่ม คลอดบุตรง่ายปลอดภัย)

โพชฌังคปริตร (ว่าด้วยคุณธรรมทำให้บรรลุธรรม 7 ประการ นิยมสวดให้ผู้ป่วยฟัง)

อภัยปริตร (บทสวดป้องกันอันตรายจากนิมิตร้าย ใช้สวดในงานมงคลทั่วไปหรือสวดก่อนนอนจะไม่ฝันร้าย)

จบที่......เทวตาอุยโยชนคาถา (อัญเชิญเทวดากลับ)



ถ้าใครอยากรู้เพิ่มเติมหาหนังสือเล่มที่แนะนำหรืออีกเล่มที่ครูบาท่านนั้นแนะนำ (แต่ผมก็ยังไม่ได้อ่าน...เหอะๆๆ) คือ 7 ตำนานและ 12 ตำนานพุทธมนต์ เขียนโดยสมเด็จพระสังฆราช ถ้าจำไม่ผิดหน้าปกสีน้ำเงิน เล่มนี้ไม่น่าจะหายาก

อย่างในข้อ 5 ที่ว่าคำแปลบทสวดมนต์สอนอะไรบางอย่าง ยกตัวอย่าง ปาฏิโมกข์ ตอนแรกรู้แค่ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำใจให้บริสุทธิ์ แต่จริงๆแล้วมี.....อีก....คือ.....
ขันตี คือความอดกลั้น เป็นธรรมเครื่องเผากิเลส
นิพพานเป็นธรรมอันยิ่ง
ผู้เบียดเบียนสัตว์อื่น ไม่ใช่บรรพชิตเลย
ผู้ทำสัตว์อื่นลำบากอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย
รู้ประมาณในการบริโภค
นอนนั่ง ในที่อันสงัด
หมั่นประกอบในการทำจิตให้ยิ่ง
ธรรมทั้ง 6 อย่างนี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย



โดย: redwing IP: 125.27.151.1 วันที่: 12 เมษายน 2554 เวลา:16:42:46 น.  

 
บางบทก็สวดไปเทียบกับตัวเองไป




กรณียเมตตสูตร 1
(หันทะ มะยัง กะระณียะเมตตะสุตตะคาถาโย ภะนามะเส)
กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ
ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ

กิจอันภิกษุ (ผู้บำเพ็ญสมณธรรมอยู่ในป่า) ผู้ฉลาดในประโยชน์ ใคร่จะบรรลุสันตบทอยู่เสมอพึงกระทำก็คือ

สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ
พึงเป็นผู้อาจหาญ เป็นคนตรง และเป็นคนซื่อ…..(เป็นบ้างไม่เป็นบ้าง)

สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี
เป็นผู้ว่าง่าย อ่อนโยน และไม่เย่อหยิ่ง….(บางทีก็ดื้อ และหยิ่ง)

สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ
เป็นผู้สันโดษ เป็นผู้เลี้ยงง่าย…..(ข้อนี้ผ่าน)

อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ
เป็นผู้มีกิจน้อย มีความประพฤติเบาพร้อม (คือไม่สะสม)....(กิจเพียบเลย....)

อ่านเทียบๆ...กับตัวเองดูครับ....ว่าเรามีอะไรบกพร่องบ้าง.....ตอนแรกตั้งใจว่าจะพิมพ์แค่นี้...แต่มีผู้หวังดีพิมพ์มาให้จนจบก็ลงไว้เผื่อใครจะเอาไปใช้สวดละกันนะครับ (อนุโมทนากับคนพิมพ์ด้วยครับ)

สันตินทริโย จะ นิปะโก จะ
มีอินทรีย์อันสงบระงับ มีปัญญารักษาตน

อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ
เป็นผู้ไม่คะนอง เป็นผู้ไม่พัวพันกับชาวบ้าน

นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ
เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง
ไม่พึงประพฤติในสิ่งที่เลวทรามใดๆ ที่เป็นเหตุให้คนอื่น ซึ่งเป็นผู้รู้ ติเตียนเอาได้

สุขิโน วาเขมิโนโหนตุ
สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
จงเจริญเมตตาจิตว่า ขอสัตว์ทั้งปวง จงเป็นผู้มีความสุขกายสุขใจ มีแต่ความเกษมสำราญเถิด

เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ
สัตว์มีชีวิตทั้งหลาย ทุกเหล่าหมดบรรดามี

ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา
ที่เป็นประเภทเคลื่อนไหวได้ก็ดี ประเภทอยู่กับที่ก็ดี


ทีฆา วา เย มะหันตา วา มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา
เป็นสัตว์มีขนาดลำตัวยาว ปานกลาง หรือสั้นก็ดี เป็นสัตว์มีลำตัวใหญ่ ปานกลาง หรือเล็กก็ดี เป็นชนิดมีลำตัวละเอียดหรือมีลำตัวหยาบก็ดี

ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา
เป้นจำพวกที่ได้เห็นแล้ว หรือไม่ได้เห็นก็ดี

เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร
เป็นผู้อยู่ในที่ไกล หรือในที่ใกล้ก็ดี

ภูตา วา สัมภะเวสี วา
เป็นผู้ที่เกิดแล้ว หรือกำลังแสวงหาที่เกิดอยู่ก็ดี

สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
ขอสัตว์ทั้งปวงนั้น จงเป็นผู้มีความสุขกายสุขใจเถิด

นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ
บุคคลไม่พึงข่มเหงกัน

นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นัง กิญจิ
ไม่พึงดูหมิ่นเหยียดหยามกัน ไม่ว่าในที่ไหนๆ

พยาโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา
นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ
ไม่พึงคิดก่อทุกข์ให้แก่กันและกัน เพราะความโกรธ และเพราะความคุ้มแค้น

มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข
มารดาถนอมบุตรคนเดียว ผู้เกิดในตน ด้วยการยอมสละชีวิตของตนแทน ฉันใด

เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
พึงเจริญเมตตาจิตอันกว้างใหญ่ อันหาประมาณมิได้ ในสัตว์ทั้งปวง แม้ฉันนั้นเถิด

เมตตัญจะ สัพพะโลกัสสิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง
พึงเจริญเมตตาจิตอันกว้างใหญ่ อันหาขอบเขตมิได้ อันไม่มีเวร ไม่มีศัตรูคู่ภัย ไปในสัตว์โลกทั้งสิ้น ทั้งในทิศเบื้องบน ในทิศเบื้องต่ำ และในทิศขวาง

ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา
สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ
ผู้เจริญเมตตาจิตอย่างนี้นั้น ปรารถนาจะตั้งสติในเมตตาฌาน ให้นานเพียงใด ท่านผู้นั้นจะอยู่ในอิริยาบถยืน เดิน นั่ง หรือนอนก็ตาม พึงเป็นผู้ปราศจากความท้อแท้

เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ
ก็จะตั้งสตินั้นไว้ได้นานเพียงนั้น

พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ
บัณฑิตทั้งหลาย กล่าวเมตตาวิหารธรรมนี้ว่าเป็นพรหมวิหารในพระศาสนานี้

ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา
บุคคลผู้นั้น ละความเห็นผิด คือ สักกายทิฐิเสียได้เป็นผู้มีศีล

ทัสสะเนนะ สัมปันโน
ถึงพร้อมแล้ว ด้วยญาณทัสนะ (คือการเห็นอริยสัจ 4 ด้วยญาณ ซึ่งเป็นองค์โสดาปัตติมรรค)

กาเมสุ วินเยยะ เคธัง
สามารถกำจัดความยินดี ในกามทั้งหลายเสียได้ (ด้วยอนาคามิมรรค)

นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติ.
ย่อมไม่ถึงซึ่งการนอนในครรภ์อีก โดยแท้ทีเดียวแล (คือไม่กลับมาเกิดอีก)
1 อ้างอิงหนังสือมนต์พิธีแปล รวบรวมโดย พระครูอรุณธรรมรังษี (เอี่ยม สิริวณฺโณ)

Note - เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ลูกศิษย์ถามอาจารย์ที่เป็นครูบาอาจารย์พระอภิญญาว่าท่านใช้คาถาบทไหนบ้าง ท่านบอกใช้อยู่บทเดียว ไม่ว่าจะแสดงฤทธิ์อะไรก็ใช้บทเดียว เพราะทุกอย่างมันสำคัญอยู่ที่จิต...เหอะๆๆๆ

- เคยได้ยินอีกอย่างนะครับ...จะให้บทสวดทรงอนุภาพ ตาม...สิ่งที่ต้องการจากคาถา...ผู้สวดจะต้องเป็นผู้ทรงณาน ....(สำหรับตัวเอง......สงสัยจะหวังอะไรไม่ได้...บางทีสมาธิ บ้านๆยังไม่มีเลยครับ)


โดย: dtredwing วันที่: 12 เมษายน 2554 เวลา:16:51:17 น.  

 
อนุโมทนาด้วยจ้ะ เราก็สวดมนต์เช้าเย็นเหมือนกัน ตอนแรกก็สวดมนต์ทำวัตรเช้า เย็น ตอนหลังยุ่งเกินเลยเหลือแค่บทบูชาพระรัตนตรัยกะพาหุงอ่ะ -_-"


โดย: สายเผลอ IP: 161.200.100.2 วันที่: 12 เมษายน 2554 เวลา:22:46:59 น.  

 
สวดมนต์เหมือนกันคะ สวดก่อนนอน


โดย: E.P. IP: 202.28.179.5 วันที่: 18 เมษายน 2554 เวลา:21:51:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.