"พวกเราหมอบไว้" เสียงใครคนหนึ่งตะโกนบอกแข่งกับเสียงกระสุนปืนที่แหวกอากาศมาเป็นระยะ ปัง!...ปัง!...ปัง!...
ร่างหนึ่งคลานออกมาจากจุดนั้น ไม่นานเสียงปืนก็กลืนหายไปในอากาศ พื้นดินบริเวณใกล้เคียงมีคนที่เป็นพวกเดียวกันกำลังคลานมารวมตัวตรงบริเวณโล่งๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่
"เราพักเอาแรงกันก่อน พวกมันคงไม่ตามมาแล้ว" เสียงใครคนหนึ่งบอกอย่างนั้นเมื่อทั้งหมดมารวมตัวกัน
ร่างที่อ่อนล้าเอนหลังนอนลงกับพื้นหญ้าที่ปูอยู่บนดินแข็งๆ เพื่อนคนอื่นในทีมต่างเอนหลังลงอย่างเดียวกัน มีบางคนที่อาสาเป็นยามคอยยืนดูบริเวณโดยรอบอยู่ไม่ไกล
สายตาหนึ่งมองไปยังท้องฟ้าที่ระยิบไปด้วยดาวก่อนจะปิดลงเพราะความอ่อนล้า แต่ยังไม่ทันที่สติจะเข้าภวังค์เสียงบางอย่างก็ดังขึ้น
"ตื๊อดื่อดือ...." โทรศัพท์ใครเนี่ย คนหนึ่งนึกในใจ
"ตื๊อดื่อดือ..." เสียงนั้นยังคงดังอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง
"โทรศัพท์ใครเนี่ยดังอย่างนี้เดี๋ยวพวกมันก็แห่มากันหรอก แต่เอ๊ะ...เสียงมันคุ้นๆ นะเนี่ย เฮ้ย! ของเรานี่หว่า...ว่าแล้วเชียว"
"ถึงเวลาแล้วเหรอเนี่ย" ร่างที่ลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความมืดควานมือไปตามที่มาของเสียง เมื่อเจอต้นเหตุแล้วจึงกดปุ่มปิดเสียงทันที
"เฮ้อ! ยังไม่อยากตื่นเลย กังลังมันเชียว" คิดพลางหลับตาตาแล้วเอาหัวซุกลงกับผ้าห่ม ออกอาการไม่อยากลุกจากที่นอน
"ไม่ได้นะ นอนต่อไม่ได้ เดี๋ยวสายหรอก" เสียงข้างในที่ตื่นแล้วตะโกนเตือนในหัว
"โอเคๆ" เจ้าของร่างยกหัวตัวเองจากผ้าห่มพร้อมตาที่เปิดมารับแสงของวันใหม่เพื่อพาตัวเองออกไปจากที่นอนอุ่นสบายนี้
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จพาหนะคู่ใจก็พาเจ้าของทะยานออกจากบ้าน เช้าวันจันทร์อย่างนี้รถราบนถนนยั้วเยี้ยต่างพากันตั้งหน้าไปสู่ปลายทางของแต่ละคน ปลายทางของใครคนนี้อยู่ตรงหน้า ป้ายสะท้อนเงาที่แว่นตาว่า "โรงพย" ก่อนจะหักเลี้ยวพาสองล้อและร่างตัวเองเข้าประตูสถานที่แห่งนั้น
เจ้าของร่างมานั่งอยู่หน้าห้องตามกระดาษที่ระบุวันเวลา ณ ขณะนั้น ยังไม่มีเจ้าหน้าที่มาเปิดประตูทั้งที่ถึงเวลาแล้ว "วันจันทร์อย่างนี้คงยังไม่อยากมาทำงานกันสินะ แล้วจะนัดให้มาแต่เช้าทำไมเนี่ย" เสียงข้างในดังประท้วง
บนที่นั่งรอหน้าห้องนั้นมีผู้ร่วมชะตาเดียวกันอยู่คนหนึ่ง แปลกแฮะที่วันนี้คนไม่เยอะอย่างครั้งที่แล้ว สักครู่ก็มีเจ้าหน้าที่มาเปิดประตูพร้อมรอยยิ้มตรงดิ่งมาที่คนสองคนนั้น พร้อมขอกระดาษในมือไปจัดการกับเอกสารในห้อง สักครู่เจ้าหน้าที่คนเดิมออกมาพร้อมรอยยิ้ม แล้วความก็เป็นดังคาด ที่คนคนนี้ต้องรอนานสักหน่อยเพราะเคยโทร.มาเลื่อนนัด แต่กลับมาตามนัดเดิม เจ้าหน้าที่จึงไม่ได้เตรียมเอกสารไว้ วันนี้ก็ต้องรอเอกสารจากห้องเก็บข้อมูลเอามาส่งทีหลัง-เข้าใจก็ยิ้มตอบเจ้าหน้าที่ไป
ระหว่างรอจึงหยิบเครื่องมือสื่อสารมาเปิดเกมนกยิงหมูเล่น ระหว่างนั้นก็มีผู้ร่วมชะตามาเรื่อยๆ แต่จำนวนก็ยังไม่มากเท่าครั้งที่เคยมาล่าสุด เมื่อเห็นมีคนสักจำนวนหนึ่งจึงย้ายตัวเองเข้าไปในห้องที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำแทน
คนแล้วคนเล่าผ่านไปจนครบคนที่มารอ แต่แฟ้มข้อมูลคนที่รอก็ยังมาไม่ถึง เจ้าหน้าที่จึงเรียกชื่อไปก่อนแล้วบันทึกข้อมูลจากการสนทนาไว้ในกระดาษสำรอง รอยยิ้มแปะหน้าทั้งเจ้าหน้าที่และคนถูกถาม ระยิบที่ดวงตาเป็นประกายที่ไม่เหมือนเดิม
หลังจากการพูดคุยเบื้องต้นผ่านไปก็ต้องมานั่งรออีกครั้ง เกมที่เล่นดำเนินมาถึงด่านสุดท้าย แต่กระดาษปึกหนึ่งที่รอก็ยังเดินทางมาไม่ถึง รอ...คือสิ่งที่ต้องทำต่อไป
แต่ไม่นานอยู่ๆ ปึกกระดาษที่รอก็มาอยู่ในมือเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง แล้วถูกส่งต่อให้ผู้ชี้ทาง
ผู้ชี้ทางที่หนึ่ง : เป็นอย่างไรบ้างวันนี้ (ถามพร้อมรอยยิ้มและเอียงคอเล็กน้อยรอคำตอบ)
ผู้ตอบ : (รอยยิ้มมาก่อนคำพูด) ก็ไม่มีอะไร รู้สึกไม่มีอะไรให้คิดแล้ว
ผู้ชี้ทางที่หนึ่ง : ดีเลย คุณดูสดใสขึ้นมาก รู้ไหมว่าแตกต่างจากวันที่คุณมาครั้งแรกเลย ครั้งแรกที่มาคุณไม่ยิ้มเลย แต่วันนี้คุณยิ้มได้แล้ว ดีใจด้วยนะที่คุณอยู่กับมันได้แล้ว
ผู้ตอบ : (ยิ้มก่อนตอบ) จะว่ายอมรับได้แล้วก็ไม่เชิง แต่มันไม่มีอะไรให้คิดแล้ว คิดว่าคงเป็นเพราะยาที่ไปปรับให้ไม่คิดอะไรแล้ว มันแตกต่างกับตอนแรกจริงๆ แปลกที่ยาทำให้เป็นอย่างนี้ได้ (ตาเป็นประกายวิบๆ)
ผู้ชี้ทางที่หนึ่ง : มันก็ควบคู่กันไป แต่คุณดูสดใสมากขึ้นอย่างนี้ได้ก็มีแนวโน้มไปในทางที่ดี ดีใจด้วยจริงๆ
ผู้ตอบ : แล้วต้องกินยาไปอีกนานเท่าไร มันจะกลับมาอีกไหม
ผู้ชี้ทางที่หนึ่ง : ก็ต้องกินยาไปอีกสักระยะแล้วจะประเมินว่าต้องลดยาเมื่อไรแล้วก็ดูไปเรื่อยๆ ว่าจะหยุดยาได้หรือยัง แล้วมีอะไรที่ยังกังวลอยู่ไหม
ผู้ตอบ : ตอนนี้กำลังไปสมัครงาน คิดจะกลับมาทำงานอีกครั้ง แต่กลัว...กลัวจะสูญเสียอิสระที่เคยมี
ผู้ชี้ทางที่หนึ่ง : อย่าเพิ่งไปกังวลเลย คิดเสียว่าเราจะได้ไปเจอเพื่อนใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ และเรื่องสนุกๆ ที่รออยู่ข้างหน้า อิสระมันไม่ได้หายไปหรอก แต่เราจะเจออีกด้าน ถ้าอยากพักวันหยุดวันลาก็มี นะ...ลองให้โอกาสตัวเองดู
ผู้ตอบ : นั่นสินะ (รอยยิ้มพร้อมประกายตาสดใสประทับเต็มใบหน้า)
ผู้ชี้ทางที่หนึ่ง : งั้นเชิญห้องถัดไปเลยนะ
ผู้ชี้ทางที่สอง : เป็นยังไงวันนี้มีอะไรจะเล่า
ผู้ตอบ : ขอโทษด้วยที่ไม่ได้มาตามนัดครั้งที่แล้ว พอดีไปสร้างบ้านดินมา แหะๆ ^_^
ผู้ชี้ทางที่สอง : ไม่เป็นไร แล้วสนุกไหมทำบ้านดินน่ะ
ผู้ตอบ : ก็สนุก แต่เหนื่อย ได้ไปใช้ชีวิตอีกแบบ อยู่กับธรรมชาติก็สนุกดี แต่ไม่รู้ว่าจะเอามาใช้ได้จริงหรือเปล่า
ผู้ชี้ทางที่สอง : ก็ค่อยๆ ทำไปเนาะ...ดูหน้าตาสดใสนะ อยู่กับมันได้แล้วสิ
ผู้ตอบ : ก็ไม่เชิง แค่ไม่รู้สึกว่าต้องคิดอะไรแล้ว คงเป็นเพราะยามั้ง
ผู้ชี้ทางที่สอง : ยาเป็นส่วนหนึ่ง อีกครึ่งมาจากคุณเองนะ
ผู้ตอบ : แล้วอย่างนี้จะสูญเสียตัวตนเดิมไปหรือเปล่า (แววตากังวลนิดๆ)
ผู้ชี้ทางที่สอง : ไม่หรอก ตัวตนเดิมก็ยังอยู่ แต่เราจะพบอีกด้านที่เรายังไม่ได้พบมัน อีกด้านที่สดใสของเราไง
ผู้ตอบ : อืม...กลัวว่าอะไรที่เคยมีจะหายไป ยังไงก็ยังพอใจกับสิ่งที่เคยเป็นอยู่
ผู้ชี้ทางที่สอง : ไม่มีอะไรหายไปหรอก ลองมองดูดีๆ ด้านเดิมก็ยังอยู่ แต่เราจะเห็นอีกด้านชัดขึ้น ด้านที่จะทำให้สดใสขึ้น
ผู้ตอบ : หวังว่ามันจะนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า (แววตาประกายมีความหวัง)
ผู้ชี้ทางที่สอง : งั้นก็เอายาไปกินต่อเนาะ
ผู้ตอบ : ^__^ (พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเป็นคำตอบ)
สายลมเย็นปะทะใบหน้าที่มีรอยยิ้มประดับ รอยยิ้มที่ต้องถามตัวเองกลับไปว่า มันมาจากสารเคมีของยาที่เข้าสู่ร่างกาย หรือเพราะเวลาที่ช่วยให้ทุกอย่างตกตะกอน หรือเพราะใจที่ยอมรับและเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น หรืออะไรก็ตามแต่ ณ วันนี้มีรอยยิ้มแบบนี้ได้ก็ดีแล้ว หากว่าเมื่อไรที่รอยยิ้มแบบนี้หายไปนั่นก็คงหมายความว่า-ไม่รู้สิ...เมื่อถึงวันนั้นคำตอบจะปรากฏเอง