แฟนฟิคชั่น : กระบี่สะท้านฟ้า ราชาสะท้านแผ่นดิน (The Hero & The King)
Group Blog
 
 
กันยายน 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
17 กันยายน 2555
 
All Blogs
 

กระบี่สะท้านฟ้าฯ ตอนที่ 32.2 แผนการณ์พลิกฟ้า (2)

ณ พระตำหนักไทเฮา

คนของอ๋าวป้ายบุกเข้ามาจับตัวไทเฮาและฮองเฮา องครักษ์จั๋วคนเดียวรับมือคนของอ๋าวป้ายไม่ไหว ทั้งหมดจึงถูกจับกุม
“คนทรยศเจ้าจะพาพวกเราไปไหน!!!” ไทเฮาตรัสด้วยเสียงแข็ง
“อย่าทำปากดีไปหน่อยเลย ท่านแอบส่งข่าวถึงพวกแม่ทัพให้วุ่น นึกหรือว่าท่านเสนาฯ ไม่รู้ อยู่ในพระตำหนักดีๆ ไม่ชอบ ลนหาที่เอง ตอนนี้ท่านเสนาฯ มีคำสั่งให้คุมตัวท่านไปอยู่คุกใต้ดิน ดูซิต่อไปจะมีปัญญาติดต่อใครได้อีก ฮ่าๆๆ” หันจุ้นหัวเราะเสียงดัง ว่าแล้วมันก็คุมตัวไทเฮา ฮองเฮา องครักษ์จั๋วและนางกำนัลทั้งหมดออกจากพระตำหนักไปคุกใต้ดิน

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

ณ คุกใต้ดิน

เส่เยี่ยแอบเก็บตะเกียบไม้มาเหลากับหินจนเกิดปลายแหลม สามารถใช้เป็นอาวุธได้ เมื่อหญิงสาวได้ขึ้นเสียงคนกำลังเดินมาทางนาง นางจึงเอาไม้ซ่อนไว้ใต้กองฟางที่พื้น แล้วนั่งตามปกติ พอเงยหน้าขึ้นไปก็พบว่าหันจุ้นพาตัวไทเฮา ฮองเฮาฟางเอ๋อ องครักษ์จั๋วและนางกำนัล เข้ามาในห้องขังของนาง เส่เยี่ยเห็นเช่นนั้นก็มีสีหน้าแปลกใจ
“อยู่ในนี้ ทำตัวดีๆ บางทีท่านเสนาฯ อาจจะใจดีไว้ชิวิตพวกเจ้าก็ได้ ฮ่าๆๆ” หันจุ้นพูดจบก็เดินหัวเราะออกไป เส่เยี่ยเห็นหันจุ้นออกไปแล้ว จึงรีบวิ่งเข้ามาหาไทเฮา
“เกิดอะไรขึ้นเพคะไทเฮา” ไทเฮาพอเงยหน้าขึ้นมาเห็นเส่เยี่ยก็ไม่อาจจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้
“อ๋าวป้าย อ๋าวป้ายมันคิดกบฎ” ไทเฮาพูดจบก็เช็ดน้ำตา เส่เยี่ยคิ้วขมวดด้วยความสงสัย หญิงสาวมองไปที่องครักษ์จั๋วแล้วก็ถามถึงฮ่องเต้
“องครักษ์จั๋วแล้วฮ่องเต้หล่ะ” พอได้ยินคำว่าฮ่องเต้ ไทเฮาก็สะอื้นเบาๆ คนเป็นแม่ซับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาด้วยความรักและคิดถึงบุตรชาย ฮองเฮาเดินเข้ามาจับมือไทเฮาเพื่อเป็นการปลอบนาง
“ฝ่าบาทสิ้นแล้วแม่นางเส่เยี่ย” ฮองเฮาพูดกับเส่เยี่ย ตอนนี้น้ำตาของนางก็ไหลออกมาเหมือนกัน เส่เยี่ยได้ยินเช่นั้นก็อึ้งไปชั่วขณะ
“อะไรนะ เป็นไปไม่ได้ นี่อ๋าวป้ายปลงพระชนม์ฝ่าบาทงั้นหรือ” เส่เยี่ยแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“คนที่ลงมือไม่ใช่อ๋าวป้ายหรอก แต่เป็นกบฎเหลียนอิ๋นที่ชื่อชีเส้าเฟย” ฮองเฮากล่าว เส่เยี่ยได้ยินชื่อของชีเส้าเฟยก็ตาโตด้วยความตกใจ
“ฮองเฮาว่าอย่างไรนะเพคะ ชีเส้าเฟยเป็นคนฆ่าฮ่องเต้?” เส่เยี่ยจับไหล่ทั้งสองข้างของฮองเฮาเพื่อถามความจริง
“อืม อ๋าวป้ายว่าเช่นนั้น พวกเขาประมือกัน ฮ่องเต้สู้ไม่ได้จึงเสียทีให้ชีเส้าเฟย อ๋าวป้ายบอกว่ามันตามไปช่วยฮ่องเต้ไม่ทัน พอไปถึงฮ่องเต้ก็สวรรคตแล้ว...” ฟางเอ๋อเล่าจบก็ร้องไห้ เส่เยี่ยยังคงคิ้วขมวดด้วยความไม่เชื่อ
“ฮองเฮาเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่กัน”
“สิบกว่าวันที่แล้ว” ฮองเฮาตอบ
“เป็นไปไม่ได้” เส่เยี่ยคิด ประการแรก นางเชื่อว่าชีเส้าเฟยไม่อาจลงมือฆ่าฮ่องเต้ได้ ยิ่งเขารู้ว่าฮ่องเต้เป็นพี่น้องกับเขาแล้ว เขายิ่งไม่น่ากล้าลงมือ ประการที่สอง เมื่อสิบวันที่แล้ว เป็นวันที่นางได้พบกับฮ่องเต้ที่หมู่บ้านหลิว คำนวนเหตุการณ์ดูแล้ว เรื่องที่อ๋าวป้ายเล่าไม่สมความจริงเสียเลย ฮ่องเต้ไม่ได้ประมือกับชีเส้าเฟย แต่เป็นองครักษ์เหอต่างหากที่ประมือกับเขา หนำซ้ำคนที่เสียทีก็ไม่ใช่ฮ่องเต้ด้วย แต่เป็นชีเส้าเฟยที่ถูกมีดสั้นของฮ่องเต้จนบาดเจ็บ อีกอย่างตอนที่อ๋าวป้ายปรากฏตัวนั้น ชีเส้าเฟยจับตัวฮ่องเต้ไปก็จริง แต่เขาไม่ได้ทำอะไร ดูไปแล้ว อ๋าวป้ายน่าจะแต่งเรื่องขึ้น อ๋าวป้ายใส่ความชีเส้าเฟยเช่นนี้ ก็คงเพื่อจะหลอกให้วังหลวงสั่นคลอนและถือโอกาสนี้เข้ายึดอำนาจมากกว่า
“ไทเฮา ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันคิดว่าตอนนี้ฝ่าบาทยังทรงปลอดภัย ไม่น่าจะเป็นอย่างที่อ๋าวป้ายว่า” เส่เยี่ยกล่าว
“เส่เยี่ย เจ้ารู้ได้อย่างไร” ไทเฮาได้ยินเช่นนั้น แม้จะไม่เชื่อในทันทีแต่ก็เกิดมีความหวังขึ้นมา
“เพราะเมื่อสิบวันก่อน หม่อมฉันได้พบกับฝ่าบาทเพคะ จริงอยู่ชีเส้าเฟยก็อยู่ด้วย แต่เขาไม่ได้ทำร้ายฝ่าบาท เพียงแค่จับพระองค์ไว้เท่านั้น ส่วนหม่อมฉันก็ถูกอ๋าวป้ายจับมาขังไว้ที่นี่” เส่เยี่ยอธิบาย
“จริงหรือเส่เยี่ย เจ้าได้พบฮ่องเต้จริงๆ งั้นหรือ” ไทเฮาถามด้วยความหวัง
“เพคะ ตอนนั้นฝ่าบาททรงปลอดภัย ไม่ได้ถูกทำร้ายอย่างที่อ๋าวป้ายว่า” เส่เยี่ยตอบ
“แต่เจ้าบอกว่าชีเส้าเฟยจับตัวฮ่องเต้ไป แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าป่านนี้แล้วมันจะไม่ทำอะไรฝ่าบาท” เส่เยี่ยได้ยินคำถามนี้ก็มีท่าทีอึกอัก ก็ชีเส้าเฟยกับฮ่องเต้เป็นพี่น้องกัน นางจะบอกเรื่องนี้กับไทเฮาอย่างไรดี
“ว่ายังไงแม่นางเส่เยี่ย” ไทเฮาเห็นหญิงสาวเงียบก็คาดคั้นคำตอบจากนาง เส่เยี่ยมองหน้าไทเฮาแล้วก็คิดหนัก
“เรื่องนี้... หม่อมฉันขอพูดกับไทเฮาเพียงลำพังได้หรือไม่เพคะ” ไทเฮาพอได้ยินเช่นนั้น ก็เกิดความสงสัย นางหันไปมองหน้าฮองเฮาและองครักษ์จั๋ว แล้วก็หันมาพยักหน้าให้เส่เยี่ย คนอื่นๆ จึงถอยไปนั่งอีกด้านหนึ่งของห้องขัง เหลือเพียงไทเฮากับเส่เยี่ยคุยกันเพียงสองคน
“แม่นางเส่เยี่ย นี่มันเรื่องอะไรกันแน่” ไทเฮาถาม
“ไทเฮา หม่อมฉันมีเรื่องหนึ่งจะถามพระองค์เพคะ” เส่เยี่ยพยายามรวบรวมความกล้าที่จะเปิดอกพูดเรื่องนี้กับไทเฮา
“เรื่องอะไรงั้นหรือ” ไทเฮามีสีหน้าสงสัย
“ฝ่าบาททรงมีพี่ชายใช่ไหมเพคะ” ไทเฮาได้ยินเช่นนั้น ก็อึ้งกับคำถามไปครู่หนึ่ง นางทำหน้าไม่เข้าใจคำถามของเส่เยี่ย
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“หากหม่อมฉันจะบอกว่าชีเส้าเฟยคือองค์ชายใหญ่ เป็นพี่ชายของฝ่าบาท จะทรงเชื่อหม่อมฉันไหมเพคะ” ไทเฮาได้ยินเช่นนั้น ตาก็ลุกโพรง นางยกมือขึ้นมาปิดปากไว้
“เรื่องที่ทั้งคู่ต้องแยกจากกัน หม่อมฉันไม่รู้ว่าเป็นมาอย่างไร แต่ความจริงก็คือชีเส้าเฟยมีหยกหักอยู่อันหนึ่ง หยกอันนี้หากนำมาต่อกับของฝ่าบาทแล้วจะพบว่าเป็นอันเดียวกัน” เส่เยี่ยพยายามอธิบายอย่างใจเย็น ฝ่ายไทเฮาได้ยินเช่นนี้ก็เริ่มมีน้ำตาคลอๆ นางยังคงไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน
“นี่เขายังมีชีวิตอยู่หรือ...” ไทเฮาถามอย่างอึกอัก

"ไทเฮา แสดงว่าเรื่ององค์ชายใหญ่เป็นความจริงใช่ไหมเพคะ” เส่เยี่ยถาม ไทเฮาน้ำตาซึมแล้วก็พยักหน้าให้เส่เยี่ย หญิงสาวได้ยินแล้วจะว่าโล่งอกก็ไม่เชิง
“เส่เยี่ย แล้วเจ้าแน่ใจได้อย่างไร ว่าเป็นเขา (หมายถึงชีเส้าเฟย) แค่เรื่องหยกไม่อาจพิสูจน์ได้หรอกนะ” ไทเฮากล่าว
“หากไทเฮาทรงได้เห็นหน้าตาของชีเส้าเฟยแล้วหล่ะก็ จะไม่มีคำถามนี้ พวกเขาสองคนหน้าตาเหมือนกันจนแยกไม่ออกเลยเพคะ” หญิงสาวอธิบาย
“เขาเหมือนคังซื่อมากเลยงั้นหรือ” ไทเฮาถาม
“เพคะ” หญิงสาวพยักหน้ารับ
“แล้วเขาสบายดีไหม เจ้าสนิทกับเขาหรือ เขาเป็นโจรเหมือนกับที่ใครๆ พูดกันหรือเปล่า” ไทเฮาพอได้รู้เรื่องลูกชายคนโต ก็ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไทเฮาทรงสบายพระทัยได้เพคะ ชีเส้าเฟยเป็นจอมยุทธที่สง่าผ่าเผย เป็นที่รักของชาวบ้าน ค่ายเหลียนอิ๋นของเขาต่อต้านต้าเหลียวอยู่ที่ชายแดน เพราะพวกเขาปล้นขุนนางกังฉิน นำเงินมาช่วยเหลือคนจน ทำให้พวกขุนนางชั่วโกรธแค้น จึงได้ใส่ร้ายว่าเขาเป็นกบฏเพคะ”
“ที่เจ้าเล่ามาเป็นความจริงงั้นหรือเส่เยี่ย”
“หม่อมฉันรับรองด้วยชีวิต ชีเส้าเฟยเป็นคนดีที่สุดที่หม่อมฉันเคยรู้จักมาเพคะ” เส่เยี่ยกล่าวอย่างมั่นใจ ไทเฮาแม้ร้องไห้อยู่ก็พอจะยิ้มออกได้ ไม่นึกว่านางไม่เพียงไม่สูญเสียฮ่องเต้ไป แต่ยังได้ลูกชายอีกคนหนึ่งกลับมาด้วย
“แล้วเจ้ารู้เรื่องราวทั้งหมดนี้ได้อย่างไร” ไทเฮาสงสัยว่าทำไมเส่เยี่ยถึงได้รู้เรื่องชีเส้าเฟยกับฮ่องเต้ได้ เส่เยี่ยจึงได้เล่าเรื่องที่นางได้หยกของชีเส้าเฟยมา และเรื่องที่ฮ่องเต้บังเอิญทำหยกของเขาหล่นไว้ที่ห้องนาง จากนั้นนางก็เล่าเรื่องที่นางพบกับหญิงชราที่หอเทียนไต้ให้ไทเฮาฟัง ไทเฮาได้ฟังแล้วก็ร้องไห้ นางโผเข้ากอดเส่เยี่ย ไม่นึกเลยว่าลูกชายของนางอีกคนจะยังมีชีวิตอยู่จริง
“แล้วพวกเขา... (หมายถึงฮ่องเต้กับชีเส้าเฟย) รู้เรื่องพวกนี้รึเปล่า...” ไทเฮาถาม
“เดิมทีหม่อมฉันก็ไม่อยากจะบอกเรื่องนี้กับเขาหรอกเพคะ แต่เพราะฮ่องเต้ทรงเข้าพระทัยผิด จะจับกุมชีเส้าเฟยให้ได้หม่อมฉันจึงจำต้องเล่าความจริงให้พวกเขาฟัง” เส่เยี่ยตอบ
“อย่างนั้นก็แปลว่าตอนนี้ ฮ่องเต้ปลอดภัย อ๋าวป้ายแต่งเรื่องนี้ขึ้นเพื่อหลอกเรา และฉวยโอกาสยึดครองอำนาจงั้นสิ”
“หม่อมฉันคิดเช่นนั้นเพคะ” หญิงสาวพยักหน้า
“ข้าอยากพบพวกเขาทั้งสองคนเหลือเกิน” ไทเฮามองไปรอบๆ ห้องขัง แม้ตอนนี้นางจะรู้ว่าองค์ชายทั้งสองคนปลอดภัย แต่นางถูกขังไว้ที่นี่ อาจจะไม่มีโอกาสได้พบกับพวกเขาอีก
“ไทเฮาทรงพระทัยเย็นไว้นะเพคะ หม่อมฉันว่าตอนนี้ถ้าทั้งสองรู้เรื่องที่อ๋าวป้ายคิดก่อการกบฏ อาจจะกำลังหาทางช่วยเหลือพวกเราอยู่ก็ได้” เส่เยี่ยกุมมือของไทเฮาเพื่อปลอบใจนาง ไทเฮารู้สึกผิดกับเส่เยี่ยที่ก่อนหน้านี้เคยกีดกันหญิงสาวกับฮ่องเต้ ความจริงเส่เยี่ยเป็นคนที่จิตใจดีมาก น่าเสียดายที่นางเป็นแค่หญิงสาวชาวบ้าน จึงไม่อาจแต่งงานกับฮ่องเต้ได้ แต่หากสามารถหลุดพ้นไปจากห้องขังแห่งนี้ได้ แม้จะต้องฝ่าฝืนกฎมณเทียรบาล นางจะยอมตามใจคังซื่อดูสักครั้ง...

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

ณ ค่ายเม่ทัพหลินเซียง

ตอนนี้ทหารกว่าห้าพันคนของแม่ทัพหลินเซียงรวมกับคนของค่ายเหลียนอิ๋นอีกหลายร้อย รวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว พวกเขาออกเดินทางจากค่ายแม่ทัพหลินเซียงมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง ฝ่ายค่ายแม่ทัพหลินเซียงนำโดยแม่ทัพหลินเซียงและหลินชงบุตรชาย ฝ่ายค่ายเหลียนอิ๋นนำโดยชีเส้าเฟย กงซุนเช่อ อ้อมหมิงเจิ้ง และลู่เสี่ยวฟง

ค่ำคืนหนึ่งระหว่างเดินทาง

คังซื่อนอนไม่หลับจึงออกมาเดินเล่นนอกกระโจมโดยไม่มีผู้ติดตาม ทันใดนั้นสายตาก็พลันไปเห็นชีเส้าเฟยนั่งเงยหน้ามองฟ้าอยู่คนเดียว คังซื่อแอบมองเขาอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเข้าไปคุยด้วย
“ท่านก็นอนไม่หลับหรือ” คังซื่อทัก ชีเส้าเฟยหันมามองเขาแล้วก็ไม่ตอบอะไร
“บอกได้ไหมว่าโกรธเราเรื่องอะไร เพราะเรื่องเส่เยี่ย หรือเพราะเรื่องที่เราต้องมาเป็นพี่น้องกัน” คังซื่อเปิดใจถามอีกฝ่าย
“ไม่ใช่ทั้งสองเรื่องนั่นแหละ” ชีเส้าเฟยส่ายหน้า
“ถ้างั้นท่านไม่ชอบเราเพราะอะไรหล่ะ” คังซื่อซักต่อ
“ข้าไม่ชอบท่านเพราะท่านเคยสั่งให้คนไปฆ่าล้างหมู่บ้านที่ค่ายเหลียนอิ๋น ไม่เว้นแม้แต่เด็กและคนแก่” ชีเส้าเฟยพูดโดยไม่มองหน้าคังซื่อ ถึงจะสายเลือดเดียวกัน แต่หลังจากจบเรื่องพวกนี้แล้ว ยังไงเขาก็ต้องคิดบัญชีนี้กับฮ่องเต้แน่
“ว่าไงนะ มีเรื่องแบบนั้นด้วยหรือ” คังซื่อร้องเสียงหลง ท่าทางเขาไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน
“ท่านไม่รู้งั้นหรือ ตอนนั้นท่านมีราชโองการให้หันจุ้นมาจับพี่น้องข้าที่ค่ายเหลียนอิ๋น หากข้าไม่ยอมมอบตัว พวกท่านก็จะฆ่าคนในหมู่บ้านทุกๆ ชั่วยาม” ชีเส้าเฟยช่วยพูดรำลึกเหตุการณ์ให้
“เหลวไหล เราเป็นฮ่องเต้ เรื่องทำร้ายราษฏรแบบนั้น เราจะทำได้อย่างไร” คังซื่อคิ้วขมวด ถึงเขาจะไม่ใช่ฮ่องเต้ที่ประชาชนรัก แต่เรื่องชั่วร้ายแบบนั้น เขาไม่มีวันทำแน่
“ถ้าท่านไม่ได้สั่งแล้วใครสั่งงั้นหล่ะ” ชีเส้าเฟยถามเสียงแข็ง
“ตอนนั้น อ๋าวป้ายมีหลักฐานพร้อมมูลว่าท่านกับค่ายเหลี๋ยนอิ๋นปล้นคลังหลวง เรามิอาจหลีกเหลี่ยงคำสั่งให้จับท่านได้ แต่เรามีราชโองการให้เขาจับกุมท่านเพื่อมาไต่สวนเท่านั้น เรื่องอื่นๆ เราไม่ได้สั่ง เราไม่เคยสั่งให้ใครฆ่าใคร” คังซื่อเองก็เสียงแข็งใส่ชีเส้าเฟย เขาไม่พอใจที่อีกฝ่ายโทษเขา โดยไม่ได้ถาม
“เป็นความจริงงั้นหรือ” ชีเส้าเฟยได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มลังเล ความจริงฮ่องเต้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องโกหกเขา และก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หากคนชั่วอย่างอ๋าวป้าย จะเอาราชโองการของมาบังหน้าในการทำร้ายคนเช่นนี้
“เราเป็นฮ่องเต้ พูดคำไหนก็คือคำนั้น” คังซื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้ทำเรื่องชั่วร้ายนี่แน่นอน
“ในเมื่อท่านเป็นฮ่องเต้ แล้วทำไมปล่อยให้กังฉินใช้อำนาจในทางมิชอบเช่นนี้”
“ท่านจะไปรู้อะไร ฮ่องเต้อย่างเราก็เป็นเพียงแค่หุ่นเชิดเท่านั้น หาได้มีอำนาจในราชสำนักไม่ ตอนขึ้นครองราชย์เราเองก็ยังเด็ก อดีตฮ่องเต้ทรงมอบงานราชกิจทั้งหมดให้สี่เสนาฯ ดูแล วันนี้อ๋าวป้ายเป็นใหญ่ คุมทั้งอำนาจบริหารและการทหาร เราแทบไม่มีบทบาทอะไรในราชสำนักเลย” คนพูดๆ ด้วยน้ำเสียงตัดพ้อในโชคชะตาของตนเอง
“ไม่นึกว่าเป็นฮ่องเต้ก็ไม่ได้สุขสบายนัก” ชีเส้าเฟยกล่าว เมื่อก่อรเขาเคยคิดว่าฮ่องเต้คงจะอยู่อย่างสุขสบายในวังหลวง ไม่สนใจความลำบากของราษฎร
“ความจริงเรายังนึกอิจฉาจอมยุทธอิสระอย่างพวกท่าน วันๆ อยากไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องมีใครมาบงการชีวิต”
“ท่านพูดเหมือนไม่อยากเป็นฮ่องเต้อย่างนั้นแหละ” ความจริงคังซื่อก็คิดเช่นนั้น เพราะคำว่าฮ่องเต้ ทำให้เขาสูญเสียคนรักไปถึงสองคน เป็นฮ่องเต้แล้วดียังไง แม้แต่ชีวิตตัวเองยังกำหนดไม่ได้เลย
“ว่าแต่ท่านเถอะ ทำไมถึงได้มาเป็นโจรอยู่ชายแดน” ชายหนุ่มไม่อยากตอบคำถามนี้ จึงเปลี่ยนไปถามชีเส้าเฟยแทน
“ข้าเติบโตมาในค่ายแม่ทัพหลิน ความรักชาติจึงอยู่ในสายเลือด พอมีวรยุทธเล็กน้อยก็ออกมาท่องยุทธภพ ต่อมาได้พบพี่น้องที่อุดมการณ์ตรงกัน จึงได้ตั้งค่ายเหลียนอิ๋นขึ้นเพื่อต่อต้านพวกเหลียว” ชีเส้าเฟยตอบ
“รู้ไหม อยู่ที่เมืองหลวงเราได้ยินชื่อของท่านบ่อยมาก ชาวบ้านพูดกันว่าท่านเป็นคนดี แต่ในหนังสือทูลเกล้ากลับรายงานตรงกันข้าม ท่านกลายเป็นโจรปล้นคลังหลวง ก่อความไม่สงบอยู่แถบชายแดน เป็นศัตรูอันดับหนึ่งของราชสำนัก” คังซื่อกล่าว
“ไร้เหตุผลสิ้นดี ข้าไม่เคยปล้นคลังหลวงเลยแม้แต่ครั้งเดียว” คนพูดๆ ด้วยอารมณ์ หนังสือทูลเกล้านั่นโป้ปดแล้ว
“ท่านจะบอกว่าไม่เคยทำร้ายผู้ตรวจการแล้วปล้นเงินคลังหลวงงั้นหรือ” คังซื่อถาม
“ไม่เคย”
“จริงหรือ” คังซื่อเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
“แม้ข้าไม่ใช่ฮ่องเต้ แต่คำพูดของข้า คำไหนคำนั้นเช่นกัน” ชีเส้าเฟยกล่าว
“ไม่นึกเลยว่าเราจะเข้าใจท่านผิดมาโดยตลอด” คังซื่อถอนหายใจเหมือนโล่งอก ความจริงลึกๆ เขาก็เชื่อว่าชีเส้าเฟยเป็นคนดี
“งั้นถือว่าหายกันก็แล้วกัน ข้าเองก็เคยมองท่านผิดไป” ชีเส้าเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ประโยคง่ายๆ ของเขาเช่นนี้เหมือนจะไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ หากแต่คังซื่อรู้สึกว่าคำพูดของเขาได้ทลายกำแพงที่กั้นระหว่างคนทั้งสองลงไปบ้าง แม้จะไม่ทั้งหมด แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี คังซื่อเคยรู้สึกโดดเดี่ยวมาตลอด เพราะองค์ชายที่เป็นพี่น้องกันล้วนแต่แก่งแย่งชิงดี ต่างจากชีเส้าเฟยผู้นี้ ที่พออยู่ใกล้ๆ แล้ว เขากลับรู้สึกไว้ใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่อยากเชื่อเลยว่าชีเส้าเฟยคนนี้ คือ “พี่ชาย” ฝาแฝดของเขา...

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑



Artist: Julian Cheung Chi Lam
Album: I AM CHILAM 2009
Song: Once Loved (Madarin Version)




 

Create Date : 17 กันยายน 2555
6 comments
Last Update : 19 มีนาคม 2560 16:25:33 น.
Counter : 571 Pageviews.

 


ในที่สุดปริศนาทั้งหมดก็เริ่มคลี่คลายออกมาในทางที่ดี พี่น้องได้พบปะหน้าตา ทำความเข้าใจกัน เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ อิอิ

สองพี่น้องเคลียร์ปัญหาคาใจที่เข้าใจกันผิดไปเกือบหมดแล้ว เหลืออีกข้อเดียวคือปัญหาหัวใจ ใครจะเป็นฝ่ายเสียสละล่ะเนี่ย


ดูๆ หัวหน้าชีเป็นพี่ใหญ่ ต้องเลือกที่จะเสียสละแน่เลย ไม่ยอมๆ แม้จะสงสารคังซื่อเพียงใด แต่ซ้อกุถือหางหัวหน้าชีมาตั้งแต่ต้น แพ้ไม่ได้นะก๊ะ สู้ๆค่ะ

รอลุ้นตอนต่อไป ผกก.อย่าทิ้งพวกเราไปเป็นปีๆ อีกนะคะ ขอสางต่อให้จบทีน้า

 

โดย: หลินอี้ 18 กันยายน 2555 11:15:01 น.  

 

ตอนหน้า ต้องขอเวลาปั่นอย่างน้อย 2 สัปดาห์นะคะ

ส่วนเรื่องใครจะเสียสละ อันนี้ ผกก. เองก็ยังไม่รู้เลยค่ะ ตัดสินใจไม่ได้ รักพี่เสียดายน้องจริงๆ

 

โดย: realtomtam 19 กันยายน 2555 22:52:56 น.  

 

พี่น้องเข้าใจกันแ้ล้ว ความจริงเปิดเผยแล้ว เหลือแต่กำจัดคนชั่ว แล้วคงเป็นปัญหาที่สร้่างความลำบากใจให้ผู้กินกับมากที่สุด เพราะไม่รู้จะเลือกใคร รักพี่แต่ก็เสียดายน้อง แต่ชายสองหญิงหนึ่งไม่ได้นะคะ

 

โดย: ทับทิม IP: 125.26.28.188 27 กันยายน 2555 10:56:27 น.  

 


ตามมาเมนต์ตอนที่ 32.2 ต่อ


ดีใจที่ชีเส้าเฟยกับคังซื่อปรับความเข้าใจกันได้แล้วค่ะ


ว่าแต่เริ่มหนักใจแทนหัวหน้าชีแล้วซี่ ฮองเฮาเริ่มไฟเขียวแล้ว

ไม่นะ เส่เยี่ยต้องรักหัวหน้าชีคนเดียวเท่านั้น ห้ามนอกใจด้วย

ไม่งั้นจะจับเส่เยี่ยมาตีก้นให้ลายเลย

 

โดย: O-yohyo 29 กันยายน 2555 11:39:26 น.  

 



ขอบคุณแต๋มนะคะที่มาแต่งให้อ่านต่อ รอลุ้นกับความรักของ คังซื่อ ชีเส้าเฟย และเส่เยี่ย ต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ


ขอนิดเดียวว่าอยากเห็นเส่เยี่ยชัดเจนกับหัวใจของตัวเอง

ไม่อยากให้เป็นประเภทคนนั้นก็ดีคนนี้ก็ใช่ค่ะ

 

โดย: O-yohyo 29 กันยายน 2555 11:44:31 น.  

 

ในชีวิตจริงถ้ามีคนดีๆ เข้ามาพร้อมแบบนี้ ก็ไม่แปลกที่ผู้หญิงจะเขวนะคะ เพียงแต่ว่าจะรักคนไหนมากกว่ากันเท่านั้นเอง ยังไงก็ต้องมีคนนึงเสียใจแน่นอนหล่ะ โหะๆๆ

 

โดย: tomtam IP: 110.49.224.236 1 ตุลาคม 2555 19:42:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


realtomtam
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add realtomtam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.