ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
มกราคม 2563
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
27 มกราคม 2563
 
All Blogs
 

เรื่องเล่าคนขายถ่าน

เช้าวันนั้น ผมขับรถยนต์ไปที่สตูล
ตรงไปที่เจ๊ะบิลัง เพื่อติดต่อซื้อถ่านไม้โกงกาง
ซึ่งมีพี่บุญเลิศ ลูกเขยป้านวล  เป็นผู้จัดการเตาเผาถ่าน
ที่ได้รับสัมปทานจากทางการจังหวัดสตูล
เนื้อที่สัมปทานป่าโกงกางกว่า 6,000 ไร่
ซึ่งผมเคยติดตามพ่อไปหลายครั้งแล้ว
ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กชายตัวน้อย ๆ
จนกระทั่งผมมารับช่วงกิจการของครอบครัว
ในฐานะทายาทธุรกิจเพราะเป็นพี่ชายคนโต

ในยุคนั้นแถวบ้าน ทุกครัวเรือนจะต้องใช้ถ่านจำนวนมาก
เพราะการทำกับข้าวจะทำบนเตา อั้งโล่ว
ถ่านจากไม้โกงกางจะให้ความร้อนสูง
และติดไฟทนนานกว่าถ่านไม้ประเภทอื่น ๆ
ส่วนถ่านไม้จากไม้ยางพาราจะมีคาร์บอนสูง
มียุคหนึ่งที่ยังไม่มีการแปรรูปไม้ยางพาราแบบอบไม้ส่งนอก
ที่ต่างประเทศเรียกว่า ไม้สักขาว
แถวบ้านทุ่งลุงคลองแงะ
จะมีรายหนึ่งเผาถ่านไม้ยางพาราส่งญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นจะนำไปเผาเหล็กเพื่อผลิตเหล็กเกรดดีขายต่อ

ในยุคนั้นแก๊สยังไม่มีขายในหาดใหญ่แต่อย่างใด
ทำให้ต้องระวังฟืนไฟมากกว่าปัจจุบัน
ยิ่งช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีนกับหลังตรุษจีน
ทางการต้องนำรถดับเพลิงจอดเฝ้าระวังกันเลยถึงสัปดาห์

แก๊สเริ่มมาทำตลาดหาดใหญ่ราว ๆ ช่วงปี 2510
ด้วยกลยุทธแจกถังใส่แก๊สฟรีให้ยืมก่อน จ่ายแต่ค่าแก๊ส
แบบการอ่อยเหยื่อล่อปลา พอปลาชินกับเหยื่อ
คราวนี้ค่อยลงเบ็ดตกปลาได้เรื่อย ๆ
หรือเรียกแบบไม่มีอาหารกลางวันฟรี No Free Lunch
โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี ตามหนังสือดร.วราภรณ์ สามโกเศศ

การให้ยืมถังแก๊สในช่วงแรก ๆ ทำให้เจ้าของร้านมีปัญหา
คือ ขาดเงินหมุนเวียนกับถังแก๊สที่ให้ยืมไปก่อน
เพราะต้องจ่ายเงินค่าถังแก๊สให้กับผู้ผลิตแก๊สขายแทนคนใช้
แรก ๆ ก็ยังมีคนใช้แก๊สน้อยมาก
ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังใช้ถ่านทำกับข้าวร่วมกับแก๊ส
เพราะความเชื่อ/ความนิยมในเรื่องกลิ่นรสอาหาร
ถ้าทำจากเตาถ่านจะมีกลิ่นควันดีกว่า
รวมทั้งหลายคนยังปอดแหกกับการใช้เตาแก๊ส
กว่าจะนิยมและยอมรับกันก็ช่วงปี 2520 ปลาย ๆ
เพราะคนหายกลัวและยอมรับกันมากแล้ว
ในเรื่องความสะดวกและปลอดภัย
ทำให้ตอนนี้เริ่มมีรายได้/รับเงินค่ามัดจำถังแก๊สได้มากแล้ว

ต่อมา พอรัฐบาลมีคำสั่งให้ยกเลิกการใช้ถังแก๊สหัวล้าน
ซึ่งหายไปจากท้องตลาดเหลือถังแบบใช้ตามบ้านทุกวันนี้
แต่เดิม ถังแก๊สที่ใช้งานมี 2 แบบคือ มีโกร่ง/ไม่มีโกร่ง
โกร่ง คือ ฝาเหล็กครอบด้านข้างดูเรียบร้อย ยกง่ายและลากจูงง่าย
แต่ถังหัวล้านไม่มีโกร่งจะเห็นหัววาล์วชัดเลย
เวลาขนส่งจะมีถ้วยเหล็กครอบหัววาล์วกันล้มป้องกันอันตราย
การขนส่งถังหัวล้านจะลากจูงยากกว่าเพราะไม่มีโกร่งให้จับ
ถังหัวล้านมักจะใช้ในงานระดับอุตสาหกรรมมาก
เช่น ร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงงาน เตาเผาเซรามิค
ในภาคใต้ ถังหัวล้านยังหลงเหลืออยู่ในเรือประมงขนาดใหญ่
เพราะเรือใหญ่นาน ๆ จะเข้าฝั่งที เข้ามาบางถังถูกสนิมกินขาไปเยอะแล้ว
แต่สามารถนำมาแลกคืนได้ ถ้าสภาพถังไม่เลวร้ายจนเกินไป

ที่โรงงานผลิตเซรามิคแถวบ้านที่ผมรู้จัก
จะต้องใช้แก๊สต่อเนื่องจนหมดถังใหญ่
เพราะในการเผาดินปั้นให้สุกแต่ละครั้ง ต้องใข้แก๊สราวหนึ่งถังใหญ่
แต่พอเผาไปซักพักใหญ่ ๆ ตรงหัววาล์วที่เปิดต่อสายเข้าเตาเผา
จะเย็นจัดจนแทบเป็นน้ำแข็งเลย และแก๊สจะออกได้ไม่ดีกว่าเดิมแล้ว
จึงต้องทำเป็นกะบะขนาดใหญ่ต้มน้ำให้อุ่นเพื่อแช่ถังแก๊ส
เพื่อให้แก๊สเกิดความร้อนดันออกได้จนหยดสุดท้าย
ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ถังหัวล้านเกิดสนิมได้ง่ายเพราะแช่น้ำ
ส่วนดินเผาสุกแล้วต้องคัดชิ้นส่วนดี ๆ ออกมาเคลือบน้ำยา
ก่อนนำเข้าเตาเผาเป็นเซรามิคสีต่าง ๆ
ก็ต้องเผาเกือบทั้งคืนอีกเช่นกัน

แต่เพราะธุรกิจพวกนี้เป็นรายใหญ่ขายได้ทุก ๆ วัน
มากกว่ารายย่อยที่ซื้อแต่ละครั้งใช้กันเป็นเดือน ๆ
ทำให้คนขายยอมทนและยอมขายเพราะดีกว่าขายรายย่อย
เพราะซื้อซ้ำ ซื้อประจำ ย่อมดีกว่า นาน ๆ ซื้อที

ต่อมา พอรัฐบาลประกาศให้เลิกใช้ถังหัวล้าน
คนขายเริ่มยุทธการเด็ดปีกแมลงปอ
รายไหนที่มีทะเบียนบันทึกว่า พวกยืมถังใช้
หรือรายไหนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องการยกเลิกถังหัวล้าน
ก็สั่งให้คนงานทำมึน ๆ ยกถังหัวล้านให้ใช้
ส่วนมากชาวบ้านไม่รู้อิโหน่อีเหน่ก็ใช้ตามปกติ

แต่พอแก๊สหมดจะขอซื้อแก๊สใหม่
ก็ฉวยโอกาสอ้างว่าถังนี้ใช้ไม่ได้แล้ว
เพราะรัฐบาลสั่งยกเลิกแล้ว
ต้องจ่ายค่ามัดจำถังใหม่/ค่าเปลี่ยนถังใหม่
แม้ว่าคนใช้บางคนทักท้วงว่า ลูกน้องคุณมาส่งเอง
แล้วบอกว่าใช้ได้ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา
ก็ทำมึน ๆ ว่าไม่จริง ไม่ใช่ คุณใช้ถังนี้อยู่แล้ว
สุดท้ายผู้ใช้ก็จำใจต้องจ่ายค่ามัดจำถังใหม่
แล้ววันหลังค่อยหาผู้ขายแก๊สรายอื่นมาทดแทนต่อไป

ธุรกิจจึงมีทั้งจริงท้งหลอกล่อ แบบลับลวงพราง
การฉวยโอกาสและการโกงแบบหน้าด้านใจดำ
เป็นเรื่องธรรมดาของการทำธุรกิจของคนบางคน
 



ผมไปติดต่อซื้อถ่านไม้โกงกางจากป้านวลนานแล้ว
เพราะธุรกิจขายถ่านของพ่อผมเป็นรายใหญ่ผูกขาดแถวบ้าน
พ่อผมวางราคาขายต่ำมากทั้งราคาขายส่ง/ขายปลีก
โดยท่านบอกว่าต้นทุนของเรามาก็ต่ำ
ขายแค่นี้ก็พอมีกำไรแล้ว เพราะเราขายได้จำนวนมาก
กับให้คนจน ๆ ได้ใช้ถ่านในราคาถูก

เรื่องนี้ทำให้พี่น้องผมบางคนพูดว่า
ถ้าพ่อขายราคาแพงกว่านี้
ป่านนี้บ้านผมคงจะมีทรัพย์สินมากกว่านี้

ต่อมาไม่นานก็มีโกเซ็งจากตรัง
ซึ่งเป็นญาติห่าง ๆ กับพ่อ และร้านโกหย่งอั้ว 
บรรทุกถ่านเต็มรถสิบล้อในยุคนั้นจะได้แค่15 ตัน
มาตระเวณขายตามบ้านและยี่ปั้ว
ทั้งนี้ เพื่อตัดราคาขายถ่านแข่งกับพ่อผม
แต่ทำได้สักพักก็เลิกราไป
เพราะสู้ต้นทุนขนส่งไม่ไหวและมีปัญหาการเก็บเงิน
จึงหันหน้ามาเจรจากันเพื่อไม่ให้ทุกคนขาดทุนกำไร
ด้วยการกำหนดราคากลางที่ทุกคนต่างมี กำไร กำไร กำไร
ด้วยการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันและค้าขายร่วมกัน
มีการโปัวของกันเวลาของใครขาดแคลน
 

จริง ๆ ถ้าคิดตามหลักกลยุทธ์ มิเชล อี พอร์เตอร์
คือ การตั้งกำแพงไว้ ไม่ให้คู่แข่งเข้ามาง่าย ๆ
แบบ ไฟแช็คแก๊ส ราคา 5 บาทในสมัยก่อน
ปัจจุบันก็ไม่เกิน 10 บาท ก็ยังขายได้เรื่อย ๆ
หายก็ซื้อใหม่  ไม่สนใจตามหาเหมือนไฟแช็ค Zippo Dupont
แม้ว่าตอนนี้เริ่มมีรายย่อยนำไฟแช็คแก๊สจากจีนมาแข่งขัน
แต่การตลาดต้องมุ่งไปกลุ่มย่อย ๆ ไม่แข่งขันโดยตรง
 
นานมาแล้วผมเคยไปที่โรงงานผลิต Mama
ผู้จัดการโรงงานนำชมสายการผลิต/ให้ข้อมูลบางส่วน
ท่านว่าที่หาดใหญ่จะขายดีที่สุดได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 5 ล้านซอง/วัน
กำลังการผลิตที่นี่ทำได้ถึง 30 ล้านซอง/วันและจะขยายให้ได้ 50 ล้านซอง
Mama จะผ่านการทอดในน้ำมันให้สุกก่อนตัดเป็นก้อน ๆ
ที่นี่ผลิตได้หลายรสชาติมาก เตรียมไว้เพื่อ STP (Segment Target Place)
โดยแค่ปรับเปลี่ยนส่วนผสมกลิ่นต่าง ๆ อบรมควันใส่เส้นหมี่/ใส่ซองปรุงรส
กลิ่นต่าง ๆ ซื้อจากสิงคโปร์ผู้ผลิตได้มากกว่า 2,000 กลิ่น
ถ้าขายให้ตัวแทนนำเข้าออสเตรเลีย ยุโรป สหรัฐอเมริกา
จะใส่ซองปรุงรสรสชาติอ่อนกว่าที่ขายในเมืองไทย
เพราะคนส่วนมากที่นั่นกินเผ็ดมากไม่ได้

แถวบ้าน คนมาเลย์และคนสยามที่นั่น
ชอบซื้อ Mama กลับบ้านกันทียกลังเลย
เอาไปกินเองฝากเพื่อนกับขายต่อได้ราคาดี
บางรายเอาไปขายที่สิงคโปรด้วยเช่นกัน
สินค้าแบบเดียวกับ Mama ที่มาเลย์ก็มี
แต่รสชาติไม่ถูกปากคนไทยเพราะอ๊อนอ่อน

ตอนนี้ก็มีเฉพาะคนมุสลิมยี่ห้อ Jaya (ชนะ/สำเร็จ)
กับ  ซือดะ (ร่อยจังวู๊-อร่อยอย่างแรง)
มาแย่งส่วนแบ่งตลาด Mama ส่วนหนึ่ง

รายใหม่ที่จะมาลงทุนต้องคิดหนัก
เรื่องเครื่องจักร เงินทุน การตลาด การเก็บเงิน
เพราะสินค้าพวกนี้กำไรน้อย กำไรมาก
ต้องขายมาก ๆ จึงจะมีกำไร เพราะกดราคาขายไว้ต่ำ
ถ้าปล่อยเครดิตยิ่งเสี่ยงต่อหนี้สูญ หนี้เสีย




เครดิต . https://hbs.me/3aQixIX 
 
 

ที่บ้านป้านวล  หลังจากผมติดต่อซื้อขายถ่านเสร็จแล้ว
ผมมักจะชอบนั่งที่บ้านของท่านตามคำเชิญของท่านทุกครั้ง
บ้านป้านวลอยู่ใกล้กับแพปลาแถวนั้นมาก
ท่านมักจะซื้อพวกปลาหมึก ปลาทะเลสด ๆ หอยต่าง ๆ
มาทำกับข้าวเลี้ยงดูกันเป็นประจำ
เพราะของสด ๆ ยิ่งได้แม่ครัวเก่ง ๆ
อาหารจะอร่อยถูกปากถูกใจมาก (หรอยได้แรงอก)
กับบรรยากาศติดชายทะเลที่เวิ้งว้าง
ดูชีวิตเราเหมือนแค่เม็ดทรายในท้องทะเล
จะได้ปลง ๆ บ้างว่า ชีวิตเราไม่ได้ยิ่งใหญ่กว่าท้องทะเล

ปลาทะเลแต่ละประเภทการทำอาหารจะแตกต่างกัน
ดังนั้น จึงควรให้แม่ครัว/พ่อครัวนำเสนอเอง
เพราะคนเหล่านี้จะเชี่ยวชาญและชำนาญกว่า
ในการคัดสรรปลามาทำอาหารประเภทต่าง ๆ
ดีกว่าการสั่งอาหารตามความเคยชิน

ผมนั่งคุยกับป้านวลสักพักหนึ่ง
พี่บุญเลิศซึ่งเสร็จจากการไปดูแลเตาเผาถ่าน
ก็มานั่งคุยด้วยเรื่องสัพเพเหระต่าง ๆ
สักพักพี่บุญเลิศก็พูดขึ้นมาว่า
หัวหน้าคนงานลูกน้องของแกคนหนึ่งอยากไปทำเตาเผาถ่าน
ที่ป่าโกงกางแถวคลองเข้ไข่(จระเข้ไข่)
ซึ่งมีเนื้อที่สัมปทานราว 6,000 ไร่ อายุสัมปทาน 10 ปี
แต่ไม่มีเงินประก้นให้รัฐราว 150,000 บาท
กับเงินลงทุนสร้างเตาเผากับเงินทุนหมุนเวียนเบื้องต้น
น่าสนใจถ้าจะร่วมลงทุนและจะได้ผูกขาดซื้อถ่านจากเจ้านี้
แต่ทางพี่บุญเลิศไม่อยากลงทุนเพิ่ม
เพราะที่ทำอยู่ก็ดูแลแทบไม่ทันแล้ว
ถ้าสนใจจะติดต่อและร่วมลงทุนทำสัญญาให้
ผมเลยกลับบ้านไปปรึกษาพ่อก่อนในเรื่องนี้
 


เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน

พ่อผมเห็นด้วยกับเรื่องนี้และคิดว่าน่าจะลงทุน
แต่ให้หัวหน้าคนงานพี่บุญเลิศเป็น Nominee 
เพราะเป็นคนไทยคนพื้นที่แถวนั้น
กับในระยะยาวไม่ยุ่งยากเรื่องภาษี
และการจ่ายรายการให้กับเจ้าหน้าที่ไม่ดีบางราย
ที่มักจะขอรายได้เพิ่มเติมในงานต่าง ๆ
เช่น เลี้ยงรับเลี้ยงส่งเจ้านาย ลูกหลานไปเรียน
พ่อตาตาย แม่ยายป่วย เบ็ดเตล็ด ฯลฯ

กอปรกับพ่อผมเป็นคนจีนต่างด้าว
ซึ่งในยุคนั้นอวดรวยไม่ได้ด้วย
ทุกคนต้องอยู่แบบผ้าขี้ริ้วห่อทอง (ทองคำขาวกับเพชร)
ต้องทำตัวสมถะอยู่บ้านเก่า ๆ โทรม ๆ
เพราะโจรผู้ร้ายรู้ว่ารวยหรือมีเงินมาก
เดี๋ยวอาจจะถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่

คนที่ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่มักจะอยู่เงียบ ๆ
เพราะอับอายเสียเหลี่ยมกับกลัวเกรงว่า
ถ้าโวยวายออกไปเท่ากับการสลักหน้าผากว่ามีเงิน
จะทำให้คนเลวมารีดไถหรือจับลูกหลานไปเรียกค่าไถ่อีก

แต่ที่ปิดข่าวกันให้แซด คือ เถ้าแก่ร้านข้าวต้นหลักพัน(100 สตางค์เป็น 1 บาท) ในหาดใหญ่
โก...เคยถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ จนต่อรองเหลือ 4,000,000 สตางค์
ยุคที่ทองบาทละ 120,000 สตางค์(1,200 บาท หรือซื้อทองได้ถึง 16 บาท) 
แกสันนิษฐานว่าถูกจับไปขังแถวเขาคอหงส์ใกล้ค่ายเสนาณรงค์
พอต่อมา ตอนกลางคืนพวกนี้มานั่งกินข้าวกินเหล้าร้านแก
แกจำเสียงคนจับแกไปคนหนึ่งได้ แต่ต้องทำใจ ปล่อยเลยตามเลย
แบบถูกให้กินฟรีมากกว่านี้อีก  ไม่ใช่ขอกันกินมากกว่านี้

โก...เป็นคนใจบุญสุนทานมากคนหนึ่งทีเดียว
ทุกเช้าหลังจากร้านข้าวต้มโกเริ่มวายแล้ว (ราว ๆ ตีห้าก่อนถึงตีหก)
โกจะนำข้าวปลาอาหารไปยืนรอตักบาตรทุกเช้า
ที่ประจำของโกคือ ตรงหน้าตลาดชีกิมหยง(เฉลิมไทย)
โกจะตักบาตรให้พระเณรทุกรูปจนของหมด
ถ้ายังมีพระเณรมารอบิตรบาตรอีกหลายรูป
โกจะเหมาข้าวปลาอาหารจากร้านค้าแถวนั้นมาตักบาตรอีก
ตอนผมบวชพระราวหนึ่งเดือนเศษที่วัดปากน้ำ
ผมก็ได้ไปบิณบาตรจากโกร่วมเดือนเช่นกัน
เพราะพระรุ่นพี่บอกไปที่นี่ไม่ผิดหวังและไม่ไกลจากวัด
ผมยังสำนึกบุญคุณน้ำใจของโกจนทุกวันนี้
ที่โกมีจิตศรัทธาและเอื้อเฟื้อต่อพุทธศาสนา

คนจีนยุคนั้น  ถ้าไปทำธุรกรรมกับราชการไทย
มักจะต้องมีเงินติดปลายนวมมากกว่าปกติอยู่แล้ว
รวมทั้งยุคนั้น  อุปมาชาวบ้านอยู่ท่ามกลางเขาควายสองตัวชนกัน
ข้างหนึ่งของรัฐ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาฯ
อีกข้างหนึ่งคือ พวกคอม/ทหารปา(พรรคคอมมิวนิสต์ไทย) กับ โจรจีนมลายา

ทั้งสองฝ่ายต่างต้องการเงินทุนสนับสนุนการต่อสู้
มาในรูปงานกุศลร่วมใจอาสาต่าง ๆ นานา

ถ้าทำตัวเด่นชัดหรือเข้าข่ายเป็นแนวร่วมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
มักจะได้ไปนอนสติอารมณ์อยู่ใต้รากยางพารา/รากหญ้า
โอกาสจะกลับมาคบหาเพื่อนฝูงหรือพบปะลูกเมียก็ไม่มีแล้ว
 

เวลาซื้อสวนยางพาราแถวเขตอิทธิพลโจรจีนมลายา
วันรุ่งขึ้นก็จะมีจดหมายขอแสดงความยินดีต้อนรับเพื่อนใหม่
พร้อมกับขอเงินสนับสนุนพรรคโจรจีนมลายาจำนวนหนึ่ง
รวมทั้งต่อมาจะขอเงินฉลองวันเกิดพรรคคอมมิวนิสต์มลายา
วันตรุษจีน ที่จะทะยอยตามมาอีกหลายรายการ

ครั้นจะไม่ให้ก็ได้  แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปที่สวนยาง
หรือไม่มีใครกล้าเข้าไปกรีดยางพารา
แต่ถ้าให้ก็ต้องระมัดระวังเช่นกัน
ผิดหูผิดตาเจ้าหน้าที่รัฐอาจจะกลายเป็นแนวร่วม
ได้ไปนอนใต้รากต้นยางพาราได้ง่าย ๆ

แต่การแลกเปลี่ยนแบบนี้ก็มีจุดคุ้มทุน
เพราะพวกชอบลักเล็กขโมยน้อย เช่น
จอกยาง ขี้ยาง เครื่องจักร ข้าวของในบ้าน แทบจะไม่มีเลย
ขโมยขโจรที่จับได้ จะมีการเตือนและให้โอกาสเพียง 3 ครั้ง
ถ้าทำครบเมื่อใด ก็จะถูกจับตัวมาประจานที่ชุมชนของหมู่บ้าน
แล้วประกาศความผิดพร้อมกับยิงทิ้งตรงที่นั่นเลย
เป็นการเตือนและประกาศศักดาข่มขู่ผู้คนไปในตัว
แบบเดียวกับพวก ISIS ทำกับเหยื่อที่เคราะห์ร้ายแถวซีเรีย

เพื่อนคนก็เคยทำหน้าที่เพชฌฆาตครั้งหนึ่ง
ทำหน้าที่แทนทหารป่า(นักรบประชาชน)
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
ซึ่งก็นิยมหลักการแบบโจรจีนมลายา
เพราะได้ผลดีมากแบบตัดไม้ข่มนาม
ทำให้คนชั่วหรือแนวร่วมฝ่ายรัฐเกรงกลัว
แต่ไม่ถึงขนาดตัดหวายอย่าไว้หน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก

แต่ภายหลังเพื่อนคนนี้ออกมาทำธุรกิจอาหารสัตว์ที่เวียตนาม
ไปไปมามาระหว่างเวียตนามกับเมืองไทย
พอแกมีครอบครัวแล้ว  ก็รู้สึกผิดบาปในการคร่าชีวิตคน
แต่ตายไปแล้วเพราะการผ่าตัดหัวใจที่เวียตนาม
แล้วติดเชื้อในกระแสเลือด
เพื่อนบางคนเลยบอกว่าถ้าผ่าตัดเมืองไทยคงไม่ตาย
สงสัยภายในโรงพยาบาลที่นั่นแมลงสาปคงเดินกันว่อน
 


เมื่อสัมปทานหัวหน้าคนงานของพี่บุญเลิศได้รับอนุมัติแล้ว
ผมจำชื่อไม่ได้แล้วว่าแกชื่ออะไร
สมมุติว่าชื่อ เทือง ก็แล้วกัน
เพราะผมเรียกแกว่า น้า ตลอด

เทืองก็จัดการหาเรือหางยาวจำนวนหนึ่ง
พร้อมกับคนงานเพื่อออกไปตัดไม้โกงกางในที่สัมปทาน
การตัดไม้โกงกางจะใช้ขวานเป็นหลักในการตัดไม้
เพราะตัดบนเรือที่โคลงเคลงบ้างเล็กน้อย
และมักจะออกไปตัดไม้โกงกางตอนน้ำลง
จะต้ดไม้ได้เกือบถึงปลายกิ่งแขนงที่ยึดต้นไม้โกงกางไว้
ถ้าไปตัดตอนน้ำขึ้นจะได้แต่ช่วงบน ๆ เสียเนื้อไม้ไปส่วนหนึ่ง
หลังจากตัดเสร็จแล้วก็จะทำการลิดใบและกิ่งเล็ก ๆ ออก
โยนลงในทะเลป่าชายเลน ก็จะกลายเป็นอาหารของสัตว์น้ำ
และส่วนที่หลงเหลือก็กลายเป็นปุ๋ยไปในระยะยาว

ในกรณีที่ตัดต่ำมากจนเกือบถึงปลายต้นโกงกาง
ต้นมักจะตายไม่งอกต้นใหม่อีก
กินเวลาราวสองถึงสามปีกว่าจะผุพังเป็นปุ๋ย
ส่วนถ้าตัดสูงขึ้นมาส่วนมากมักจะตัดตอนน้ำขึ้น
ถ้าไม่มีการตัดเพื่มเติมในวันหลัง
ก็มีโอกาสงอกขึ้นมาเป็นต้นใหม่ได้
แต่มักจะมีต้นโกงกางแบบนี้น้อยมาก

พอต้นโกงกางออกดอกจะมีเมล็ดคล้ายกับฝักยาว ๆ
ก็นำฝักนี้ปักลงในน้ำตอนน้ำลง
สักพักก็งอกขึ้นเป็นต้นโกงกางต่อไป
พอต้นโกงกางอายุราย 5 ปีก็ตัดได้อีกรอบ

การตัดไม้ใหญ่ลง ไม้ใหญ่ล้มแล้ว
ไม้เล็ก ๆ จะได้เติบโตบ้าง

เป็นคำพุดของนักธุรกิจรายหนึ่งที่ภูเก็ต ที่ผมจำได้
แกเคยอยากลงทุนในไทย แต่ก็ถูกสะกัดกั้นดาวรุ่ง
แม้ว่าโครงการจะดีมาก มีความเป็นไปได้
แต่ธนาคารไทย/บริษัทเงินทุนยุคนั้น
มักจะประกาศว่า No Land No Loan
ทำให้แกต้องกลับไปแบบมือเปล่า
ไปทำงานที่บริษัทเงินทุนในอังกฤษ

พอเกิดเหตุการณ์ปี 40 วิกฤติครั้งร้ายแรงของไทย
ที่ธุรกิจรายใหญ่ในไทยล่มสลายไปหลายราย
แกก็กำเงินจากบริษัทอังกฤษกลับมาเมืองไทย
ทำการช้อปปิ้งหลายธุรกิจในไทย
หลายแห่งเป็นโครงการเดิมที่แกเคยคิดไว้
แต่สถาบันการเงินงาบความคิดนี้
ให้เพื่อนผองน้องพี่ลูกหลานไปทำเอง
แต่สุดท้ายก็ล่มสลายไป
แบบคนลงมือทำหรือจะสู้ลิขิตฟ้า
แกเลยได้ธุรกิจแบบนี้กลับมาแบบป๋า Bird สบาย ๆ
 

การตัดไม้โกงกางในป่าสัมปทาน 6,000 ไร่
จะแบ่งแปลงสัมปทานออกเป็น 10 แปลง
แปลงหนึ่งราว ๆ 600 ไร่โดยเฉลี่ย
ปีหนึ่ง ๆ กว่าจะตัดได้ตามเป้าหมายก็หืดขึ้นคอ
พอครบปีก็ต้องเริ่มลงทุนปลุกป่าโกงกาง
ในแปลงสัมปทานที่ตัดไปแล้ว
โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐมาตรวจสอบเป็นพิธี
หรือขอรับเงินค่าป่วยการบ้าง

ส่วนปีสุดท้ายหรือปีที่ 10
ไม่ได้บังคับให้คนรับสัมปทานปลูกป่าต่อ
หลายรายเลยถือโอกาสชิ่งไปเลย
จริง ๆ ถ้ากฎหมายบังคับก็จะได้ป่าโกงกางเร็วขึ้น
แทนการงออกขึ้นเองตามธรรมชาติ

เคยเจอรายหนึ่งเป็นเจ้าของเตาเผาถ่านป่าโกงกางที่ซัง(ตรัง)
จากคนรวยกลายเป็นคนเคยรวย
เพราะพอรัฐไม่ต่อสัมปทานให้ก็ไปไม่ถูกเลย
เงินทองที่ใช้สอยไปให้กับเจ้าหน้าที่รัฐบางคน
ที่เอ่ยปากเป็นมั่นเหมาะว่าได้ชัวร์
ในการวิ่งเต้นสัมปทานรอบใหม่
ก็เท่ากับโยนทิ้งเล(ทะเล)ให้ปลาใหญ่ปลาเล็กตอดกิน
สูญเปล่าไปเป็นจำนวนมาก
ได้คืนก็เงินประกัน 150,000 บาท
 


หลังจากออกไปตัดไม้โกงกาง
และลิดใบออกให้หมด และตัดกิ่งเล็ก ๆ ทิ้ง
ก็จะนำท่อนไม้โกงกางขึ้นบนฝั่ง
นำไม้โกงกางที่เปียกชื้นลงบนขาหยั่งไม้รูปตัววีสองอัน
ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นขาตั้งเหล็กท่อน้ำขนาดใหญ่ยึดติดกับแท่นปูน
เพราะใช้ทนใช้นานกว่าขาตั้งไม้แบบก่อน

นำไม้โกงกางมาลอกเปลือกออกก่อน
โดยใช้ใบมีดที่ตีจากใบเลื่อยยนต์แบบสายพาน
จะดัดโค้งไปมาได้ง่ายรูปทรงคล้ายใบเลื่อยเหล็กแต่กว้างกว่า
จะทำการขูดลอกเปลือกไม้โกงกางออก
ถ้าไม้โกงกางแห้งก็ต้องใช้ขวานค่อย ๆ เฉาะออก
แล้วดึงลอกเปลือกออกให้มากที่สุด
จนท่อนไม้โกงกางเปลือยกายล่อนจ้อน

การทำแบบนี้เพราะเวลาเผาถ่าน
ถ้าเปลือกมีมากจะมีขึ้เถ้าในเตามาก
ต้องเสียเวลาเก็บกวาดขี้เถ้าออกมา
ก่อนจะนำท่อนไม้เข้าไปในเตาถ่าน
ขี้เถ้าในเตาเผาถ่านถ้ามีมาก
การจุดไฟติดก็ยากและเกะกะในการทำงานเวลาเดิน/ฝุ่นละออง

ไม้ที่ลอกเปลือกออกแล้วจะมีการกองเก็บกันฝน
ถ้าหน้าร้อนก็จะตากแดดให้แห้งมากที่สุด
มีผลต่อระยะเวลาในการเผาถ่านเช่นกัน

ส่วนเปลือกไม้โกงกางก็มอบให้ชาวบ้านไปทำเชื้อเพลิง
ถ้าเหลือมาก ๆ เผาไม่ทันก็โยนลงทะเลไป
ในยุคนั้นยังไม่ค่อนสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากนัก

ในระยะแรกเทืองกับลูกน้องต่างออกไปตัดไม้โกงกาง
มากอง ๆ ไว้เป็นจำนวนมากเพื่อเตรียมเผาถ่าน

เตาถ่านจะใช้อิฐก่อแบบซ้อนกัน 2 ก้อน
ใช้ดินโคลนดินเลนจากท้องทะเลแทนปูนซีเมนต์
ประสานอิฐเข้าด้วยกัน โดยค่อย ๆ ไล่ขึ้นไปจนกลายเป็นเตาเผาถ่าน
เตาเผาถ่านให้คิดภาพแบบกระโจมน้ำแข็งแอสกิโม
ด้านบนจะไม่มีการเจาะรูแต่อย่างใด
ตรงบริเวณรอบ ๆ เตาจะก่อเป็นแท่นขึ้นมา
ทำช่องหน้าต่างขนาดราวก้อนอิฐ 2 ก้อน
รอบ ๆ ตัวเตาราว 6-10 ช่องหน้าตาไว้ดูไฟ

ตรงช่องทางเข้าจะสูงร่วม ๆ 2 เมตร กว้างราว 1 เมตรเศษ
เพื่อให้นำไม้โกงกางเข้าออกได้โดยง่าย
ภายในเตาเผาจะมีความสูงราว 4-5 เมตร
คนงานจะนำไม้โกงกางที่ลอกเปลือกแล้ว
นำไปวางซ้อนเป็นชั้น ๆ ให้ชิดกันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
บางครั้งต้องใช้ไม้ดันท่อนไม้ขึ้นไปวางด้านบนด้วย

พอเรียงไม้แน่นเตาเต็มที่แล้ว
จึงค่อย ๆ ก่ออิฐปิดตัวประตูเตาที่เข้าออก
ให้เหลือช่องพอให้คนมุดคลานเข้าไปได้
แล้วจึงได้เวลาจุดไฟให้ลุกไหม้ไม้โกงกาง
กินเวลาราว 5-7 วัน กว่าไฟจะลุกไหม้จนทั่วเตา
โดยจะดูจากควันไฟลุกไหม้ที่แลบออกมาทางช่องหน้าต่าง
ถ้าควันไฟยังเป็นสีขาวมาก
แสดงว่ามีการเผาไล่ไอน้ำในเนื้อไม้ออกมา
พอไฟเริ่มเป็นสีฟ้าแสดงว่า
ไม้บริเวณนั้นลุกไหม้สมบูรณ์แล้ว
จึงจะเริ่มปิดช่องหน้าต่างบริเวณนั้น
โดยใช้ก้อนอิฐที่วางรออยู่ฉาบด้วยดินโคลน
ที่เตรียมไว้แล้วหาเอาจากดินโคลนดินเลนชายทะเล
โดยจะทะยอยปิดไปเรื่อย ๆ จนช่องสุดท้ายครบแล้ว
ลมร้อนกับเปลวไฟสีฟ้าจะแลบออกมาที่ช่องประตู
ก็จะทำการปิดตายประตูเลย ไม่ให้ออกซิเจนเข้า
เพราะถ้ามีออกซิเจนเข้าจะได้ขี้เถ้ามากกว่าถ่าน


ช่างไฟจีนมาเลย์จะเก่งมากเรื่องดูไฟ
(ค่าตัวช่างไฟจะถูกหรือแพงขึ้นกับปริมาณถ่านที่ผลิตออกมา)
แกดูแล้วรู้เลยว่าไฟได้ที่แล้วยังในแต่ละช่องหน้าต่าง
ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องของแกปิดช่องหน้าต่างนั้น
แกจะมีลูกน้องคนไทยอีก 2 คนช่วยเฝ้าดูไฟทั้งวันทั้งคืน
ส่วนคนไทยคนไหนเอาถ่าน
ก็มักจะแยกวงออกไปรับจ้างเป็นคนดูไฟได้ในภายหลัง


เตาเผาถ่านต้องทำหลังคาคลุมด้วยใบจาก
เพราะเตาที่เทืองกับลูกน้องทำมีขนาดใหญ่มาก
ความร้อนภายในเตาที่ระอุออกมาข้างนอกเตาก็สูงมากเช่นกัน
ถ้าโดนฝนตกหนัก ๆ เตาอาจจะระเบิด/แตกร้าวได้
ขนาดภายในเตาจุไม้แต่ละครั้งราวสองรถสิบล้อบรรทุกเกินขนาด
หรือประมาณครั้งละ 40 กว่าตันขึ้นไป

การเผาไม้ถ้าเป็นท่อนไม้ขนาดเล็ก
หลังจากปิดประตุเตาเผาถ่านจะกินเวลาราว 17 วัน
ส่วนท่อนไม้ขนาดใหญ่จะกินเวลาราว 21 วัน
ค่ายีล yield เนื้อไม้ที่สูญเสียราว 25% อย่างต่ำทุกครั้ง
เรียกว่าพอเผาเสร็จเป็นถ่านแล้วจะเหลือราว ๆ 30 ตันเศษ

หลังจากครบกำหนดเวลาจะเอาถ่านออกแล้ว
ต้องทิ้งให้สงบจริง ๆ อีกราว 4 วัน
จึงจะทุบประตูใหญ่ให้กว้างขึ้นเท่าเดิม
เพื่อให้คนงานไปนำเอาถ่านออกมา
ถ้ารีบเปิดประตุเร็วเกินไป
ถ่านที่ยังเผาไหม้เป็นถ่านยังมีความร้อนอยู่
พอเอาออกมาถูกอากาศ/ลมพัด
ก็อาจจะติดไฟลุกไหม้เสียหายหนักกว่าเดิม

ในช่วงเวลาเผาต้องคอยระวังอย่าให้เตารั่ว
ถ้ามีรูรั่วตัองรีบเอาดินโคลนฉาบปิดทันที
เพราะถ้าออกซิเจนเข้าไปในเตามาก
จะทำให้ถ่านข้างในสุกมากเกินไปจนกลายเป็นขี้เถ้า
จึงต้องมีการระมัดระวังซ่อมเตาเป็นประจำ
หลังจากเสร็จสิ้นการเผาแต่ละครั้ง
ด้วยการใช้โคลนฉาบพอกให้แน่นสนิท

ต่อมาเทืองและคนงานได้สร้างเตาขึ้นเรื่อย ๆ
จนอาณาบริเวณที่ตั้งเตาเผาถ่านมีจำนวน 12 เตา
แถวนั้นเรียกกันว่า หลุม หลุมหนึ่ง ๆ ราว 10-12 เตา
ไว้หมุนเวียนเผาถ่าน และให้คนงานมีงานทำตลอด
ในช่วงรอเวลาที่จะนำถ่านออกมา
ก็ไปตัดไม้โกงกางเพื่อเตรียมไว้ใช้เผาถ่าน
 

ในยุคนั้น ผมไปที่นั่นบ่อยมากในช่วงแรก ๆ
ขณะที่กำลังก่อสร้างและลองผิดลองถูกเรื่องเตาเผาถ่าน
ผมได้กินปูดำจนเบื่อไปเลย
เพราะการจับปูดำแถวป่าชายเลนจะง่ายมาก
คนงานจะเด็ดก้านมะพร้าวลิดเอาใบออก
จนเหลือแต่ก้านมะพร้าวแล้วมัดทำเป็นบ่วง
พอระยะน้ำขึ้น พวกปูจะเริ่มทะยอยหากิน
เพราะอาหารตามชายฝั่ง(พวกแพลงตอน ปลาตาย เศษอาหารของคน)
จะลอยลงไปในทะเลเป็นอาหารสัตว์น้ำ

คนงานจะเอาก้านมะพร้าวแหย่ที่ก้ามปู
พอปูงับก็จะดึงขึ้นมาบนฝั่ง
ใช้เท่าเหยียบตัวปูตรงกลางลำตัว
ปูจะขบกัดไม่ได้ ถึงกัดก็ไม่ค่อยเจ็บ
เพราะเท้าคนงานมักจะหนาและด้านมาก
คนงานจะมัดแขนมัดขาปูเอาไปขายต่อ

แต่ถ้าจะทำกินเอง ก็จะเหยียบไว้ก่อน
แล้วเอากิ่งไม้แทงเข้าตรงร่องอกของปู
ปูก็จะค่อย ๆ ตาย ก่อนนำไปทำอาหาร
แต่บางคนโหดกว่านั้นจะโยนใส่กระสอบ
แล้วเทลงกะทะที่ต้มน้ำเดือดทำอาหารเลย


ส่วนอีกอย่างหนึ่งที่ผมชอบมาก
คือ ปลากระบอก ที่ตัวเมียจะว่ายน้ำนำตัวผู้
ตัวผู้มักจะว่ายยิก(ไล่)ตามราว 1-2 ตัว
เพื่อฉีดน้ำเชื้อเวลาตัวเมียวางไข่
ปลากระบอกจะวางไข่ในป่าชายเลน

คนงานมักจะถือสวิงทำด้วยตาข่ายขนาดใหญ่
ยืนนิ่ง ๆ แถวชายฝั่งทะเลแถวนั้น
พอปลากระบอกว่ายมา ก็จะรีบตักขึ้นมา
จะได้ปลากระบอกตัวเมียส่วนใหญ่
บางครั้งจะได้ตัวผู้แถมมาด้วยเช่นกัน
ปลากระบอกตัวขนาด 6-9 นิ้ว
นำมาทำแกงส้มจะอร่อยมาก
ยิ่งตัวที่มีไข่ในพุงจะเลิศมากเช่นกัน
ถ้าตัวโตกว่านั้นต้องนำไปทอดหรือทำปลาแดดเดียว
 


หลังจากรัฐบาลสั่งปิดป่า
และยกเลิกสัมปทานการเผาถ่าน
ผมก็ยุติเรื่องการเผาถ่านนี้ไปเลย
เทืองก็ไปขอเงินสัมปทานคืนให้ผม

เตาถ่านเดิมก็ทิ้งร้างไป  ผมไม่ได้ไปดูหลายปีแล้ว
แต่ผมยังนำเข้าถ่านจากพม่าและอินโดนีเซีย
ซึ่งจะขึ้นมาทางท่าเรือแถวอันดามันหลายจุด
นำมาขายตามร้านซีฟูด หมูกะทะ ร้านอาหารอีสาน
และร้านก้วยเตี่ยวราดหน้า ที่ผัดกับเตาถ่าน
เพราะกลิ่นควันและความร้อนจากถ่าน
จะหอมกว่าและอาหารจะค่อย ๆ สุก
ช้ากว่าการใช้แก๊สหุงต้มอาหาร

แม้ว่าทุกวันนี้ยอดขายถ่านผมจะน้อยกว่าเดิม
แต่ธุรกิจก็ยังพอเลี้ยงตัวเองอยู่รอดได้


สำหรับความคิดของผมแล้ว
จริง ๆ ถ่านจากไม้โกงกางเป็นของธรรมชาติ
รัฐบาลจะลดค่าใช้จ่ายแฝงได้มาก
ไม่ต้องเสียค่าแก๊สให้พม่า มาเลย์แต่อย่างใด
ทำให้ชาวบ้านรายเล็ก ๆ มีงานทำ และเศรษฐกิจหมุนเวียน

การตัดไม้แล้วปลูกทดแทนทุกครั้ง
ไม้ใหญ่ล้มแล้ว ไม้เล็กได้เติบโตบ้าง
แบบพวกสัตว์น้ำ สัตว์บก ถ้าโตเต็มที่แล้ว
อัตราแลกเนื้อก็ต่ำลงหรือไม่มีเลยเลี้ยงไปก็เสียข้าวสุก
แถมทำให้ตัวเล็กกว่าไม่ค่อยรอด
หรือมีโอกาสเติบโตเป็นตัวใหญ่แต่อย่างใด


นากุ้งที่นายทุนบางคนทำเป็นที่นากุ้งโดยบุกรุกที่ป่าโกงกาง
ต้องไถต้นไม้กับพื้นที่ให้เรียบ เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไม้โกงกาง
แล้วกักขังน้ำไว้เลี้ยงกุ้ง ก่อนปล่อยน้ำเลี้ยงกุ้งลงสุ่ทะเล
สร้างมลภาวะทำให้ท้องทะเลมีหอยมากขึ้น


ไม้โกงกางเป็นไม้เนื้อแข็ง มีน้ำหนักเวลายกค่อนข้างหนัก
แข็งแต่เปราะเหมือนมีดพร้าที่ชุบแข็งไม่ดี  ฟันแล้วมักจะบิ่นหรือหักได้
ไม้โกงกางลำต้นตรงและมีขนาดใหญ่น้อยมาก
ไม่เหมาะกับการแปรรูปเป็นแผ่น ๆ เพราะแข็งส่วนหนึ่ง ราคาก็ไม่แพง
การทำเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้กันอยู่  จึงค่อนข้างดูดิบ ๆ เถื่อน ๆ
แบบไม่เนี้ยบเหมือนไม้ทั่วไปที่แปรรูปเป็นแผ่น ๆ แท่ง ๆ
ถ้าสังเกตดีดีจะเห็นรอยแตกร้าวของเนื้อไม้ที่แตกเป็นเส้น ๆ
แต่ใช้ทนใช้นานใช้จนรำคาญ ทนถึกมาก
แต่อย่าไปโดยน้ำฝน น้ำจืด จะผุพังเร็วมาก
คล้ายกับเนื้อไม้เสื่อมสภาพ ยิ่งกว่าปลวกกินซะอีก


เขียนขึ้นจากความทรงจำเก่า ๆ
ก่อนที่จะเลือนหายไปเหมือนกับถ่านติดไฟ

 






เครดิต ช่างปั้นเตาอบถ่าน






เครดิต การเดินทางของไม้โกงกาง เรื่องเล่าจากคนเอาถ่าน “เขายี่สาร














เครดิต โกงกาง สรรพคุณและประโยชน์ของต้นโกงกางใบใหญ่ 12 ข้อ !




 

Create Date : 27 มกราคม 2563
3 comments
Last Update : 29 มกราคม 2563 10:20:34 น.
Counter : 3135 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณtuk-tuk@korat

 

 

โดย: สมาชิกหมายเลข 5702793 27 มกราคม 2563 16:42:00 น.  

 

บางที ท่าน กับ เรา มองไปคนละทางค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 27 มกราคม 2563 21:07:07 น.  

 

ได้ความรู้เรื่องถ่าน
ดีจริงๆ

 

โดย: อุ้มสี 27 มกราคม 2563 23:54:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.