พระบ้าคุยกับนกรู้เรื่อง
เรื่องนี้ได้รับฟังและถ่ายทอดมาจากพระมหาจรูญ
เจ้าอาวาสวัดบ้านในไร่ ตำบลคอหงษ์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ซึ่งแกก็ได้รับฟังถ่ายทอดมาอีกทีหนึ่งจากพระเถระอีกรูปหนึ่ง
พระผู้ใหญ่ ตามพระวินัยกําหนดว่า พระมีพรรษา ตั้งแต่ ๑๐ ขึ้นไป
เรียกว่า พระเถระ. (ป.). จากพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน
ในส่วนตัวผมก็คลับคล้ายคลับคลาว่า
ได้อ่านมาจากที่ไหนสักแห่งจำไม่ได้แล้วเช่นกัน
ในละแวกแถวลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา
ช่วงรอยต่อระหว่างสทิงพระกับระโนด
สมัยหนึ่งมีพระภิกษุรูปหนึ่ง
แต่งกายไม่เรียบร้อย อัฎฐบริขารก็ไม่ครบ
จีวร สบง อังสะ ก็ขาดแหว่ง ๆ วิ่น ๆ
ผมเผ้าหนวดเคราก็ยาวรุงรัง บางครั้งก็โกนสะอาดเรียบร้อย
แต่ส่วนมากแล้วจะไม่ค่อยมีการโกนแต่อย่างใด
ไม่ปรากฏว่าสังกัดวัดไหน หรือจำพรรษาที่วัดไหน
ที่ยังบ่งบอกให้รู้ว่าเป็นพระภิกษุก็คือ
บาตร ที่แกเที่ยวเดินขอบิณฑบาตทุกเช้า
กับบรรดาชาวบ้านในละแวกหมู่บ้าน
ที่แกเดินผ่านไปมาตามเส้นทางไปมารอบทะเลสาบ
ส่วนคนเฒ่าคนแก่ในเส้นทางนั้นต่างก็รู้ว่าแกเป็นพระภิกษุมาก่อน
แต่ตอนนี้ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าจะใช่หรือไม่ หรือเป็นคนบ้า
พระภิกษุรูปนี้มีรูปร่างตัวดำสูงใหญ่
ชอบเดินท่องไปมารอบริมทะเลสาบสงขลา
ไม่พูดจาหรือพูดคุยกับผู้คนหรือชาวบ้านเลย
มักจะพูดจาเออเองออเองกับบรรดานกต่าง ๆ
ที่มักจะบินมาห้อมล้อมแกเพื่อกินเศษอาหารที่แกโปรยให้ทุกวัน
หลังจากแกฉันเสร็จแล้วหรือบางวันแกก็ไม่ฉันเลย
แต่จะโปรยอาหารที่แกบิณฑบาตได้ให้นกทั้งหมด
บรรดานกต่าง ๆ ก็มักจะบินติดตามแกตลอดวัน
เวลากลางคืนก็มักจะพำนักแถวต้นไม้/พุ่มไม้ทุกเย็น
อยู่ใกล้ ๆ กับสถานที่แกมักจะเลือกจำวัดตามศาลาพักแรมริมทาง
ที่แต่เดิมมีการปลูกสร้างอยู่มากรอบ ๆ ริมทะเลสาบสงขลา
หรือบางครั้งก็ตามหนำ(บ้านหลังเล็กๆ ที่พอกันแดดกันฝนได้)
มักจะใช้พักผ่อนเวลากลางวันหรือช่วงทำนาหรือปีนต้นตาลเพื่อทำน้ำตาล
ชาวบ้านมักปลูกไว้แถวทุ่งนาที่มักจะมีตาลโตนดขึ้นรายรอบ
ส่วนกลางคืนก็มักจะกลับไปนอนที่บ้านของตนเอง
ขณะเดียวกันขโมยขโจรสมัยนั้น
ที่มักจะนิยมลักขโมยวัวของชาวบ้าน
หรือเตรียมเข้าปล้นบ้านเจ้าทรัพย์
ที่ร่ำรวยเวลากลางค่ำกลางคืน
เมื่อเจอแกนอนอยู่ในที่พักต่าง ๆ
หรือเดินผ่านไปมาเห็นแกในช่วงเวลาต่าง ๆ
ก็ไม่มีใครอยากจะยุ่งเกี่ยวกับแกด้วย
รวมทั้งชาวบ้านส่วนมากก็ไม่มีใครอยากจะยุ่งเกี่ยวกับแก
เพราะต่างคนต่างคิดว่าแกบ้าแล้ว
แต่ต่างก็สงสารตักบาตรให้แกทุกเช้าที่แกมาขอบิณบาตเช่นกัน
ส่วนข้าวปลาอาหารที่แกบิณฑบาตรเสร็จก็มักจะโปรยให้นกกิน
ตัวแกเองก็กินเพียงเล็กน้อยหรือบางวันก็ไม่กินเลย
แถมยังเที่ยวพูดจากับนกเหล่านั้นอีก
แกประพฤติปฏิบัติอย่างนี้มาหลายปีดีดัก
ในค่ำคืนวันหนึ่งก่อนใกล้รุ่งเช้า
คนในละแวกบ้านที่แกไปพักที่ใกล้ ๆ กับศาลาแถวนั้น
คนเฒ่าคนแก่ไม่ต่ำกว่าเจ็ดคน
ต่างฝันอย่างเดียวและเหมือนกันเลยว่า
แกมาบอกลาในสภาพที่นุ่งห่มจีวรเรียบร้อยสวยงาม
พร้อมกับอัฎฐบริขารครบตามวินัยสงฆ์
สมณรูปเหมาะสมอย่างยิ่งกับการเป็นสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
แกมาเข้าฝันสั่งให้ชาวบ้านทำการเผาศพแกด้วยในเร็ววัน
แล้วให้ช่วยจัดการโปรยเถ้ากระดูกทั้งหมดลงในทะเลสาบสงขลาด้วย
รุ่งเช้าชาวบ้านที่ฝันอย่างเดียวกันเหมือนกันทั้งหมด
ต่างก็ออกมาจับกลุ่มคุยกันในเรื่องความฝันที่เหมือนกัน
แล้วต่างร่วมกันออกเดินตามหาแกที่ศาลา/ที่หนำ
ที่คาดว่าแกน่าจะไปนอนพักอยู่
เพื่อตรวจสอบว่าจริงหรือไม่จริงกับความฝันดังกล่าวที่พร้อม ๆ กันนั้น
โดยนัดหมายไปพร้อม ๆ กันหลายคน
ก็ปรากฎพบตัวแกจริงอยู่ที่ศาลาของหมู่บ้าน
แต่ตรวจสอบแล้วพบว่า แกมรณภาพแล้ว
พร้อมกับนุ่งห่มจีวรเรียบร้อยสวยงาม
มีอัฏฐบริขารครบถ้วนตามวินัยสงฆ์
หน้าตาและเส้นผมโกนเสร็จเรียบร้อย
รูปลักษณ์สมกับการเป็นสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างยิ่ง
ในสภาพมือวางบนหน้าอกซ้อนกันข้างขวาทับข้างซ้าย
นอนหงายลำตัวตั้งตรงแน่นิ่งอยู่ที่ศาลาแห่งนั้น
ส่วนบรรดานกกาที่เคยบินห้อมล้อมแก
วันนั้นก็ไม่รู้ว่าบินหายไปไหนหมดเลย
ชาวบ้านจึงต้องรีบไปแจ้งกำนันผู้ใหญ่บ้านให้รับทราบ
ถึงการตายของพระภิกษุรูปหนึ่ง
แล้วต่างร่วมมือร่วมใจกันรีบเร่ง
เตรียมจัดการอาหารหวานคาว
เพื่อรองรับแขกงานศพที่จะมาจากที่ต่าง ๆ
พร้อมกับรีบไปนิมนต์พระภิกษุมาจากวัดต่าง ๆ
เท่าที่จะนิมนต์มาได้ในช่วงเวลานั้น
มาฉันเพลงานศพของพระภิกษุ
แล้วทำการสวดอภิธรรมศพให้แกหนึ่งคืน
วันรุ่งขึ้นช่วงกลางวันหลังจากให้พระภิกษุ
ทำบุญฉันอาหารตอนเช้ากับตอนเพลเสร็จแล้ว
ชาวบ้านก็ช่วยกันจัดการฌาปนกิจศพ
ด้วยการเผากับไม้ฟืนไม้ท่อนเท่าทีจะรวบรวมได้
ช่วงขณะเผาศพแกอยู่นั้นท้องฟ้าก็สีมืดครึ้ม
บรรดานกกาก็ไม่ปรากฏให้เห็นในละแวกนั้นเลย
ชาวบ้านเมื่อทำพิธีเผาศพแล้ว
ก็ต่างรีบกลับบ้านเพื่อรอตอนเช้ามาเก็บกระดูก
เพื่อไปโปรยที่ทะเลสาบสงขลาตามความฝันที่รับรู้มา
ประเพณีเผาศพชาวบ้านชาวใต้สมัยก่อน
ตามที่ผมได้พบเห็นมาไม่ต่ำกว่าสี่ครั้ง
จะเผาศพกันในที่กลางแจ้งให้ชาวบ้านเห็นกันไปทั่ว
เรื่องนี้ได้นมัสการสอบถามพระภิกษุรูปหนึ่ง
ท่านก็เทศนาให้ฟังว่า
เป็นการแสดงธรรมอย่างหนึ่ง
ถึงความไม่เที่ยงแท้ หลีกหนีไม่พ้นทุกคน
เพราะฉะนั้น จงยังจิตอย่าให้ประมาทและหมั่นทำความดีไว้
การเผาศพส่วนมากจะนำออกจากโลงไม้
เพื่อให้วัดสามารถนำไม้ไปทำประโยชน์อย่างอื่นได้
แต่ปัจจุบันมักจะเผาพร้อมกับโลงไม้เลย
โดยจะมีท่อนไม้ใหญ่ ๆ ทับ/วางขวางเป็นรูปกากะบาดตรงหลัง
ให้ศพคว่ำหน้าลงบนเชิงตะกอนหรือหน้าหันสู่พื้นดิน
เพื่อไม่ให้ศพที่มีอาการเกร็งของเส้นเอ็นหรือกล้ามเนื้อ
เมื่อถูกความร้อนของเปลวเพลิงที่เผาผลาญ
กระเด็นกระดอนออกมาจากเชิงตะกอน
หรือมีลักษณะลุกขึ้นนั่งพร้อมกับ
ท่าอ้าแขนโอบกอดไม้ให้น่ากลัวขึ้นไปอีก
แต่ถ้าคว่ำหน้าลงก็จะงอลงข้างล่าง
ดูหลังโค้งไม่น่ารังเกียจเท่าไรนัก
โดยส่วนมากเวลาเผาศพก็มักจะกะเวลาว่า
ไฟจะลุกไหม้ศพได้หมดก่อนรุ่งเช้า
และไฟจะมอดทันพอดีตอนหัวรุ่งที่มาเก็บกระดูก
จึงมักจะไม่มีคนนั่งเฝ้าหรือนอนเฝ้าแต่อย่างใด
ในตอนรุ่งเช้าบรรดาญาติพี่น้อง
ก็จะมากันพร้อมหน้าพร้อมตากันให้มากที่สุด
เพื่อค่อยมาเก็บรวบรวมกระดูกไปทำบุญ
บางครั้งก็เตรียมไว้แล้วโดยสัปเหร่อหรือคนที่ชำนาญในพิธีกรรม
ที่มักจะมองออกว่ากระดูกที่เผาแล้ว
แม้ว่าจะเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยค่อนข้างละเอียด
ก็มักจะบอกได้ว่าชิ้นส่วนนี้เป็นหัว หรืออก หรือแขน หรือขา
มักจะวางเรียงเป็นนัยว่ารูปคนก่อนตาย
เสร็จแล้วค่อยรวบรวมห่อผ้าขึ้นมา
เพื่อนำไปบรรจุในโกฐหรือลอยน้ำตามพิธีกรรมต่อไป
ช่วงที่ชาวบ้านกำลังรวบรวมกระดูกพระภิกษุดังกล่าวนั้น
ปรากฏว่ามีฝูงนกฝูงกาบินมาเต็มไปหมด
ส่งเสียงร้องเซ็งแซ่และบินเป็นฝูงใหญ่ตามกลุ่มชาวบ้าน
ที่กำลังเดินทางไปทะเลสาบเพื่อนำเถ้ากระดูกลอยอังคารต่อไป
เมื่อชาวบ้านลอยอังคารเสร็จแล้ว
ฝูงนกก็บินวนรอบ ๆ สักพักใหญ่แล้วก็บินหายไปในที่สุด
เรื่องนี้ได้สอบถามพระมหาจรูญว่า
พอทราบไหมว่าต้นเรื่องอยู่แถวไหน จะได้ตามไปสอบถามดู
แกก็บอกว่าไม่ทราบเหมือนกัน เป็นตำนานที่เล่าสู่กันมา
รู้แต่ว่ามีเหตุการณ์นี้แถวละแวกลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา
เพราะพระเถระต่างได้เล่าสู่กันมานานแล้ว
และบรรดาพระเถระที่เล่าต่างมั่นใจหรือคิดว่า
พระองค์นี้น่าจะบรรลุธรรมขั้นสูงอะไรสักอย่างหนึ่งแน่นอน
แต่ไม่สามารถจะถ่ายทอดหรือสอนกับชาวบ้านได้
หรืออาจจะเบื่อมนุษย์มนาแล้วก็ได้
ต้องการจะโปรดนกโปรดกาให้พ้นวัฎสงสารได้เร็วขึ้นก็ได้
ดังที่เห็นได้จากที่ชอบพูดชอบเจรจากับนกกา
และมาบอกลาชาวบ้านโดยการเข้าฝันพร้อมกันเจ็ดคน
ให้มาจัดการงานศพของแกให้เสร็จในเร็ววัน
ในสภาพที่มรณภาพก็นุ่งห่มจีวรถูกต้องครบถ้วน
พร้อมอัฏฐบริขารตามวินัยสงฆ์ทุกประการ
ทั้ง ๆ ที่ปรกติก็ไม่สมบูรณ์ครบถ้วนแต่อย่างใด
(ถ้าใครพอทราบสถานที่และพระภิกษุในตำนานนี้
ก็โปรดแจ้งให้ทราบด้วย จักขอบคุณยิ่ง)
เขียนขึ้นจากความทรงจำเก่า ๆ
ก่อนที่จะเลือนหายไปกับกาลเวลา