ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2561
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
29 พฤษภาคม 2561
 
All Blogs
 

บอลลูนระเบิดญี่ปุ่นโจมตีดินแดนสหรัฐอเมริกา






Attack of the Japanese Balloons





ต้นไม้เกี่ยวบอลลูนระเบิด ใน Kansas วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 1945 Photo credit: Japan Times



เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2488
สาธุชน Archie Mitchell กับภริยาซึ่งตั้งครรภ์ได้ 5 เดือนแล้ว
พร้อมกับศิษยาภิบาลเด็กจำนวน 5 คนเดินทางออกจากโบสถ์
เพื่อไปพักผ่อนและตกปลาบนเทือกเขาใกล้กับ Blyใน Oregon
Archie Mitchell ได้ทิ้งให้กลุ่มศิษยาภิบาลอยู่บนทางลากซุง
เพื่อให้เดินเท้าขึ้นไปยังที่พักบนภูเขา
ส่วน Archie Mitchell ก็ขับรถยนต์ล่วงหน้าขึ้นไปบนที่พักก่อน
ในที่สุด ขบวนศิษยาภิบาลก็เดินทางมาถึง Leonard Creek
สถานที่ทุกคนตั้งใจจะกินอาหารกลางวันร่วมกัน

ในขณะที่ Archie Mitchell กำลังขนข้าวของลงจากรถยนต์
ท่านก็ได้ยินเด็กคนหนึ่งพูดว่า " ดูสิ เราเจออะไรกัน ดูเหมือนว่าจะเป็นบอลลูน "


Elise ภรรยาของท่านและพวกเด็ก ๆ ต่างวิ่งไปดูสิ่งที่เพื่อนคนหนึ่งพบ
สักครู่ต่อมา มีเสียงระเบิดดังสนั่นกลบความเงียบสงบของภูเขา
ระเบิดครั้งนี้ได้ฆ่า Elsie Mitchell, Sherman Shoemaker, Edward Engen,
Jay Gifford, Joan Patzke และ Dick Patzke
เด็กทุกคนที่มีอายุระหว่าง 11 ถึง 14 ปี
คนเหล่านี้เป็นเพียงชาวอเมริกันเพียงกลุ่มเดียวที่ถูกสังหาร
โดยการโจมตีของข้าศึกในดินแดนสหรัฐอเมริกา ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
สิ่งที่ฆ่าภรรยาและพวกเด็ก ๆ ของ Archie Mitchell ในวันนั้น
คือ ระเบิดบอลลูนญี่ปุ่น หรือ บอลลูนไฟ
ที่บินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกถึง 8,000 กิโลเมตร
และตกลงบนแถบภูเขา Gearheart
รออยู่อย่างเงียบสงบจนกว่าคนโชคร้ายไปแตะต้องมัน
โดยเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายไม่ตั้งใจหรือไม่รู้ว่ามันมีภยันตราย
ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลดชนวนระเบิด
ได้ระบุในภายหลังว่า ระเบิดชุดนี้ถูกเด็กเตะมันจึงระเบิด







ระเบิดบอลลูนของญี่ปุ่นเป็นอาวุธสงครามที่ประดิษฐ์ขึ้นมา
เพื่อชดเชยการสูญเสียแสนยานุภาพทางอากาศของญี่ปุ่น
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก
เพราะกองทัพญี่ปุ่นไม่มีเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่
และประสิทธิภาพเหมือนกับเครื่องบิน B-29
ที่สามารถบินไปโจมตีเมืองใด ๆ ในสหรัฐอเมริกาได้
รวมทั้งไม่มีเรือบรรทุกเครื่องบิน/สนามบินเพียงพอ
สำหรับการลำเลียง/ขนส่งเครื่องบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิคได้
ดังนั้น ญี่ปุ่นจึงวางแผนโจมตีข้าศึกแบบใหม่ด้วยบอลลูนระเบิด


เมื่อ 2 ทศวรรษก่อนหน้าสงครามโลกครั้งทึ่ 2
Wasaburo Oishi นักอุตุนิยมวิทยาชาวญี่ปุ่น
ได้ค้นพบกระแสลมบนที่ระดับความสูงมาก
ในปัจจุบันเรียกว่า กระแสลมกรด
ที่พัดผ่านข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก
โดยทั้งนี้ Wasaburo Oishi ได้ทำการทดลองด้วยลูกโป่ง
ที่ปล่อยจากสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น
และประสบความสำเร็จจากกระแสลมกรด
ที่พัดพาลูกโป่งจากตะวันตกไปตะวันออก
แต่น่าเสียดายที่ Wasaburo Oishi
เลือกที่จะตีพิมพ์ผลงานของท่านใน Esperanto
ซึ่งเป็นภาษาที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่มีคนใช้งานกันไม่มากในยุคนั้น
จึงทำให้ผลงานวิจัยของท่านล้มเหลว/ไม่มีคนสนใจมากนัก
แต่เมื่อกองทัพญี่ปุ่นได้รับเอกสารงานวิจัยชิ้นนี้ของท่าน
ทางกองทัพญี่ปุ่นตระหนักดีว่า กระลมกรดในที่ระดับสูงนี้
สามารถใช้เป็นเส้นทางลำเลียงระเบิดได้และจะสร้างความหวาดกลัว
ที่ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา




บอลลูนระเบิด (โคมระย้า) ที่พิพิธภัณฑ์ Canadian War Museum ใน Ottawa





ในช่วงระยะเวลา 5 เดือนเริ่มต้นในเดือนธันวาคม พ.ศ.2487
สิ้นสุดในเดือนเมษายนในปีพ.ศ.2488
กองทัพญี่ปุ่นได้ส่งบอลลูนระเบิดมากกว่า 9,000 ลูก
บอลลูนแต่ละลูกบรรจุด้วยก๊าซไฮโดรเจน
โดยแต่ละลูกจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 10 เมตร
และบรรจุวัตถุระเบิดที่มีน้ำหนักหลายพันปอนด์

บอลลูนแต่ละลูกจะปล่อยให้บินขึ้นไปที่ความสูง 30,000 ฟุต
โดยกลไกอัตโนมัติจะทำการควบคุมระดับความสูงของบอลลูนให้เหมาะสม
โดยจะปล่อยถุงทรายทิ้งเมื่อบอลลูนบินต่ำเกินไป
หรือระบายก๊าซไฮโดรเจนออกมาเมื่อบอลลูนบินสูงเกินไป
บอลลูนจะล่องลอยข้ามมหาสมุทรแปซิฟิคเป็นเวลา 3 วันที่ระดับสูงด้วยกระแสลมกรด
ในวันที่ 3 กลไกจับเวลาที่ตั้งระบบไว้จะทำงานทันที
โดยจะทิ้งตัวลงในดินแดนสหรัฐและระเบิดในทันที
บอลลูนจะทำลายตัวเองเพื่อป้องกันศัตรู(สหรัฐอเมริกา)
ใช้วิศวกรรมย้อนกลับในการถอดความรู้จากเทคโนโลยีดังกล่าว

อาจจะเป็นเพราะ Wasaburo Oishi คำนวณผิดพลาด
โดยคาดว่าบอลลูนระเบิดจะใช้เวลาเดินทางจากญี่ปุ่นถึงสหรัฐอเมริกา
ในเวลาราว ๆ 65 ชั่วโมง แต่กลับใช้เวลาเดินทางจริงโดยเฉลี่ย 96 ชั่วโมง
ทำให้บอลลูนระเบิดส่วนใหญ่ตกลงในท้องทะเลมหาสมุทรแปซิฟิค
เลยแทบไม่ได้แตะต้องแผ่นดินสหรัฐอเมริกาเลย


แม้ว่ากองทัพญี่ปุ่นจะได้ปล่อยบอลลูนระเบิดถึง 9,000 ลูก
แต่มีบอลลูนระเบิดเพียง 300 ลูกที่เดินทางถึงสหรัฐอเมริกา
กระจัดกระจายไปตามชายฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือ
ตั้งแต่ Alaska จนถึง Mexico และไกลไปถึง Texas, Wyoming และ Michigan
แต่บอลลูนระเบิดส่วนใหญ่มักจะตกลงในที่ทุรกันดาร/ห่างไกลจากที่ผู้คนอยู่อาศัย
จึงก่อให้เกิดความเสียหายเพียงเล็กน้อยต่อสหรัฐอเมริกา
แต่ก็สร้างความวิตกกังวล/หวาดกลัวให้กับประชาชนได้

แต่เรื่องใหญ่ที่สุดที่น่ากลัวคือ ไฟป่า
จนต้องตั้งกองทหาร 2,700 นายประจำการพร้อมอุปกรณ์ดับเพลิง
ตั้งกองกำลังประจำการอยู่ตามจุดสำคัญตามแนวชายฝั่งทะเลแปซิฟิก
รวมทั้งมีเครื่องบินรบประจำการเพื่อทำลายบอลลูนระเบิด
แต่บอลลูนระเบิดของญี่ปุ่นบินได้สูง/ล่องลอยไปได้อย่างรวดเร็วมากอย่างเหลือเชื่อ
มีบอลลูนระเบิดน้อยกว่า 20 ลูกที่ถูกยิงสอยลงมาได้


ในตอนแรก ยังไม่มีใครเชื่อว่าบอลลูนระเบิดส่งมาจากญี่ปุ่นโดยตรง
แต่เมื่อทรายจากถุงทรายได้รับการวิเคราะห์
เพื่อหาองค์ประกอบของแร่ธาตุและชนิดของ Diatoms
และสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลที่มีขนาดเล็กมาก Microscopic Sea Creatures ในกองทราย
ทำให้ไร้ข้อสงสัยใด ๆ ในเรื่องนี้เลย
ทั้งนี้ นักธรณีวิทยายังได้ติดตามตรวจสอบกองทราย
ด้วยการลงเก็บตัวอย่างจากพื้นที่ชายหาดใกล้เมือง Ichinomiya บนเกาะ Honshu
รวมทั้งการลาดตระเวนทางอากาศของกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา
ก็พบว่ามีโรงงานผลิตไฮโดรเจน 2 แห่งตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง
จึงมีคำสั่งจากกองทัพสหรัฐฯ ให้ทำลายทันที ด้วยการโจมตีทิ้งระเบิดแบบไม่ยั้ง




Microscopic Sea Creatures
Manta Ray" by J. Ralph & Anohni (F.K.A. Antony) -
Original Song From Racing Extinction - VIDEO





ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ทำทุกหนทาง
เพื่อปกปิกเรื่องบอลลูนระเบิดไม่ให้ออกข่าวจากสื่อมวลชน
รวมทั้งปฏิเสธข้อมูลของญี่ปุ่นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของบอลลูนระเบิด
ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ประชาชนชาวอเมริกันตื่นตระหนกจนเกินไป


ในเวลาเดียวกันนั้น หน่วยงานโฆษณาชวนเชื่อของญี่ปุ่น
ก็ตีพิมพ์รายงานข่าวอย่างเมามันว่า
บอลลูนระเบิดบรรลุเป้าหมายตามต้องการ
ทำให้ผู้คนหลายพันคนบาดเจ็บล้มตาย
ทั้งนี้เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับชาวญี่ปุ่น
ซึ่งอยู่ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2
ขณะที่กองทัพญี่ปุ่นเริ่มพ่ายแพ้ในหลายสมรภูมิรบ
จนต้องสร้างฝูงบินพลีชิพ คะมิกะเซะ
บินไปทำลายกองเรือรบของสหรัฐอเมริกา


แต่ลึกลงไปแล้ว กองทัพญี่ปุ่นรู้ดีว่าปฏิบัติการครั้งนี้ล้มเหลว
(ปล่อยไป 9,000 ลูกบรรลุเป้าหมาย 300 ลูกคิดเป็น 3.3%
รวมทั้งญี่ปุ่นเริ่มขาดแคลนทรัพยากรหลายอย่างแล้ว)
และหลังจากที่โรงงานผลิตไฮโดรเจน 2 แห่งถูกทำลายลง
นายพล Tatsumi Kusaba ก็สั่งให้ยุติปฏิบัติการทันที




นายพล Tatsumi Kusaba ฆ่าตัวตายหลังจากถูกกองทัพโซเวียตรัสเซียจับกุมตัวได้




ทั้งนี้ หลังการตายของชาวอเมริกันกลุ่มแรกใน Oregon
สื่อมวลชนต่างถูกปิดข่าวจริงในเรื่องนี้ในทุกสื่อ
เพราะเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้สรุปกันว่า
ถ้าประชาชนรู้เรื่องนี้จะตื่นตระหนกกับภัยคุกคามของญี่ปุ่น


ในทุกวันนี้ สถานที่เกิดโศกนาฎกรรมจากบอลลูนระเบิดที่ฆ่าคนไป 6 คน
มีการก่อกองศิลาขนาดใหญ่ทำเป็นอนุสรณ์สถานพร้อมแผ่นป้ายทองสัมฤทธิ์
ระบุชื่อและอายุของผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย
และที่ใกล้ ๆ กับอนุสรณ์สถานยังมีต้นสน Ponderosa pine
ที่ยังมีร่องรอยสะเก็ดระเบิดเป็นบาดแผลบนเปลือกต้นสน






เรียบเรียง/ที่มา


https://goo.gl/Fqds7R
https://goo.gl/3q4AGn
https://goo.gl/bfqgvJ









Mitchell Recreation Area. Photo credit: Jayedgerton/Wikimedia





บอลลูนระเบิดที่หล่นในฟาร์ม North Dakota เดือนสิงหาคม 1945





ที่พักแรมของ Archie Mitchell




ป้ายอนุสรณ์สถาน





The Christian and Missionary Alliance church in Bly, Oregon





Fire balloon 風船爆弾 (fūsen bakudan)







Type B บอลลูนผ้าไหมฉาบด้วยยาง กู้ขึ้นจากท้องทะเลเปรียบเทียบกับความสูงของคน





ชุดควบคุมขนาดย่อม ใช้กลไก Aneroid (ตรงกลาง) พร้อมชุดอุปกรณ์เสริมอีกหลายชิ้น





บอลลูนระเบิดที่พบที่ Bigelow ในรัฐ Kansas 23 กุมภาพันธ์ 1945







Wasaburo Oishi (大石 和三郎 Ōishi Wasaburō
ช่วงอายุ 15 มีนาคม 1874 - 1950
คือ นักอุตนิยมวิทยาชาวญี่ปุ่น เกิดที่ Tosu ในเขต Saga
ท่านเป็นที่รู้จักกันอย่างมากในการค้นพบกระแสลมบนที่สูง
ที่ทุกวันนี้รู้จักกันในชื่อว่า กระแสลมกรด jet stream
ท่านยังมีส่วนสำคัญในการเป็นชาว Esperantist
ที่ร่วมกันพยายามสร้างภาษาโลก Esperanto
โดยทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการชุดที่สองของ
Board President of the Japanese Esperanto Institute
(日本エスペラント協会) ตั้งแต่ปี 1930 ถึง 1945


Jet stream กับ Esperanto


ท่านเขียนรายงานอย่างเป็นทางการครั้งแรก
จาก Japan's Aerological Observatory
หอสังเกตการณ์อุตุนิยมวิทยา
โดยเขียนขึ้นในปี 1926 ด้วยภาษา Esperanto
ในชื่อรายงาน Raporto de Aerologia Observatorio de Tateno
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับฤดูกาลและการมีกระแสลมในแต่ละช่วงฤดูกาล
กระแสลมในช่วงฤดูหนาวที่เคลื่อนไปทางทิศตะวันตกของสหรัฐอเมริกา
จากฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น ที่ตอนนีเรียกกันว่า กระแสลมกรด
Wasaburo Oishi ยังได้ตีพิมพ์รายงานถึง 19 ชิ้น จำนวน 1,246 หน้า
ในช่วงปี 1926 ถึง 1944 แต่ทั้งหมดเขียนในภาษา Esperanto
ท่านยังเป็นผู้อำนวยการ หอสังเกตอุตุนิยมวิทยา Japan’s Tateno
และประธานสมาคม Japan Esperanto Society


World War II


ผลการศึกษาของ Wasaburo เกี่ยวกับ กระแสลมกรด
จะช่วยให้ญี่ปุ่นโจมตีสหรัฐอเมริกาทางภาคเหนือได้
ทำให้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
จึงมีการปล่อยบอลลูนระเบิดไม่น้อยกว่า 9,000 ลูก
ที่บินในระดับชั้นบรรยากาศราว 30,000 ฟุตขึ้นไป
และจะหล่นลงมาเองด้วยกลไกทางเครื่องกลบริเวณชายป่าสหรัฐอเมริกา
แต่ประสบความสำเร็จน้อยมากกับ โครงการนี้ที่ตั้งชื่อว่า Project Fu-Go
โดยเริ่มปล่อยบอลลูนระเบิดตั้งแต่ช่วงพฤศจิกายน 1944 ถึงเมษายน 1945

แต่เพราะผลการคำนวณระยะเวลาเดินทางของบอลลูนระเบิดผิดพลาด
เพราะคำนวณว่าจะใช้เวลาเดินทางจากญี่ปุ่นถึงสหรัฐอเมริกา
ในเวลาราว ๆ 65 ชั่วโมง แต่กลับใช้เวลาเดินทางถึงโดยเฉลี่ย 96 ชั่วโมง
ทำให้บอลลูนระเบิดส่วนใหญ่ตกลงในท้องทะเลมหาสมุทรแปซิฟิค
เลยแทบไม่ได้แตะต้องแผ่นดินสหรัฐอเมริกาเลย


เรียบเรียงที่มา


https://goo.gl/QW484a





 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2561
1 comments
Last Update : 30 พฤษภาคม 2561 20:07:20 น.
Counter : 2142 Pageviews.

 

ขอให้คุณวาซาบุโระไม่ได้คิดว่าความรู้ที่ค้นพบจะนำไปใช้ในสงครามเถอะ

มนุษย์เราช่างสรรหาวิธีทำลายล้างกันเหลือเกิน

 

โดย: เพรางาย 1 มิถุนายน 2561 14:08:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.