วันนี้ถ้าเรามองไปรอบๆ ตัวเราไม่ว่าจะอยู่สถานที่ใด ตรงไหน เราจะเห็นแต่ภาพชินตาในแทบทุกสถานการณ์ ทุกๆ ที่ ที่ทุกคนจะคอยก้มหน้าก้มตาใช้มือ Chat สมาร์ทโฟนของตัวเอง ไม่ว่าจะเดินยืนรอคิวจ่ายเงิน รอรถโดยสาร ขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสรถไฟฟ้าใต้ดิน การประชุมฯ ทำงานในออฟฟิศ แม้แต่พ่อค้าแม่ค้าที่นั่งรอลูกค้ามาซื้อของ ก็จะแช็ตกันจนเพลิน ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่กับสมาร์ทโฟน จนไม่มีสติ ไม่รู้ถึงกาละเทศะและความเหมาะสม ในการ Chat ไม่ได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล หรือข้อความที่เราโพสต์แสดงความคิดเห็นอันไม่เหมาะสมและเมื่อเรากด Click สื่อสารเรื่องราวต่าง ๆ ออกไปเรื่องราวนั้นๆ จะปรากฏบนหน้าเพจในทันทีไม่เหมือนกับคำพูดที่พูดแล้วก็ลอยหายไป สุดท้ายถ้าเกิดผลกระทบบุคคลอื่นทำให้เกิดความเสียหายอาจนำไปสู่การเป็นคดีความได้

ขอยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่มีการฟ้องร้องกันในที่ผ่านๆ มาเพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจเพื่อน ๆ นัก Chat นัก Share กัน เช่น “ข้าวตราฉัตร” ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี ที่ “เช็ค สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ” กรรมการผู้จัดการบริษัททีวีบูรพาและพิธีกรรายการ "คนค้นฅน" ไปโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก กล่าวหาว่าข้าวไทยมีสารปนเปื้อนและไม่ได้มาตรฐาน และมีการระบุชื่อ ข้าวตราฉัตร ลงไปปรากฏว่าเป็นเรื่องราวใหญ่โต มีการแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทและความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากบริษัทผู้เสียหายทันที เพราะข้อความที่โพสต์ไปนั้นได้สร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคของบริษัทเอกชนเป็นอย่างมาก

สุดท้ายผู้กระทำความผิดก็ได้ออกมาแถลงข่าวขอโทษผ่านสื่อ พร้อมกับอธิบายแสดงเจตนาถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มาจากเจตนาที่แท้จริง หากแต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เกิดจากการโพสต์ข้อความแล้วมือเผลอไผลไปกดโดนปุ่มโพสต์ทั้งที่ข้อความยังไม่ครบถ้วนและได้มีการลบทันที แต่ก็ลบไม่ทันเพราะว่ามีบุคคลนำไปขยายความต่อจนทำให้เกิดการเข้าใจผิดต่อๆ กัน ไปแล้ว

หรืออย่างกรณีล่าสุดในแวดวงทางการเมืองของ “เอกชัย  ไชยนุวัติ” รอง คณบดีคณะนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสยาม ถูกมือดีแอบอ้างใช้ชื่อปลอม ว่า “เอกชัย ม.สยิว” แล้วนำรูปไปโพสต์ลงบน เฟซบุ๊ก ที่แสดงความคิดเห็นว่า เห็นด้วยกับการเสียชีวิตของเด็ก 2 คนที่ราชประสงค์ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และมีการแชร์ข้อความต่อ ๆ กันไปอย่างรวดเร็วกว่า8,000 แชร์

จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เกลียดชัง ทั้งยังมีผลต่อเนื่องให้มีคนนำรูปครอบครัวมาลงพร้อมโพสต์ข้อความด่าทอข่มขู่ ดูเหมือนจะประทุษร้ายต่อไปถึงครอบครัว ทำให้ต้อง พึ่งพาเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แนะนำให้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

             นอกจากนี้ยังมีอีกหลายตัวอย่างที่มีมือดีลักษณะเดียวกันโพสต์ทั้งภาพและข้อความที่ตัดต่อแล้วมีการChat มีการกด Like มีการ กด Share รวมถึงแสดงความคิดเห็นต่อ ๆกัน ออกสู่สาธารณะในลักษณะที่ไม่ครบถ้วนกระบวนความและบางครั้งเราขาดความเข้าใจในเรื่องนั้น ๆ อย่างถ่องแท้ เมื่อสื่อสารออกไปแล้วอาจทำให้ข้อความถูกบิดเบือนและเกิดความเข้าใจผิดต่อ ๆ กันออกไปได้และอาจส่งผลกระทบต่อสังคมวงกว้างได้ เช่น

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2557 8:27:50 น.		0 comments
Counter : 2131 Pageviews.
Share Tweet