เที่ยว เมืองกาญจน์ สู่ทะเลสวยที่ เมืองทวาย
การเดินทางในทริป เมืองกาญจน์สู่ เมืองทวาย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์เป็นทริปที่ต้องบอกว่า Adventure สุดๆ ลุยสุดๆ ในเรื่องของการเดินทางแต่เมื่อไปถึงจุดหมายปลายทาง ทะเลสวย@เมืองเมาะมะกัน สถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลของทวายแล้วละก็ฟินเลย ฟินกับความสวยงามของหาดทรายที่ขาวสะอาด แสงสุดท้ายที่กำลังจะลับขอบฟ้าขอบทะเลและกุ้งมังกร ตัวโต+น้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด แซ่บ!!! รังสรรค์โดยชาวเมียนมาร์ที่เคยฝึกมือในร้านอาหารเมืองพัทยาแล้วกลับมาเปิดร้านอาหารซีฟู้ดที่@เมืองเมาะมะกันฉะนั้นใครก็ตามถ้ามาเที่ยวที่นี่แล้วต้องไม่พลาด อาหารทะเลแบบสดๆจากทะเลน้ำลึกฝั่งอันดามัน
เมืองทวาย เป็นเมืองหลวงของเขตตะนาวศรี หรือตะหนิ่นต่าหยี่มีประชากรราว 140,000 คน มีหลากหลายชาติพันธ์ประชากรส่วนใหญ่พูดภาษาเมียนมาร์ ชาวทวายส่วนมากเข้าใจและพูดภาษาไทยได้หลายคนเคยมาทำงานที่เมืองไทย ประชากรชาวทวายส่วนใหญ่เป็นชาติพันธุ์พม่าและมีชาติพันธุ์มอญ และกะเหรี่ยง
ปัจจุบัน ทวาย กำลังจะเป็นเมืองเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย(Dawei SpecialEconomic Zone) ที่ทางการวางโครงสร้างพื้นฐานทางทะเลรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศหรือที่รู้จักกันว่า ท่าเรือน้ำลึกทวาย
ตัว เมืองทวาย อยู่ห่างจาก ด่านพุน้ำร้อนชายแดนเมืองกาญจน์ ไปประมาณ 168 -180กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง
การผ่านด่านทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราวจะทำทั้งที่ฝั่งไทยและเมียนมาร์โดยยื่นบัตรประชาชนพร้อมรูปถ่าย 2 นิ้ว 1 ใบ และจ่ายค่าธรรมเนียม 30 บาทได้หนังสือผ่านแดนชั่วคราวอายุ 7 วัน สำหรับเดินทางไปเมียนมาร์เฉพาะเมืองทวายเท่านั้น
แต่หากเป็นชาวต่างชาติต้องใช้หนังสือเดินทางยื่นเป็นหลักฐานแต่ถ้าเราอยากไปเที่ยวเมืองอื่นๆด้วยต้องขอวีซ่าและใช้พาสปอร์ตรถตู้ที่จะผ่านแดนไปทวายต้องเป็นรถมีทะเบียนเมียนมาร์ซึ่งก็ปรากฏว่ารถตู้ฝั่งไทยก็จะมีป้ายนี้กันแล้วนำมาแปะทับ
เมืองทวายเป็นเมืองหลวงของเขตตะนาวศรีหรือตะหนิ่นต่าหยี่ มีประชากรราว 140,000 คนมีหลากหลายชาติพันธ์ ประชากรส่วนใหญ่พูดภาษาพม่าชาวทวายส่วนมากเข้าใจและพูดภาษาไทยได้ หลายคนเคยมาทำงานที่เมืองไทยประชากรชาวทวายส่วนใหญ่เป็นชาติพันธุ์พม่า และมีชาติพันธุ์มอญ และกะเหรี่ยง
ชายแดนบริเวณนี้อยู่ในความดูแลของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงหรือกะเหรี่ยงเคเอ็นยู(KNU: The KarenNational Union) และกองกำลังย่อยเคเอ็นแอลเอ (KNLA: KarenNational Liberation Army)
การเดินทางก่อนที่จะถึงตัวเมืองทวายจะผ่านด่านตม.ของทั้งกะเหรี่ยงและเมียนมาร์ราว 4-5 ด่าน แนะนำว่าควรมีคนเมียนมาร์ไปด้วยเพื่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่และประสานงานต่างๆ
การเดินทางเข้าสู่ เมืองทวาย นิยมใช้รถยนต์เป็นหลักแต่ด้วยถนนหนทางกำลังเพิ่งจะเริ่มต้นก่อสร้าง การใช้รถยนต์หากเป็น โฟวีลขับเคลื่อน 4 ล้อ 2 ล้อจะวิ่งได้ดีบนถนนลูกรังตลอดระยะทาง
ส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางกับรถตู้ส่วนใหญ่นั่งไม่เกิน 6 คนกำลังดี เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทางค่าโดยสารเฉลี่ยคนละประมาณ 1,500 บาท บวกลบนิดหน่อย (ไม่รวมค่าเหยียบแผ่นดิน) เรียกว่าไม่แพงถ้าแลกกับความดิบของธรรมชาติตลอดสองข้างทางที่เต็มไปด้วยป่าเขาบริสุทธิ์อยู่มาก
พวกเราเดินทางมาได้ครึ่งทางก็เริ่มหิว เลยฝากท้องไว้กับร้านอาหารกะเหรี่ยงที่ คุณเปิ้ล แห่ง Apple's Retreat & Guesthouseนักธุรกิจจากเมืองกาญจน์ ผู้นำทริปเที่ยวภูมิใจนำเสนอว่า อร่อยและสะอาดที่สุดบนถนนเส้นนี้
เมนูอร่อยเป็นอาหารสำเร็จรูป มีให้เลือกมากมาย ทั้ง ต้มขาหมู ผัดเผ็ดไก่บ้านผัดเผ็ดเครื่องในไก่ ผัดเผ็ดอีเห็น เก้ง กวาง ปลาโอ ฯลฯ ที่สุดขาดไม่ได้ ไข่เจียวและนำพริกรสเด็ด-ผักสดๆ ที่ทางร้านมีให้กินเคียง ค่าอาหารตกประมาณ 17,500 จ๊าด คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 300 กว่าบาทจ่ายเงินเสร็จเดินทางต่อ
ถึงเมืองทวายค่ำพอดีแวะกินอาหารเย็นที่ร้าน ลาล่าในตัวเมือง เป็นร้านธรรมดาแต่รสชาติไม่ธรรมดาโดยเฉพาะต้มยำกุ้ง ยำปลาหมึก กุ้งทอดกรอบ ฯลฯ
พวกเราพักค้างคืนที่โรงแรม Dimond CrownHotel อยู่ในตัวเมือง 2 คืน ราคาที่พักคิดเป็นเงินไทยตกประมาณ 1,900 บาทต่อคนต่อห้องนอน 2 คนตกคนละ 950 บาทต่อคืน
มีอาหารเช้าให้ช่วง7 โมงเช้า 1 มื้อใครตื่นเช้าจะได้ชมวิวบนชั้นดาดฟ้าซึ่งใช้เป็นห้องอาหารเช้าของโรงแรมจะมองเห็นตัวเมืองโดยรอบแบบ 360 องศา
หลังอาหารเช้า พวกเรานั่งรถตู้ตะลุยชมตัวเมือง ชมอาคารบ้านเรือนอาคารสำนักงาน ที่มีสถาปัตยกรรมแบบยุโรปและเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น
ถ้าต้องการเดินแนะนำให้เริ่มเดินจากกม.ที่0 ของเมืองไปเรื่อยๆ ผ่านอาคารที่ว่าการเมือง หอนาฬิกาและมีสำนักงานเอสซีจีของไทยตั้งอยู่บริเวณนี้
จากนั้นออกจากตัวเมืองไปเที่ยวชม วัดชี่ตาวโป่ว(สะกดตามการออกเสียงของคนเมียนมาร์) วัดนี้ตั้งอยู่บนภูเขาสูง ติดทะเล Sea View มีอายุกว่า 1,200 ปี เด็กวัยรุ่นเมียนมาร์นิยมมาเที่ยววัดกันมากมาย
วัดนี้มีความหมายตามที่ชาวเมียนมาร์ แปลให้ประมาณว่า เป็นวัดที่ยับยั้งอุปสรรคที่กองไว้ใครมาไหว้พระที่นี่เชื่อว่าจะช่วยผ่อนปัญหาอุปสรรคลงได้
วัดต่อมา วัดเมาะละเมียลยะ(คำสุดท้ายออกเสียงขึ้นจมูกนิดๆ)เป็นวัดที่สวยงามมาก ถ้าใครได้มาไหว้พระที่นี่ คุณเปิ้ล แนะนำว่าให้อธิษฐานในสิ่งที่เราต้องการแล้วใช้ไม้ตีระฆัง 5 ครั้งจะโชคดี
วัดอะยูเปียวอ่าวมีน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นวัดที่ชาวเมียนมาร์เชื่อกันว่า ใครสุขภาพไม่แข็งแรง ไม่สบายมาก เจ็บป่วย หรือมีอาการทางประสาท สติสะตังมีอาการคล้ายคนบ้า ก็จะมาไหว้พระขอพร และตักน้ำมนต์จากบ่อน้ำมนต์พรมศรีษะ จะช่วยปัดเป่าโรคร้ายห่างไกล หรือหายได้
วัดพระนอนวัดพระไสยาสถ์ชเวธาลยังดอมะ (ShwethalyaungDaw Mu) เป็นวัดพระนอนองค์ใหญ่ที่สุดของเมืองทวายแต่เล็กกว่าที่เมืองเมาะละแหม่ง ถูกสร้างโดยพระธุดงค์ที่เดินทางมาปฏิบัติธรรม
ปัจจุบันมีอายุมากกว่า 100 ปีวัดแห่งนี้มีความยาวถึง 74 ม. สูง 21 ม. สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1931 มีการสร้างหลังคาคลุมองค์พระไว้ พระนอนขนาดใหญ่ ตาหวาน ขนตาสวยและปากแดงงดงามตามธรรมเนียมวัฒนธรรมของพม่า
เที่ยวชมวัดได้เวลาอาหารมื้อกลางวันแต่อาหารตกถึงท้องประมาณบ่ายนิดๆไปกินที่ร้านอาหารขึ้นชื่อของเมืองเป็นร้านข้าวราดหรือตักเป็นถ้วยก็ได้มีมากกว่า 20 เมนูให้เลือก อร่อยทุกเมนูแนะนำว่า ใครมาแล้วห้ามพลาดอาหารอร่อยที่ร้านนี้
ได้เวลาเดินทางไปไปเที่ยวชม ชายหาดเมาะมะกันฝั่งอิตัลไทยซึ่งเป็นบริเวณก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกทวาย (ยังไม่ได้มีการเริ่มก่อสร้าง)
ที่นี่ชายหาดทรายขาวสวยงามมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมานอนอาบแดดกัน แต่ก็ยังไม่มากนัก
สามารถขับรถเลาะเลียบไปตามชายหาดนาปูแล ภาพทะเลผืนงามและความเงียบสงบ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายก่อนขึ้นไปชมวิววัดบนเขา
จากนั้นเดินทางต่อไปยังชายหาดเมาะมะกันที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวเมียนมาร์และชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาเที่ยวชมบรรยากาศและเล่นน้ำทะเลกัน
ได้เวลาแสงสุดท้ายของวันพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ใครมาถึงเมืองทวายไม่แวะมาเที่ยวทะเลแห่งนี้ต้องบอกว่ามาไม่ถึงทวายอย่างแน่นอน
ที่สำคัญอาหารทะเลอร่อย รสชาติหวานเพราะสดส่งตรงจากทะเล ทุกคนที่มาเที่ยวแล้วกลับไปมักบอกต่อกันปากต่อปากว่าใครมาเที่ยวที่นี่ต้องกินอาหารทะเล พวกเราได้ลิ้มรสอาหารทะเลจริงๆ โดยเฉพาะกุ้งมังกร ที่ว่าตัวใหญ่แล้ว
แต่พ่อครัวเจ้าของร้านSilver Sea คุณสมชาย อดีตกุ๊กจากเมืองพัทยา บอกว่ายังไม่ใหญ่เท่าไหร่ กินกับข้าวสวยแบบไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดอร่อยมากตัวเดียวอิ่มเลย แต่ถ้าจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บยิ่งอร่อยสำหรับคนชอบรสเผ็ดเปรี้ยว
ก่อนเข้าที่พักคุณเปิ้ลแนะนำพวกเราแวะเที่ยวชมวัดพระเจดีย์ ชเว ด่อง จา (Shwe Taung SarZedi) ซึ่งเป็นวัดเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองทวาย และเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวเมียนมาร์อีกแห่งหนึ่ง
ณ วัดแห่งนี้จะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวเมียนมาร์ที่นิยมมาไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเวลาตอนเย็น เปิดไฟยามค่ำคืนจะสวยงามมาก ส่วนบรรยากาศกลางวันที่วัดมีสีสันสวยอีกแบบและที่น่าตื่นตาตื่นใจ
ช่วงเวลากลางวัน พวกเราพบชาวเมียนมาร์วัยรุ่นมากมายเต็มลานวัดช่วยกันทำความสะอาดธนบัตรเมียนมาร์ที่สูงพะเนิน จากนั้นนำแบงก์ต่างๆมาตากแดดบนผ้าใบ ที่นี่ไม่มีโจร ขโมย เพราะกฏหมายเข้มงวดมาก
พวกเราได้แวะตลาดเช้ากันนาเซ่ เป็นตลาดสดที่คึกคักไปด้วยผู้คนมากมาย มีสินค้าเช่นอาหารทะเลสด ผัก และผลไม้พื้นเมือง จำหน่าย
ได้สัมผัสวิถีชีวิตชาวทวายอย่างใกล้ชิดและเก็บภาพบรรยากาศเมืองทวาย มีทั้งเนื้อสัตว์ เช่น ไก่ หมู ปลา ผัก ผลไม้ ดอกไม้ ของแห้ง ฯลฯที่นี่เราจะได้เห็นปลาขนาดใหญ่หลายชนิดที่เราไม่รู้จักทั้งสด แห้ง และหมัก
จากนั้นเดินเที่ยวชมตลาด 100 ปีหรือตลาดเซจี ของเมืองทวายเป็นตลาดใหญ่ตั้งแต่ยุคสมัยอาณานิคมอังกฤษมีหลากหลายสินค้าให้เดินช็อปปิ้ง พร้อมสัมผัสวิถีชีวิตของชาวทวายและบรรยากาศของตลาดที่ยังคงความเป็นอดีตไว้อย่างมาก
รอบๆ ตลาดมีร้านขายทองเรียงเป็นแถว และยังมีผ้าลุนตยาที่เป็นผ้าพื้นเมืองของที่นี่มีสีสันและลวดลายงดงาม
ได้เวลา บ่ายโมงเดินทางกลับเมืองกาญจน์เข้าที่พัก Apple's Retreat & Guesthouse ของ คุณเปิ้ล และ คุณหน่อย ที่ให้ความรู้สึกว่าRetreat จริงๆ เงียบ สงบ ผ่อนคลาย ไม่มีทีวี ตู้เย็น คืนละ 900 บาทนิดๆ
ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่รู้จักมายาวนานจากการบอกเล่าปากต่อปากว่าGuesthouse ที่นี่ Retreat จริงๆที่สำคัญอาหารอร่อย โดยเฉพาะแกงป่าไก่ รสชาติจัดจ้าน นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นโรงเรียนสอนทำอาหารไทยโดยคุณหน่อย ที่ชาวต่างชาตินิยมมาเรียนจำนวนมาก ด้วยคลาสสอนอาหารไทยที่เอาใจใส่ของเจ้าของ
ยามเช้าตรู่จะขี่จักรยานเล่นจากรีสอร์ทก็แสนเพลินใจหรือจะเหมาแพล่องไปตามลำน้ำก็ได้ ที่นี่ทำเลสะดวกกับการท่องเที่ยวอยู่ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำแคว หรือจะไปน้ำตกไทรโยค ไปเที่ยวเมืองมัลลิการ์ช่องเขาขาด ต่อด้วยไปไหว้พระพุทธเมตตาประชาไทยก็สะดวก.
Create Date : 06 ธันวาคม 2559 |
|
3 comments |
Last Update : 8 ธันวาคม 2559 6:35:14 น. |
Counter : 3686 Pageviews. |
|
|
|