เรื่องน่าอ่าน โอกาสที่เหมาะ...เวลาที่ใช่!!
ยามใดๆ...เมื่อได้ยินเรื่องของ ความตายเชื่อว่าทุกคนมีปฏิกิริยาเหมือนๆ กันเริ่มจาก ขนลุกแล้ววาบไปทั่วเรือนร่างก่อนจะมากระจุกหมวดอยู่กลางใจจนเต้นแรงตุบๆ แทบทะลุอก แล้วตามด้วยความรู้สึกคล้อยๆมือไม้อ่อนเปลี้ยเพลียแรงลงทันที!! กลัว!!...ใช่...มันคือ ความกลัวกลัวที่จะต้องเผชิญกับ ความตายทั้งที่ทุกคนในโลกใบนี้ไม่มีใครสามารถหลีกหนีพ้นความตายได้สักคน!! แต่ทุกคน...ก็กลัวที่จะเจอกลัวที่จะเผชิญกับภาวะใกล้ตาย...กันทั้งสิ้น!! เรามาคิดกันแบบคนหัวคิดทันสมัย และอยู่ในโลกใบนี้ด้วยความสุขกายสบายกันดีไหม...เริ่มจากตัวแทน ซึ่งท่านต้องทำความเข้าใจกับคำว่า ความตายให้ลึกซึ้งกว่าที่จะหมายถึงแค่ได้ สินไหมทดแทน ของคนในครอบครัวหรือเครือญาติของผู้เอาประกันชีวิตกันแล้ว ด้วยความตาย แท้ที่จริงแล้ว...เป็นเรื่องใน อนาคตที่เป็นความจริงไม่ใช่ความฝันและเป็นสิ่งที่ ใกล้ตัว เราทุกคนเพียงแต่จะเกิดขึ้น เมื่อใด..เวลาใด เท่านั้น คำถามจึงมีอยู่ว่า...เมื่อเป็นความแน่นอนที่เราต้องตาย...ทำไมเราไม่เตรียมตัวตายให้ดีล่ะ!! สิ่งแรก...ถ้าเรากลัวความตาย(จนขี้ขึ้นหัว)เอ่ยถึงไม่ได้...ได้ยินไม่ได้...ก็ลองปรับทัศนะความคิดใหม่...แล้วทำความเข้าใจกับ ความจริงที่เราต้องเผชิญและหนีไม่พ้นนี้เสียแต่วันนี้ สิ่งสอง...ให้ลองเข้าใกล้ชิดกับความตาย ผ่านการเข้าไปสัมผัส คนใกล้ตาย มากขึ้น อย่างอาสาเป็น คนข้างเตียงคอยปฐมพยาบาลคนป่วยหนักใกล้ตายหรือแม้กระทั่งอยู่ปลอบประโลมด้วยสติสัมปชัญญะพูดคุยจนถึงนาทีสุดท้าย คนใกล้ตายจนเขาจากโลกใบนี้ไป เรื่องนี้เป็นเรื่องความสร้างความเคยชินของจิตใจที่เราทุกคนควรรับรู้และปฏิบัติโดยมีท่านผู้รู้ให้คำแนะนำผ่านการเสวนางาน เตรียมตัวแก่ เตรียมตัวก่อนตายไว้ว่า...ผู้อยู่ใกล้ชิด คนใกล้ตาย ต้องปฏิบัติต่อ คนใกล้ตายอย่างให้เขาสบายใจคลายกังวลทุกเรื่องราวที่เขาเป็นอยู่ ไม่ส่งเสียงดัง ไม่มาทะเลาะวิวาทกันข้างๆหูผู้ป่วยที่รอนาทีถอดสายออกซิเจน คนใกล้ตายแม้จะเหลือแค่ลมหายใจจากสายออกซิเจน...แต่ประสาทการรับรู้ยังรับรู้ได้ยินเหมือนเดิม...เพียงแต่เขาตอบสนองไม่ได้เท่านั้น...สิ่งเหล่านี้แค่เป็นตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ ที่จะช่วยคลายกังวลให้ คนใกล้ตาย ไม่คิดมากไม่วิตกไม่กังวล แล้วคนใกล้ตาย จะค่อยๆ ผ่อนความรู้สึกคล้อยไปกับเพลงบรรเลงหรือเสียงที่ไพเราะเพราะพริ้งของธรรมชาติ จนละร่างกายที่ไร้การตอบสนองนั้นไปโดยสงบ!! ในเชิงปฏิบัติ...ผู้รู้ก็แนะนำไว้อีกว่า...สามารถกระทำได้ตั้งแต่ ตัวเราซึ่งยังมีชีวิตอยู่และยังไปไม่ถึงโอกาสที่เหมาะเวลาที่ใช่นั้นนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป...นั่นก็คือเตรียมตัว เผชิญหน้ากับ ความตายอย่างดีที่สุดเท่าที่ตัวเราจะกระทำได้ เริ่มวางแผนชีวิตให้อยู่อย่างมีความสุข...ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างโหดเหี้ยมของสังคมด้วยความรอบรู้...กินอยู่อย่างพอเพียงไม่เกินตัวให้เหลือเก็บ...เก็บไว้อย่างพอเพียงกับความเป็นอยู่ในวัยชรา(หากเราตายช้า) และยิ่งวันนี้เรารักษาสุขภาพมากเท่าใด...เราก็มีระยะห่างจาก ความตายยาวนานมากขึ้นเท่านั้น แล้วก็ให้เข้าใจใหม่กับการตายช้า...ว่าแท้จริงแล้วมันคือนรก มากกว่าสวรรค์ ถ้าหากเราไม่เตรียมตัวรับมือกับความตายที่ช้าลง...ก็จะยิ่งมองเห็นอนาคตที่กำลังนำเราเดินไปสู่ภาพการมีชีวิตในวัยชราที่ทุกข์ทรมานขณะใช้ชีวิตอยู่ในสังคมยุคอนาคตอย่างทุลักทุเลชัดขึ้นๆทุกขณะ จนบางครั้งอาจจะก่อให้เกิดความรู้สึกไม่อยาก ตายช้าขึ้นทันทีทันใดได้ เมื่อวางแผนแล้วก็ต้องตามด้วยการลงมือทำ...พาตัวเองไปสู่สังคมที่มีมลพิษ น้อยที่สุด...ทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และคนรอบข้าง ข้อมูลใดๆที่รับฟังได้ยินแล้วเป็นพิษต่ออารมณ์...ก็ให้หนีห่างให้ไกลเริ่มเก็บออมจากส่วนที่เหลือจากการกินการอยู่อย่างพอเพียงอย่างเป็น ระบบนับเสียแต่วันนี้ เพื่อนนักขายตัวแทน...ก็ต้องเรียนรู้เรื่องระบบ การจัดการเงินออมที่เหมาะสมและดีต่อการมีชีวิตอย่างยาวนานของ ผู้เอาประกันชีวิตเพื่อเป็นการตอบโจทย์ที่ยากให้กับ ผู้มุ่งหวังที่กำลังเตรียมตัวก่อนตายได้อย่างคลายกังวลที่สุด หนทางวันนี้...การเดินเข้าสู่ที่ปรึกษาการเงิน จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะตามโอกาสและเวลาที่ใช่ สำหรับ ตัวแทนที่จะเข้าไปเป็นคนช่วยเหลือผู้ที่เริ่มเข้าใจและเริ่มเตรียมตัวก่อนตายซึ่งบอกไม่ได้ว่า...คนกลุ่มนี้มี กำลังซื้อ เพื่ออนาคตตัวเองสูงเพียงใด... เพราะมันเทียบเป็นมูลค่าชีวิตหลังความตายไม่ได้...แต่มันกลับเทียบเป็นมูลค่าการมีชีวิตอยู่ก่อนตายให้เห็นๆกันจะจะด้วยความกลัว...ได้เป็นไหนๆ ด้วยประการฉะนี้!!
Cr.นสพ.เส้นทางนักขาย
Create Date : 03 มีนาคม 2557 |
|
0 comments |
Last Update : 3 มีนาคม 2557 12:42:08 น. |
Counter : 1383 Pageviews. |
|
|
|