Angkor Wat Trip - 2nd day :: บันทายสรี & ปราสาทตาพรหม
ทำไมต้องมีหลายภาค หลายตอน
ก็รูปมันเย้อออออออออ
ก็ทนๆดู รูปที่เอามาอวดหน่อยนะ
นานๆได้ไปเมืองนอกสักที
.
5 September 2009
ตื่น 6 โมงเช้า
พี่สาลี่สั่งให้โรงแรมทำ Morning Call ลูกทัวร์ทุกคน
พ่อคุณช่างรอบคอบซะจริงๆ
.
.
ตื่นมา อาบน้ำ แล้วก็ลงมากินข้าว
สองแม่ลูก แม่แจงและน้องขิม มากินรออยู่ก่อนแล้ว
วันนี้ใส่เสื้อสีแดงซะด้วย
.
กินเสร็จพี่สาลี่ก็มารอ
เราก็รีบไปเอาของบนห้อง...ลืมอะไรน้อ...
จำไม่ได้อะ
ปวดท้องตุ่ยๆ แต่ไม่อึ๊ .... แล้วก็ลืมหอกอะไรสักอย่าง
แต่ก็ลงมาพร้อมกับแฟนพี่จอย (ฝรั่งเบลเยี่ยม)
พี่สาลี่แจ้งว่า
วันนี้เราจะไปเที่ยวที่ "บันทายสรี" เป็นที่แรก
คนขะแมร์ก็กินขนมปังฝรั่งเศสยาวๆแบบนี้
ลาว เวียดนาม เขมร
ต่างได้รับอิทธิพลของฝรั่งเศสเต็มๆ
จากการครอบครองของฝรั่งเศสนานตั้งแต่สมัย ร.5 นู้นนนนน
คนทั้งสามประเทศกินกันเหมือนคนบ้านเรากินข้าวเหนียวหมูปิ้ง
ขายกันถูกๆ มีขายทั่วไป
เมืองไทยมีขายที่ร้านหรูๆ ซุปเปอร์ฮิโซ
ร้านป้าข้าวแกงไม่มี
ตัวเราเองก็กินไม่เป็น
เห็นแบบนี้ถนัดเอามาตีหัวกัน หรือไม่ก็เอามาหนีบจักกะแร้เหมือนในหนังฝรั่ง
แหะแหะ
คราวหน้ามาจะปั่นจักรยานเที่ยว
สดชื่นจังเลยแม่คู้ณณณณ ดูเล็บซะก่อน
.
ในที่สุดก็มาถึง "บันทายสรี" กันจนได้
ไกลจากตัวเมืองพอประมาณ
ถนนก็แคบ
คุณลุงคนขับก็แปลก ถนนไม่ดี คุณลุงก็ขับเร็ว
มีแต่เสียงดังของล้อรถตกหลุม
เล่นเอาหนูขิมเคือง เพราะดื่มน้ำอยู่ รถตกหลุม ชีสำลัก
นั่งหน้างอ งอนลุงคนขับ ไม่พูดไม่จา
ลุงคนขับก็ไม่รู้เรื่อง
แม่อิ๋วถาม "เป็นอะไรคะ"
น้องขิม "ไม่ชอบลุงคนขับเลย น้องขิม...."
กว่าจะรู้เรื่องว่าชีสำลัก ต้องให้คุณแม่แจงทำหน้าที่เป็นล่าม
.
พอรถถึงทางเข้าปราสาท
เด็กๆขะแมร์ก็วิ่งกรูกันเข้ามา
ขายของกันใหญ่
ฮ่วย....เกิดมาไม่เคยโดนรุมขนาดนี้
ทำไรไม่ถูก...เอาของทุกอย่างที่หยิบได้
แม้แต่กระป๋องบ๊วย...ที่เอาไว้กินในรถก็หยิบไปด้วยอารามตกใจ
พอเหตุการณ์สงบ
(ดีหน่อยที่เด็กขายของมีพื้นที่ห้ามเข้า ทำให้เราสบายใจเวลาเข้าชมปราสาท)
ก็ยังงงตัวเองว่า "กรูจะเอามาทำไมวะนี่ T_T"
.
พี่สาลี่ก็อธิบาย เล่าเรื่องไปเรื่อยๆ
ฟังก็เพลินๆ และต้องคอยเดาว่าคำนี้คืออะไรแน่
พี่สาลี่มาสารภาพว่า
"ภาษาไทยนี่ยุ่งยากที่สุดในโลกเลย ผันวรรณยุกต์ตัวเดียว ความหมายเปลี่ยนซะแล้ว"
.
พี่สาลี่อธิบายไป ส่วนเราหูก็ฟัง แต่ขอไปถ่ายรูปก่อน
ทางเข้าปราสาท "บันทายสรี"
เดินเข้าไปสักประมาณ 600 เมตร
กว่าจะถึง
คนเริ่มเยอะ เพราะมีทัวร์มาลง
สองกรุ๊ปแหน่ะ มีหมวกฟ้า และ หมวกชมพู
และจากนักท่องเที่ยวอื่นๆอีก
แกะสวยจริงๆ
หินนะคะนี่
นี่เป็นรูปของ "พระแม่อุมาเทวี ที่พึ่งเกิดจากการกวนเกษียรสมุทรน้ำนม มาชำระร่างกาย"
เรื่องเล่าเยอะ มันยาว ฟังจนเมื่อยหู แต่สนุกดี
ด้านในของ "บันทายสรี"
เป็นปราสาทเล็กๆ แต่รายละเอียดเยอะมาก
คุณ อาร์โนล ทอยน์บี บอกว่า
"See Angkor Wat and die... "
"ได้ยลเมืองพระนครแล้ว ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวาตม์ "
ส่วน นักเขียน "ธีรภาพ โลหิตกุล" มาต่อประโยคไว้ว่า
"See Banteay Srei and alive... "
"หากได้ประจักษ์ในความงามของบันทายสรี ก็ปานประหนึ่งได้ฟื้นคืนชีวีอีกครั้ง"
ป๊าดดดดดดดดด....ขนาดนั้นกันเลยรึนี่
ดั้น....มาดู "บันทายสรี" ก่อน
เดี๋ยวตอนบ่ายไปดูนครวัด แล้วจะฟื้นคืนชีวีกันยังไงละทีนี้
แกะได้ละเอียดและสวยจริงๆ
เมื่อยก็แอบนั่งพัก
พระอิศวรกะนางอุมาเทวีประทับบนหลังวัว
เหงื่อโทรมแต่ยังสู้นะค๊า
ภาพนี้อรชุนรบกับใครน้า.....
มุมนี้จะเห็นปรางยอดทั้งสามของบันทายสรี
พี่สาลี่บอก "ต้องถ่ายมุมนี้นะ"
"จ้า"
.
ถ่ายเสดละ ก็เดินออก
รีบไปที่อื่นต่อดีกว่า เดี๋ยวกรุ๊ปอื่นตามมาอีก
อีกภาพ
.
ก่อนกลับขอแวะสระบัวหน่อยนะ
ชอบมากๆเลย
สวยๆ มองแล้วโคตรจะเพลิน
.
ออกมาถึงลานจอดรถ
โดนรุมเช่นเคย เลยตกลงซื้อโปสการ์ดมาอีกแพ็ค
ตอนแรกน้องบอก " แพ็คละ 3 ดอล"
(1 ดอล = 4000 เรียล ถ้า 3 ดอล ก็ 12000 เรียล)
เราก็เล่นตัวไปๆมาๆ เลยต่อเหลือ 2000 เรียล"
ได้ด้วยอะ ก๊าก.....
ตกลงกำไรมีไม๊นี่
แม่แจงสบายเลย นู๋ขิมขึ้นรถปุ๊ปก็มานอนตักแม่อิ๋วทั้งทริป
(ชีกำลังดู โปสการ์ดผลงาน 2000 เรียล ของแม่อิ๋วอยู่)
.
ผ่านปราสาทใหญ่หลังนึง
พี่สาลี่บอกว่า เป็นปราสาทของพ่อ ของคนที่สร้าง "บันทายสรี"
แต่สร้างไม่เสร็จเพราะสิ้นพระชนม์ไปก่อน
แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า
คนลูกที่สืบราชบัลลังต่อ จะไม่สร้างต่อให้เสร็จ
เพราะการสร้างต่อนั้น
เปรียบเสมือนคนลูกไม่มีความสามารถในหาหาพื้นที่ หรือออกแบบปราสาท
คนลูกเลยไปสร้าง "บันทายสรี"
และทิ้งปราสาทนี้ไว้แบบไม่เสร็จแบบนี้แหละ
พี่สาลี่ใจดีจอดให้ลงไปถ่ายรูป
ขนาดยังไม่เสร็จก็ดูยิ่งใหญ่ อลังการนะนี่
.
ขึ้นรถต่อ
มุ่งหน้าไปเที่ยว "ปราสาทตาพรหม"
คลองขุดรอบนครวัด
ใหญ่จริงๆ
.
ในที่สุดก็มาถึง "ปราสาทตาพรหม"
ร้านขายของที่ระลึกด้านหน้า
ป้ายทางเข้า
เข้ามากันเลยค๊า
ภาพหลังประตูทางเข้า
ด้านหน้าของปราสาทตาพรหม
แองโจลีน่า โจลี
กำลังจะเข้าไปเล่นหนังเรื่อง "ทูม ไรเดอร์" แล้วนะคะ
ต้มไม้แต่ละต้น
อายุคงเป็นพันๆปี ใหญ่คักคัก
ฉากในหนัง
ดู "แองโจ้ ปวดเขร้" ไปพลางๆก่อนนะค๊า
ปราสาทนี้ต้นไม้ขึ้นแทรก ขึ้นคลุมไปทั่ว
ทำให้สวย มีเสน่ห์ และดูขลังมากขึ้น
อัปสราพุงเล็กลง เชฟดีขึ้น แต่ติงใหญ่นะนี่
ตาเล็ก ปากบาง กว้าง สวยเชียว
รากไม้ ใหญ่มาก
เค้าทำมุมให้ถ่ายรูป เราเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี ก็ต้องไปถ่าย
"เจอ ไดโนเสาร์ แล้วค๊า"
ภาพนี้เป็นภาพเด็ดมาก พลาดไม่ได้เลย งั้นจะถือว่ามาไม่ถึง
ปราสาทนีสร้างมาประมารพันปีแล้ว
แต่เค้ามีรูปไดโนเสาร์ด้วยอะ
ทำเอางงกันใหญ่มามาได้งายยยยยเนี๊ยะ
.
ออกจากปราสาท
ด้านนอกมีกองหินระเกะระกะไปทั่ว
สังเกตกำแพงสิคะ มีการแกะสลักด้วยแต่ไม่รุ้เป็นภาพอะไร
สะพานไม้ข้ามบาราย
เมื่อยนะนี่
ประตูทางออก
.
ขึ้นรถก็หมดแรง
พี่สาลี่จะพาไปกินข้าวแล้ว
วันนี้มี "บับเฟ่" ซะด้วย
ค่อยถูกใจ ถูกปากมาหน่อย
"ขอกินข้าวก่อนนะคะ"
"เดี๋ยวบอล็คหน้ามาชมปราสาทด้วยกันต่อนะค๊า"
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
Create Date : 12 กันยายน 2552 |
Last Update : 12 กันยายน 2552 19:07:02 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1673 Pageviews. |
|
|