Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2558
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
3 พฤษภาคม 2558
 
All Blogs
 
หวานนักรักไม่ปรารถนา -1- เส้นทางสู่การหวนคืน




1
เส้นทางสู่การหวนคืน

สิบนาทีถัดมา ธราธรมองขึ้นไปที่บันไดเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนก้าวลงมา มิถุนายืนอยู่ตรงนั้น ราวกับมีแสงสปอตไลต์จับต้อง เธอสวยสง่า ราศีนางเอกจับสมกับที่เคยเป็นนางเอกดาวรุ่งพุ่งแรงแซงทุกกระแส ก่อนที่ข่าวฉาวจะทำให้เธอตกต่ำลงเรื่อยๆ และกลายเป็นนางเอกที่ไม่มีใครต้องการ เมื่อหนึ่งปีก่อนชื่อเสียงของเธอฉาวโฉ่ยิ่งกว่าดาราคนไหนในหน้าประวัติศาสตร์ชาติไทย หากเป็นคนอื่นคงหนีอายไปอยู่ต่างประเทศแล้ว แต่นี่คือมิถุนา ใช่ว่าเธอไม่อายแต่เธอไปไหนไม่ได้ นั่นแหละประเด็น!

“สวัสดีค่ะ ได้ยินว่าคุณอยากคุยเรื่องงานกับมี่” หญิงสาวทักทายด้วยรอยยิ้มสวยหวานตามแบบฉบับนางเอกลุคนางเอกที่สวมหัวโขนมาตลอดตั้งแต่แรกเข้าวงการตามคำแนะนำของผู้จัดการส่วนตัว สโลแกนประจำตัวของมิถุนาคือสวย เงียบ เรียบร้อย ก่อนที่ภาพลักษณ์อันดีงามนั้นจะถูกฉีกทึ้งกระจุยกระจายกับข้อหามือที่สาม ทำให้เธอกลายเป็นนังแพศยาในชั่วข้ามคืน

เอาเถอะ แม้ว่าชื่อเสียงของเธอจะป่นปี้ไม่มีชิ้นดีแล้วแต่เธอก็ยังอยากรักษาจุดขายของตัวเองเอาไว้ นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ผู้ชายคนนี้มาหาเธอและเสนองานให้ก็ได้

เขายืนขึ้นตามธรรมเนียมสากล ส่งยิ้มให้เธออย่างสุภาพแม้ภายในใจจะรู้สึกขันอยู่มากกับการแปลงโฉมในเวลาแค่สิบนาทีของเธอ ต้องยอมรับว่าหญิงสาวเป็นมืออาชีพตัวจริง “สวัสดีครับคุณมิถุนา ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่คุณสละเวลาอันน้อยนิดมาคุยด้วย ก่อนอื่นขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการก่อนดีกว่า ธราธรครับ ผมเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้กับโรงพยาบาลทัศไนย ยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้ง”

มิถุนาขมวดคิ้ว รู้สึกคุ้นชื่อโรงพยาบาลอยู่บ้าง ผู้ชายคนนี้ก็ด้วย สักพักเธอก็นึกออกว่าเคยเป็นพรีเซ็นเตอร์โปรโมตโรงพยาบาลโรคสมองแห่งหนึ่ง คงใช่ที่นี่แหละ

หญิงสาวคลี่ยิ้มหวานพลางก้าวลงมาจากจุดกึ่งกลางของบันได “ค่ะ ยินดีมากเช่นกัน แต่เอ่อ...ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ งานมี่ยุ่งมาก เจอคนเยอะแยะไปหมดเลยอาจจะลืมเลือนใครไปบ้าง หวังว่าคุณธราธรคงไม่ถือสา เอาละค่ะ เราอย่าอ้อมค้อมกันเลย เวลาของมี่เป็นเงินเป็นทอง พูดเรื่องงานที่คุณอยากนำเสนอมี่ดีกว่า”

ว่าแล้วก็เดินไปจับจองโซฟาเดี่ยวอีกตัว แต่ก่อนจะได้หย่อนก้นลงนั่งก็มองเห็นก้อนกระดาษที่ถูกขยำทิ้งอย่างไม่ไยดี สันนิษฐานได้ว่าในอดีตมันเคยเป็นจดหมายทวงหนี้ฉบับหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ไม่ค่อยสำคัญอะไรนัก เพราะเธอกำลังจะมีรายได้ก้อนโตมาจัดการกับพวกมันแล้ว

มิถุนาใช้ปลายนิ้วดีดก้อนกระดาษให้กลิ้งตกลงไปบนพื้นก่อนจะเขี่ยต่อด้วยส้นรองเท้าให้มันกลิ้งไปอยู่ใต้โซฟา เมื่อกำจัดสิ่งรบกวนสายตาให้พ้นทางแล้วก็นั่งวางท่าสวย กระตุ้นให้เขาเข้าเรื่องก่อนจะมีเจ้าหนี้รายใหม่ผลักประตูสำนักงานเข้ามาอีก

“งานที่คุณธราธรต้องการให้มี่ทำคืออะไรคะ พรีเซ็นเตอร์ อีเว้นต์ หรือว่า...” เธอละไว้ให้เขาเติมคำในช่องว่าง

อีกฝ่ายเปิดกระเป๋าเอกสาร ดึงซองสีน้ำตาลออกมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะเริ่มด้วยน้ำเสียงราบเรียบเป็นทางการ “นี่คืองานที่เจ้านายผมต้องการว่าจ้างให้คุณมิถุนาทำครับ”

หญิงสาวพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มพึงพอใจ คิดว่านี่อาจจะเป็นข้อเสนอในการให้เธอกลับไปเป็นพรีเซ็นเตอร์โปรโมตโรงพยาบาลอีกครั้ง แต่พอเปิดดูข้างในกลับพบเพียงรูปถ่ายของผู้ชายคนหนึ่งกับกระดาษเอสี่แผ่นเดียวเท่านั้น ไล่สายตาดูคร่าวๆ แล้วไม่ใช่หนังสือสัญญาอะไรทั้งสิ้น

“นี่มันอะไรกันคะ พระเอกโฆษณาที่จะให้มี่ร่วมงานด้วย?”

จะว่าไปผู้ชายในรูปก็จัดเป็นหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง ถึงไม่ใช่นักแสดงที่มีชื่อเสียง แต่ก็ถือว่าเลือกได้ไม่เลว

ธราธรยิ้มขรึมพลางส่ายหน้า “ไม่ใช่ครับ”

“อ้าว งั้นเขาเป็นใครล่ะคะ ทำไมคุณถึงเอารูปผู้ชายคนนี้มาให้มี่ดู”

“เขาเป็นศัลยแพทย์โรคสมองฝีมือดีที่สุดที่เราเคยมีครับ”

เธอพยักหน้ารับรู้แบบงงๆ “ค่ะ แต่ดูเขายังไม่แก่เลยนะคะ มี่หมายถึง...ไม่ได้ดูถูกว่าเขายังเด็กแล้วไม่น่าจะเก่งอะไรมากนะคะ”

เขามองหน้าเธอนิด หญิงสาวยิ้มหวานและยักไหล่

“โอเค แล้วไงต่อคะ?”

“เจ้านายผมต้องการให้คุณมิถุนาช่วยเกลี้ยกล่อมคุณหมอท่านนี้ให้กลับมาทำงานที่โรงพยาบาลของเราครับ”

คิ้วเรียวยาวเลิกสูง บอกตรงๆ ว่างงมากถึงมากที่สุด

“เกลี้ยกล่อมเนี่ยนะคะ?”

ธราธรพยักหน้า “ใช่ครับ ทางเราเห็นว่าคุณมิถุนามีความสามารถด้านการแสดง”

เธอเห็นด้วยในข้อนี้ “แน่นอนค่ะ แล้ว?”

“ผมว่าคุณมิถุนาต้องใช้ความสามารถที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ได้ นอกจากฝีมือการแสดงแล้วคุณยังมีวาทศิลป์ที่ยอดเยี่ยม ทุกครั้งที่ตอบสัมภาษณ์คุณวางตัวได้ดีมาก ถึงแม้ว่าครั้งสุดท้าย...” เขายิ้มอย่างสุภาพ ละไว้ในฐานที่เข้าใจ

ใช่ ครั้งสุดท้ายที่ตอบสัมภาษณ์นักข่าว เธอฉีกภาพลักษณ์นางเอกของตัวเองจนไม่มีชิ้นดี เอาเถอะ นั่นเป็นอดีตไปแล้วนี่ เราทุกคนสามารถลุกขึ้นและเริ่มใหม่ได้

“คุณพูดถูก มี่ไม่ได้เป็นแค่นางเอกฝีมือดีเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถอีกหลายด้านที่รอการค้นพบ คุณมาถูกที่แล้วค่ะ”

หญิงสาวคลี่ยิ้มหวาน แสดงความกระตือรือร้นในการทำงานให้เขาเห็น ค่าจ้างหนึ่งล้านบาทต้องเป็นของเธอไม่ว่างานนั้นจะโหดหินแค่ไหนก็ตาม

“ผมดีใจที่ได้ยินแบบนี้นะครับ”

“แน่นอนค่ะ แล้วคุณต้องการให้มี่ทำยังไงเพื่อโน้มน้าวหรือเกลี้ยกล่อมคุณหมอให้กลับมาทำงานกับพวกคุณคะ”

เขายิ้มและแบมือ “ทำยังไงก็ได้ ไม่จำกัดวิธีการครับ”

มิถุนาเลิกคิ้ว กะพริบตางุนงง “มี่ว่ามี่ไม่ค่อยเข้าใจลักษณะงานซักเท่าไหร่นะคะ”

“คืออย่างนี้นะครับ ผมลำบากใจที่ต้องบอกความจริงกับคนภายนอก แต่ถ้าไม่บอกอะไรคุณมิถุนาเลย คุณก็คงรู้สึกแปลกๆ กับงานนี้ ผมจึงตัดสินใจจะบอกคุณ คุณเขมิกา...เจ้าของโรงพยาบาลทัศไนย เธอป่วยด้วยโรคเนื้องอกในสมองครับ เธอจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดภายในหกเดือนนี้ ถ้าช้ากว่านั้นผลการผ่าตัดอาจทำให้เธอเป็นเจ้าหญิงนิทรา”

หญิงสาวอ้าปากค้าง ก่อนจะนึกได้ว่ามันทำให้ภาพลักษณ์ของเธอดูไม่ดีจึงรีบหุบปาก ทำหน้าเศร้า แสดงความเห็นอกเห็นใจแต่ยังไม่วายสงสัย “เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ ค่ะ มี่เสียใจด้วยนะคะ แต่...แน่ใจเหรอคะว่าทั้งประเทศไทยเนี่ยไม่มีศัลยแพทย์โรคสมองที่เก่งกว่าเขาแล้ว คือ...จำเป็นมากแค่ไหนคะที่ต้องเป็นหมอคนนี้ บางทีคุณเขมิกาน่าจะไปรักษาตัวที่ต่างประเทศถ้าไม่ไว้ใจหมอในเมืองไทย”

ธราธรขยับตัวอย่างอึดอัด ก่อนจะชี้แจงต่อไปว่า “มันเป็นเรื่องของความรู้สึกครับ เจ้านายผมไม่วางใจหมอคนไหนมากพอจะยอมให้กรีดสมองง่ายๆ นอกจากนายแพทย์เขมินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรคสมองมือหนึ่งของเรา นอกจากนั้นแล้วคุณเขมิกายังต้องการให้เขากลับมาทำงานที่โรงพยาบาลด้วย นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี โรงพยาบาลของเราต้องการแพทย์ฝีมือดีอย่างเขา”

ที่ปรึกษาด้านกฎหมายมองสีหน้าที่แสดงการรับรู้แต่ไม่ค่อยเห็นด้วยของอดีตนางเอกสาวแล้วก็คิดว่าเหตุผลร้อยแปดประการที่เขายกมาอ้างอาจไม่ได้ผลเท่าวิธีที่เขากำลังจะทำต่อไปนี้ หนุ่มใหญ่เปิดกระเป๋าเอกสารอีกครั้ง หยิบเช็คมูลค่าหนึ่งล้านบาทมาวางตรงหน้ามิถุนา

“เช็คใบนี้จะเป็นของคุณมิถุนาทันทีที่ตกลงรับงานนี้ครับ”

เธอหลุบตามองตัวเลขบนเช็ค ก่อนจะตาโตไปกับเลขศูนย์หกตัวหลังเลขหนึ่ง นั่นมันเท่ากับค่าจ้างทั้งหมดที่เขาบอกไว้แต่แรกนี่!

“จ่ายเงินล่วงหน้าเต็มจำนวนเลยเหรอคะ?” หญิงสาวพยายามระงับความตื่นเต้นในสีหน้า แต่เธอรู้ว่าคราวนี้ฝีมือการแสดงไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย

เขาอมยิ้ม “ทันทีที่คุณตกลงครับ”

“คุณไม่กลัวมี่จะเชิดเงินหนีแล้วไม่รับผิดชอบงานเหรอคะ” เธอถามอย่างระแวงในความง่ายของการได้รับค่าจ้างเต็มจำนวนตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน ทว่าดวงตากลับไม่ละไปจากเช็คใบนั้นสักวินาที

“ถ้าคุณมี่ตกลงรับงาน เราจะเซ็นสัญญาไว้เป็นหลักฐานว่าคุณมี่ได้รับเงินค่าจ้างแล้ว เท่านี้เราก็ไว้ใจกันได้แล้วไม่ใช่เหรอครับ” ธราธรเรียกชื่อเล่นของเธอเพื่อสร้างความเป็นกันเอง เขาเปิดกระเป๋าอีกครั้ง ดึงสัญญาออกมาวางบนโต๊ะและชี้ว่าหญิงสาวต้องเซ็นตรงไหน

“แค่คลิกเดียวเท่านั้น ทุกอย่างจะเรียบร้อย”

มิถุนากลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง ค่าตอบแทนก้อนโตที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมทำลายความเคลือบแคลงใจในเนื้องานไปจนสิ้น จำนวนเลขศูนย์ทำให้เธอตาลายและมันก็ลดประสิทธิภาพการทำงานของสมองซีกซ้ายลงอย่างน่าวิตก ชั่วพริบตาเดียวปากกาก็ลอยมาอยู่ในมือของหญิงสาว รวดเร็วจนธราธรมองไม่ทัน

แล้วเธอก็เซ็นชื่อลงในเอกสารการรับเงินทั้งสองฉบับ ตรงชื่อพยานมีลายเซ็นกำกับไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้ใส่ใจนัก

“เรียบร้อยค่ะ” เธอยิ้มหวานให้เขา มองเช็คด้วยดวงตาเป็นประกาย

หนุ่มใหญ่อมยิ้ม ก่อนจะเลื่อนเช็คไปให้เธอและเก็บสัญญาอีกฉบับใส่กระเป๋าเอกสารให้เรียบร้อย ฉบับที่เหลือให้มิถุนาเก็บเอาไว้

“ยินดีที่ได้คุณมี่มาร่วมงานนะครับ ที่อยู่ของคุณหมอเขมินทร์อยู่ในซองเอกสารเดียวกับรูปถ่ายของเขา เริ่มงานได้ทันทีที่คุณพร้อมและอย่าลืมว่าคุณมีเวลาไม่เกินหกเดือน ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับข่าวดีจากคุณในเร็ววัน”

หญิงสาวไม่ได้ใส่ใจฟังที่เขาพูดนัก เธอกำลังพยายามบังคับมือที่ถือเช็คไม่ให้ออกอาการกระดี๊กระด๊าจนเกินงาม และยังต้องกลั้นน้ำตาไว้สุดฤทธิ์ด้วยความปลาบปลื้ม ตอนนี้รู้สึกคันมือยิกๆ อยากใช้เงินจนตัวซี้ตัวสั่น หนึ่งปีมาแล้วที่รายได้ไม่ตกถึงท้อง อย่าว่าแต่หนึ่งล้านเลย ต่อให้ค่าจ้างคราวนี้แค่หนึ่งแสนเธอก็ไม่ปฏิเสธเด็ดขาด

“ผมไปนะครับ” ธราธรลุกขึ้นพร้อมกระเป๋าเอกสารของเขา

มิถุนาดึงสติกลับมา เดินออกไปส่งที่ปรึกษาหนุ่มใหญ่หน้าสำนักงาน แต่ก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นรถ ป้ายที่เอียงกะเท่เร่อยู่แต่แรกก็ร่วงเฉียดศีรษะธราธรไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปด เขากระโดดหนีอย่างว่องไวด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ขณะที่หญิงสาวถอนใจอย่างโล่งอกที่ป้ายนั้นไม่ได้หล่นโครมลงบนหัวของลูกค้ารายเดียวของเธอในรอบครึ่งปี

“คุณไม่เป็นไรนะคะ” เธอพยายามยิ้มหวานแม้มันจะดูเจื่อนไปสักหน่อยก็ตาม

เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่ริมขมับ ก่อนจะหันไปมองป้ายสำนักงานสลับกับผู้เป็นเจ้าของและแนะนำว่า “คุณควรเปลี่ยนป้ายอันใหม่ได้แล้วนะครับ”

เธอหัวเราะกลบเกลื่อน “มี่กำลังคิดจะเปลี่ยนป้ายอยู่พอดี เหมือนมันจะรู้ตัวนะคะว่าถึงเวลาปลดระวาง”

ธราธรเลิกคิ้ว ฝืนยิ้มทีหนึ่งแล้วรีบขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวยืนโบกมือลาจนกระทั่งท้ายรถคันนั้นลับสายตาไป เธอมองป้ายสำนักงานเก่าๆ ของพ่อด้วยความหดหู่ แต่พอเห็นเช็คหนึ่งล้านบาทในมือก็ยิ้มออก รีบเก็บป้ายแล้ววิ่งเข้าไปในสำนักงาน ปิดประตู กดล็อก ปิดม่าน ทำเหมือนไม่มีคนอยู่ หยิบเช็คมาแนบแก้มอย่างดี๊ด๊า

“เงินจ๋า...สัญญาเลยนะว่าฉันจะใช้เธออย่างมีสติ!”



สามวันถัดมามิถุนาก็นั่งเท้าคางหัวฟูอยู่ที่ชุดรับแขกภายในสำนักงานนักสืบของพ่อ มองดูเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า รวมถึงเครื่องประดับสุดชิคที่กว้านซื้อมาอย่างกับจะเอาไปถมที่ด้วยสายตาเอือมๆ เธอไม่ได้เอือมของพวกนี้แต่ระอาตัวเองที่เอาเงินค่าจ้างล่วงหน้าไปใช้อย่างไรสติ

‘ของพวกนี้ไร้ประโยชน์’ จิตสำนึกส่วนดีของเธอเตือน และเธอรู้ว่ามันใช่

หญิงสาวโทษอารมณ์เก็บกดของผู้หญิง เธอไม่ได้ชอปปิงมาเป็นปี ไม่ได้แต่งตัวดีๆ กินอาหารอร่อยๆ มานานจนเกือบจะลืมไปแล้วว่ารสชาติหอมหวานของฮันนี่โทสนั้นเป็นยังไง

‘ไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่ดี’ จิตสำนึกส่วนดีร้องเตือนอีกครั้ง

เธอถอนใจเฮือกใหญ่ คว้าแก้วกาแฟมาจิบแต่ก็พบว่าภายในแก้วว่างเปล่า

“โอเค ถึงเวลาจัดการกับหนี้แล้วสินะ”

มิถุนาวางแก้วลงบนโต๊ะ หันไปคว้าตะกร้าใส่จดหมายทวงหนี้ขึ้นมาดูทีละฉบับ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ที่บัตรเครดิตไม่สามารถจ่ายได้อีกเพราะรูดเต็มวงเงินแล้วทุกใบถูกแยกไว้กองหนึ่ง หนี้บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดอีกกอง ส่วนที่เหลือเป็นหนี้ค้างจ่ายจากการใช้ชีวิตอย่างคนเมืองและอย่างดารา (ที่ถูกทวงซ้ำแล้วซ้ำเล่า) อาทิ ค่าสมาชิกฟิสเนตรายปี ค่าชุดจากห้องเสื้อชื่อดังที่ใส่ออกงานต่างๆ ไหนจะยังกระเป๋า รองเท้า นาฬิกา จิปาถะมากมายที่ผู้จัดการส่วนตัวไม่ยอมชำระให้และทิ้งภาระให้เธอแบกหลังตกอับ

หญิงสาวถอนใจยาวอีกเฮือกและคว้าแก้วกาแฟมาถือไว้ “โอเค ฉันต้องการคาเฟอีนมากระตุ้นสมองอีกหน่อย”



มิถุนาต้องเรียงลำดับความจำเป็นในการใช้หนี้จากมากไปหาน้อยและสะสางไปทีละจุด จนค่ำวันนั้นเธอก็พบว่าเงินค่าจ้างล่วงหน้าที่ได้มาร่อยหรอลงไปจนเหลือติดกระเป๋าแค่สองพันแต่ปัญหายังไม่จบ เหลือบัตรเครดิตอีกหนึ่งใบที่เธอต้องชำระ วงเงินที่ใช้ไปรวมดอกเบี้ยค้างชำระทั้งหมดคือสามหมื่นเศษๆ

หญิงสาวนั่งมองเสื้อผ้าข้าวของที่กว้านซื้อมาเพื่อถมหลุมฝังศพของตัวเองตาละห้อย ไม่แน่ใจว่าใช้เงินไปทั้งหมดเท่าไรกับของสิ้นเปลืองพวกนี้

‘เธอต้องกำจัดพวกมันและเอาเงินคืนมา’ เสียงกระซิบจากจิตใต้สำนึกบอก

มิถุนาส่ายหัวดิก ทำใจไม่ได้ แต่หนึ่งคืนผ่านไปเธอก็รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะได้เก็บข้าวของสุดรักสุดหวงเหล่านั้นไว้ เธอต้องทำงานให้สำเร็จลุล่วง จากนั้นงานชิ้นต่อไปก็จะต้องมีเข้ามาอีก

แน่นอน ชีวิตเธอยังไม่จบแค่นี้ ดวงเรื่องงานกำลังมาแล้วจะช้าอยู่ไย!



เส้นทางสู่จุดมุ่งหมายของใครบางคนอาจโรยด้วยกลีบกุหลาบ หรืออาจเต็มไปด้วยอุปสรรคและขวากหนาม แต่เส้นทางของมิถุนากลับมีแต่ความขรุขระและโคลนตม หญิงสาวกำลังนั่งหัวสั่นหัวคลอนอยู่บนรถสองแถวพร้อมกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบและได้น้ำโคลนที่กระเด็นจากหลุมบ่อตอนรถแล่นผ่านเป็นของแถมตามเสื้อผ้า

เดิมทีเธอคิดว่าการเกลี้ยกล่อมไม่น่าจะใช้เวลาเกินสามวัน แค่แต่งตัวสวยๆ ส่งยิ้มหวานๆ และพูดถึงแต่ข้อดีของการกลับไปเป็นหมอที่โรงพยาบาลทัศไนย ยื่นข้อเสนอสุดเร้าใจเพื่อซื้อตัวเขากลับมา เพียงเท่านั้นนายแพทย์เขมินทร์ก็คงเอนเอียงและนำสิ่งที่เธอพูดกลับไปทบทวน หรือหากมันไม่ง่ายอย่างนั้นเธอก็จะพูดเรื่องอาการป่วยของเขมิกาที่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดภายในหกเดือนนี้ เขาเป็นหมอย่อมต้องมีจิตเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ที่เจ็บป่วยบ้างไม่มากก็น้อย มันต้องสำเร็จสักวิธี โดยเฉพาะเมื่อคนที่ไปคุยกับเขาเป็นเธอ (อดีต) นางเอกสาวสวยเจ้าบทบาท

แต่มิถุนาก็ค้นพบความจริงว่างานง่ายๆ รายได้งามๆ นั้นไม่มีอยู่จริง เธอดูข้อมูลของนายแพทย์เขมินทร์ตามที่ธราธรให้มา ชายหนุ่มไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ แต่เขาอยู่ที่สระบุรี ที่ที่เขาอยู่ดูเหมือนจะเป็นรีสอร์ตและฟาร์มเลี้ยงม้า

หญิงสาวแปลกใจว่าเขาไปอยู่ที่นั่นทำไม ในเมื่อเป็นศัลยแพทย์โรคสมอง ไม่ใช่สัตวบาลสักหน่อย แต่เอาเถอะ นั่นไม่ใช่เรื่องที่เธอจำเป็นต้องรู้นี่นา รู้แค่ว่าเขาอยู่ไหนก็พอแล้ว

กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ ท่ามกลางการเดินทางที่แสนขรุขระรถก็เบรกเอี๊ยดจนมิถุนาหัวทิ่มเกือบตกจากที่นั่ง ผู้โดยสารซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านและพนักงานของรีสอร์ตเริ่มทยอยลงจากรถ เดินไปจ่ายเงินกับคนขับด้านหน้า แต่ยังมีผู้หญิงวัยกลางคนอีกสองคนคอยเมียงๆ มองๆ หญิงสาวอยู่ด้วยความไม่แน่ใจ

วันนี้มิถุนาแต่งตัวเรียบๆ เสื้อยืดสวมทับด้วยแจ็กเกตตัวยาวกับกางเกงยีน และรองเท้าผ้าใบกับหมวกทรงทริลบี้ แต่ถึงอย่างนั้นรัศมีของอดีตนางเอกสาวดาวรุ่งก็ยังเปล่งประกายสะดุดตา ด้วยใบหน้าสวยคมและดวงตากลมโตทำให้เธอเป็นที่จดจำได้เสมอ คราวนี้ก็เช่นกัน

เธอทำเป็นมองไม่เห็นความข้องใจของเพื่อร่วมทาง แต่ส่งยิ้มนำร่องและล้วงเอารูปถ่ายของนายแพทย์เขมินทร์ขึ้นมากาง “ขอโทษนะคะ ฉันมาตามหาผู้ชายในรูป พวกคุณรู้จักเขารึเปล่าคะ?”

หญิงคนแรกมองดูรูปแล้วขมวดคิ้ว “หน้าคุ้นๆ อยู่เหมือนกันนะ เธอว่าไง”

เพื่อนอีกคนชะโงกหน้ามองรูปถ่าย “ฉันก็ว่าคุ้น แต่...ไม่รู้สิ อาจจะไม่เคยเจอก็ได้”

“ลองคิดดูดีๆ สิคะ เขาชื่อคุณหมอเขมินทร์ค่ะ เขาอยู่ที่นี่แหละ พวกคุณต้องเคยเจอเขาแน่ๆ เขาเป็นหมอผ่าตัดสมองที่เก่งมากๆ เลยนะคะ ต้องมีคนรู้จักเขาบ้างสิ”

“หมอเขมินทร์เหรอ ไม่เคยได้ยินชื่อหรอก แถวนี้ไม่มีหมอผ่าตัดสมองชื่อเขมินทร์ มีแต่หมอเขื่อนคนเดียว นั่นไง ที่อยู่บนหลังม้าทางโน้นน่ะ”

มิถุนามองตามนิ้วมือของอีกฝ่ายไปจนเจอกับผู้ชายผิวคล้ำ เคราครึ้ม ร่างกายสูงใหญ่ที่นั่งอยู่บนหลังอาชาสีดำตัวหนึ่ง “หมอเขื่อน?”

“ใช่ หมอเขื่อนน่ะใจดีมากเลยนะหนู ชาวบ้านแถวนี้รักเขาทุกคน เวลามีใครเจ็บป่วยไม่สบายก็ได้หมอนี่แหละช่วยปฐมพยาบาลให้ ไม่เคยคิดเงินเลยซักบาท ดึกๆ ดื่นๆ ใครมาตามก็ไปหมด ไม่เคยเกี่ยง เป็นคนดีมากจริงๆ ถ้าป้ามีลูกสาวจะยกให้เขาไม่คิดค่าสินสอดเลย”

ความนับถือและศรัทธาอันแรงกล้าที่หญิงคนนั้นมีต่อคุณหมอเขื่อนของหล่อนทำให้มิถุนาได้แต่ยิ้มแหย เสียงคนขับรถบีบแตรรัวๆ จนเธอสะดุ้ง ผู้หญิงวัยกลางคนทั้งสองซึ่งเป็นแม่บ้านของรีสอร์ตชิดตะวันรีบเดินไปจ่ายค่าโดยสารด้านหน้า หญิงสาวจึงยกกระเป๋าเดินทางลงจากรถและเดินแขยกไปจ่ายเงินเพราะนั่งรถนานจนเหน็บกิน

เธอควักแบงก์พันใบสุดท้ายออกมา แล้วก็ได้ยินคนขับรถบ่นผู้โดยสารรายก่อนหน้า

“มัวทำอะไรกันอยู่ รีบๆ จ่ายเงินได้แล้ว คนจะรีบไป แล้วทำไมไม่จ่ายให้พอดีฮะ แค่สิบบาทต้องให้ยุ่งยากหาเงินทอน”

หญิงสาวยิ้มเจื่อน รีบเก็บเงินใส่กระเป๋ากางเกงอย่างไว แต่ไม่พ้นสายตาคนขับรถ เธอหัวเราะกลบเกลื่อนพร้อมยิงมุกที่ไม่มีใครขำด้วยออกไป “ไม่รับบัตรเครดิตใช่มั้ยคะ?”

ผลคือสีหน้าบึ้งตึงของคนขับรถ เธอหุบยิ้มแล้วล้วงหาเศษเหรียญในกระเป๋าแจ็กเกตส่งให้เขา ยังไม่ทันหันหลังด้วยซ้ำ คนขับสองแถวก็พารถทะยานออกไปพร้อมของที่ระลึกคือน้ำโคลนที่กระเด็นใส่กางเกงยีนของเธอเป็นด่างดวง

“อ๊าย!!” มิถุนามองตามท้ายรถสองแถวด้วยแววตาแค้นเคืองพลางปัดรอยเปื้อนออกจากกางเกงไปด้วย

“คนอะไรไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย รู้นะ ที่บ้านขาดความอบอุ่นใช่มั้ยล่ะ โอเค คราวนี้ฉันจะยกโทษให้ก็ได้” ได้บ่นออกไปแล้วก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

แม่บ้านสองคนยังคงมองเธอด้วยความสนใจ ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะถามตรงๆ

“หนูคือมิถุนา นางเอกที่เคยแย่งผัวชาวบ้านจนเป็นข่าวเมื่อปีที่แล้วใช่มั้ยเนี่ย?”

คำว่า ‘แย่งผัวชาวบ้าน’ ยังทำให้มิถุนาสะดุ้งและแสบคันได้ทุกครั้ง เธอหันไปจ้องหน้าคนถาม แววตาเอาเรื่อง อีกฝ่ายผวา ถอยหลังไปสองก้าว หญิงสาวจึงรู้สึกตัว เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึก คลี่ยิ้มหวานหยดออกมาแม้มันจะฝืนความรู้สึกมากเพียงใดก็ตาม

“มิถุนาใช่แล้วค่ะ แต่ฉันไม่เคยแย่งสามีใคร ดีใจที่ยังจำกันได้นะคะ คุณคงเป็นแฟนละครคนหนึ่งของฉันแน่เลย ไว้ก่อนกลับจะฝากลายเซ็นไว้ให้ ตอนนี้ฉันมีธุระต้องทำ ขอบคุณสำหรับข้อมูล ไปนะคะ” เธอโบกมือลาแล้วเชิดหน้า ลากกระเป๋าไปที่คอกม้าโดยทิ้งความขุ่นเคืองไว้เบื้องหลัง

หญิงสาววางกระเป๋าลงและหยิบรูปถ่ายของนายแพทย์เขมินทร์ขึ้นมาดูอีกครั้ง ผู้ชายที่อยู่บนหลังม้าก้มลงพูดอะไรบางอย่างกับมันแต่เธอไม่ได้ใส่ใจฟัง

ป้อม เด็กที่ดูแลและทำความสะอาดคอกม้าหันมาเห็นมิถุนาเข้าก็ยิ้มกริ่ม นานๆ ทีถึงจะมีสาวสวยสักคนมาเยือนถึงคอกม้า ส่วนใหญ่สาวๆ ที่มาเที่ยวพักผ่อนหรือเรียนขี่ม้าจะไปรอที่สนามฝึกเลย ไม่ได้เข้ามาทางด้านหลังรีสอร์ตแบบนี้ เขาสงสัยว่าเธอเป็นใครกันแน่

“สวัสดีฮะพี่สาว มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย?”

คนที่อยู่บนหลังม้าหันขวับ มิถุนาตกใจจึงหันไปมองต้นเสียงด้วย

“เอ่อ...จ้ะ แน่นอนว่ามี” เธอยิ้มหวานผูกมิตร

“พี่สาวเป็นคนงานใหม่รึเปล่าฮะ ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวน่าจะเข้าทางด้านหน้ารีสอร์ตไม่ใช่ทางนี้” ป้อมเดินมาเกาะรั้วคุยกับพี่สาวคนสวย หวังจะสร้างตำนานรักข้ามรุ่น หากเธอเป็นคนงานใหม่ก็ลงล็อกเลย

“เปล่าจ้ะ พี่มาตามหาคน”

หญิงสาวหันไปมองผู้ชายอีกคน เขากระโดดลงจากหลังม้าแล้ว ตัวสูงกว่าเด็กวัยรุ่นที่เข้ามาทักเธอและดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด หนวดเคราครึ้มจนดูเหมือนโจรมากกว่าหมอ

ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนกันว่ากำลังได้รับความสนใจจากผู้หญิงแปลกหน้า เธอใช้ดวงตากลมโตจ้องเขาสลับกับมองรูปในมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ตามหาคน หาใครฮะ เผื่อผมรู้จัก”

มิถุนาส่งรูปถ่ายในมือไปให้เด็กหนุ่มดูใกล้ๆ “คนนี้จ้ะ เขาชื่อคุณหมอเขมินทร์ เธอรู้จักบ้างรึเปล่า”

รูปถ่ายถูกดึงไปจากมือของป้อมโดยไว ทั้งเด็กหนุ่มและหญิงสาวต่างมองหัวขโมยเป็นตาเดียว

ชายหนุ่มหลุบตาดูรูปถ่ายใบนั้น ก่อนจะเหลือบมองหญิงสาวด้วยสายตาเอือมๆ “อีกแล้วเหรอเนี่ย”

“คุณหมายความว่ายังไง ที่บอกว่า ‘อีกแล้ว’ น่ะ” เธอมองเขาด้วยแววตาสงสัยกึ่งมีความหวัง เขาอาจจะรู้จักคนที่เธอตามหาก็ได้

“แถวนี้ไม่มีคุณหมอเขมินทร์อะไรหรอกฮะพี่สาว ผมไม่เคยได้ยินชื่อเลย แต่ถ้าถามหาหมอล่ะก็...นี่เลย หมอเขื่อนของพวกเรา” ป้อมหันไปทางหมอเขื่อนด้วยสายตาที่บอกความชื่นชมอย่างเปิดเผย

“ป้อมเอาสีนิลกับหมอกฟ้าไปอาบน้ำที เดี๋ยวนี้เลย” ชายหนุ่มสั่งเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าจริงจัง

ป้อมยังอยากป้อพี่สาวคนสวยต่อ แต่ไม่กล้าขัดคำสั่งหมอเขื่อนจึงจูงม้าสีขาวกับสีดำเดินไปอีกทาง

คล้อยหลังป้อมไปแล้วเขาก็ส่งรูปคืนให้หญิงสาว กอดอกถามด้วยท่าทีไม่เป็นมิตร “ผมรู้ว่าใครส่งคุณมา มีอะไรจะพูดกับผมก่อนกลับรึเปล่า?”

มิถุนาเลิกคิ้ว “ฉันมาตามหานายแพทย์เขมินทร์ ทำไมต้องพูดอะไรกับคุณด้วยคะ หรือว่าคุณรู้จักเขา”

ชายหนุ่มถอนใจอย่างเบื่อหน่าย คืนรูปให้เธอพร้อมบอกว่า “ผมนี่แหละคนที่คุณกำลังตามหา พูดธุระของคุณมา งานจะได้จบแล้วรีบๆ กลับไปซะ”

หญิงสาวเบิกตาโต ก้มมองรูปถ่ายในมือกับคนที่อ้างว่าเป็นนายแพทย์เขมินทร์ด้วยความรู้สึกทึ่งกึ่งเชื่อไม่ลง

ไม่ใช่มั้ง อดีตกับปัจจุบันต่างกันราวแบรนด์เนมกับของก๊อปเยินๆ อย่างนี้ หมอนี่ไม่ใช่คุณหมอเขมินทร์ที่เธอกำลังตามหาอยู่แน่ๆ ไม่มีทาง!





_______________________________


ส่งตอนที่ 1 ตามมาอย่างรวดเร็ว ตั้งใจจะเวิ่นเว้อให้น้อยลง หนึ่งตอนซัก 5 หน้า จะได้อัพถี่ขึ้น แต่ก็เวิ่นไปจนหกหน้าเศษๆ จนได้ คงต้องยอมรับว่าหนึ่งตอน 5 หน้ามันไม่พอจริงๆ ไว้อาลัยหนึ่งนาที - -“

ปล. ดูๆ ไปแล้วมิถุนาอาจจะนิสัยไม่ไหวจะเพลียมากกว่ามธุรินก็ได้นะคะ คนเขียนเริ่มไม่มั่นใจเหมือนกัน 555 ขอให้หนุกหนานกับนิยายค่ะ ^^”










Create Date : 03 พฤษภาคม 2558
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2558 20:08:32 น. 5 comments
Counter : 1461 Pageviews.

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ระตา Literature Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
.................
วันก่อนนั่งอ่านบทนำจบ.. ยังแอบชอบเรื่องนี้จ้ะ... ไว้เดี๋ยวหายจากยุ่งๆจะกลับมาอ่านจ้ะ วันนี้ขอส่งกำลังใจให้คนเก่งก่อนค่ะ


โดย: โอพีย์ (Opey ) วันที่: 4 พฤษภาคม 2558 เวลา:0:25:27 น.  

 
เฮ้อ จริงๆแล้วนิสัยก็ไม่ต่างจากคนรู้จักแถวๆนี้หรอกค่ะ ประเภทช้อปก่อนคิดทีหลังแบบนี้



โดย: พี่หมูน้อย IP: 171.4.39.253 วันที่: 4 พฤษภาคม 2558 เวลา:11:15:56 น.  

 
ตามมาให้กำลังใจค่ะ


โดย: Ama_jung IP: 1.20.137.83 วันที่: 4 พฤษภาคม 2558 เวลา:19:50:38 น.  

 
ไม่แปลกใจที่หนี้เยอะ เห็นจากการใช้เงินแล้ว เพลีย รอดมาได้ยังไงเป็นปีนะ แถมเซนต์สัญญาไม่อ่านซะด้วย
สงสัยงานไม่สำเร็จ กลับไปอ่านสัญญาคงช็อค


โดย: goldensun IP: 61.91.4.2 วันที่: 4 พฤษภาคม 2558 เวลา:20:00:40 น.  

 
สวัสดียามค่ำครับ



โดย: ก้อนเงิน วันที่: 4 พฤษภาคม 2558 เวลา:21:50:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ระตา
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




รู้สึกอยู่เสมอว่าการได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้คือความมหัศจรรย์...และการอ่านออกเขียนได้คือรางวัลของชีวิต...
Friends' blogs
[Add ระตา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.