Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2556
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
5 พฤศจิกายน 2556
 
All Blogs
 

เล่ห์ร้อนอ้อนรัก - 5 - เจ้าหนี้หน้าเลือด





คุณชายรัชต์แยกกับทัศนัยหน้าผับก่อนจะไปส่งปรียาที่บ้าน หญิงสาวไม่อยากไปกับเขานัก แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีเงินเหลือสักบาทเดียว แถมคนที่อ้างตัวเป็นเจ้าหนี้ยังไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ ด้วย สุดท้ายจึงต้องนั่งเป็นตุ๊กตาหน้าบึ้งให้ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง สมใจคนช่างตื๊อ

หญิงสาวไม่พูดอะไรมากไปกว่าบอกเส้นทางแก่คนขับรถ เขาเองก็ดูเหมือนไม่อยากจะตอแยเธอมากนักจึงสงบปากสงบคำ จนกระทั่งขับรถมาถึงชุมชนที่ปรียาอาศัยอยู่

“จอดตรงนี้แหละ” ปรียาบอกพลางปลดเข็มขัดนิรภัย

ทางเข้าชุมชนของเธอเป็นถนนเส้นเล็กและแคบมากจนไม่สามารถขับรถเข้าไปได้ คุณชายผู้มีชีวิตเลิศหรูมาตั้งแต่เกิดถึงกับอึ้งเพราะไม่เคยเหยียบย่างเข้ามาในสถานที่แออัดเช่นนี้ อาจจะเคยขับรถเฉียดๆ แต่ก็แทบไม่เหลือบหางตาแลด้วยซ้ำ

“บ้านคุณอยู่ในนั้นเหรอ”

“ใช่ คุณส่งแค่นี้ก็พอ เดี๋ยวฉันเดินเข้าไปเอง”

แล้วเธอก็เปิดประตูลงจากรถโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังรบกวนจิตใจอยู่จนถึงเดี๋ยวนี้

เขามองถนนเส้นเล็กที่ทั้งแคบและมืดนั้นแล้วก็นึกเป็นห่วงผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ต้องเดินเข้าออกเพียงลำพังกลางดึก จึงรีบตามลงไปพร้อมให้เหตุผลเพื่อรักษาหน้าตัวเอง

“ผมจะไปส่งจนถึงบ้าน ผมต้องรู้ว่าบ้านคุณหลังไหน ถ้าคุณหนีหนี้จะได้มาตามถูก”

“นี่คุณจะให้ฉันใช้เงินห้าแสนนั่นจริงเหรอ”

หญิงสาวหยุดเดินแล้วหันกลับไปจ้องหน้าเขาด้วยสายตาประณาม

คนบ้าอะไร รวยแล้วยังเค็มอีก ชิ!

“ใครบอกว่าผมจะให้คุณใช้หนี้ห้าแสน?”

เขาล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง สีหน้าผ่อนคลายเมื่อดึงหญิงสาวออกจากการหมกมุ่นเรื่องของคนร้ายได้เป็นผลสำเร็จ

ปรียามีสีหน้าสดชื่นขึ้นมาหน่อย ถามด้วยเสียงที่อ่อนลง “แปลว่าคุณไม่เอาเงินคืนจากฉันแล้ว?”

เขาอมยิ้มมุมปาก นัยน์ตาวิบวับเจ้าเล่ห์

“คุณคิดว่าผมจะใจดีกับคนที่ตบหน้าผมขนาดนั้นเชียว?”

“อ้าว?” เธอมองเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง

คุณชายก้มหน้าเพราะปรียาตัวเล็กกว่าเขา ส่งยิ้มเก๋และบอกอย่างร่าเริง “คุณต้องใช้เงินคืนผมหนึ่งล้านต่างหาก”

“ฮะ?”

คนที่ถูกบวกหนี้เพิ่มแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวถึงกับตาโต เผลอผลักอกเขาแรงๆ และโวยวายลั่นซอย “คุณจะบ้ารึไง ทำไมฉันต้องใช้หนี้ถึงหนึ่งล้านด้วย ค่าไถ่ตัวฉันแค่ห้าแสนเองนะ”

“ก็ถ้าไม่ใช่เพราะเข้าไปช่วยคุณ ผมก็ไม่ต้องถูกจับตัวและไม่ต้องเสียเงินถึงหนึ่งล้านนะ ค่าไถ่ตัวผม คุณก็ควรก็รับผิดชอบด้วยสิ” เขาบอกหน้าตาเฉย และคว้ามือที่กระหน่ำลงบนอกตนแรงๆ

หญิงสาวดึงมือกลับ ประณามเขาทั้งด้วยสายตาและคำพูด “ทุเรศจริงๆ นอกจากช่วยไม่สำเร็จแล้วยังมีหน้ามาทวงเงินฉันอีกเหรอ คุณเป็นผู้ชายแบบไหนกันเนี่ย”

“ก็เป็นผู้ชายแบบที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ไงล่ะ เลือกเองแล้วกัน จะหาเงินมาใช้หนี้ผมหนึ่งล้าน หรือจะใช้หนี้ด้วยวิธีอื่น”

เขาปรายตามองหญิงสาวตั้งแต่หัวจดเท้าด้วยสายตากรุ้มกริ่มสื่อความหมาย

เธอพูดตรงไปตรงมากับเขาก่อน จะมาหาว่าเขาหยาบคายไม่ได้หรอกนะ และสาบานได้ว่าเขาไม่เคยคิดจะซื้อผู้หญิงด้วยเงิน แต่กับปรียา...ผู้หญิงที่ดึงดูดความสนใจของเขาได้ตั้งแต่แรกพบ ทั้งด้วยผิวสีน้ำผึ้งงามละมุนและนิสัยใจคอประหลาดที่ไม่เคยพบเห็นจากใคร เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตัวเธอมา เน้นว่าทุกอย่าง...ไม่เกี่ยงวิธีการ!

ปรียากัดฟันกรอด ความดีของเขาก่อนหน้านี้ติดลบในฉับพลัน

“คนลามก ฝันไปเถอะ ถึงฉันจะจนก็ไม่ขายตัวกินหรอก!”

“งั้นตอนนี้คุณก็เป็นลูกหนี้ผมโดยสมบูรณ์”

คุณชายรัชต์อมยิ้มกึ่งพอใจกึ่งขบขัน

“หนึ่งล้านเนี่ยนะ?” เธอร้องเสียงสูง สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก ทั้งโมโหเจ้าหนี้หน้าเลือดด้วย

เธอพอมีเงินเก็บอยู่บ้างเพราะหลังจากเรียนจบเมื่อไม่กี่เดือนก่อนก็มีเวลาวิ่งรอกทำงานหาเงินได้มากขึ้น แต่มันก็ไม่ถึงหนึ่งล้านบาท หรือต่อให้มีเงินมากขนาดนั้นเธอก็ตั้งใจจะเอาไปซื้อบ้านดีๆ สักหลัง ขืนต้องใช้หนี้เขาชาตินี้เธอก็ไม่ต้องซื้อบ้านใหม่กันพอดี แต่จะไม่ใช้หนี้ก็กระไรอยู่ ถึงเธอจะจนแต่ก็ไม่เคยคดโกงใคร เงินทุกบาททุกสตางค์ที่หามาได้ล้วนมาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองทั้งนั้น และที่สำคัญ เจ้าหนี้จอมเขี้ยวคนนี้คงไม่ยอมให้เธอชักดาบแน่ๆ ก็ถึงขั้นตามมาดูบ้านช่องขนาดนี้นี่

“ใช่ ล้านนึง คุณมีปัญหาเหรอ”

เขาแกล้งทำหน้าตาใสซื่อ ทั้งที่รู้ดีว่าถ้าเธออาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้ ย่อมแปลว่าเงินจำนวนดังกล่าวนั้นอาจต้องใช้เวลาหาทั้งชีวิต เว้นแต่ว่าหญิงสาวจะฟลุคถูกล็อตเตอรีรางวัลที่หนึ่งเท่านั้นแหละ

“คงไม่มีหรอกมั้ง! แหกตาดูซะบ้างสิว่าฉันซุกหัวนอนอยู่ในสลัม จะมีปัญญาที่ไหนไปหาเงินตั้งล้านนึงมาใช้หนี้คุณ เอางี้แล้วกัน คุณจับฉันส่งตำรวจข้อหายืมเงินแล้วไม่คืนก็ได้ ฉันยอมติดคุก”

แม่สาวจอมงกยื่นมือทั้งสองข้างให้โจทก์จับส่งตำรวจโดยดี

“เฮ้ย!” คุณชายรัชต์ตาเหลือกโพลงกับข้อเสนอของหญิงสาว เขาไม่ได้วางแผนไว้แบบนี้สักหน่อย

“เอาสิ จับฉันส่งตำรวจเลยแล้วกัน ฉันไม่มีปัญญาจ่ายหรอก” เธอรบเร้าด้วยสีหน้าจริงจัง นาทีนี้ยอมติดคุกแต่ไม่ยอมเสียเงิน!

“จะบ้าเหรอคุณ ขืนจับคุณส่งตำรวจหนี้ผมก็สูญน่ะสิ คุณยอมติดคุกอย่างนี้กะจะไม่จ่ายซักบาทเลยสิท่า อย่ามาหัวหมอหน่อยเลย ผมไม่ยอมสูญเงินล้านฟรีๆ แน่” เขาปัดมือเล็กทิ้งอย่างไม่ไยดี

ก็อยากได้ตัวนี่นา ไม่อยากได้เงินซะหน่อย เรื่องอะไรจะยอมจับเธอเข้าคุกล่ะ!

“คุณไม่ได้ฟังที่ฉันพูดรึไง ฉันกำลังบอกว่าไม่มีเงินใช้หนี้” เธอย้ำอย่างหงุดหงิด คนอะไรพูดไม่รู้เรื่อง หน้าตาก็ดี ไม่คิดเลยว่าจะฉลาดน้อย

“ผมก็บอกแล้วว่าไม่จำเป็นต้องใช้คืนเป็นเงิน” เขาย้ำเสียงหนัก จ้องตาหญิงสาวนิ่งๆ

“ฉันก็บอกแล้วเหมือนกันว่าไม่ขายตัว” เธอบอกอย่างเหนื่อยใจ คร้านจะใส่อารมณ์กับคนพูดไม่รู้เรื่อง ท่าทางเขาจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ คนอะไร หน้าทนจริงๆ

“งั้นก็เปลี่ยนเป็นทำงานใช้หนี้ ตกลงมั้ย?” คุณชายยื่นข้อเสนอใหม่

เขายังคิดไม่ออกหรอกว่ามีงานอะไรให้เธอทำ คิดเพียงแค่ว่าจะหาวิธีอะไรให้ได้เธอมาอยู่ใกล้ๆ จะได้โอ้โลมเอ๊ย...โน้มน้าวใจเธอได้สะดวกหน่อย!

“งานอะไร” คนถามยังมีสีหน้าหวาดระแวง

“ขอคิดดูก่อนก็แล้วกันจะได้คุ้มหน่อย วันนี้คุณกลับบ้านนอนเถอะ ใกล้เช้าแล้ว ผมเองก็ง่วงเต็มที ว่าแต่ผมจะติดต่อคุณได้ยังไงโดยที่ไม่ต้องถ่อมาถึงนี่”

“ฉันทำงานทุกวันยกเว้นวันจันทร์ ถ้าไม่โดนไล่ออกซะก่อนน่ะนะ”

“ไม่เอาสิ ขอเบอร์โทร. แล้วกัน จะได้สะดวกหน่อย”

“ไม่มีหรอก มือถือโดนฉกไปพร้อมกระเป๋าตังค์แล้ว” เธอตอบเซ็งๆ

วันนี้มันโคตรซวยแท้ๆ ทั้งถูกจับตัวเรียกค่าไถ่ ถูกฉกกระเป๋าไปพร้อมมือถือ แล้วยังต้องมาเป็นหนี้อีกหนึ่งล้าน อายุเธอยังไม่ถึงวัยเบญจเพสเลยนะ เพิ่งยี่สิบเอ็ดหมาดๆ เอง ถ้าครบยี่สิบห้าปีเมื่อไหร่ดวงไม่ถึงฆาตเลยหรือ เฮ้อ!

คุณชายนิ่วหน้า ของเขาเองก็โดนฉกไปด้วยเหมือนกัน

“เอางี้ พรุ่งนี้ผมจะไปพบคุณที่ผับ อย่าหนีล่ะ ไม่งั้นจะหาว่าผมใจร้ายไม่ได้นะ”

หญิงสาวมองใบหน้าหล่อเหลาที่ยืนพูดปาวๆ ค้ำหัวตนอยู่ด้วยสายตาสุดเซ็ง

“รู้แล้วน่า ฉันเข้าบ้านได้รึยังเนี่ย ง่วงจะตายชัก”

ปรียายกมือขึ้นปิดปากหาวโชว์อย่างไม่แคร์ภาพลักษณ์ หากนั่นจะทำให้เขาเลิกมีความหวังว่าจะลากเธอขึ้นเตียงได้ก็ยิ่งดีใหญ่ ผู้ชายหลายคนที่มาตื๊ออยากเลี้ยงเธอไว้เป็นบ้านเล็กๆ ต่างก็ถอยฉากไปทีละคนสองคนเมื่อเห็นพฤติกรรมห่ามๆ อย่างนี้ ตอนแรกก็ทำเป็นรับได้แต่พอบ่อยหนเข้าก็เผ่นแนบ เธอหวังว่าเขาจะเป็นเหมือนคนอื่น

คุณชายเพิ่งสังเกตว่าตอนนี้เขาและเธอมาหยุดที่หน้าบ้านไม้ผสมปูนหลังหนึ่ง มันค่อนข้างเล็กและทรุดโทรม มีสภาพไม่น่าอยู่เอาเสียเลย

“นี่บ้านคุณ?”

“อื้อ” เธอตอบสั้นๆ แล้วเคาะประตูเรียกคนมาเปิด ก่อนจะหันมาบอกเขาห้วนๆ “คุณกลับไปได้แล้ว ถ้าไม่เจอตัวฉันที่ผับก็มาตามที่นี่ได้ ถ้าฉันอยู่บ้านรับรองว่าเจอแน่ ไปได้แล้วไป”

เขายังไม่ทันตอบ ประตูบ้านก็เปิดออกพร้อมร่างผอมบางของผู้หญิงวัยสามสิบเศษๆ ใบหน้าของเธอดูสวยซึ้งจนคุณชายยังอดชื่นชมในใจไม่ได้

“กลับมาแล้วเหรอปาย วันนี้ทำไมกลับดึกจัง เอ๊ะ...มีคนมาส่งเหรอ” เสียงของปิ่นดาวแข็งและห้วนขึ้นในตอนท้าย ขณะที่สายตาก็มองหนุ่มหล่ออย่างไม่ไว้ใจ

“สวัสดีครับ” คุณชายทักทายพร้อมยิ้มเก๋ แต่ไม่ได้ยกมือไหว้เพราะคิดว่าอายุของเขากับเธอไม่ต่างกันมากนัก

“เรื่องมันยาวน่ะน้าปิ่น เข้าบ้านเหอะ อย่าไปสนใจเลย”

ปรียารุนหลังน้าสาวเข้าบ้านแล้วหันไปถลึงตาไล่เจ้าหนี้ของตน “กลับไปสิคุณ ก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่านี่มันบ้านฉันจริงๆ”

หญิงสาวปิดประตูใส่หน้าเขาทันทีที่พูดจบ คุณชายรัชต์เลยได้แต่ยืนงงอึดใจใหญ่ แต่ก่อนจะกลับวังมรกตเขาก็กวาดสายตาไปรอบบริเวณเพื่อจดจำไว้ว่าบ้านของปรียามีจุดสังเกตอะไรบ้าง เผื่อเธอคิดหนีหนี้ เขาจะได้ตามมาคิดบัญชีถูก



“ผู้ชายคนนั้นเป็นใครเหรอปาย ทำไมให้เขามาส่งถึงบ้าน” ปิ่นดาวถามเสียงแข็งเมื่อปรียาไล่แขกไปและปิดประตูบ้านลงแล้ว

“ดึกแล้วเข้านอนเถอะน้าปิ่น พรุ่งนี้ปายมีงานแต่เช้า กลับมาแล้วจะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน” หญิงสาวบอกปัด ไม่กล้าบอกว่าผู้ชายคนนั้นคือเจ้าหนี้ของเธอ ขืนน้าสาวรู้เข้าว่าเธอติดหนี้อยู่หนึ่งล้านบาทมีหวังได้ช็อกตาตั้งแน่

“พูดให้รู้เรื่องนะปาย น้าบอกแล้วว่าให้หางานดีๆ ทำทำไมไม่เชื่อกันบ้าง เรื่องอะไรต้องไปทำงานกลางคืนที่ทั้งเสี่ยงและไม่มีเกียรติด้วย ทำงานแบบนั้นผู้ชายที่เข้ามาก็มีแต่จะดูถูก เอาเปรียบ และไม่ให้เกียรติปาย รู้ไม่ใช่เหรอว่าผู้ชายมองผู้หญิงที่ทำงานกลางคืนด้วยสายตาแบบไหน เลิกซะทีเถอะนะ น้าขอร้อง” ปิ่นดาวเริ่มพูดเรื่องที่เคยพูดมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง สีหน้าจริงจังบอกให้รู้ว่าเรื่องนี้จะไม่จบง่ายๆ

“เราพูดเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้วนะคะ ปายโตแล้วขอปายจัดการกับชีวิตตัวเองเถอะ” หญิงสาวโต้อย่างหงุดหงิด ตอนนี้เธอทั้งอ่อนเพลีย ง่วง และเครียดจากเรื่องที่เผชิญมา ไหนจะหนี้อีกหนึ่งล้าน เธอไม่อยากมาทะเลาะกับน้าสาวด้วยเรื่องเดิมๆ อีก

ปิ่นดาวเงียบไป นั่นทำให้ปรียารู้ตัวว่าพูดจารุนแรงไป ตั้งแต่จำความได้เธอก็มีแต่น้าสาวเท่านั้น ปิ่นดาวเล่าให้ฟังว่าพ่อของเธอเป็นคนขับวินมอเตอร์ไซค์ในซอยแถวบ้านนี่เอง ส่วนแม่เป็นแม่ค้าขายผักในตลาดสด พ่อเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถชน ส่วนแม่ป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้และเสียชีวิตในเวลาห่างกันไม่ถึงปี ปิ่นดาวจึงรับภาระเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่อายุสองขวบ ไม่ใช่แม่ก็เหมือนแม่ แต่อาจเหมือนพี่น้องกันมากกว่าเพราะอายุห่างกันเพียงสิบสองปีเท่านั้น

ปิ่นดาวเรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเปิดและเลือกเส้นทางนี้ก่อนปรียา เธอทำงานเสี่ยงเพื่อรายได้ที่ดีกว่า รายได้งามๆ และความสะดวกสบายในชีวิตทำให้ปิ่นดาวไม่ยอมเลิกทำงานกลางคืน และด้วยความอ่อนเดียงสาทำให้เธอเผลอใจไปกับชายหนุ่มมาดดี หน้าที่การงานมั่นคงคนหนึ่ง จนมีน้องปอนด์เป็นพยานรักทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน แล้วในวันที่ปิ่นดาวให้กำเนิดเด็กชายปิโยรส ภรรยาของผู้ชายคนนั้นก็มาทวงสามีคืน น้าสาวของเธอจึงตกอยู่ในฐานะเมียน้อยมาหลายปีโดยไม่รู้ตัว

หลังจากวันนั้นปิ่นดาวก็ตัดขาดจากพ่อของน้องปอนด์ พาเธอและลูกย้ายออกจากคอนโดมิเนียมของเขา กลับมาอยู่บ้านในสลัมของตนเช่นเคย ตอนนั้นปรียาอายุสิบห้าปีแล้วจึงเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างดี เมื่อต้องย้ายกลับมาอยู่ในสลัม คุณภาพชีวิตของเธอกับน้าสาวก็แย่ลง รายได้จากอดีตพี่เขยในแต่ละเดือนหายไป ไหนปิ่นดาวจะเพิ่งคลอดลูกใหม่ๆ ยังทำงานไม่ได้ ไหนจะต้องเลี้ยงเด็กทารกเพียงลำพังอีก ตอนนั้นปรียาเริ่มเข้าเรียนชั้นมัธยมปลายจึงตัดสินใจหางานพิเศษทำเรื่อยมา

เมื่อร่างกายแข็งแรงปิ่นดาวก็หันมาทำอาชีพเดิมของพี่สาวคือเป็นแม่ค้าขายผักในตลาดสด เพื่อจะได้มีเวลาเลี้ยงลูกและมีรายได้เข้าบ้านด้วย จนน้องปอนด์โตพอจะเข้าเรียนชั้นอนุบาล เธอจึงไปสมัครเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานบัญชีของบริษัทแห่งหนึ่งไม่ไกลจากบ้านนัก และก็ทำงานที่นั่นมาจนถึงทุกวันนี้

ปรียาเข้าใจดีว่าเหตุการณ์ในอดีตเป็นแผลเป็นในใจของปิ่นดาวมาตลอด เมื่อเห็นเธอเดินตามเส้นทางเดียวกันจึงเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะพลาดเหมือนที่ตัวเองเคยพลาดมาแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เธอมั่นใจว่าประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอยเดิม เธอมีจุดมุ่งหมายเพียงเก็บเงินซื้อบ้านใหม่เท่านั้น เงินทุกบาทถูกใช้อย่างประหยัดและคุ้มค่าที่สุด ไม่เคยสุรุ่ยสุร่ายหรือใช้เงินมือเติบเลย หรือจะพูดให้ถูกคือปรียาออกจะงกเกินวัยเสียด้วยซ้ำ

หญิงสาวเห็นผู้เป็นน้าหันหลังให้ ไหล่บอบบางสั่นน้อยๆ จึงเดินเข้าไปกอดเอวอีกฝ่ายอย่างเอาใจ บอกด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ “ปายขอโทษค่ะน้าปิ่น ปายแค่เหนื่อยแล้วก็เพลียมากเท่านั้น วันนี้ขอนอนเอาแรงก่อนนะคะ พรุ่งนี้ปายจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง รับรองว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่น้าปิ่นคิดแน่ๆ ปายดูแลตัวเองได้ แล้วปายก็จะดูแลน้าปิ่นกับน้องปอนด์ด้วย น้าปิ่นทำใจให้สบาย ไม่ต้องเป็นห่วงปายนะคะ น้าปิ่นยกโทษให้ปายนะ เรามีกันอยู่แค่นี้เอง”

ปิ่นดาวยกมือขึ้นปาดน้ำตา กะพริบตาถี่ๆ แล้วกอดตอบหลานสาว “เอาเถอะ ดึกแล้วไปนอนซะ พรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะ”

ปรียาอมยิ้ม จูบแก้มน้าสาวเบาๆ แล้วผละไปที่ห้องนอนของตัวเองโดยเร็ว แต่แทนที่จะหลับง่ายๆ สร้อยคอที่คนร้ายฝากไว้กลับทำให้เธอตาแข็งค้าง จนเกือบตีห้าจึงผล็อยหลับไปแบบไม่รู้ตัว

หญิงสาวตื่นขึ้นมาอีกทีด้วยเสียงนาฬิกาปลุกในตอนแปดโมงเช้า จากนั้นก็ตาลีตาเหลือกไปบรีฟงานที่บริษัทออแกไนซ์ต้นสังกัดเพื่อลุยงานต่อในช่วงบ่าย

ชีวิตของปรียาเป็นแบบนี้ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย จนเดี๋ยวนี้เรียนจบปริญญาตรีก็ยังทำตัวแบบเดิม เพียงแต่เธอเริ่มทำงานกลางคืนที่เสี่ยงมากขึ้นเพื่อรายได้ที่งามขึ้น ทำให้ตอนนี้หญิงสาวมีเงินเก็บเป็นหลักแสนแต่ยังไม่ได้เอาไปใช้ทำอะไร เพราะตั้งใจจะเก็บไว้ซื้อบ้านหลังใหม่ เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของเธอ น้าสาว และหลานชายวัยหกขวบ

บ้านในกรุงเทพฯ ถ้าจะหาแบบดีๆ นั้นมีราคาหลายล้าน แต่ถ้าเป็นต่างจังหวัดในเขตปริมณฑลราคาก็จะต่ำลงมาอีกนิด มีเงินสักล้านก็พอจะหาซื้อบ้านหลังเล็กๆ หรือทาวน์เฮ้าส์ดีๆ ได้ เธอตั้งใจจะเก็บเงินซื้อบ้านใหม่ให้ได้ก่อนค่อยเริ่มหางานที่มั่นคงทำ เพราะงานที่มั่นคงหมายถึงเงินเดือนหยิบมือเดียวตามวุฒิการศึกษา ในขณะที่งานเสี่ยงๆ นั้นหมายถึงรายได้เป็นกอบเป็นกำ ถ้าโชคดีเธออาจเก็บเงินล้านได้ภายในสองหรือสามปีเท่านั้น

คนธรรมดาอย่างเธอไม่ต้องการเกียรติยศ ชื่อเสียง หรือการยอมรับจากสังคมอย่างที่น้าสาวพยายามชี้ให้เห็น แต่เธอก็ไม่มีวันละทิ้งศักดิ์ศรีความเป็นคนที่เท่าเทียมกับคนอื่น ฉะนั้นเธอไม่สนใจว่ารายได้จะมาจากงานแบบไหน เธอสนแค่ว่าทำงานสุจริต ไม่คดโกงใคร ไม่ทำผิดศีลธรรม และไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเท่านั้นเป็นใช้ได้ (แต่การเอาเปรียบคนรวยนิดๆ หน่อยๆ เธอไม่ถือ)



คุณชายรัชต์เดินงัวเงียลงมาที่โต๊ะอาหารเพื่อหากาแฟจิบให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า คนแรกที่เขาพบคือหม่อมมารดาซึ่งตั้งท่ารอจะฉะตั้งแต่เมื่อคืนยันตีสี่แต่ผล็อยหลับไปก่อน ไม่ทันบุตรชายที่แอบย่องขึ้นห้องนอนไปหลับปุ๋ยอย่างสบายอารมณ์ยันบ่ายโมง

“ชายรัชต์!” หม่อมภารดีเอ่ยเสียงแข็ง

“มานั่งนี่เลยนะ เมื่อคืนลูกหายไปไหนมา แทนที่จะอยู่ส่งตัวน้องเข้าหอกลับปร๋อออกไปกับตาทัศเฉยเลย แม่น่ะไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มีลูกชายคนเดียวก็ไม่เคยได้ดั่งใจเลยสักอย่าง”

“คุณแม่อารมณ์เสียแต่เช้าเลยนะครับ อย่าทำหน้าบึ้งนักสิ เดี๋ยวแก่เร็วนะ”

คุณชายรีบยิ้มประจบ กับพระบิดา หม่อมมารดา หรือพระญาติผู้ใหญ่ เขามักจะพูดจาน่ารักน่าหยิกเสมอ นั่นยิ่งทำให้เขาดูเหมือนเด็กชายตัวโตๆ อยู่ตลอดเวลา

“แม่จะแก่เร็วตายเร็วก็เพราะเรานี่แหละ”

“โธ่...อยู่กับผมก่อนนะครับ เดี๋ยวท่านพ่อก็หาแม่เลี้ยงมาให้ผมกับหญิงน้องหรอก ผมขี้เกียจมีแม่หลายคน ขี้เกียจดูหญิงน้องวีนแตกด้วย”

“ต๊าย! ฟังพูดจาเข้าเจ้าลูกคนนี้ ว่าน้องว่าเชื้อ แล้วว่าแต่เราหายไปไหนมาฮึ ถามตาทัศก็อ้ำๆ อึ้งๆ บอกให้แม่มาถามเราเอง มันยังไงกัน งานแต่งชายดนัยแท้ๆ แทนที่จะอยู่ร่วมแสดงความยินดีจนเสร็จงานก่อน เสียมารยาทจริงเชียว” หม่อมบ่นพลางค้อนบุตรชายพลาง

“นายทัศมาเอารถแล้วเหรอครับ” คนถามขมวดคิ้วพลางจิบกาแฟดำไปด้วย

“เพิ่งกลับไปไม่นานนี่เองแหละ ถามอะไรก็ไม่ได้เรื่อง บอกแม่มาซะดีๆ ว่าเมื่อคืนนี้ไปก่อเรื่องอะไรไว้รึเปล่า จะทำอะไรนึกถึงท่านพ่อบ้างนะชายรัชต์ เราก็โตแล้วไม่ใช่เด็กๆ แม่เห็นชายดนัยเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วก็อดสะท้อนใจไม่ได้ มันปลาบปลื้มแทนน้องเพชรกับท่านชายภัทรจริงๆ แล้วเมื่อไหร่ชายจะทำให้แม้ปลื้มอกปลื้มใจแบบนี้บ้างล่ะลูก ตอนนี้ดูๆ ลูกสาวบ้านไหนอยู่รึเปล่า ถ้ารักกันจริงแม่ก็จะไปขอให้”

หม่อมภารดีทำตาปริบๆ เธอไม่อยากให้บุตรชายกลับไปใช้ชีวิตที่สหรัฐอเมริกาอีก ดีไม่ดีเกิดคุณชายรัชต์ถูกใจแม่สาวผมแดงตาฟ้าเข้าก็คงไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องอย่างถาวรเป็นแน่ ทางที่ดีเธอต้องหาสาวไทยมามัดใจบุตรชายให้อยู่หมัด ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับอเมริกาคราวนี้

คุณชายรัชต์แอบกลอกตาเซ็ง ก่อนจะหันมายิ้มเอาใจมารดา “ผมยังไม่ถูกใจใครนี่ครับคุณแม่”

“งั้นแม่ช่วยแนะนำให้เอาไหม ลูกสาวเพื่อนแม่มีที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูอยู่หลายคน ชายลองทำความรู้จักดูก่อนสิ เผื่อจะถูกใจบ้างก็ได้นะลูก”

“เอ้อ...คุณแม่ครับ วันนี้ผมนัดเพื่อนเก่าไว้ นี่ก็ใกล้เวลานัดแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”

เมื่อหม่อมมารดาเริ่มวกเข้าประเด็นแต่งงานอย่างจริงจัง คุณชายก็เริ่มมีธุระปะปังขึ้นมาทันที ร่างสูงลุกจากเก้าอี้ โน้มตัวลงไปจูบแก้มมารดาอย่างเอาใจแล้วเดินกลับขึ้นห้องนอนโดยเร็ว

“ชายรัชต์...ชาย...เฮ้อ!”

หม่อมภารดีถอนใจเฮือกใหญ่ การจะพาบุตรชายไปดูตัวสาวนั้นเห็นทีจะไม่หมู บางทีเธอน่าจะลองเปลี่ยนแผนใหม่ พาสาวมาให้คุณชายรัชต์ดูตัวถึงวังมรกตน่าจะเวิร์กกว่า!

__________________


ลุ้นกันไปก่อนค่ะ ว่าคนร้ายชุดแรกเป็นใคร แล้วคนร้ายชุดที่สองเป็นใคร ใครดี - ใครร้าย ตอนนี้คนเขียนเองก็กำลังคิดหัวแตกเหมือนกันว่าจะหลอกคนอ่านยังไงดี ฮ่าๆ









 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2556
2 comments
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2556 1:07:29 น.
Counter : 954 Pageviews.

 

สนุกมากค๊าาา ลุ้นๆ ลุ้นๆ

 

โดย: wa-ne IP: 99.54.47.70 5 พฤศจิกายน 2556 23:55:21 น.  

 

นางเอกสู้ชีวิตจริงๆ

 

โดย: ree IP: 143.167.70.143 9 พฤศจิกายน 2556 6:31:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ระตา
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




รู้สึกอยู่เสมอว่าการได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้คือความมหัศจรรย์...และการอ่านออกเขียนได้คือรางวัลของชีวิต...
Friends' blogs
[Add ระตา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.