..โลกนี้สวยงาม เมื่อเราเดินช้าลง.... ภาพถ่ายเป็นสื่อกลางของความรู้สึก ...สวยไม่สวยไม่รู้ รู้แต่ มีคุณค่า มากมาย....รักธรรมชาติ ขุนเขา...เดินเท้าย้ำไป ....ท่องทะเลหมอก ..ส่องนกดูไม้ ให้บานฉ่ำ...... ไปกับ.......เรานะ ดาหลา & ปะการัง.... http://daalaamita.multiply.com/
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
20 ธันวาคม 2548
 
All Blogs
 
ดอยหลวงเชียงดาว.....สูงที่ไขว่คว้าได้...

10-12 ธันวา 48 ที่ผ่านมา
ไปเชียงดาว หุหุ ดอยหลวงเชียงดาว ที่ ใครๆๆเขาไป กัน ....
ก่อนไป มีหลายคนบอกว่า อย่าไป ไกลโคตะระ และ โหด ชิ๊ก...แต่ ...ไป ด้วยความรู้สึกว่าอยากไป อยากเห็น
ไป เพราะ อยากเห็นทะเลหมอก สักครั้งกะบ 2 ตา เราเอง
ไป เพราะอยากเห็นดอกไม้ สวย กลิ่นหอม แบบ ชมพูพิมพ์ใจ....

ไปเพราะอยากรู้ วัยนี้ ที่เขาว่าเรา ไม่ไหว ไม่ไหว ดูซิ ไหวไม่ไหว ...เริ่มต้นก่อนไป ฉัน เตรียม ตัว และเตรียมหัวใจ จากความอยากไป อยากเห็น กระเป๋าไม่จัดไม่ทำไร คิดแค่ เสื้อ ผ้าติดตัวและเปลี่ยน
เพราะเป็นคนที่เหงื่อ เยอะมากๆ ต้องสำรองเสื้อ

วันเดินทาง ตื่นแต่เช้า มาทำ หมี่ผัด ..สำหรับไป กินกลางทาง แล้วเรียก ลูกๆ ตื่น จ๊ะจ๋าตื่นเต็นเตรียมเป้ตัวเอง

ชิ๊กกี๊ของเค้า ตั้งแต่หลายวันก่อน ก่อนไป 1 คืนเค้าไม่สบาย กลัว ไม่ไป ขอนอนแต่หัวค่ำเพื่อไปด้วย...

ลูกคนนี้ รอบคอบ จัดเรียบร้อย หมวก ถุงมือ ผ้าพันคอ ..
.และ ส่วนตัวนิดหน่อย เรียบร้อย ในเป้ ของเค้า.....

เจ้าอ้วน ไป ด้วยอาการไม่อยากไป ....แต่ไม่รอด ต้องไป
ทำภาระกิจเรียบร้อย แล้วก็ ออกเดินทางมารับตรู๋หนู่ที่บ้าน แล้วเอาของไป เก็บที่ อาเขต รอ ทีม กทม....

ประกอบด้วย ต๋อย กบ เปา คลิ๊ก พี่สม แมว และโอ่ง.....
เหวินชิง มาส่งที่อาเต พร้อม แคบหมุน้ำพริกหนุ่ม
พร้อมกัน ก็ขึ้นรถ...ไป เชียงดาว....

ไป ที่ ศุนย์รักษาพันธ์สัตว์ป่าเชียงดาว
ไป ต่อ รถ4 วิวฟ์ ไป อีกที ....รถไม่มีขอบไม่มีอะไรเลย

หุหุ เกาะไหนหว่าแต่ นั่งไป พร้อมๆ กัน ขับไปทางดอย
เห้อ ๆ ๆ ดอย เน่า ถนน เป็นโคลน ถามว่าอยากถ่ายรูปไหม อยากจิ แต่ หุหุ แบบว่า มีตอนหนึ่ง รถลื่นๆๆ เกือบตกเขาแล้ว...

.....ใจแป๋วววววววววใจหล่นหัวแม่ทีนแร้ว เลยไม่เก็บแล้ว พงภาพ พอมาถึง จุดที่รถมาส่ง ...เด่นหญ้าขัด...........ด้วยฟามโล่งจาย
เริ่มต้นเดินและเดินคร้าบบบบบบบบบบ

วัดพื้นไป หลายรอบคร้าบแต่ก็ หนุกอยู่ เพราะเริ่มเดิน ใหม่ ๆๆ พอเดินไป ๆ ๆ ๆ ๆ สักพักแฮะ ๆ เริ่มมื่อย และเหนื่อย ....

อากาศ เริ่ม เบา เดินไม่กี่ก้าว เหนื่อย....แต่ สู้
ตลอดทางเก็บภาพ ไปเรื่อยๆๆ สวย ทั้งนั้น
จนกระทั่งค่ำ...เรายังเดินไม่ถึงอ่างสลุงเลย ..

......ตายละหว่า ไฟ ฉายอยู่ที่เป้ ลูกหาบ
เอาละวะ ตาบอด ชั่วคาว ดีที่มีเจ้าอ้วนมาด้วย คอยเป็นไม้เท้า ให้ .....มีกบ คอยรั้งท้าย ช่วย ยามที่ลื่นล้ม ต้องขอบคุณมากๆๆ จนกระทั้งเราเดินไปถึง อ่างสลุง ...กางเต้น

และ อ้าว เป้เรายังไม่มา เสื้อไม่มีเปลี่ยน
หนาว มาก ขอบอก ...ยืนสั่น สะท้ายเรย.....
ลงมือ ทำ กับข้าว จากแก๊ส กระป๋อง....จาก หนุ่ม ๆๆ

เมนู เริด หรู...ไข่เจียว แกงจืดเต้าหู้....แระไรอีกหว่า....จำม้ายไล้ เช้าวันที่ 2 ตื่นแต่เช้า เดินไปที่กิ่วลม ...หุหุ โหด ชิ๊กเป๋งเร้ย....

ไปรอถ่ายทะเลหมอก และ พระอาทิตย์ขึ้น.........
ไป พร้อมเจ้าอ้วน ส่วนตัวเล็กนอนเอาแรง อิอิ

หุหุ คุ้มมาก ในวันนี้เดินขึ้นลงกิ่ว 2 รอบ เห้อ ๆ ๆ ตรูเอ่ย ไม่บ้าก็เมา อ่ะ ...แต่ คุ้มสุด ๆ กับทะเลหมอก ที่ ฟันไป มากว่า100 รูป แล้วรอบบ่ายที่ขึ้นอีกครั้งเป็น การเก็บภาพดอกไม้ เป็นส่วนใหญ่ ..

อะรูมิไร้ ซะเป็ง ส่วนใหญ่ อุอุ

เรื่องขำจิ๊ก น้องจ๊ะจ๋า ทำลายสถิติ
ส่งfax สำเร็จนิ....กลางดอย 555

ลงจากกิ่วลม แล้ว พัก กัน สักครู่ บ่าย3 โมงเดินขึ้น ดอยหลวง...ที่ ตอนเรายืนอยุ่ที่หน้าเต้นท์ มองขึ้นไป อุอุ สูงง่ะ ปีนขึ้นไปแล้ว ห้ามหันหลังมอง เสียว มากกกกกกกกกกก

น่ากลัวจริงๆ .......หย๋องขวัญ.....

แต่ก็ขึ้นไปถึง และเก็บ ภาพ บรรยากาศ ทั้งหมด ได้รอบตัว........ สวยตอนลง ลงก่อนมืด เพราะ ผิดหวังไม่เห็นพระอาทิตย์ตกดิน....รีบลงก่อนก็ดีเพราะ ขาขึ้น ห้าม มองลงไป แล้วขาลง

อะจื๊ยส์ ไม่อยากบอก หย๋องงงงงงงงงงงงงงงงงงมั๊ก

ลงมา พ้นส่วนที่หว๋าดเสียว แล้ว มืด ก็ต้องเดินลุยลงมา ...........แสบสันต์ โหด จริงๆ

พอถึงที่พัก ทำมือเย็นกิน เริด อีกแว๊ว
ยำกุนเชียง ต้มยำปลา....ผัดคะน้าปลาเค็ม...หย๋อยมั๊ก
มีน้ำขิงต้มอีกตะหาก ....อุ่น มาหน่อย ฟ้าเปิด สวยเห็นดาวเต็ม ฟ้าเรยอ่ะ .....

ไร้สามาด ที่จะเก็บภาพดาว ..........ได้แต่เก็บ เอาไว้ ในใจ....เข้านอน ตอน สี่ทุ่มกว่าๆๆ กลางดึก อุอุ มีฝน อะ5 ทำไมว้า ตกตอนนี้ แล้ว เดินลง ต๋ายแน่ๆๆ ....

มันต้อง สไลด์ แน่ๆๆ .....นอนไม่หลับอ่ะ

กังวล และห่วงลูกๆๆ กลัว จะเกิด อันตราย ตอนลง เพราะทางลื่น........

แต้เช้ามา เราตื่น ค่อยจะสายกัน ราว 7 โมงเช้า
เหลือน้ำพอแปรงฟันได้ ก็ นะ ซะหน่อย.....
ต้มทน้ำกินกาแฟ กินมาม่า เสร็จก็แบ่งของ เตรียมตัว เดิน ลงกัน.....
ตัวเล้ก ได้ไม้เท้า 1 เดินปร๋อ ตามคุณวาริน คนนำทาง ไป ลิ่ว ....

ดูลูกๆๆ happy กับการเดินป่าครั้งวนี้ มีความสุข นะ

เดินลง ทางบ้าน นาเลา ที หุหุ ทางลง ที่ ขนาด 45องศา ถึง 60 องศา ตลอดทาง 3 ชั่วโมง เป็นการเดินทาง ที่เป็นการเดินลงไม่อยากบรรยาย เร้ย ว่า ปวด หน้าขา มาก เหงื่อ ออกมา ชนิดที่แจ๊กเก็ต เปียก..........ซี๊ก

ตลอดทาง มีตรู๋นู่ กับพี่สม เดินระหว่าง ตัว ขอบคุณมากๆ ๆ ......

ตอนที่ ถึงดงไผ่ คุณวาริน ทำ เซอร์ไพรด์
มีแตงโมง .....หวานเย็น ฉ่ำใจ ให้กินด้วย โอ สุดยอด ....
หลังจากนั้นเราเดิน ต่อ อีก จนกระทั้ง ถึง ทางออกบ้านนาเลา หุหุ สวรรค์ จริงๆ ๆ

นั่งรถไป หมู่บ้านนา เลา .....เพื่อกินข้าว ขาหมู..อุอุ อย่อยขอบอกว่ากินข้าวขาหมูและ....โห.....ตาลุกวาว

ขอบอกว่า บ้านไรจะสวยปานนั้นน๊อ เหมือนสวิส เรยวุ้ย..............

ราคาค่าพัก ไม่แพงนะ คืนละ 50 บาท ถ้าอาหารก้ 50 ต่อคน

มะแพง ง่ะ ..........สวยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ........

ลงจาก ดอยหลวงเชียงดาว ด้วยความประทับใจ .............
ในความ สามาด ของตัวเอง ที่พิชิต ยอด ดอยหลวง .....

ใน วัย 44 นี้ พอใจมั๊ก....555
( ปีนี้ ข่อยพิชิต 2 ยอด ภูกระดึงและดอยหลวงเชียงดาว .....)

ประทับ....ทุกคนในทริปมาก ที่น่ารัก คอยช่วยเหลือกัน.....ตลอดทาง ขอบคุณโอ่ง พี่สม กบ ที่ คอยให้กำลังใจ ตลอดทาง.....สุดยอดคร้าบบบบ

จะไม่เอ่ยถึงไม่ได้เลย ขอบคุณคุณคลิ๊ก ที่ น่ารัก
หลอกเรา ว่า สวรรค์...ดอกไม้ ...หุหุ

ตลอดทั้งทริป....คุยเล่นกันตลอดทางทำให้พวกเรา ได้หัวเราะตลอด ทาง .......

ขอบคุณ วาริน ที่ นำทางเรา ให้ถึง สวรรค์.....ของเรา ใน 3 วันที่ผ่านมา

ขอบคุณ ลุงอิน ที่ขับรถพาเราขึ้น มาเด่นหญ้าขัด ด้วยความปลอดภัย
ขอบคุณทุกๆๆคนค่ะ ...........

ปล. ขอส่งท้าย ....ที่คำพูด ติด ตลก ขำ ตลอดทาง ว่า เมื่อลงมาถึง

ภาพพื้นล่างดอยแล้ว....ให้ แหงนหน้ามอง ยอดดอยหลวงเชียงดาว.............

มี 1ประโยคที่พูด เหมือนกันว่า...... " กรูขึ้นไปทำไม ว้า "

.............555............

แอบรีวิวน้องติ๊ดตี่.....ที่ละเอียดมั๊ก.........
ไม่เหมือนของเราที่ มั่ว ๆ ๆ





Create Date : 20 ธันวาคม 2548
Last Update : 20 ธันวาคม 2548 21:40:56 น. 10 comments
Counter : 457 Pageviews.

 
copy รีวิว จากนู๋ตู่ ที่ไป ทริป เดียวกัน มา ไว้ ....ระลึก อดีต ที่ไป ด้วยกัน

การเตรียมตัวไปดอยหลวงเชียงดาวในเรื่องอาหารการกินนั้น ต้องเตรียมไปเองทุกอย่างนะคะ อยากกินอะไรขนไปเองหมด ไม่มีร้านค้าขายตามรายทางทั่วไป ถ้าเป็นเนื้อสัตว์ควรรวนให้สุกก่อนเอาขึ้นไป ใช้ลูกชิ้นแทนก็ได้แต่ควรจะต้มก่อนมิฉะนั้นมันจะเสียได้ ผักต่างๆ ถ้าล้างได้ควรจะล้างขึ้นไปเลยเพราะข้างบนไม่มีแหล่งน้ำใช้ ซึ่งลูกหาบจะเป็นคนขนไปให้ก่อน เป็นน้ำสำหรับกินและใช้ทำกับข้าวเท่านั้น น้ำอาบไม่ต้องพูดถึง ไม่ได้อาบหรอกค่ะ แปรงฟันไม่จำเป็นไม่ต้องเอาไปก็ได้เกะกะเสียเปล่าๆ ให้เคี้ยวหมากฝรั่งแทนไปเลย

การเตรียมตัว แบ่งได้เป็นหลายหัวข้อ ดังนี้
1. ด้านร่างกาย...ต้องเตรียมตัวออกกำลังกายอย่างน้อย 1 - 2 เดือน เพราะทางค่อนข้างลำบาก
2. สัมภาระ...เช่น เต็นท์ ..ถุงนอน .. แผ่นรองนอน
3. อาหาร....เราจะเตรียมไปเองก็ได้ หรือจะไปหาซื้อเอาที่ตลาดแม่มาลัยก็ได้
4. เสื้อผ้า.....ไม่ต้องเอาไปมากหรอก ชุดเดียวก็พอแล้วเรื่องเสื้อผ้าไม่ต้องเอาไปให้หนักเลยเพราะไม่มีโอกาสได้อาบน้ำอย่างแน่นอน ยกเว้นคนรักความสะอาดต้องเปลี่ยนนี่ก็ไม่ว่ากันถ้าแบกเองไหว
5. เสื้อกันหนาวไปให้พออย่างน้อยประมาณ 2 ตัวขึ้นไป ถุงมือ ถุงเท้า หมวก
6. ผ้าห่ม....ถ้าคุณสามารถเอาไปได้ เอาไปเลยครับ เพราะกลางคืนอากาศหนาวมาก
7. น้ำดื่ม......ควรนำกระติกสนามไปด้วย รวมถึงหิ้วติดมือไปอีก เท่าที่จะสามารถเอาไปได้
8. หุงข้าว.....หุงด้วยหม้อสนาม เอาหม้อสนามไปด้วย (ถ้ามี)
9. น้ำใช้......อันนี้ลูกหาบจะแบกขึ้นไปให้ ( ลูกหาบ 1 คน / น้ำ 20 ลิตร ) ใช้ประหยัดหน่อย
10. รองเท้า....ควรเป็นรองเท้าที่เกาะพื้น เพราะตอนเช้าจะมีน้ำค้างทำให้ทางเดินลื่น
11. ยา...ควรจะเตรียมยาที่จำเป็นไป เช่น ยาแก้ปวดหัว, ปวดท้อง, ยาแก้คัน, พลาสเตอร์ยา, อื่นๆ และยาสำหรับคนที่มีโรคประจำตัว
12. ไฟฉาย ไฟแช็ค เทียนไข
13. กระดาษทิชชู แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ถุงมือ ถุงเท้า หมวก เสื้อกันฝน
14. กล้องถ่ายรูป อันนี้ลืมไม่ได้เลยนะ
15. กล้องส่องทางไกล มีก็เอาไปด้วยนะ
16. แผนที่สำหรับดูดาว เพราะตอนกลางคืนดาวจะสวยงามมาก


โดย: ปะการังหอม (ปะการังหอม ) วันที่: 20 ธันวาคม 2548 เวลา:21:43:30 น.  

 
ส่วนเรื่องห้องน้ำห้องท่า ก็หัดๆไว้ เผื่อได้มีโอกาสไปใช้ที่เมืองจีนจะได้ชิน ตามที่พักแรมต่างๆ จะมีห้องน้ำอยู่ 2 แบบคือแบบ open sky และแบบมีหลังคา นี่พูดถึงแค่ตัวห้องน้ำนะคะ ไม่ได้พูดถึงตัวส้วม ตัวส้วมนั้นเป็นส้วมหลุมขุดลงไปในดิน แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็กองอยู่ในนั้นทั้งหมด เห็นหมดทุกสิ่งที่อยู่ในหลุม ไม่มีปิดบัง ไม่มีน้ำล้างด้วย ควรเตรียมทิชชู่หรือ กระดาษสำหรับเช็ดก้นเด็กที่เป็นห่อ ๆ แบบเปียกไปด้วยเพราะมันต้องใช้ตลอด แต่สำหรับกระดาษเช็ดก้นเด็กเป็นกระดาษสังเคราะห์ย่อยสลายยากจึงน่าจะหาถุงพลาสติกเก็บลงมาทิ้งข้างล่างด้วย ส่วนเวลานั่งยองๆ บนส้วมต้องระวังอย่าให้ขาหลุดลงไปเลยเชียว มิฉะนั้นคุณจะกลายเป็นคนน่ารังเกียจในกลุ่ม เพราะจะไม่มีใครอยากเข้าใกล้แน่นอน

ค่าใช้จ่ายต่างๆ
ค่าใช้จ่ายสำหรับคนนำทาง วันละ 500 บาท
ค่าใช้จ่ายสำหรับลูกหาบ วันละ 300 บาท/ลูกหาบ 1 คน
ค่ารถที่จะไปรับเราที่ท่ารถเชียงใหม่ประมาณ 700-1000 บาท แล้วแต่จะตกลงกันได้ราคาไหน
ค่ารถที่จะไปส่งเราตรงทางขึ้นดอยที่เด่นหญ้าขัด 1,000 บาท แล้วแต่จะตกลงกันได้ราคาไหน

หมายเหตุ
1. คนนำทางจะไม่แบกสัมภาระของเราเลยนะ มีหน้าที่แค่นำทาง
2. ลูกหาบ 1 คนจะแบกน้ำหนักของได้แค่ 20 กิโลกรัม/คน ท่านั้น
3. สัมภาระอื่นๆ เราอาจจะต้องช่วยแบกเองถ้าลูกหาบไม่พอ หรือของมีมากเกิน
4. ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้
5. ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน 2 คืนในการชมดอยเชียงดาว

เส้นทางจะมีด้วยกัน 3 เส้นทาง คือ
1. บ้านนาเลา
2. บ้านถ้ำ
3. เด่นหญ้าขัด
บ้านนาเลา
เส้นทางค่อนข้างจะรก ...
บ้านถ้ำ
เส้นทางจะชัน ..... จะลงจากดอยได้เร็ว ไม่เหมาะแก่การขึ้นส่วนใหญ่จะใช้เส้นทางนี้ในการลงปัจจุบันเส้นทางนี้ปิดไม่ให้ใช้แล้วเพราะอันตรายมาก แต่ก็ยังมีบางนักท่องเที่ยวบางคนขึ้นอยู่
เด่นหญ้าขัด
ส่วนใหญ่จะขึ้นดอยกันทางนี้ เพราะเป็นทางเดินเรื่อยๆ แต่มีทั้งขึ้น และลงเขา มีทั้งหน้าผาด้วย ต้องเดินโดยใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่งั้นก็ลงไปนอนอยู่ก้นดอยได้โดยไม่รู้ตัว
หมายเหตุ
คณะของเราใช้ ทางบ้านนาเลา เป็นทางลง และใช้เส้นทาง เด่นหญ้าขัด เป็นทางขึ้น

การเดินทาง
เช้าวันที่ 10 ธค.
เรานัดพบกันกับสมาชิกจากกทม. ตอน 6 .30 น. ที่อาเขต จากนั้นเริ่มออกเดินทางตอน 7.00 น. โดยรถกระบะ ที่พี่คนนำทางเป็นคนจัดหามาให้ เค้ามาจากเชียงดาวเข้ามารับพวกเราในเมือง จากนั้นเริ่มวิ่งไปตามทางหลวงหมายเลข 107 แวะที่ตลาดแม่มาลัยเพื่อซื้อข้าวเหนียว ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม ฯลฯ เพื่อไปกินกันตอนเที่ยง และน้ำดื่มตามจำนวนคน ขวดละ 1 ลิตร / คน ขวดน้ำนี้ควรจะเก็บรักษาไว้ให้ดีเพราะเป็นภาชนะที่จำเป็นต้องใช้ใส่น้ำตลอดเวลาที่อยู่บนดอยหลวง แบบว่าถ้าขวดหายก็ตายไม่มีน้ำกินชัวร์ แวะทานข้าวเช้าที่ตลาดแม่มาลัย มีร้านข้าวหน้าเป็ดอยู่ร้านหนึ่ง รสชาติอาหารอร่อยใช้ได้เลยที่เดียว จากนั้นเมื่อท้องอิ่มเราเริ่มเดินทางต่อไปที่ ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยหลวงเชียง เพื่อติดต่อลงทะเบียนว่าจะขึ้นดอยหลวง คนนำทางจะเป็นคนขออนุญาตให้เราเอง ทั้งนี้เราต้องส่งรายละเอียดให้ คนนำทางก่อนอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อทำเรื่องในการขออนุญาตเข้าชมดอยเชียงดาว
รายละเอียดคร่าวๆ ก็คือ
1. ชื่อ + นามสกุล ของ ทุกคนที่ไปเที่ยวดอยเชียงดาว
2. อายุ และสถานที่ทำงาน หรือที่อยู่ ของแต่ละคน
3. ผู้ชายกี่คน ผู้หญิงกี่คน
4. ระยะเวลาในการเที่ยวชม ...อย่างน้อยต้อง 3 วัน 2 คืน
และเราจะต้องลงทะเบียนขยะที่จะนำขึ้นไปจ่ายเงินค่าประกันขยะด้วยประมาณ 500 บ. จะได้คืนเมื่อตอนกลับลงมาเช็คขยะเท่านั้น


โดย: ปะการังหอม วันที่: 20 ธันวาคม 2548 เวลา:21:48:23 น.  

 
ประมาณ 10.00 น. เปลี่ยนรถเป็นรถ 4WD เพื่อขึ้นไปที่เด่นหญ้าขัด แต่เราจะต้องผ่านจุดตรวจสันป่าเกี๊ยะก่อน เพื่อลงชื่อว่ามาเยือนแล้ว ถนนที่ไปส่วนมาเป็นถนนลูกรัง มีลาดคอนกรีตเป็นบางช่วง ช่วงสั้นๆ เท่านั้น นอกนั้นเป็นลูกรังหมด ตอนที่ไปนี่ฝนพึ่งตกก่อนหน้านั้นและหยุดก่อนไปเพียงวันเดียว ถนนยังไม่แห้งเลย เห็นถนนตรงหน้าดินฟูหมด หาทางเรียบไม่ได้ ในใจคิดว่าจะขึ้นไปยังไงล่ะวะเนี้ยะ กลัวเฟ้ย แล้วเหตุการณ์สั่นประสาทและหัวใจก็มาเยือนเมื่อรถวิ่งผ่านไปตรงที่ดินฟูแล้วล้อหลังเกิดปัดไถลลื่นไปหาข้างทางที่เป็นเหว!!! ใจแป้วเลยอ่ะ ใจตกหายไปไหนไม่รู้แล้วแต่คนขับเก่งมากเบรกไว้ได้ทันแล้วตั้งตัวใหม่ เร่งเครื่องขึ้นไปอีก คราวนี้กลับไถลลงไปอีกง่ะ ฮือๆๆกลัวยิ่งกว่าเดิมอีกเพราะเราเห็นเต็มๆ ตาว่าข้างหน้าเราเป็นเหวลึกขนาดไหน กลัวสุดขีดจนมือไม่อ่อนไปหมด กรี้ดไม่ออกกันทั้งคันรถเลยค่ะงานนี้ คราวนี้ตั้งตัวใหม่ครั้งที่ 3 เร่งเครื่องจนหลุดจากตรงที่ดินฟูมาได้ เห้อ...นึกว่าจะไม่ได้กลับไปเห็นหน้าพ่อหน้าแม่เสียแล้วสิเรา เรื่องรถต่างๆนี่คนนำทางจะเป็นคนจัดการติดต่อหามาให้ทั้งหมด

เที่ยงกว่า ถึงหน่วยพิทักษ์ป่าเด่นหญ้าขัด (เราจะเริ่มเดินกัน ณ จุดนี้แหละ) ซึ่งจุดนี้เป็นที่ทำการของเจ้าหน้าที่ ที่นี่มีต้นดอกซากุระป่าด้วยนะ แต่เสียดายที่ดอกยังไม่บานเลยเห็นแต่กิ่งและตุ่มเล็กๆ บนกิ่งที่เตรียมจะบานเดือนหน้า แล้วเราก็ทานอาหารกลางวันกันที่นี่ด้วยข้าวเหนียว ไส้อั่วต่างๆ ย้ำว่าต้องกินให้อิ่มเพื่อจะมีแรงเดินต่อไปเพราะจากจุดนี้จะ เดินยาวไปจนถึงอ่างสลุงเลย แต่กลุ่มอื่นจะพักนอนกลางทางก็ได้ไม่มีใครว่าแล้วแต่อัธยาศัยและกำลังขาของสมาชิก กลุ่มเราใช้เวลาเดินทางตั้งแต่ 13.00 – 18.30 น. เดินตั้งแต่สว่างไปจนถึงมืดกลางป่าเกือบๆจะถึงอ่างสลุงแล้ว ทางเดินแต่ละช่วงต้องใช้ความระมัดระวัง เป็นอย่างมาก ต้องมีสติอยู่เสมอ อย่าเหม่อเลยหรือมัวแต่หันหน้าหันหลังคุยกัน ไม่งั้นได้ลงไปนอนก้นดอยแน่ๆ

ตามระหว่างทางที่เดินไป ทิวทัศน์ข้างทางสวยงามมากจนอดใจไม่อยู่ต้องยกกล้องออกมาถ่ายเสียเยอะแยะไปหมด มีทั้งดอกไม้ ต้นไม้ ทิวเขา และป่าสน มีอะไรมากมายให้เราถ่ายได้อยู่ได้ตลอดทาง เตรียม เมมโมรี่ หรือฟิล์ม และแบตเตอรี่ไปให้พอนะคะ ไม่งั้นจะเสียใจ

18.30 น. มาถึงจุดที่จะกางเต็นท์ที่อ่างสลุง ที่ราบหุบเขาดอยกลวงเชียงดาว แหงนหน้าจนคอตั้งบ่าข้างหน้าเป็นดอยหลวงเชียงดาว ยิ่งใหญ่และอลังการจริงๆ ค่ะ หันกลับมาด้านข้างเป็นกิ่วลม สถานที่สำหรับชมวิว ชมดอกไม้ ชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า โปรแกรมทั้งหลายนี่ต้องยกเอาไว้คุยกันทีหลังเพราะตอนนี้ทั้งเหนื่อยทั้งหนาว และหิวมาก แบ่งงานกันทำ คนกางเต็นท์ ก็กางเต็นท์ไป อีกส่วนก็ทำกับข้าวไป เสร็จพร้อมๆ กัน ก็จะได้ลงมือกินข้าวเสียทีท่ามกลางความเหน็บหนาว ดีที่ว่าลูกหาบในทริปนี้มี 4 คน 2 คนที่ขึ้นมาก่อนมีอาหารบางส่วนขึ้นมาก่อน อีก 2 คน ตามมาทีหลังสุด มีกระเป๋าของสมาชิกทริปและข้าวสารและอาหารบางส่วน ดีที่กระเป๋าตู่พี่ในทริปเค้าแบกมาให้ในนั้นมีเสื้อกันหนาวอยู่อีก 3 ตัว ก็เลยพอแบ่งให้กันใส่บรรเทาหนาวได้บ้าง
3 ทุ่ม ได้เวลาพักผ่อนหลังจากที่เดินกันมานานจนเหนื่อย หลับสนิทท่ามกลางความหนาวเย็น อากาศบนดอยช่างหนาวได้จับใจเสียจริง ๆ


โดย: ปะการังหอม วันที่: 20 ธันวาคม 2548 เวลา:21:50:10 น.  

 
11 ธค. 48
ตี 5 ต้องตื่นเพราะเสียงปลุกจากเต็นท์ข้างๆ เรียกให้ไปชมทะเลหมอกจากยอดกิ่วลม ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการเดินประมาณ 45 นาที ตอนเช้าๆ อาจจะต้องใช้เวลาในการเดินมากหน่อยเพราะทางมืดและค่อนข้างจะลื่นเพราะน้ำค้างลงแรงมากในเวลากลางคืนจนเหมือนฝนตกเลยค่ะ อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมให้พร้อมคือ ไฟฉาย หากไม่มีจะไม่สามารถไปได้เลยเพราะเส้นทางในช่วงแรกจะเป็นทุ่งหญ้าอัลไพล์ จากนั้นจะตัดขึ้นสู่ยอดดอยซึ่งเป็นป่าดิบชื้น มีแต่โขดหินสูงให้ปีนป่ายขึ้นไป ระยะทางไม่สามารถประเมินได้ว่ากี่ กม. รู้แต่ว่าเดินไปด้วยความกลัวนิดๆ เมื่อทิ้งช่วงห่างกัน อยู่คนเดียวมันก็น่ากลัวไม่น้อยสำหรับคนไม่เคยเดินป่าอย่างเรา เพราะป่าจะสงบมาก ไม่มีเสียงอะไรให้ได้ยินนอกจากเสียงเดินแต่ละก้าว และเสียงหายใจของตัวเอง ทุกคนต่างเดินจ้ำกันให้ไปถึงจุดหมายโดยเร็วเพื่อต้องการจะไปชมแสงแรกของวันใหม่ ชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นให้ทัน จุดหมายข้างหน้ายังมืดมิด แต่ความหวังของเราอยู่ที่เสียงของคนข้างหน้าบอกต่อมาเป็นระยะๆ ว่า อีกเพียงนิดเดียวอดทนเข้าไว้ ใกล้จะถึงแล้ว และเมื่อเราใกล้จะเดินไปถึง ก็ได้ยินอีกว่า แสงแรกเริ่มออกแล้วนะครับ ฟ้ากำลังจะเปิดแล้ว รีบหน่อยนะครับ เพียงเท่านี้ขาที่เริ่มจะล้าเพราะต้องเกร็งกับทางที่ลื่นและชันมาตลอดทางก็มีแรงขึ้นมาในทันที......
เมื่อเราโผล่หน้าขึ้นไปเห็นยอดดอยซึ่งเป็นที่โล่ง ลมหนาวพัดมาปะทะร่างกาย แต่ในเวลานี้เรากลับรู้สึกร้อนไม่ต่างจากตอนกลางวันจนต้องถอดเสื้อกันหนาวออกเพื่อสัมผัสความหนาว แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็เริ่มจะรู้สึกว่ามันหนาวจนต้องรีบคว้าเสื้อกันหนาวมาใส่ตามเดิมด้วยเหงื่อที่ออกจนเสื้อเราเปียกโดนลมหนาวพัดจนทำให้เรารู้สึกหนาวจับใจขึ้นมาทันทีทันใดไม่ต่างกับตอนก่อนขึ้นมา....

6.00 น. ฟ้าเริ่มเปิดแล้ว แสงแรกแห่งอรุณกำลังจะเริ่มเปิด ตีนฟ้ากำลังยกเหมือนม่านโรงละครกำลังจะเปิด ภาพที่เห็นช่างสวยงามอะไรเช่นนี้ รอยต่อแห่งรัตติกาลและอรุณรุ่งสวยเกินคำบรรยาย ความเหน็ดเหนื่อยจากการบุกป่าผ่าดงทั้งหลายหายไปในทันทีเมื่อสายตาได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติที่รายล้อมอยู่รอบตัวเรา

7.05 น. พระอาทิตย์เริ่มจะโผล่ออกมาแล้ว เห็นเพียงนิดๆ สีแดงฉานอยู่ตรงเส้นขอบฟ้า สวยจับจิต เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ พระอาทิตย์เริ่มเคลื่อนตัวขึ้นสูงขึ้นอย่างช้าๆ แว่วเสียงกดชัตเตอร์ ทั้งของตัวเองและคนร่วมทาง ดังลอยมาตามลม นับร้อยๆ ครั้งได้ ความอบอุ่นจากแสงอาทิตย์ก็เข้ามาเยือน จากป่าที่สงบจนไม่ได้ยินเสียงใดๆเลย ณ เวลานี้เริ่มได้ยินสรรพเสียงของป่าตื่นฟื้นจากการหลับใหล เสียงนกร้องออกหากิน เสียงชะนีกู่ร้องดังก้องป่า เสียงสรรพสัตว์ ต่างๆ เริ่มดังขึ้นแล้วทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าเราเป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆ ของขุนเขาแห่งนี้เช่นกัน....

หลังจากที่เราได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกจนจุใจแล้ว นั้น พี่คนนำทางก็พาเราไปดูพรรณไม้บนยอดกิ่วลม ณ ที่แห่งนี้เราพึ่งจะได้เห็นหน้าตาของ “บัวหิมะ” ต้นที่เคยได้ยินแต่ชื่อแต่ไม่เคยเห็น ลักษณะคล้ายๆ กับเฟินต้นเล็กๆ ขึ้นเป็นกอ ตามซอกหินผา

“ฟองหินเหลือง” ดอกสีเหลืองสวย
“คำหิน” ดอกสีเหลืองเล็กๆน่ารัก
“เทียนเชียงดาว” สีบานเย็นสวย


โดย: ปะการังหอม วันที่: 20 ธันวาคม 2548 เวลา:21:53:14 น.  

 
“เทียนหมอคา หรือเหยื่อเลียงผา” เทียนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และอื่นๆ อีกมากมายหลากหลายเกินจะบรรยายได้หมด

7.45 น. ท้องเริ่มเรียกร้องหาอาหารแล้ว จึงได้เดินลงจากกิ่วลมเพื่อไปกินมื้อเช้าที่จุดพักแรมของเรา และจะกลับขึ้นมาอีกในตอนสายๆ เพื่อดูพรรณไม้ดอกไม้ต่างๆ ที่เรายังไม่ได้เห็น ก่อนลง ชมวิว รอบๆตัว 360 องศาก่อน
9.50 น. เรามุ่งหน้าเดินขึ้นกิ่วลมอีกรอบ ใครได้ยินคงว่าเราบ้าเดินขึ้น 2 รอบในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่สำหรับเราแล้ว การเดินขึ้นครั้งที่ 2 นี้ ยังมีสิ่งที่ตื่นเต้น และน่าสัมผัสอีกมากมายรอเราอยู่บนกิ่วลม การเดินรอบ 2 นี้เราเดินกันอย่างสบายๆ ไม่ได้รีบขึ้นไปให้ทันแสงแรกเหมือนตอนเช้า เดินไปแวะถ่ายรูปดอกไม้ตามรายทางไปเรื่อยๆ พี่คนนำทางเค้าจะหยุดบอกชื่อดอกไม้เป็นระยะ จากนั้นเราก็จะต่อคิวกันถ่ายรูปคนละใบ สองใบ ก่อนเดินต่อไป ตามรายทางในทุ่งหญ้าอัลไพล์นั้นเราจะเห็นดอกไม้หลายชนิดเช่น แอสเตอร์ นางจอย หรีดเชียงดาว หญ้าข้าวกล่ำ
หญ้าดอกลาย ดอกแสงแดง และอีกหลายๆ ชนิด บรรยายไม่หมด บรรยากาศยามเช้าขนาดสายแล้วแต่แสงอาทิตย์ยังไม่ส่องลงมาถึงทำให้การเดินไม่ร้อนออกจะเย็นสบายเสียด้วยซ้ำ พอถึงทางเดินขึ้นเขา น้ำค้างเมื่อตอนเช้าเริ่มตกลงสู่พื้นดินทำให้ทางเดินลื่นยิ่งกว่าตอนเดินช่วงเช้าอีก แต่คราวนี้เราไม่กลัวเพราะ สามารถมองเห็นทางแล้ว และก็พึ่งมองเห็นว่าทางนั้นเดินลำบากมากเหมือนกัน ยังแอบคิดอยู่ในใจว่า..แล้วตอนเช้าเราเดินมาได้ยังไงเนี้ยะ
บนกิ่วลมนั้นมีดอกไม้เฉพาะถิ่นอยู่หลายชนิด เมื่อได้ขึ้นไปรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก อันนู้นก็จะถ่าย อันนี้ก็จะถ่าย ไหนจะ วิว ไหนจะดอก เมมโมรี่มีเท่าไหร่ก็ไม่พอหรอกค่ะ ย้ำว่าเตรียมไปเยอะๆ เลยละกันค่ะ

เที่ยงครึ่ง เรานั่งทานข้าวบนยอดกิ่วลม กลางสายหมอกและดงดอกกุหลาบพันปี ที่ยังไม่บาน มองลงไปข้างล่างเห็นบริเวณจุดกางเต็นท์ที่อ่างสลุงด้วย สังเกตเห็นว่ามีเต็นท์กางเพิ่มมากขึ้นจากเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด มื้อเที่ยงวันนี้ช่างเป็นอาหารมื้ออร่อย แม้จะเป็นเพียงข้าวเหนียวกับแกงกระป๋องแต่ก็อิ่มกับบรรยากาศสวยๆ แบบ 360 องศา เลยทีเดียว มองนาฬิกาใกล้จะบ่ายโมงครึ่งแล้ว เราเลยรีบลงไปเพื่อพักผ่อนเอาแรงขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกดินดอยหลวง อีก หุหุ ทำไมวันนี้เรามีแรงเยอะอย่างนี้หนอ ขึ้นดอย วันละ 3 รอบ นี้ไม่ใช่ระยะทางน้อยๆ เลยนะนี่ แต่ไหนๆก็มาแล้ว ต้องไปให้หมด ไปให้คุ้มกับที่เดินมาตั้งไกลแสนไกล ระหว่างที่นั่งพักเราก็เตรียมหั่นผัก เตรียมทำกับข้าวมื้อเย็นไปพลางๆ ก่อน เมื่อถึงเวลาเราทั้งหมดจึงมุ่งหน้าขึ้นดอยหลวง แต่ขอย้ำก่อนว่า ถ้าจะขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกบนดอยหลวงสิ่งที่ขาดไม่ได้อีก ก็คือ ไฟฉายและเสื้อกันหนาว เพราะหากลงมาตอนหลังพระอาทิตย์ตกดินแล้วจะมืดมากและทางค่อนข้างจะโหดมาก ทั้งสูงและชัน แถมมีแต่ก้อนหินคมๆ ให้เกาะปีนขึ้นไป




โดย: ปะการังหอม วันที่: 20 ธันวาคม 2548 เวลา:21:55:48 น.  

 
ทางช่วงแรกที่จะขึ้นดอยหลวงนั้นเป็นทุ่งหญ้าสูงชันขึ้นไป เมื่อไต่ความสูงมาได้ระยะหนึ่งแล้วจากทุ่งหญ้าจะเปลี่ยนเป็น โขดหินแหลมคม ทางชัน ต้องปีนป่ายขึ้นไป โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนกลัวความสูง แต่ดันหันหลังกลับไปมองทางที่เดินผ่านมา ....ไม่อยากจะบอกเลยว่าเสียวสยองสุดๆ ทั้งชันและสูง คิดออกมาดังๆ ว่า ตรูเดินมาได้ยังไงฟะ หลังจากหันไปมองทางข้างหลังเท่านั้นเอง จากเดิน 2 ขา ก็กลายมาเป็นเดิน 4 ขาโดยปริยาย อาการกลัวความสูงเริ่มกำเริบ อยากจะร้องให้ออกมาอยู่มะรอมมะร่อ เริ่มจะถอดใจว่าเมื่อไหร่จะถึงยอดดอยหลวงเสียทีหนอ กลุ่มที่มาด้วยกันก็เดินไปถึงยอดดอยนานแล้ว ค่อยๆ เดินขึ้นคนเดียว หยุดเดินเป็นระยะๆเพื่อเรียกสติและความกล้ากลับมา จะได้เดินขึ้นต่อไป เห็นดอกไม้ตามรายทาง สวยๆ ตรงไหนหยุดยืนได้แบบไม่ค่อยจะหวาดเสียวค่อยมีแรงยกกล้องขึ้นมาส่องหน่อย ตรงไหนหวาดเสียวมากๆ แค่หยุดยืนก็รู้สึกเหมือนจะหงายหลังลงไปเสียตั้งแต่วินาทีนั้นกล้องไม่เอาแล้ว กลัวๆๆ แล้วอีตอนลง จะไหวไหมเนี้ยะ ทางแบบนี้น่ะ อดทนอีกนิดเดียวได้ยินเสียงคนคุยกันแว่วๆ มาบ้างแล้วทำให้รู้ว่าใกล้จะถึงแล้วนะ กำลังใจมาเป็นกองเลย...

ขึ้นไปถึงยอดดอย โอ้โห คนเยอะชะมัดเลย ยืนชมวิวกันเต็มไปหมด จนแทบจะไม่มีที่ว่างให้ยืน ตาลายเลยเรามองหาคนกลุ่มเดียวกับเราไม่เจอ ค่อยๆเดินอย่างคนหมดแรง ด้วยทั้งเหนื่อยและทั้งกลัวความสูง เดินตามสันเขาไปเรื่อยๆ อากาศข้างบนนั้นลมพัดแรง และหนาวเหมือนกัน มองเห็นกลุ่มของเราอยู่ไกลลิบๆ กำลังเก็บภาพดอกไม้อยู่ ดอกไม้บนยอดดอยหลวงเมื่อเทียบกับ กิ่วลมแล้วนับว่ามีน้อยมาก ที่เห็นมีอยู่ก็คือ “กุหลาบเลื้อยเชียงดาว หรือศรีจันทรา” เป็นดอกกุหลาบไทยพื้นเมืองเป็นดอกไม้กลางคืน กลีบดอกจะร่วงเมื่อต้องแสงแดดจัดๆ ลักษณะดอก เป็นสีขาว กลีบชั้นเดียว เกสรสีเหลือง ลำต้นเป็นหนามสีน้ำตาลเข้ม ความพิเศษของ ศรีจันทราคือ ตอนกลางคืนเกสรจะเป็นประกายยามต้องแสงจันทร์ เพื่อล่อแมลงกลางคืน และเป็นพืชที่พบที่ดอยหลวงเชียงดาวเพียงแห่งเดียวเท่านั้น

“ชมพูเชียงดาว” มีอยู่ไม่กี่ต้น ขึ้นประปรายทั่วไป “หญ้าดอกลาย” และมี “เยอบีร่าดอย” ขึ้นตามหน้าผา ดอกเยอบีร่านี่ไม่สามารถจะถ่ายมาให้ชมได้ค่ะ เพราะต้องเสี่ยงชีวิตไปเก็บภาพด้วยการไต่หน้าผาค่ะ โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนกลัวความสูงจึงไม่ยอมเสี่ยงค่ะ อุอุ ดอกชมพูเชียงดาวและ อีกต้นที่เห็นชัดคือ “ค้อเชียงดาว หรือ ปาล์มรักเมฆ” เป็นพืชเฉพาะถิ่นอีกเช่นกัน

นั่งรอเวลาพระอาทิตย์จะตกดิน ฟ้ายังไม่ยอมเปิด ม่านหมอกลอยอ้อยอิ่งไม่มีลมมาช่วยพัดไปเลย ทุกคนต่างลุ้นให้ฟ้าเปิด สักครู่ ลมพัดให้หมอกลอยเข้ามาหาเรา พัดพาความหนาวเหน็บมาให้ก็ยังพอทนความหนาวไหว แต่สุดท้ายฟ้าไม่เป็นใจ ไม่ยอมเปิดทางให้เราได้ชมพระอาทิตย์ตกดิน เมื่อเห็นว่าไม่มีหวังแล้ว จึงชวนกันเดินลงก่อนจะมืด เพราะคิดตั้งแต่ตอนขึ้นแล้วว่าขาลงทางน่าจะเดินลำบากกว่าตอนขึ้นอีก ดังนั้นเราเลยรีบลงไปให้เร็วที่สุด แต่เร็วที่สุดมันก็ยังช้าอยู่ดีเพราะขาสั่นอีกแล้ว ขาลงนี่น่ากลัวกว่าตอนขาขึ้นอีก เดินลงช้าๆ เมื่อมาถึงทุ่งหญ้าก็เริ่มจะมืดแล้ว แต่ยังพอเห็นทางอยู่บ้างเพราะคืนนี้ขึ้น 10 ค่ำ พระจันทร์เกือบจะเต็มดวงแล้วมีแสงจันทร์ส่องนำทางให้เราอยู่บ้าง ก็ยังพอไหวอยู่ อิอิ บรรยากาศโรแมนติคมากถ้ามากับคนรู้ใจ
กลับลงมาทำกับข้าวกินกัน...นั่งกินไปคุยไป ต้มน้ำขิงกินพอช่วยให้รู้สึกว่าอุ่นคลายหนาวบ้าง คุยเพลิน 4 ทุ่มกว่าแล้ว ถึงเวลาแยกย้ายกันไปนอนเต็นท์ใครเต็นท์มันเก็บแรงเอาไว้พรุ่งนี้เช้าเราต้องเดินกลับกันแล้ว



โดย: ปะการังหอม วันที่: 20 ธันวาคม 2548 เวลา:21:58:20 น.  

 
12 ธ.ค. 48
เมื่อคืนนอนฟังเสียงฝนตกระทบหลังคาเต็นท์นอนไปคิดไป พรุ่งนี้ตอนเดินลงจะเป็นยังไงหนอ คิดเพลินจนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงฝนหลับสนิทไปเลย คงเพราะเหนื่อยจากการเดินขึ้นกิ่วลม 2 รอบ ขึ้นดอยหลวงอีก 1 รอบ ตื่นมาเช้านี้อากาศสดใส หนาวน้อยกว่าเช้าวันแรก ต้มมาม่าที่เหลือกินกัน จากนั้นช่วยกันเก็บเต้นท์เตรียมตัวออกเดินทางกลับ

9.30 น. เริ่มออกเดินทาง ขากลับเลือกกลับทางบ้านนาเลา ทางนี้จะโหดมากสำหรับตอนเดินขึ้น เพราะเป็นทางขึ้นตลอด ความชันประมาณ 40-60 องศา แต่สำหรับเราทางนี้เป็นทางลงตลอดเส้นทาง เรียกได้ว่าต้องเบรกกันตัวโก่งเลยทีเดียวและทางค่อนข้างจะลื่นจากฝนที่ตกเมื่อคืน ไม้เท้าจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเราในเวลานี้ และในบางช่วงก็อยากจะเขวี้ยงทิ้งเสียจริงๆ เพราะมันแสนจะเกะกะ ยามเดิน แต่ด้วยคำขู่ว่าทางข้างหน้าทั้งชันและลื่น จึงทำให้เราไม่สามารถจะทิ้งไม้เท้าได้ เลย และมันก็เป็นจริงอย่างที่เค้าขู่กัน เพราะต้องใช้ยันตัวเองตลอดทาง สำหรับทางลงทางบ้านนาเลานี้ สิ่งที่ควรระวังคือเรื่องหัวเข้าและข้อเท้า ซึ่งสำคัญมากต้องใช้แรงยันหัวเข่าไปตลอดทาง ผ้ารัดหัวเข้าและข้อเท้าควรจะเตรียมไปให้พร้อมเพื่อลดการบาดเจ็บจากแรงกระแทกด้วย
13.45 น. เนื่องจากทางเดินลื่น และเดินไปถ่ายรูปไป ทำให้เราเดินมาถึงจุดพักแรมป่าไผ่ค่อนข้างจะช้ามาก เรามาถึงจุดนี้ด้วยอาการทั้งเหนื่อยและทั้งหิวเนื่องจากเลยเวลาข้าวเที่ยวมาเกือบ 2 ชม.แล้ว และในเวลานี้ก็มีเพียงแค่น้ำดื่มขวดเดียวที่มีอยู่ติดกระเป๋า ให้จิบกินเพียงน้อยลดอาการกระหายน้ำเท่านั้น เมื่อเห็นคนนำทางรอเราอยู่ใจชื้นขึ้นมาเป็นกองเมื่อเห็นแตงโม ผ่าวางไว้ พี่คนนำทางบอกว่าเค้าเอาติดมาด้วย 1 ลูกเพื่อเอามาแบ่งให้ทาน เหมือนสวรรค์เมื่อได้กินแตงโมครึ่งซีก รสชาติเย็นๆโดยไม่ต้องแช่ เพราะอากาศเย็น พอให้หายหิวไปได้อีกนิดหน่อยพอจะมีแรงเดินต่อไปอีก หลังจากนั่งพักสัก 20 นาทีแล้ว

เราก็เริ่มเดินต่อ ทางต่อจากจุดพักแรมป่าไผ่นี้ค่อนข้างจะชันและลื่น เวลาเดินต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ไม่อย่างนั้นแล้วมีหวังได้กลิ้งลงไปนอนข้างล่างแน่ๆ เดินไปก็ได้ยินเสียงหมาเห่าและเสียงรถวิ่งผ่านไปเป็นระยะๆ เมื่อเดินถึงที่โล่งก็เห็นหมู่บ้านอยู่ไกลลิบๆ อยู่ที่ดอยอีกลูกหนึ่ง เห็นถนนตัดผ่านดอย แค่นี้ก็พอทำให้ใจชื้นว่าใกล้จะถึงหมู่บ้านแล้ว มีกำลังใจขึ้นมาอีกโขเลย

14.55 น. ในที่สุดเราก็เดินทะลุป่าออกมาเจอกับกลุ่มอีกหลายกลุ่มที่มาถึงก่อนหน้าเราและรถที่จะมารับเรากลับลงไปในเมือง
ทริปนี้คนนำทางได้พาเราไปที่บ้านาเลาใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ปิดท้ายสำหรับนั่งกินข้าวขาหมูเชียงดาวมื้อเที่ยง(แก่ๆ) ที่บรรยากาศดีที่สุด กินไปดูยอดดอยทั้งหลายที่เราเดินผ่านไป คิดในใจ เดินมาได้ยังไงฟะเนี้ยะทั้งไกลทั้งสูงโคตรเลย ทริปนี้ถือเป็นของขวัญและรางวัลสำหรับชีวิตของปีนี้เลยทีเดียวค่ะ




โดย: ปะการังหอม วันที่: 20 ธันวาคม 2548 เวลา:22:00:33 น.  

 
คริ คริ .. มาแอบอ่าน
ประทับใจทริปนี้มากเช่นกันค้าบ


โดย: debby the gunner วันที่: 28 ธันวาคม 2548 เวลา:11:41:18 น.  

 
อ่า...อ่านแล้วเพลินเลยค๊าบพี่ ชอบๆๆๆ


โดย: Why Me. IP: 203.155.158.5 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2549 เวลา:17:55:23 น.  

 
น่ารักมากๆๆๆๆๆ


โดย: มดดำ IP: 203.113.17.149 วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:12:28:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปะการังหอม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชีวิต...เดินได้ ด้วยหัวใจ
หัวใจอยู่ที่ ธรรมชาติ ภาพถ่ายและ กลอน
bg sss
Friends' blogs
[Add ปะการังหอม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.