เริ่มต้นใหม่ ได้เสมอขอเพียงอย่าท้อ
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
23 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
My India Trip

สวัสดีค่ะ วันนี้เอาประสบการณ์การไปอินเดีย มาเขียนให้อ่านค่ะ
(จะเห็นว่าคนสวย (ชมตัวเองก็เป็น คนเรา) ก็ซกมกได้งานนี้)
เมื่อปีที่แล้วเดือนกรกฎาคม ตอนนั้นยังทำงานอยู่ที่เมืองไทย อยู่เชียงใหม่ แล้วบริษัทส่งไปอบรมที่อินเดีย เพราะว่าบริษัทที่รักษ์ทำงานส่งวัตถุดิบไปให้ที่นี้ค่ะ บริษัทผลิตดอกดาวเรือง เพื่อ สกัดลูทีน ก่อนไปก็ต้องขอวีซ่าก่อน ก็ไม่มีปัญหา เพราะว่าขอได้ที่กงสุลอินเดียที่เชียงใหม่ แล้วก็มีหนังสือรับรอง ได้วีซ่า 3 เดือน เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลเขาดำเนินการให้ รวมทั้งจองตั๋วเครื่องบิน แล้วเจ้าหน้าที่บริษัทที่อินเดีย
เขาก็เป็นคนจองโรงแรม และจัดการการเดินทางทุกอย่างที่อินเดียให้ ฟังดูทุกอย่างก็ราบรื่นดี
อ๋อ เจ้านายที่บริษัทตอนนั้นก็เป็นคนอินเดียด้วยค่ะ ก่อนเราจะไปแกก็ขอฝากหม้อหุงข้าวไฟฟ้าไปให้แม่เขาด้วย (โอ้ย!! ต้องหอบหม้อหุงข้าวข้ามประเทศเลยเรา แล้วยังต้องหอบหลายต่อกว่าจะถึงแม่เจ้านาย) จะปฏิเสธก็ใช่ที่เขาเป็นเจ้านาย แล้วเขาบอกว่าที่อินเดียมันแพงมาก ประมาณ 2-3 พัน แต่ที่บ้านเรา แค่ 4-5 ร้อยเอง ตกลงก็เลยต้องขนไปค่ะ พอมาจัดกระเป๋า กระเป๋ารักษ์ใบไม่ใหญ่ เลย แต่ว่าต้องหอบตัวอย่างถุงที่จะใช้ใส่วัตถุดิบ ไปอีก 5 ถุงซึ่งมันใหญ่มากๆ จัดกระเป๋าไม่ลงตัว ไปตั้ง 2 อาทิตย์อีกตั้งหาก เจ้านายเลยให้ยืมกระเป๋า ซึ่งมันก็ใหญ่มากๆ ใส่ได้ทุกอย่างทั้งรวมทั้งหม้อหุงข้าวที่เอาไปฝากแม่เจ้านายด้วย ทุกอย่างลงตัว ติดต่อกับเจ้าหน้าที่อินเดีย ว่าเราจะไปถึง ประมาณ 5 ทุ่มคืนวันอังคาร เขาบอกจะมารับไม่มีปัญหา แล้วก็ถึงวันเดินทาง ไปการบินไทยค่ะ จากเชียงใหม่ มากดอนเมือง แล้วก็ต่อไปที่ Bangalore ตอนที่รอเครื่องออกเหมือนหลงเข้าไปในเมืองแขกเลย (ก่อนที่จะเดินทางทุกคนที่บริษัท ก็มาไซโค ถ้าเราเจองูกับคนอินเดีย ให้เราเลือกตีคนอินเดีย ก่อนงู อะไรมันจะขนาดนั้นนี้ รักษ์ก็เลยกลัว และกังวลเล็กน้อย) ที่ว่าหลงมาเมืองแขกเพราะว่ามีแต่คนอินเดีย แล้วก็พูดกันโวกเวก เสียงดังมาก เดินไปเดินมา (อาจจะเป็นเพราะรักษ์ไม่ค่อยชอบเวลาคนเยอะๆ มันดูวุ่นวาย) ตอนนี้อยู่ในประตูที่รอขึ้นเครื่องแล้วนะค่ะ พอขึ้นเครื่องไปพี่แขกน้องแขกก็ยิ่งเสียงดัง ถ่ายรูปเดินหากัน คุยกันเสียงดังมากเลย สงสารเจ้าหน้าที่สายการบินมากเลย (รักษ์ไม่ค่อยเข้าในเหมือนกันว่าทำไม หรือว่าประเทศเขาคนเยอะ หรือว่าอย่างไร ใครพอรู้บางบอกเป็นความรู้ก็ดีค่ะ) คนที่นั่งข้างเราเป็นคนจีน เจ้าหน้าที่เขาจะไม่ค่อยจัดให้คนไทยไปนั่งข้างคนอินเดียเท่าที่เราสังเกตดู
ทุกอย่างราบรื่นดีจนถึงอินเดีย ตรวจคนเข้าเมืองไม่มีปัญหา เอากระเป๋า แล้วก็ออกมามองหาคน มารับ มองหาชื่อบริษัท มองหาชื่อตัวเอง ออกไปจากตัวอาคารตามแถวคนที่มาชูป้ายรอ หาสองรอบยังไม่เจอเลย ตายล่ะหว่า ตอนนั้นก็ 6 ทุ่มกว่าแล้วทิ่อินเดียนะ ซึ่งช้ากว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง ทำไมไม่เห็นคนมารับเลย เข็ญรถพร้อมกระเป๋าใบโต เข้ามาในตัวอาคาร ค้นหาเบอร์โทรเจ้าหน้าที่ที่ให้มา โทรหาเขากว่าจะได้คุยกัน แล้วบอกเขาว่ารักษ์มาถึงแล้ว ตอนนี้อยู่สนามบิน ไม่เห็นมีใครมารับเลย รู้เปล่าพี่แกว่ายังไง เข้าใจผิดค่ะ ว่ารักษ์จะไปถึงคืนพรุ่งนี้ โอ้ย จะบ้าตายจะทำไงดีล่ะนี่ บอกแกว่าเราจะนั่งแทกซี่ไป โรงแรมดีไหม แกบอกว่าไม่ต้องเลย ให้รออยู่ในอาคารนั้นแหล่ะ อย่าออกไปไหนกับใคร เขาจะหาทางให้คนมารับ เพราะตอนนี้เมืองที่เขาอยู่ ถ้าขับรถมาใช้เวลา 5 ชั่วโมงค่ะ
รักษ์ก็เลยได้ค่ะ (ใกล้จะร้องไห้แล้ว แต่ว่าได้ร้องหรอก) เพราะว่าเห็นผู้โดยสารคนอื่นๆ เขาไปกันหมดแล้ว สนามบินเริ่มเงียบ รักษ์ก็นั่งที่ม้านั่งใกล้ประตูล่ะไม่ไปไหน มีเจ้าหน้าที่เขาอยู่ป้อมคนหนึ่ง แกก็มองคงคิดว่า ทำไมไม่ไปไหนสักที่ จนเขาปิดประตูทางเข้าออก เขางับไว้ค่ะ ไม่มีบัตรห้ามเข้า รักษ์ก็ยังนั่งอยู่นั้นล่ะ จนกระทั่งตี 3 กว่าจะมีคนมาชูป้าย ชื่อรักษ์ ตอนที่เห็นก็ไม่แน่ใจ จนแกเดินมาหา ก็เลยทักทายกัน แกเป็นผู้จัดการโรงงานที่รักษ์จะไปดูงาน พอดีแกมาอบรมที่ Bangalore พอดี ขนาดเพิ่งมาถึงนะเนี่ย แล้ววันต่อๆ ไปจะเป็นยังไง
แกพาไปที่แทกซี่แล้วแกก็ขี่มอเตอร์ไซด์ แกตามไป ส่งรักษ์ที่โรงแรม โรงแรมก็ดูสะอาดดี รักษ์เช็คอินแล้ว ก็นัดหมายกับแกว่าพบกันตอน 11 โมงเช้า จากนั้นก็ รักษ์ก็ไปที่ห้อง อาบน้ำแล้วก็นอน ห้องที่โรงแรมเขาใช้กลิ่นจากตะไคร้ หอมดีเหมือนกันเขาเอาใส่ผ้าขาวๆ แล้วห่อไว้ว่างไว้ในห้องน้ำ
วันต่อมาตื่นนอน แล้วก็ลงมารอ คนที่มารับ แกมาประมาณเที่ยงได้ ก็เลยทานข้าวเที่ยงกันที่โรงแรม เห็นเมนูแล้วขอสั่งเป็น แซนด์วิช ไข่ดาวแล้วกัน เพราะไม่มีอะไรที่เป็นเนื้อ หมู หรือไก่เลย คนที่มารับเขาสั่ง อาหารอินเดีย เห็นมีเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ด้วย เห็นคนมาทานอาหารเที่ยงเยอะเหมือนกัน พออาหารที่สั่งได้ พี่แกก็จ้วงด้วยมือเลยค่ะ อาหารก็มีหลายถ้วยมากประมาณเกือบสิบถ้วยได้ รักษ์แปลกใจมากเลย เขาทำไม เอามือเปล่าๆ กินข้าวกับน้ำแกงได้ แกงต่างๆ ก็จะเป็นเครื่องเทศน์ ไม่มีเนื้อสัตว์ จะเป็นเครื่องเทศ แล้วก็มันๆ มีแป้งเป็นแผ่นๆ ให้ด้วย สุดท้ายแกเท Yogurt ลงไปในข้าวแล้วคลุกให้เข้ากัน (เขาเรียก เคิทร์ ถ้าจำไม่ผิด เขาจะเอานมตั้งค้างคืนให้มันเปรี้ยวเหมือน yogurt ไม่ค่อยเข้าใจวิธีการทำหรอก) แล้วพี่แกก็กินอย่างเอร็ดอร่อย ด้วยมือเปล่าๆ เก่งจริงๆ แกบอกให้รักษ์สั่งอาหารใส่กล่องไปด้วยเพราะว่าอาจจะหิวระหว่างทาง ก็เลยสั่งแซนด์วิชใส่กล่องไปด้วย
หลังจากนั้นก็เอากระเป๋าใส่แทกซี่คันไม่ใหญ่เลย ยี่ห้อ Tata รูปร่างเหมือนรถ Opel เป็นรถของอินเดียเอง คิดมาตอนนี้รักษ์ยังแปลกใจว่าเรารอดมาได้ไงนี้ วันนี้ออกจากโรงแรมประมาณ บ่ายโมง แล้วก็ออกนอก Bangalore ไปเรื่อยๆ เมืองก็พัฒนาน้อยลงไปเรื่อยๆ ตามระยะทางที่ผ่านไป ยิ่งออกไปไกลก็ยิ่ง กันดาร ถนนก็แย่ลงเรื่อยๆ นั่งรถมาจนห้าโมงกว่า รักษ์ก็ปวดฉี่ค่ะ แต่ว่าไม่เห็นมีปั้มหรือว่าห้องน้ำเลย จนทนไม่ได้ บอกคนมี่มีรับว่าปวดฉี่มากอยากเข้าห้องน้ำล่ะ แกก็เลยบอกว่าไปอีกหน่อยจะมีร้านขายกาแฟ เดี๋ยวจะจอดให้เข้าห้องน้ำ ผ่านไปเรื่อยๆ พี่แกเห็น เป็นที่รกร้างแล้ว ร้านเขาปิดกิจการไปนานแล้ว แกก็เลยให้คนขับ taxi ย้อนกลับมาเพราะเห็นมีปั้มน้ำมันเก่าๆ อยู่ข้างทาง ดีค่อยยังชั่วหน่อย ปั้มเก่ามากๆๆๆๆ เคยดูหนังสยองขวัญที่ปั้มน้ำมันข้างทางที่ไม่ค่อยมีใครผ่านไหม ประมาณนั้นเลย แต่เขาก็ถามคนที่ปั้มเขาบอกว่าห้องน้ำอยู่ข้างหลัง อ๋อ ค่อยยังชั่ว เขาก็ให้เราไปเข้าห้องน้ำ แล้วแกกับคนขับก็รอที่รถ ข้างหลังปั้มจะเป็นทุ่งโลง กว้างมาก แล้วก็จะเห็นมีวัว และคนเลี้ยงอยู่ตามทุ่งกว้างๆ นั้น พอเราเห็นห้องน้ำก็ดีใจว่ารอดตายแล้วเรา แต่ว่าพอเข้าไปถึง โอ้ย!!! จะอ้วก (ถ้าใครจะกินข้าวให้ผ่านไปเลยค่ะ) ยังจำได้ทั้งกลิ่นและภาพยังติดตาอยู่เลย ทั้งดำทั้ง แห้ง ติดอยู่ที่โถส้วม เป็นแบบส้วมซึมบ้านเรา ไม่กล้าฉี่ในห้องค่ะ แต่ว่ากลั่นฉี่ไม่ไหวแล้ว พอดีตรงข้างนอกเขามีกำแพงล้อมรอบไว้ แต่ไม่มีประตู แล้วคิดว่าทุกคนคงฉี่ตรงนี้กัน กลิ่นสุดยอด รักษ์ก็กลั้นหายใจนั่งลงฉี่ กลัวคนมาเห็นก็กลัว แต่ว่ากลั้นไม่ไหวแล้ว ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอยังงี้ด้วยนะ พอกลับมาก็ไม่พูดอะไร ไปต่อกันได้แล้ว ระหว่างทางที่ผ่านก็จะมีชาวบ้านเอาข้าวที่เกี่ยวแล้ว หรือไม่ก็ถั่ว มาวางไว้บนถนน ให้รถขับผ่านก็ถามว่าเขาทำแบบนี้ทำไม เขาว่าเพื่อให้ประหยัดแรงงาน ตอนเย็นเขาจะมาเก็บเพราะเมล็ดข้าว หรือถั่วก็จะหลุดออกมา ก็เลยว่าแล้วคนขับรถเขาไม่ว่าหรือ คนขับเขาก็พยายามเลี่ยงไม่อยากเหยียบ เพราะคิดว่าคงไม่ดีกับรถเท่าไร กว่าไปถึงจุดนัดหมายที่เจ้าหน้าที่ที่จะอบรมให้เรา ก็ประมาณ ทุ่มกว่าๆ พอแกมาก็ทักทายแล้วก็แนะนำให้รู้จักหลายคนเลย เขาทำงานที่บริษัทนี้เหมือนกัน แล้วทุกคนก็เป็นผู้ชายค่ะ ที่เมืองนี้เขายังไม่ค่อยให้ผู้หญิงไปทำงานนอกบ้านกัน ไปเอากระเป๋า ของคนที่จะอบรมและดูแลรักษ์ให้ที่โรงแรมที่แกพักเมื่อคืน เพราะว่าเขาจะพารักษ์ไปพักอีกเมืองหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ โรงแรมไม่ค่อยสะดวก เขาเลยพาไปพักที่เมืองอื่น จะได้มีอาหารที่เป็นพวกเนื้อสัตว์บาง เพราะ ที่เมืองนี้เขาเป็นมังสวิรัติกัน รักษ์ซื้อ apple เขาเอาใส่ถุงดำให้ล่ะ งงเลยบ้านเราถุงดำเป็นถุงขยะ แต่ที่นี้ไม่ใช่ค่ะ ให้ใส่ของเวลาคนซื้อที่ตลาด วันนั้นกว่าจะถึงเมืองที่ต้องพักก็ 3 ทุ่มได้ เช็คอินเขาโรงแรม แล้วคนที่พารักษ์มาเป็นอีกคนที่เขาจะอบรมให้รักษ์ เขาบอกว่าเขาไม่กินอาหารเย็นกับรักษ์ เพราะเขาจะไปหาญาติที่เมืองนี้ ให้รักษ์สั่งอะไรกินได้เลย แต่ว่าห้ามออกไปจากโรงแรม (ก็ไม่คิดจะออกไปหรอกค่ะ ดูน่ากลัวมากๆ ไม่ค่อยมีผู้หญิงเดินตามถนนเลย) ตกลงเสร็จ ก็ว่าเจอกันพรุ่งนี้ 7 โมงเช้า รักษ์ก็เลยสั่งอาหารจีนมากิน ก็อร่อยดี ตอนเช้าก็ต้องลงไปกินคนเดียว ไม่รู้คนที่มาด้วยแกกินตอนไหน (หรือแกอิ่มทิพย์ หว่า อิอิ) ก็สั่งออมเลท ก็จะได้ไข่ดาว สั่งไข่เจียว ก็จะได้ใข่ดาว เออ ก็เลยได้กินแต่ไข่ดาว เป็นอาหารเช้า รักษ์จำชื่อเมืองที่มาพักไม่ได้ แต่ว่าเมืองที่โรงงานที่รักษ์จะไปเยี่ยมชมอาทิตย์นี้ชื่อเมือง Tiptur พอเช้าก็ต้องนั่งแทกซี่ ไปโรงงานที่เมือง Tiptur ประมาณ 2 ชั่วโมงทุกวัน แล้วถนนก็เป็นดินค่ะ ไม่ใช่ลูกรังสะทีเดียว มันเป็นดินแดงๆ แล้วไม่มีก้อนหิน เหมือนดินเหนียว เลนฝนก็ตก ถนนก็แฉะ ยังมีเกวียนวิ่งค่ะ (เสียดายไม่มีรูป เพราะว่าไม่ได้เอามาด้วย อดเห็นกันเลย รูปอยู่ในแผ่นดิสเก็บได้ที่เมืองไทย) กว่าจะกลับถึงโรงแรมตอนเย็นก็ 2-3 ทุ่มทุกวัน ที่โรงงานก็จะมีแต่พนักงานผู้ชาย แต่ว่าที่เป็นผู้หญิงมีอยู่คนหนึ่ง เขาจะชงชามาแจกวันล่ะ 2 ครั้ง รักษ์บอกว่า no no พร้อมส่ายหัว แกก็ยังเทมาให้ทุกครั้ง (บางคนเขาไม่รู้ภาษาอังกฤษกัน) แล้วส่ายหัวที่นั้นแปลว่าได้ๆ เพิ่งมารู้ทีหลัง อันนี้เรื่องจริงเลย เมื่อก่อนนึกว่าเขาเล่าเพื่อให้ตลกกันเฉยๆ เจอกะตัวเองสะแล้วงานนี้ ทุกอย่างก็ราบรื่นดี ไม่มีปัญหาอะไรหลังจากนั้น
วันเสาร์ก็นั่งรถไป Bangalore พร้อมคนที่มาอบรมให้รักษ์ เพราะว่าแกต้องกลับโรงงานใหญ่ ที่เขาทำงานประจำอยู่ซึ่งรักษ์ต้องไปอบรมต่อที่นั้น ชื่อเมือง Cochin เป็นเมืองทางตอนใต้ค่ะ เครื่องจะออกจาก Bangalore ตอนเย็น นั่งรถกลับมาประมาณ 5-6 ชั่วโมงจาก Tiptur มาที่ Bangalore ก็ไปรอที่สนามบินสายการบินที่จะไปชื่อ King Fisher สะอาดแล้วก็บริการดีมากค่ะ นั่งรอเวลาเครื่องออก ใช้เวลาบินประมาณ ชั่วโมงก็ถึงเมือง Cochin ค่อยดูดีมีแสงสีหน่อย (อ๋อ คนที่ดูแลรักษ์เขาห้ามรักษ์ออกนอกโรงแรมคนเดียว เลยไม่เคยเห็นยามค่ำคืนที่อินเดีย) โรงแรมที่พักอยู่ไม่ไกลสนามบินเลย ขับรถไม่ถึง 5 นาที ก็ถึงแล้ว แล้วที่นี้ก็มีอาหารอร่อยด้วย มีอาหารทะเล แล้วก็ไม่ใช่แต่ มังสวิรัติ แต่ทุกอย่างก็เครื่องเทศหนักๆ ทั้งนั้น (ไม่ค่อยชอบเครื่องเทศเท่าไรค่ะ) ห้องสวยมาก มีอินเตอร์เน็ตในห้องให้ด้วย ค่อยยังชั่ว ทำไมมันต่างจากเมืองที่แล้วมากเลยนี้ พอวันอาทิตย์คนดูแลรักษ์ก็ส่งพนักงาน คนหนึ่งมาพาไปเที่ยวค่ะ แต่ว่าก็เป็นผู้ชายอยู่ดีล่ะ แกพารักษ์เอาหม้อหุงข้าวไปให้แม่เจ้านายรักษ์ด้วย (ลาก่อนหม้อหุงข้าวใบน้อย) แล้วก็พาไปที่โบส์ต่างๆ เพราะที่เมืองนี้อยู่ใกล้ทะเล แล้วก็เมืองท่า คนนับถือศาสนาคริสต์เยอะมาก (คาดว่าตอนที่อังกฤษเข้ามาคงมาทางเรือ แล้วมาเทียบท่าที่นี้ ถ้าเข้าใจผิดก็ขออภัยค่ะ) โบส์ก็เลยเยอะ แล้วแกก็พาเที่ยวไปที่วังเก่าของผู้ครองเมืองที่นี้มาก่อน เก่ามาก แต่สวยดี เหมือนกัน เขาก็พยายามรักษาเหมือนสถานที่เก่าๆ ที่บ้านเราค่ะ คนมาเที่ยวเยอะเหมือนกันส่วนมากก็เป็นคนอินเดียค่ะ ไม่ค่อยเห็นชาวต่างชาติเท่าไร แล้วก็พาไปดูทะเล เป็นประมาณปากแม่น้ำค่ะ มีคนหาปลา แล้วก็คนมาเที่ยวกันเยอะมาก มีมะพร้าวขายไม่แพงประมาณ 10 บาทเหมือนๆ บ้านเรา แล้วก็กลับโรงแรมอย่างปลอดภัย พอวันจันทร์ก็ไปโรงงาน มีรถมารับรักษ์แล้วก็ไปรับคนที่ดูแลรักษ์ที่บ้านแก แล้วก็ไปโรงงาน โรงงานใหญ่มากๆ เขาเป็นโรงงานสกัด เขาสกัดหลายอย่างเลย ทั้งดาวเรือง ขมิ้น พริก พริกไทย สกัดทั้งสี ทั้งกลิ่น ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี คนที่ดูแลเขาพารักษ์ไปดื่มชาที่บ้านเขาด้วย เขามีลูกสาวกับลูกชายอย่างละคน ภรรยาแล้วก็พ่อภรรยาอยู่ที่บ้าน เครื่องครัวที่นี้เขาจะใช้เป็น อะลูมิเนียม หรือไม่ก็สแตนเลส (ไม่เข้าใจเหมือนกัน คิดว่าน่าจะเป็นเพราะอาหารเขาหรือเปล่าไม่ค่อยแน่ใจ)
ที่นี้เขาก็ยังคงเข้มข้นกับประเพณีและวัฒนธรรมเก่าๆ ของเขา การแต่งงานแบบเก่า คือไม่ให้ภรรยาไปทำงานนอกบ้าน แล้วก็ไม่ได้เจอกันก่อน หรือเที่ยวด้วยกันก่อนแต่งงาน แต่ตอนนี้ก็เริ่มมีคนรุ่นใหม่ สาวๆ ก็ออกไปทำงานนอกบ้านกันบ้างแล้ว
พอวันสุดท้ายเขาให้พนักงานผู้หญิงคนหนึ่งพารักษ์ไปซื้อของฝาก แล้วก็นัดไปเลี้ยงส่งที่โรงแรม ตัวเมือง อาหารอร่อยดี มีนักมายากลมาเล่นให้ดูทีโต๊ะด้วย แล้วก็กลับโรงแรม ได้ของฝากมาเยอะเลย ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นเทพเจ้าที่เขานับถือกัน เขาก็มอบให้รักษ์เป็นที่ระลึกกัน จัดกระเป๋า แล้วก็นอน คิดถึงเมืองไทยเต็มที่ ต้องบินจาก Cochin ไป Bangalore ซึ่งได้ตั๋วของ Indian Airline ค่ะช่างแตกต่างจาก King Fisher เหลือเกิน มีการแวะรับคนที่เมืองหนึ่งไม่ไกลมาก เราต้องรอบนเครื่องแต่ว่าก็ไม่นาน พอถึง Bangalore มีเจ้าหน้าที่ของบริษัทมารับ เจอกันแล้วที่ Tiptur เขาจะพาเที่ยวก่อนเครื่องรักษ์ ออก เขาไปที่วัดของฮินดู สวยมากแต่เขาห้ามถ่ายรูป แล้วต้องถอดรองเท้าเดินด้วย ต้องภาวนาทุกก้าวที่เดิน ต้องเดินที่ละก้าวแล้วก็หยุดเพื่อภาวนา แล้วค่อยเดินต่อ กว่าจะขึ้นไปถึงนานมากๆ ผู้คนเยอะมาก มีอาหารให้กินฟรี แล้วก็ผู้คนก็นั่งภาวนา เล่นดนตรี กันเยอะเลย ได้เวลาเขาก็ไปส่งรักษ์ที่สนามบิน ให้เขาไปส่งตั้งแต่ 1 ทุ่มเครื่องจะออกตอน 5 ทุ่ม แต่ว่าไม่อยากเที่ยวแล้วกลัวตกเครื่อง เลยไปเช็คอิน อยากกลับเมืองไทยเต็มแก่ พอถึงเมืองไทยได้รอดแล้วเรา อิอิ
ที่ที่อินเดีย เท่าที่รักษ์เห็นคนรวยก็รวยมากๆๆ เลย แต่คนจนก็จะอยู่ตามข้างถนน แต่งตัวสกปรก เก่าๆ บางคนอยู่ในเต็นท์ นอกเมืองเป็นผ้าเก่าๆ กัน แต่ว่าทุกคนที่รักษ์รู้จักเขาก็ดีกับรักษ์เลยไม่รู้ว่าทำไมผู้คนถึงบอกว่าให้ ที่คนอินเดียก่อนตีงู ประเทศเขาไม่ค่อยเจริญเลยถนนหนทางแย่กว่าบ้านเราเยอะ เพราะเจ้าหน้าที่เขาคอรัปชั่นกันเยอะมากๆ เท่าที่เขาเล่าให้รักษ์ฟัง


ทุกคนก็เป็นคนเหมือนกัน มองทุกคนให้เป็นคนเหมือนกัน แล้วเราก็จะเห็นว่าโลกน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ (เกี่ยวกันไหมนี้)






Create Date : 23 สิงหาคม 2550
Last Update : 23 สิงหาคม 2550 1:12:22 น. 5 comments
Counter : 734 Pageviews.

 
อยู่อินเดียไปไหนมาไหนนี่นั่งรถเมื่อยตูดเลยล่ะครับ


โดย: หมาเห่าดาวเทียม วันที่: 23 สิงหาคม 2550 เวลา:1:47:02 น.  

 
ไปอยู่เมืองไหนหรือค่ะ
ไปเรียนหรือทำงานค่ะ
สู้ สู้ ค่ะ


โดย: รักษ์ (RakKoksawang ) วันที่: 23 สิงหาคม 2550 เวลา:2:16:46 น.  

 
โอ้โห ทรหดจังเลยค่ะ เข้าใจความรู้สึกเลยค่ะว่าทำไมอยากกลับไทยเร็วๆ


โดย: Complicatedgirl วันที่: 23 สิงหาคม 2550 เวลา:3:02:40 น.  

 
ชอบอาหารอินเดียค่ะ
ร้านไหนก็ไม่อร่อยเท่าร้านที่ Doncaster แต่จำชื่อร้านไม่ได้แล้วอ่ะ เค้ามีหลายสาขานะคะ คิดว่าลอนดอนน่าจะมี เดี๋ยวจะไปถาม สามีก่อนนะค่ะ แล้วจะมาบอก


โดย: เมย์ (snailfamily ) วันที่: 5 กันยายน 2550 เวลา:12:55:31 น.  

 
"ทุกคนก็เป็นคนเหมือนกัน มองทุกคนให้เป็นคนเหมือนกัน แล้วเราก็จะเห็นว่าโลกน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ "

เมื่อไปอินเดีย เราก็เห็นสัจจธรรมบางอย่าง...

เห็นด้วยกับคำพูดข้างบน และ
The world would be peaceful when respect yourself so as respect others.

ยังคิดถึงอินเดียอยู่ ประเทศกว้างใหญ่ไพศาล ยังมีอีกหลายที่ให้ไปสัมผัสเนอะ...


โดย: Minie' วันที่: 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา:7:43:19 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

RakKoksawang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีค่ะทุกคน ยินดีต้อนรับสู่บ้านรักษ์กับดั๊กนะค่ะ
พูดก็ไม่ค่อยเก่ง เขียนก็ยิ่งไม่ได้เรื่อง
แต่ก็อยากเขียน
รักษ์ก็เป็นแค่คนคนหนึ่งที่เกิดมาบนโลกใบนี้
ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เป็นแค่คนเดินดินธรรมดา
ชีวิตเรียบง่าย เรียนหนังสือมาตามสเตป
จบมาก็ทำงาน ไม่เคยมีวี่แววว่าจะมีแฟนหรือแต่งงาน
จนวันหนึ่งได้มาเจอกับดั๊ก
ชีวิตที่เงียบเหงา ก็เริ่มเปลี่ยนไป
ต้องย้ายจากเมืองไทยมาอยู่ที่นี้
แล้วก็เป็นจุดเริ่มต้นของรักษ์กับบล็อกแก็งค์ค่ะ

ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านน่ะค่ะ
รักษ์



รายการอัพเดทบล็อก
ชีวิตและการเดินทาง Sep 03, 08
เที่ยวละไมไปกับ D&R Sep 24, 07
อาหารการกิน July 18. 08
กิจกรรมวัยว่างๆ Sep 13, 07

Friends' blogs
[Add RakKoksawang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.