ความประทับใจที่ได้รับ กับคำแนะนำที่มีให้ แก่ บ้านภูนรินทร์ ปากช่อง
เมื่อปีที่แล้วผมได้เจอข้อมูลรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ปากช่องทางอินเตอร์เน็ต ถึงแม้ภาพในเวปจะไม่สวยมากมายนัก ผมก็นึกอยากลองเสี่ยง แต่หลังจากที่ผมได้ไปเยี่ยมรีสอร์ทแห่งนี้เมื่อปลายปีที่แล้ว ชื่อรีสอร์ท บ้าน ภูนรินทร์ ก็เป็นอีก รีสอร์ทหนึ่ง ที่ผมมั่นใจว่า ผมคงต้องไปเยี่ยมซ้ำ อีกแน่นอน ถึงแม้ทางเข้าต้องแยกจากถนนมิตรภาพราว 30 กิโล ต้องผ่านถนนดินบ้าง เจอฝุ่นแดงๆบ้างในบางช่วง แต่ก็ไม่ถึงกับลำบากมากนัก ผมต้องชมคนที่สร้างรีสอร์ทนี้ขึ้นมา เพียงแค่สร้างถนนขึ้นไปยังรีสอร์ท ผมว่าก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ถนนที่ถูกตัดขึ้น วนรอบภูเขาเพื่อขึ้นไปยังจุดสูงสุด ห้องพักที่นอนชมวิวสวยๆจากที่นอนได้สบายๆ ลองมาดูภาพที่ทำให้ผมประทับใจกับที่นี่ครับ ผมขอเริ่มต้นด้วยภาพนี้ครับ
ขอย้อนหลังไปหน่อย ภาพทางเข้าบางช่วงที่เป็นถนนดิน
ถึงแล้วครับ บ้านภูนรินทร์
ถนนทางขึ้นรีสอร์ทครับ
รีวิวนี้ ผมขอเน้นภาพวิวรอบๆรีสอร์ทครับ เพราะวิวที่นี่สวยจริงๆ พอถึงบริเวณที่พัก ก็จะเห็นวิวอย่างนี้ครับ เห็นแล้วหายเหนื่อย
ระเบียงชมวิวของรีสอร์ท ภาพนี้ถ่ายช่วงเย็นๆครับ
เมื่อซังข้าวโพดตัดกับหญ้าเขียวๆ วิวจากรีสอร์ทครับ
ลานทำกิจกรรมของรีสอร์ท มีรอบกองไฟด้วยครับ
มีเต็นท์บริการด้วยครับ ที่กางเต็นท์จะเล่นระดับเพื่อให้มองเห็นวิวสวยๆครับ
ดอกหญ้าก่อนพระอาทิตย์จะตกครับ
วิวอีกมุมหนึ่งครับ
ดอกหญ้าริมทาง บนรีสอร์ทครับ
จากจุดชมวิว ในรีสอร์ทครับ
วิวยามเย็นจากข้างๆห้องพักครับ
ลานทำกิจกรรมอีกภาพครับ
มาดูภาพตอนเช้าบ้างครับ มาครั้งนี้ผมตื่นเช้าด้วยความยากลำบาก เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังครับ พอแดดเริ่มออก
บริเวณห้องพักครับ มีที่นั่งเล่น บรรยากาศตอนเช้าๆ
อีกมุมหนึ่งครับ บรรยากาศสดชื่น ลมพัดเย็นๆ อยากมีบ้านอยู่บนนี้จังเลย
มุมเล็กๆมุมหนึ่งในรีสอร์ท
ดอกไม้ในรีสอร์ท
ต้นไม้ในรีสอร์ทยามโดนแสงแดดตอนเช้าครับ
อีกมุมหนึ่งครับ เฮ้อ... พอมาดูภาพแล้ว ไม่รู้เขาจะแบ่งขายที่หรือเปล่าน๊อ
ภาพจากระเบียงตอนเช้าครับ จะเห็นเทือกเขาใหญ่ที่มีเมฆบนยอดเขา อยู่ไกลๆ
มาดูในห้องบ้างครับ ภาพจากหน้าต่างของห้องพักยามเช้าๆ
ที่นอน เห็นวิวรอบด้าน ในห้องจะไม่มีแอร์ครับซึ่งไม่จำเป็น มีตู้เย็นเล็กๆด้วยครับ
ห้องน้ำ สวย สะอาด เรียบง่าย ออกแบบได้ดีครับ
ภาพนี้เป็นวิวจากหน้าต่างข้างที่นอนครับ
ออกมาข้างนอกอีกครับ
มุมเดิมครับ เข้าไปใกล้อีกหน่อย ต้นไม้เขียวตอนเช้าๆครับ
สิ่งที่ผมขอแนะนำแก่ทางรีสอร์ท ก็คือ การจำกัดกิจกรรมที่ทำบนรีสอร์ทครับ ตอนที่ผมไป พอดีมีกรุ๊ปใหญ่มาที่รีสอร์ท ซึ่งผมก็ทำใจครับ ว่าเสียงคงดัง และผมก็เข้าใจทางกรุ๊ปครับ ว่ามากันเยอะก็ต้องมีกิจกรรมกันบ้างตามธรรมดา แต่ที่ผมเป็นห่วงคือ ธรรมชาติแถวนั้น ลองนึกภาพของความสงบบนยอดภูเขา แสงจันทร์นวลๆ แสงดาวระยิบระยับเนื่องจากไม่มีแสงไฟจากเมืองมารบกวน แต่พอมีเครื่องขยายเสียง เสียงเพลงเร้าใจคล้ายๆกับเธคเล็กๆบนยอดภู เสียงคาราโอเกะ ความสงบตามธรรมชาติถูกทำลายลงไป ผมไม่แน่ใจว่าเสียงเหล่านี้ไปไกลถึงไหน แต่จากความสงบที่มีอยู่เดิม ผมคิดว่ามันคงไปได้ไกลมาก ลองนึกถึง ชาวบ้าน หรือสัตว์ป่า หรือเจ้าป่าเจ้าเขา บริเวณนั้น คงไม่สนุกไปตามเสียงเพลง ผมเลยอยากแนะนำให้ทางรีสอร์ทจำกัดกิจกรรม เฉพาะกิจกรรมที่ไม่ใช้เครื่องขยายเสียงเท่านั้น และกำหนดเวลาที่ทำกิจกรรม เช่นไม่เกิน 2-3 ทุ่ม ในเมื่อทางรีสอร์ทใช้ธรรมชาติบริเวณนั้นดึงดูดแขกให้มาพัก ผมคิดว่าทางรีสอร์ทควรมีส่วนรับผิดชอบต่อธรรมชาติด้วยเช่นกัน ถือว่าเป็นคำแนะนำจากแขกคนหนึ่งที่ประทับใจกับวิวทิวทัศน์ที่นั่นมากครับ และสุดท้ายผมขอขอบคุณ คุณ นรินทร์ที่ได้ลงแรงกายแรงใจ สร้างรีสอร์ทแห่งนี้ขึ้นมาเพื่อแบ่งปันวิวสวยๆ ธรรมชาติสดใส ให้กับแขกที่มาพัก ขอให้คุณนรินทร์และครอบครับมีสุขภาพที่แข็งแรงครับ ผมปิดท้ายด้วยภาพนี้ ภาพดอกไม้ดอกนี้ผมถ่ายตอนไปเยี่ยมที่นี่เมื่อปีที่แล้ว ภาพนี้ใด้รับเกียรติให้ตีพิมพ์ที่ blog คุณดาวทะเลครับ คลิ๊กที่นี่เพื่อดูภาพนี้ที่ blog คุณดาวทะเลครับ
Create Date : 13 ธันวาคม 2549 |
|
25 comments |
Last Update : 13 ธันวาคม 2549 23:02:51 น. |
Counter : 11202 Pageviews. |
|
|
|
src=https://www.bloggang.com/emo/emo18.gif>
เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการจำกัดกิจกรรมที่ทำบนรีสอร์ท
เวลาที่ฉันมีโอกาสไปเที่ยว ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากได้ยินเสียงรบกวนอื่น นอกจากเสียงจิ้งหรีดเรไรอ่ะ
ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆที่นำมาฝากค่ะ ชอบมาก
เป็นการนำมายั่วกันโดยแท้ มีเวลา(และ money อันนี้สำคัญ อิ อิ )เมื่อไหร่จะไปเที่ยวบ้าง คงอีกไม่นานค่ะ