--Rainam;"... เพราะช่วง May เป็นภาคปลาย...เสร็จแล้วก็จะมาฉลองกันตอนปลาย May ต้น June ..."

--What I wanna know? /what did u say? Oh, U said the ball in THLD will take place on 13 Nov 2009.I think this is sth.of alumni events held in thiers' homeland.right?GREAT!!!
--------------
Here i got some information...Thanks.
--Many Cambridge colleges originally held the balls in May, sometimes in the week preceding year-end exams. Today, they take place in May Week,...

--A May Ball is a ball at the end of the academic year at one of the colleges of the University of Cambridge...WONDERFUL !
-------------
--ไม่มีอะไรครับ..เข้ามาแสดงความยินดีและประทับใจไปกะงานนี้ด้วยละกัน หลังงานแล้วคงมีภาพสวยๆมาฝากสมาชิก/แฟนคลับบ้างนะ.

--"ไร้นาม" กรุณาช่วย delete ออกซักอันนึงนะ เพราะตอนผม submit อันแรก เจอข้อความทำนอง censure ?

--พอเจอข้อความดังว่า(จำไม่ได้)...คิดว่าน่าจะมีปัญหาเลยลองลงอีกครั้งหนึ่ง..ก็เลยปรากฏสองข้อความเดียวกัน ^_^'

--ที่จริงไปเปิดเว็บงานที่ว่าของจริงที่ผ่านมาก็มีรูปภาพให้ดูเยอะเลยครับ น่าประทับใจครับ.

--- K. SkyWalker ---

ลบความเห็นที่ซ้ำแล้วค่ะ ^^

ขอโทษที่ห่างหายไปนะคะ พอดีเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ นิดหน่อย (ที่มือขวา) เลยพิมพ์อะไรไม่ถนัดนัก (เป็นอุบัติเหตุเล็กๆ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมโรงพยาบาลต้องส่งให้ไปรักษาที่ห้อง ER ฮะ ฮะ)

--ขอบคุณ"ไร้นาม" ครับ

--เกี่ยวกับ "Accident" อะไรอีกน่ะ!!! คงไม่ธรรมดาแล้วละครับ จำเป็นต้องดูแลแผล/กระดูก ตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดเทียวล่ะ.

--คนไข้บางรายไม่เชื่อฟังหมอ ถอดเฝือกเล็ก(ถ้าต้องใส่)ออกโดยพลการ--ปรากฏนิ้วมือบิดเบี้ยวเสียรูปทรงไปเลย น่าเป็นห่วงครับ(เป็นหมอซะเองมั๊งเนี่ย อิอิ)

--ส่วนที่ต้องเข้ารักษาห้อง ER นั้นเข้าใจว่าเป็นกฏของ รพ.ว่านะ..เพราะเป็นกรณีของการเกิด "อุบัติเหตุ" ในทุกเคสนั่นเอง !?!

--ขอให้ "ไร้นาม"หายเป็นปกติโดยเร็ววันครับ.

--- คุณ SkyWalker ---

ไม่ได้เป็นเฝือกน่ะค่ะ อาการเป็นเล็บโดนเกี่ยวฉีกไปครึ่งเล็บแล้วพยายามเอามาปะใหม่ (ไม่อยากถอดเล็บ) เป็นแต่พันๆ เอาไว้หลายชั้นจนนิ้วอ้วนๆ จริงๆ พันมาตั้งแต่วันจันทร์ วันพฤหัสไปให้หมอ (ห้อง ER อีกแล้ว งงๆ) ดูแผล หมอก็บอกว่าเลือดยังออกใต้เล็บส่วนที่ปะๆ อยู่ ^^' แต่หมอก็บอกว่าไม่ต้องถอดเล็บก็ได้เสียดายตรงฐานอีกครึ่งนึงที่ยังดีอยู่ เลยให้พันต่ออีก 4 วัน

ปัญหาคือเป็นที่นิ้วกลางมือขวา เวลาทำอะไรก็มักไปชนโน่นชนนี่เจ็บได้ใจเลยทีเดียว (ซุ่มซ่าม)

--"ไร้นาม...หมอก็บอกว่าไม่ต้องถอดเล็บก็ได้เสียดายตรงฐานอีกครึ่งนึงที่ยังดีอยู่ เลยให้พันต่ออีก 4 วัน"
-----------------------
--เอาแล้วมั๊ยล่ะ!!! ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยดังที่คิดแล้ว ลงถึงขั้นเล็บมือฉีกขาดนี่ไม่เบาเลยนะ นี่เหลืออีกสองวันจึงจะเปิดแผลได้..

--หากไม่แน่ใจต้องพบแพทย์บ่อยครั้งจนกว่าจะหายสนิทละครับ..แฟนคลับ(รวมลูกศิษย์ฯ)เป็นห่วงกันแย่..ยังงัยๆก็ขอให้หายวันหายคืนละกันครับ.

--มีคำถามอีกอันที่อยากรู้คือการให้ตัว R ไปอยู่ในวงกลมใน tagของ html ทำงัยครับผมทำได้แค่ใน ms word ทำเหมือน c เพียงเปลี่ยนอักษรก็เป็น ® ได้ดังนี้แหละครับนะ แต่ใน tag พิมพ์ไรล่ะ?
----------------------
--ปิดท้ายไม่มีไรมากครับขอให้ อ.ไร้นามหายเร็วๆและมา update blog เผื่อแฟนคลับท่านอื่นจะได้เข้าแวะชมกันเยอะแยะดังเช่นเคย.

--- คุณ SkyWalker ---

ตอนนี้ไม่ต้องพันแผลแล้วค่ะ แต่ต้องคอยใส่ยาฆ่าเชื้อล้างเป็นพักๆ ยังใช้มือไม่ถนัดนัก แต่ตอนนี้เล็บดีๆ ขึ้นมา 2/3 แล้วก็น่าจะหายไวๆ นี้ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ ^^

ตัว ® พิมพ์ & reg ; ติดกันค่ะ

--ขอบคุณสำหรับความรู้เพิ่มเติมการใส่ R ในวงกลม(กรณี tag html) และดีใจด้วยที่แผลที่นิ้วมือหายวันหายคืน ดีครับ.

--ไปๆมาๆ หน้าบล๊อคจะมีคนเม้นต์เพียงไม่กี่คน ผมเดาว่าคงมีคนเข้ามาเยือนเยอะพอควร(น่าจัดทำสถิติหน้าจอ?)

--แต่ที่ไม่ค่อยจะเขียนอะไรน่าจะเป็นสาเหตุหลักจากที่สื่อฯบางฉบับลงข้อเท็จจริงที่ว่า "คนไทย ทุกเพศวัย"กำลังออกอาการเบื่อหน่ายกับ"เหตุการณ์บ้านเมือง"ที่มันไม่รู้จะไปทิศทางไหนกันแน่!?!

--เรียกกันว่า"ไร้ทิศทาง" ผมเองก็เป็นกะเขาด้วยเนี่ย มันไม่รู้ทิศทางเอาเสียจริงๆนั่นแล ยิ่งไปอ่าน"บทความ"ท่านผู้รู้ระดับ ศาสตราจารย์ของท่านผู้หนึ่ง(ขออนุญาตไม่เอ่ยนาม)ซึ่งเขียนในเรื่องของกฏหมายมหาชน...!?!

--เขียนทำนองว่า ระบอบการปกครองบ้านเราเป็น "ระบบรัฐสภา"ที่ไม่เหมือนใครๆในโลกนี้เลยในบรรดาระบอบการปกครองทั้งหลายทั้งมวลที่มีอยู่..(อยากร้องไห้เสียจริงเชียว--แต่ก็ร้องไม่ออกครับ)เพราะคนระดับนี้แล้วยังเขียนได้ถึงเพียงนี้..แล้วจะไม่ฉีกตำรา?

--ผมเองยอมรับว่อาจเข้าใจผิดและคลาดเคลื่อนรวมไปถึงการเคารพความคิดเห็นในบทความเสมอก็แล้วกัน.แต่ที่แย่สำหรับผมก็คือ"เล่นเอางง"หนัก กอปร์กับสถาการณ์การเมือง ณ วินาทีนี้ยิ่ง "มึนๆงงๆ"กว่าที่แล้วมา..เสมือนกับจะส่งสัญญาณบางอย่าง!?!

--สรุป(ซะทีสินะ)ผมอยากให้ "การเมือง"บ้านเราสงบสันติกันเสียที เราเล่น"การเมือง"กันมากเกินแล้ว...บ้านเมืองเรากำลังระกำระส่ำหนักเข้าทุกทีรึเปล่าครับเนี่ย..ผมเป็นคนไทยเสียภาษีคนหนึ่งรู้สึกเป็นห่วงไม่น้อยไปกว่าคนไทยท่านอื่นๆแหละครับ...สวัสดี.

--ขออนุญาต"ไร้นาม"ที่เม้นต์ของผมอาจยาวไปนิด ขอบคุณครับ.

--หมายเหตุ"บทความ"ที่ว่าโดย ศ.ท่านหนึ่งนั้นไม่เกี่ยวกันกับบทเรียนหรือตำราที่สอนกัน ในสถานอุดมศึกษานะครับเดี๋ยวจะเข้าใจกันไปคนละทิศละทางอีกล่ะ เฮ้อ.."การเมือง"ไทยใกล้จะกลุ้มจนเจียนจะอกแตกเสียให้ได้สิน่านะ.

--ส่วนตัวมองว่าน่าจะเรียกว่าเป็นลักษณะ"ข้อความเห็น"/ข้อคิดเห็นซะมากกว่า...เพราะอ่านไปมาก็อิงวิชาการดีแต่"เข้าใจยาก"สักหน่อยเท่านั้นเอง จึงเรียนมาเพื่อทราบ.

--อนึ่ง ผมมีความจำเป็นบางประการที่จะของดการใช้ IP นี้ครับ คงต้องอยู่กับโลกไซเบอร์ส่วนตัวได้ระยะหนึ่งตามความจำเป็นเท่านั้นแต่ก็คงไปหาใช้ตามสถานที่ให้บริการทั่วไปได้ไม่ยากเย็นนัก.(เหตุผลจริงคือ"ติดเน็ต"จนลืมดูตำราประกอบ อิอิ)

--- คุณ SkyWalker ---

ฮะ ฮะ เจ็บมือ/นิ้วจนไม่ได้มาเขียนเลยค่ะ (ได้แต่อ่าน)

ซักอาทิตย์หน้าน่าจะเริ่มเขียนเยอะๆ ไหว ช่วงนี้ขออภัยนะคะ ;)

--หายวันหายคืนนะครับ อ.ไร้นาม ..สอนหนังสือได้ตามปรกติดีอยู่นะ.. แต่ก็คงกังวลเพียงเล็กน้อย สู้ สู้ ครับ.

--ส่วนผมก็กำลังเตรียมตัวลงทะเบียนภาค 2/52 ละครับกะว่าจะพยายามให้จบเร็วๆ ไม่รู้ไหวเปล่า ?

--หมู่นี้สภาพแวดล้อมอาทิ อุณหภูมิอากาศฯลฯ เป็นต้นก็เป็นอุปสรรคนะ อีกทั้งดูตำรามากก็ชักเครียดๆและเพลียๆเป็นเหมือนกันเน๊าะ คนเรา แต่จะสู้ สู้ต่อไปครับ.

--อยากแวะเวียนเข้ามาเม้นต์เรื่อง"การเมือง"ในยามนี้พอให้หายคลายกังวล..จะอะไรเสียอีกก็คงจะไม่พ้นเรื่องอาเซียนซัมมิท 2009 ที่เพิ่งจบลงไป..

--จบลงไปด้วยดี แต่ที่น่าจะไม่ค่อยประทับใจก็เห็นจะเป็นเรื่องราวหนึ่งที่เกี่ยวข้อง อาทิ ข้อตกลงการสร้างเครือข่าย"ขนส่ง"ระหว่างอาเซียนเรา ..เพราะเมื่อหันกลับมามองข้อเท็จจริง"ขนส่งรถไฟ"บ้านเราที่จะไปร่วมมือกะเขา โธ่เอ๋ย..อนิจจา"รฟท."!?!

--ผมก็ฟังเขามาเล่าต่อ!!! พร้อมกับการใช้บริการมาก็หลายครั้ง ยอมรับว่าของพี่ไทยเรามันเข้าลักษณะ"ไดโนเสาร์"ดังว่าจริงๆ จึงยังมองไม่เห็นจริงนะว่ามันจะไปสู้/เขื่อมกะเขาได้ยังงัยเนี่ย

--ของต่างชาติ(ไม่ว่าของ มาลเซีย จีน เกาหลี ไต้หวัน แม้กระทั่งเวียตนามฯลฯ)เขาพัฒนาเป็นขบวนรถหัวจรวดความเร็วขั้นต่ำ 250 MPH ส่วนของเราอายุเป็นร้อยๆปีแต่ไม่มีทีท่าจะพัฒนาได้ไกลนัก

--มันเกิดไรขึ้น ส่วนตัวมองว่าบ้านเราไม่ค่อยจะคิดพัฒนาการอะไรที่เป็นสาธารณะประโยชน์จริงจังมากนัก บางทีก็มัวถกกันซะส่วนใหญ่..การวางแผน PLANNING (แพลนแล้วก็นิ่ง)เราถนัดนัก!?!

--สุดท้ายจึงลงเอยเกือบทุกเรื่องด้วยประการละฉะนี้แล..อย่างไรก็ตาม"เห็นด้วย"กับ อ.ผู้รู้ท่านหนึ่งที่ความเห็นผ่านสื่อว่า ตอนนี้แหละเป็นโอกาส"เหมาะสุดๆที่ รบ.ไทย(ทุก รบ.ที่เข้ามาบริหารประเทศฯ)มีความ"ชอบธรรม"สูงสุดในอันที่จะ"พัฒนา" รฟท.เสีย ณ บัดนี้

--เพราะรวมลามไปถึงปัญหาการหยุดเดินรถขณะนี้ด้วย เหตุผลประกอบตรงนี้จึงเป็นโอกาสเหมาะสม สมเหตุสมผลดีนัก ที่คิดจะแก้ไข/พัฒนากิจการ รฟท.ได้แล้ว!?!

--ล้นเกล้าฯผู้ทรงริเริ่มไว้ก่อนดียิ่งแล้ว จึงควรถึงเวลาที่คนยุคปัจจุบันจะสานต่อกิจการนี้ให้เจริญรุดหน้าเทียบเทียมประเทศที่กล่าวข้างต้น..ไม่มีโอกาสใดเหมาะเท่าแล้วนะครับท่านผู้เกี่ยวข้อง.

--หากรีบแก้ไข/พัฒนาเพื่อบรรดาประชาชนเจ้าของประเทศ/เสียภาษีจะได้ใช้บริการอย่างสะดวกสบายกันซะทีน่ะ.รายละเอียดจะเป็นให้ เอกชน/รัฐ ลงมือดำเนินการก็รีบเข้าเถอะ เพื่อรัฐและประชาชนทุกคนโดยถ้วนหน้า

--ขอปิดท้ายบทความเห็นเท่านี้ก่อน เกรงใจ"ไร้นาม"เนี่ย ยาวไปอีกแล้วใช่ใหมครับ ส่วน MOU เรื่องอื่นผมจะไม่คอมเม้นต์ละ

--สรุปว่าส่วนไหนดีก็ทำ ส่วนไหนไม่ดี ทำไม่ได้/ไม่ไหว ก็ปล่อยให้ ประชาชนเจ้าของประเทศเขาคิดเองทำเองบ้างก็จะเป็นการดีไม่น้อยเลย สวัสดีครับ.

--กลายเป็นประเด็นทำนองเกี่ยวข้องกับ"การเมือง"ที่ร้อนฉ่าขึ้นมาทันทีที่เป็นข่าวทางสื่อต่างๆเรื่อง อดีตนายกฯจะเข้ามาในประเทศเพื่อนบ้าน ผมว่ามัน"มองต่างมุม"ได้นะ!?! ระหว่างคดีฯ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการส่งคนข้ามแดนตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศน่ะ

--ส่วนตัวมองว่าจะเป็นคดี "การเมือง หรือ อาญา !?!” ก็ตามทีก็ไปว่ากันในระดับชาติกันต่อไปนะครับ. ความไม่มั่นใจหรือฟันธงได้ในตอนนี้จึงขอกล่าวเพียงว่าเพื่อให้แน่ใจในฐานะ นศ.กม.ที่ต้องเรียนรู้(ตามบทบาทหน้าที่ของ นศ.ฯ)คงต้องไปสอบถามผู้รู้จริง/อ่านตำรา/ค้นคว้าเป็นความรู้ประกอบหลักสูตรการเรียนการสอนละครับ.

--ยังงัยๆ ก็ขออย่าให้เป็นเรื่องราวที่ทำให้เกิดกินแหนงแคลงใจกันระหว่างประเทศเพื่อนบ้านเรือนเคียงกันเลย(คนของทั้งสองประเทศที่ทำมาหากินกันอยู่เขาเดือดร้อนไปด้วยเนี่ย)ก็หวังในความประนีประนอม เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติจะดีกว่าไหม!?!

--ซึ่งหากเหตุการณ์มันบานปลาย ก็ยากที่จะคาดเดาตอบได้อนาคตว่า สถานการณ์ความขัดแย้ง/แตกแยกของคนในชาติจะเป็นอย่างไร..สู้อุตส่าห์ค่อยพูดจากันมิให้ลุกลามใหญ่โตจะดีกว่ามากมาย.

--ผมใน ฐานะ ปชช.คนหนึ่งก็หวังในความปรองดองสมานฉันท์ที่เราพากันเรียกร้องโหยหาให้กลับเป็นจริงด้วยเถิด ศก.ก็แย่อยู่แล้วอย่าให้มีเรื่องใดๆที่ไม่เกี่ยวกับปากท้องของ ปชช.ต้องมา"ยุ่งขิง"อีกเลย

--ข้อคิดเห็นส่วนตัวนี้เป็นเพียงคอมเม้นต์ธรรมดา ไม่มีเจตนาที่จะไปจะชี้นำ/พาดพิงบุคคล/หน่วยงานใดๆ โปรดเข้าใจด้วยครับ.
-------------------
--ท้ายนี้ขอขอบคุณ"ไร้นาม"อีกครั้งหนึ่งและหวังว่าคงหายจากอาการมือเจ็บ..เป็นปรกติดีแล้ว.อย่าลืมเข้ามา update blogs ครับ.

--- คุณ SkyWalker ---

หงุดหงิด กับอาเซียนเลนส์เหมือนกันค่ะ กลายเป็นแสดงศักยภาพการจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพซะงั้น อุบัติเหตุเพียบ สงสารคุณตำรวจและประชาชนในพื้นที่ ไม่รู้ใครเป็นคนคิดและแสดงความรับผิดชอบอะไรหรือเปล่า น่าอายจริงๆ เลย...

เฮ้อ...

-About TraffiC ControL? No Action Planned,No Action Taken!
--------------------------------
--วันนี้พฤหัสฯที่ 29 ต.ค.52 นับเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งที่หน้าประวัติศาสตร์ของการประชุมสภาฯต้องจารึกถึงเรื่องราวที่บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)/ ครม. มีนัดประชุมฯโดยเฉพาะกระทู้ฯเรื่อง สนธิสัญญาฯระหว่างประเทศ

--การโต้ถกกันมีทั้งข้อกฏหมายและประกอบข้อเท็จจริงเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดนฯ ส่วนตัวอยากใฝ่รู้และมองว่า เรื่องนี้เป็นที่น่าสนใจไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นท่านใด/ใครก็ตาม...

--แต่สนใจเฉพาะตรงที่เป็นเรื่องระหว่างมิตรประเทศ หากพลาดพลั้งอาจทำให้ลดดีกรีความสัมพันธ์ลงได้แน่นอน และแน่นอนอีกว่าทุกประเทศย่อมมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ตราบใดที่มนุษย์ยังอาศัยอยู่บนโลกใบเดียวกันนี้ต่อไปตลอดกัลป์.

--เว้นแต่ในอนาคตมนุษย์เราจะค้นพบโลกใบใหม่ดำรงชีวิตอยู่ได้คงจะไม่ต้องถกทะเลาะกันให้เห็นอีก ว่านะ.(หรือว่าจะมีการร่างสนธิสัญญาส่งคนข้ามโลกฯกันอีก!?! ก็เป็นไปได้เพราะอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้บนโลกใบนี้และยุคสมัยนี้อ่ะนะ อิอิ)

--วกเข้าเรื่องก็ยอมรับว่าเป็นประเด็นที่น่าศึกษามากมาย เพราะแต่ละข้าง/ฝ่ายก็ยกเอาทั้งข้อกฏหมายและข้อเท็จจริง โดยเฉพาะกติกากฏหมายที่เกี่ยวข้องมาโต้/ถกหักล้างกันไว้อย่างดุเด็ดเผ็ดมันเชียวล่ะครับ

--ทำให้ได้ความรู้เพิ่มด้วย ส่วนตัวผลลัพธ์ให้คะแนน ก็ 50/50ครับ ไม่มีใครผิด/ถูกจนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อฟังๆดู ก็ทั้งน่ายินดี/น่าเสียดายว่าทุกฝ่ายยอมรับ “ความจริง”กันมากขึ้น แต่มันเป็น “ความจริงที่ถูกต้อง”ของคนละด้าน/ฝ่าย เป็นงั้นไป.?

--คงไปว่ากันอีกหลายยกครับงานนี้ เว้นเสียแต่ฝ่ายที่คิดว่าจะต้องการให้เป็น “อาญา”ให้ได้นั้นจะรีบด่วนสรุป!?! ก็ไปอีกเรื่อง แล้วก็อาจจะเป็นไปตามสื่อฯเสนอคาดการณ์ไว้ลักษณะคือ ...

--หากจะเอาผิดกันให้ได้/ตกลงกันไม่ได้ อาจนำไปสู่ความ“ยุ่งขิง” อีกรอบหนึ่ง..มองว่าบ้านเมืองเราชอบจะขมวดปมครับ ไม่ชอบแก้ไขปมปัญหา? ถนัดการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ๆให้เล็ก!?!

--จึงคาดว่าหากเช่นนี้สถานการณ์ในบ้านเมืองนี้จะไม่สงบสันติดังที่ตั้งความหวังไปอีกนาน ว่านะ...พูดแบบเป็นกลาง/วิเคราะห์แล้วคือ “ความยุติธรรม” มันหาไม่ได้ในโลกใบนี้จริงๆมันก็ต้องลงแบบนี้

--สัจจธรรมครับ..อะรัยมันจะเกิด มันก็ต้องเกิด.ประมาณนี้? เห็นคนไทยเราทะเลาะกันมันเศร้าใจครับ เอวัง !
---------------
เขียนยาวไปนิดขออภัย"ไร้นาม" และนี้ก็คอมเม้นต์ธรรมดา ไม่มีเจตนาที่จะชี้นำ/พาดพิงบุคคล/หน่วยงานใดๆ โปรดเข้าใจด้วยครับ.

-- Politics..“การเมือง”(ต่อ) ---แม้จะเบื่อหน่ายกับสถานการณ์การเมืองในบ้านเมือง(รวมทั่วโลก) แต่มนุษย์เราก็หนีไม่พ้นที่จะต้องควรติดตามกันต่อไปทั้งในแง่ของการวิพากษ์สลับ/ผสมผสานอิงวิชาการบ้างตามห้วงเวลา/สภาวะการณ์ที่สมควร.

--เพราะไปๆมาๆ แม้เราไม่ยุ่งกะมัน(การเมือง)โดยตรง แต่ผลลัพธ์ในแง่มุม/สถานการณ์การเมืองเองก็ยังคงกลับมามีผลกระทบต่อผู้คนรวมถึงเราๆ ท่านๆ ในบ้านเมืองนี้อยู่ดีแฮะ จึง “เป็นเหตุจูงใจ/แรงจูงใจ”(Motivation)ให้ต้องออกมาคอมเม้นต์เป็นระยะ ๆ อ่ะนะครับ.

--ปัจจุบันเป็นที่น่ายินดีเห็นผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน โดยมหาฤกษ์เมื่อวันที่ 5 พ.ย.52 ถือเป็นวันประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่งที่สถาบัน KPI ซึ่งทำหน้าที่หนึ่งในหลายพันธกิจคือส่งเสริมการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข.

--ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีจัดการสัมมนาหัวข้อ.“… ปัญหาความขัดแย้ง/ความชอบธรรม/การปฏิรูปโครงสร้างทางการเมืองไทยฯ เพื่ออนาคต...”ประมาณนี้!?! ครับ

--สรุปงานนี้..พอจะจับประเด็นว่าเป็นการสัมนาที่พยายามมองทุกปัญหาที่เป็นปมเด่นๆ! พร้อมเน้นหาหนทางออก/การลดปัญหานั้นๆเพื่อผลดีต่อชาติโดยรวม! ( ผมหาไม่เจอในเว็บหรือน่าจะเร็วเกินไป ก็เลยยังไม่ได้ Upload บนเว็บ kpi.ac.th---คงต้องรอซัก2-3 วันมั๊ง!?!—แต่ถ้าขณะนี้อัพแล้ว ผมหาไม่เจอเองก็ขออภัยครับ.)

--กลุ่มสัมมนาตั้งเป้าที่พยายามจะเสนอแนะแนวทางให้ รบ.และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องใช้เป็นเครื่องมือเยียวยาแก้ไขให้สถานการณ์ด้านต่างๆโดยเฉพาะ“การเมือง”มองว่าเป็นต้นเหตุทางโครงสร้างชาติที่จะนำพาให้“ด้านอื่นๆ”เกิดผลในทางที่ดีขึ้น..น่ายินดีครับ
-----------------
เขียนยาวไปนิดขออภัย"ไร้นาม" และนี้ก็คอมเม้นต์ธรรมดา ไม่มีเจตนาที่จะชี้นำ/พาดพิงบุคคล/หน่วยงานใดๆ โปรดเข้าใจด้วยครับ.

---“การเมือง” (ต่อ) แล้วที่สุดหรืออาจจะยังไม่สุดๆ!?! ก็เป็นไปอย่างที่ไม่อยากให้เป็น...เป็นเรื่องเข้าจนได้มั๊ยล่ะ!!! ก็จะอะไรเสียอีกหากมิใช่เรื่องการลดดีดรีความสัมพันธ์ “ทางการฑูต”ระหว่างสองประเทศคือพี่ไทยเรากับประเทศกัมพูชา

--ทำให้ผมนึกถึงสุภาษิตโบราณไทยหนึ่งว่าไว้ “ช้างสาร (บิ๊กของสองประเทศฯ) ชนกัน !?! ...มีรึที่หญ้าแพรก (ชาวบ้านตาดำๆ)จะมืแหลกราน/เดือดร้อน”ไปด้วย เฮ้อ..แต่ก็ยังดีที่ทั้งสองฝ่ายออกมาแถลงเชิงว่าจะพยามยามไม่ให้กระทบไปถึงกิจการลงทุน ค้าๆ ขายๆระหว่างกัน ก็ขอให้เป็นดังนั้นเถิด สาธุ!

--ผมเคยออกความเห็นไปบ้างแล้วว่าอย่าให้เป็นเสมือนน้ำผึ้งหยดเดียวเลย คนประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงกันน่ะ อย่าพยามยามให้ต้องบาดหมางคลางใจกันจะดีกว่าไหม? เออนะ...มนุษย์เราปกติมันก็ต่างจิตต่างใจอยู่แล้ว.. เรื่องเล็กก็กลับเป็นเรื่องใหญ่ๆ กับเล็ก.. ดังนี้แล.

--ว่าไปแล้วต่อแต่นี้ไป ก็จะเป็นลักษณะมองหน้ากันไม่ค่อยสนิท อย่างนั้นหรือ? เอาละ เรื่อง“ผลประโยชน์”ของทุกประเทศในโลกนี้ต่างก็ย่อมจะรักษาไว้ซึ่งของตนๆ ล่ะ แต่ผมมองว่าบางทีเนี่ยเรื่องมันไม่เป็นเรื่องแล้ว “มองต่างมุม” กันไปอีก(จากข้อสังเกตุอ่านในสื่อฯ) มันเลยยิ่งไปกันใหญ่ ดูๆไปอาจเป็นละครเรื่องยาวเข้าแล้ว! ประมาณนี้?

--ความเห็นนี้เป็นเพียงคอมเม้นต์เล็กๆ ที่อาจรบกวนหน้าเว็บไปบ้างก็ได้ แต่ก็อยากจะสื่อความหมายเรื่องราวในบ้านเมืองที่ต้องการให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่าง"สันติ"บนพื้นฐานของ "ความยุติธรรม" แต่อนิจจาผมเริ่มมองว่า คนเราเริ่มขมวดปมปัญหาให้เข้าจุดวิกฤติเข้าทุกขณะแล้วกระมัง!?!

---แม้กระทั่งเรื่อง Extradition ดังที่ท่านผู้รู้ซึ่งสอน กม.อยู่ ณ สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ (อดีต ม.การเมืองฯ)ออกมาเขียนในหน้าสื่อฯที่ผ่านมาราวหนึ่งสัปดาห์ก็ให้แนว ถูก/ผิด ไว้แล้วและผมว่าเป็น “บทความ”ที่มีคุณค่ามากมาย(โดยเฉพาะด้านการศึกษา กม.)

--แต่กลับไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจในส่วนเกี่ยวข้องมากนักเลยอ่ะนะ..ผมก็มีหน้าที่ต้องศึกษาต่อไปครับและก็คงมีเท่านี้ คงไม่เอวังเที่ยวนี้ เพราะยังมีมวย!?!ให้ดูอีกหลายยกครับ สวัสดี.

--เขียนยาวไปนิดขออภัย"ไร้นาม" และนี้ก็คอมเม้นต์ธรรมดา ไม่มีเจตนาที่จะชี้นำ/พาดพิงบุคคล/หน่วยงานใดๆ โปรดเข้าใจด้วยครับ.

--- คุณ SkyWalker ---

เขียนอะไรดีๆ มาให้อ่านเยอะเลยนะคะ :)

ช่วงนี้ไร้นามงานชันกันมะรุมมะตุ้ม ทำให้ไม่ได้แวะมา update blog เลยค่ะ จันทร์-ศุกร์ งานบริษัท เสาร์เช้าสอนนิสิตม.เกษตร เสาร์บ่ายไปสุวรรณภูมิบินไปสอนต่างจังหวัดวันอาทิตย์ คืนวันอาทิตย์บินกลับสุวรรณภูมินอนแล้ววันจันทร์ก็ตื่นไปทำงานบริษัทต่อ ทั้งหมดเป็นเพราะว่า ปฏิเสธคนอื่นไม่เป็นนะเอง (เหมือนเค้าอยากให้ไปช่วยสอน)

แต่ก็กะว่าถ้าเลยงาน Cambridge May Ball (ศุกร์ที่จะถึงนี้) จะมีเปลี่ยน blog ซะหน่อยค่ะ ช่วงนี้โฆษณางานให้เพื่อนๆ ก่อน

ขอบคุณที่แวะมาเขียนคอมเมนต์นะคะ เรื่องการเมืองไร้นามก็อึดอัดค่ะ ถ้าจะเทียบแล้วความชอบรัฐบาลนี้จาก 40% ลดเหลือ 5% ทันตา (สมัย 3-4 ปี ก่อนเคยชอบ ปชป เต็ม 100%) แต่งบทกวีไว้บทหนึ่งที่ห้องกวีการเมืองฯ เอามาฝากยามดอง blog ละกันนะคะ

ก๊งเหล้าเคล้าสุรา
ปริ่มน้ำตาให้กับชาติ
เร่งตัดเพื่อนบ้านขาด
หวังผงาดหรือจมดิน?

เพียงไม่ชอบคนหนึ่ง
ต้องทำถึงตัดเพื่อนสิ้น
แล้วคนไทยทำกิน
อยู่ต่างถิ่นกลับปล่อยลอย

เรียกฑูตกลับเมืองไทย
ถูกหรือไรวัดผลพลอย
อย่าทำชาติเสื่อมถอย
ด้วยมัวคอยติติงกัน

หากต้องการเข้มแข็ง
ต้องร่วมแรงช่วยขยัน
หาใช่ขีดกีดกั้น
น้ำใจปันอาเซียนเรา

เพิ่งจัดการประชุม
พอเลิกสุมรุมไฟเศร้า
ตั้งเพลิงจุดตั้งเผา
หวังผลาญเอาเข้าใส่ใคร

ไฟร้อนอาจลวกมือ
หยุดยึดถือพรรคพวกใด
ยามนี้พักได้ไหม
ตั้งต้นใหม่ให้ดีงาม...

ขอบคุณ “ไร้นาม”ที่มองเห็นส่วนดีของบทวิพากษ์/คอมเม้นต์อยู่บ้าง...ผมเองคงมีเจตนาบริสุทธิ์และก็ว่าไปตามสถานะการณ์และขอบคุณเจ้าของเว็บที่ยังให้พื้นที่ตรงนี้อยู่น่ะ...

--อ่านตารางทำงานของ “ไร้นาม”แล้วก็เหนื่อยแทน ดูแทบจะไม่ค่อยว่างเลยในรอบสัปดาห์ แต่มองอีกด้านก็ว่าเป็นผลดีมากมายที่ปฏิบัติตนเองเพื่อส่วนรวมด้วย ยังงัยก็อย่าลืม “เรื่องอาหารและพักผ่อนให้เพียงพอ”..คนเราหาก “กินได้และนอนหลับ” เพียงสองอย่างนี่ก็ส่งผลดีต่อ องคาพยพของร่างกายแล้วล่ะครับ.
----------------
--“การเมือง”(ต่อ)—ช่วงนี้มีนานาทัศนะเกี่ยวกับเรื่องของประเทศไทยเรากับเพื่อนบ้านประเทศกัมพูชา—ต้องบอกว่าแต่ฝ่าย/ภาคส่วนออกมาช่วยโหมโรง/ตีปี๊บกันจนอื้ออึง เรียกว่า ปชช.ทั่วไปก็ไม่รู้จะฟังใคร/ฝ่ายใดแล้ว!?! มึนๆงงๆ นั่นแหละครับ.

--ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเว่อร์เกิน เรามี รบ.และฝ่ายตรงข้ามฯในสภา ดังนั้นก็น่าจะให้เฉพาะ “โฆษก รบ. และโฆษกฝ่ายตรงข้ามฯ”(ต้องเรียกเช่นนี้เพราะยังไม่มีผู้นำฝ่ายค้านอ่ะนะ)ออกมาให้ข่าวเท่านั้น เล่นต่างฝ่ายก็รุมยำกันเละเทะแบบนี้ ไม่เป็นผลดีครับ หรืออยู่ที่สื่อต่างๆควรจำกัดข่าววิวาทะที่ดังว่าเท่านั้น น่าจะเป็นผลดีกว่า ว่านะ
--------------------
--วันนี้ขออนุญาตนำผลการสัมมนาของ สถาบันพระปกเกล้าฯหรือ KPI (สัมมนา 5-7 Nov 2009)มาเล่าต่อเป็นสาระน่าฟังและทรงคุณค่าแก่การบันทึกไว้/นำไปปฏิบัติเป็นอย่างยิ่งพอสรุปสั้นๆได้ดังนี้.-

1.สภาพการทุจริตในปัจจุบัน...ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตคือ นักธุรกิจ,นักการเมืองและข้าราชการ ทั้ง 3 ส่วนสัมพันธ์แนบแน่นกันยิ่งกว่าเดิม เกิดเป็น 3 เหลี่ยมแห่งการคอร์รัปชั่น(จริงแท้แน่นอนเลยข้อนี้ครับ!!!)

--(ผู้เขียน)ตรงนี้ควรให้สามส่วนที่ว่าไว้ต้องปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์มาร่วมมือกันกลายเป็นสี่เหลี่ยมของการพัฒนาฯคือ PDCA: โดยประยุกต์จากวงจรเด็มมิ่งฯอ่ะนะครับ.(ส่วนรายละเอียดคงทราบดี)

1.1 P-Plan วางแผนดำเนินงานอย่างรอบคอบฯ
1.2 D-Do ลงมือปฏิบัติดำเนินการตามแผน ฯ
1.3 C-Check การตรวจสอบ และประเมินผลงานฯ และ
1.4 A-Action คือการนำผลการประเมินมาพัฒนาแผนฯ

--อย่าเพิ่งหัวเราะครับ ขอทำให้ได้ตามนี้ก่อนเถิดเจ้าข้าเอ๊ย!—มิใช่ตั้งหน้าข้าจะงาบลูกเดียว !?!อิอิ...

2.สภาพสังคมไม่สนับสนุนให้ตรวจสอบ กฎหมายไม่เอื้อ ทั้งความล่าช้าในกระบวนการยุติธรรม!?!/พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารกลับกลายเป็นกฎหมายปกปิดข้อมูลข่าวสาร…ฯลฯ

3...ระบุ"ศาล"ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย...ตุลาการธิปไตยไม่สามารถขจัดความขัดแย้งทางการเมืองที่มีความซับซ้อนได้ เพราะถึงศาลจะทำหน้าที่ได้ดีที่สุดก็ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของเรื่องทั้งหมด …ฯลฯ ท่านว่าไว้ ประมาณนี้.

--อันที่จริงมีรายละเอียดที่น่าอ่านอีกมาก ปชช.หาดูในเว็บ //www.kpi.ac.th ผู้สนใจเชิญครับข้อมูลราชการก็จริง แต่ ปชช.มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลตามกรอบ กม.ได้ ว่านะ
--------------------------
ปิดท้ายด้วยศัพท์แสงร้อนๆ ที่จะออกหัวหรือก้อยในสองสามวันข้างหน้านี้ก็ด้วยเรื่อง EXTRADITION
--ความหมายแรกของคำว่า Ex-PM คือ Ex-Prime Minister
--ความหมายที่สอง Ex-PM คือ Extradition by Politically Motivated แต่ละท่านคงหาคำตอบของตนเองได้/ไร้นามจะช่วยเฉลยก็ดีนะครับ.
--------------------------
--เช่นเคยนี้ก็คอมเม้นต์ธรรมดา ไม่มีเจตนาที่จะชี้นำ/พาดพิงบุคคล/หน่วยงานใดๆ โปรดเข้าใจด้วยครับ.

--ช่วงนี้ถือเป็นฤกษ์งามยามดีหลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็เห็นทีจะเป็นเรื่องการปรับปรุง รฟท.หลังมีข่าวว่าเป็น "ไดโนเสาร์"เอาโบกี้ไปตกรางจนมีความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สิน...

--วันนี้เพิ่งตื่น!?! ฮ้า ไม่ใช่แล้ว..ตื่นนานแล้วแต่พัฒนช้าไปหน่อยเขาไปถึงรถไฟความเร็วสูงกันหมดแล้ว ส่วนของเรากะแค่ รางคู่ รางแคบ รางเก่า สถานีเก่า รถเก่า อุปกรณ์เก่ายังมะงุมมะงาหรากันอยู่เพราะ "ขาด งป !?!" (ขาดทุนทุกปีอีกตะหาก เฮ้อ..!)
-------------------------
--วันนี้ได้ฤกษ์เบิกชัยใช้แล้ว ยินดีครับที่กระทรวงคมนาคม ให้ข่าวล่ามาว่า ได้กำหนดแผนการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน จะแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ หนึ่งในนั้นเป็นระยะที่3 ได้แก่

--ก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ใน 4 เส้นทางหลัก คือกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ กรุงเทพฯ-หนองคาย กรุงเทพฯ-จันทบุรี และกรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ วงเงินประมาณ 708,855 ล้านบาท(อย่าให้บานล่ะ เพาะยิ่งนานก็ยิ่งบานฯ งบสร้าง/ซ่อมเนี่ยนะ!)
-------------------------
--ที่ว่ายินดีก็หมายว่าเราคนไทยจะได้นั่งรถไฟเร็วสูงกันแล้ว ไชโย!!! แต่เอ.. ยังสงสัยเหมือนกันว่า..เมื่อไหร่จะเริ่มสร้างเพราะมิได้ระบุกำหนดเวลาเริ่มต้นของแผนปฏิบัติ/action plan ที่แน่นอนไว้เลยอ่ะนะ..ก็เอาใจช่วยครับ อย่าให้เป็น" ฝันกลางวัน" อีกก็แล้วกัน.

--อากาศร้อน..การเมือง..."ร้อน".. โปรดทำใจเย็นๆ(Take it Easy)นะครับ สวัสดีครับ.

ไม่ได้เข้ามานานเลย มัวแต่เล่น facebook แหะๆๆ ;-p

--รฟท.(อีกครั้ง)...และแล้วก็ทันใจ ทันข่าวดีแท้ในคืนที่ 11 พ.ย. 52 นั้นเองทีวีไทยช่องหนึ่งได้มีรายการ พูดคุยกันถึงเรื่องประมาณว่า"ปัญหา/การพัฒนาระบบ รฟท.ฯ"และก็ด้วยจิตบริสุทธิ์ขอคารวะ ยกย่อง ชมเชยทั้งผู้ดำเนินรายการและผู้ร่วมรายการทุกท่าน.

--ทำให้ ปชช.ได้คิด (แต่คิดไม่ได้!?!)ว่า เออนะ รฟท.ของเรานั้นมัน “กะฉึกกะฉักๆ ถึงก็ชั่งไม่ถึงก็...” จริงๆด้วยก็จะอะไรเสียอีก โดยมุมมองผมนี่เห็นความแตกต่างด้านวิสัยทัศน์/โลกทัศน์ ระหว่างผู้ร่วมรายการห่างกันมากมาย...

--พูดเป็นกลางก็คือว่า ได้พอรู้ทัศนะของผู้ออกรายการบริหารรถไฟโดยตรงว่าเป็นฝ่าย Conservative –{Favoring traditional views and values; tending to oppose change.} เสียจริงแท้!!!มิน่า เราจึงได้ฉายาดังว่า...

--คือเข้าลักษณะ “dinosaur”!?! ก็ขนาดของความคิดยังเป็นเท่านี้แล้วมีหรือจะพูดถึงการพัฒนาไปถึงรถไฟหัวจรวดฯ ความเร็วสูงลิ่ว!!!
--ผมเริ่มมอง(ไม่เห็น)ว่าโครงการนี้จะเป็นรูปธรรมด้วยเมื่อใด/วิธีใด “ฝันกลางวัน” จึงน่าจะอยู่ตรงหน้าเราๆ ปชช.ผู้เสียภาษีและใช้บริการนี่เอง แต่ผมก็หาได้เจตนาปรามาสท่านฯนะครับ ก็ท่านออกมาให้ทั้งข้อเท็จจริงและความคิดเห็นก็ย่อมจะมี Feedback จากผู้ชมบ้างจะเป็นไร?

--ผมก็ว่าปัญหาทั้งมวลก็มิได้ขึ้นอยู่กับท่านผู้บริหาร รฟท.แต่ฝ่ายเดียว เพียงมุมมองของทัศนะมันออกมาเชิงตรงกันข้าม/มองปัญหาไม่ทะลุ!?!กับอดีตผู้บริหาร รฟม. และพูดเป็นกลางอีก ท่านผู้นี้สมควรจะไปบริหาร รฟท.! ผมเชียร์จริงๆด้วย เผื่อ “ฝันกลางวัน” จะเป็นจริงขึ้นมา ว่านะ.
------------------------
--เขียนยาวเกินแล้วขออภัยไร้นาม ..ผมยั้งๆ เรื่อง “การเมือง”ไปโดยปริยายแต่ก็ไม่วายที่จะกังวลว่า ณ วินาทีนี้ใกล้เข้าสู่จุดวิกฤตทั้งในและระหว่าง ปท.แล้ว.. นั่นคือหมุนเข้าสู่วงจร “อะรัยจะเกิด มันก็ต้องเกิด” !?!—What Ever Will be, (It) Will Be !!! ทำงัยได้ล่ะ...สวัสดีครับ.

ขออภัยครับ ขออนุญาตแก้ "คำผิด" จากคำว่า

"...กะฉึกกะฉักๆ...เป็น...กะชึ่กกะชั่ก ๆ..."

ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2525

-------------------
ตกวิชา ภาษาไทยมาก็หลายหนหรือ "ไร้นาม"จะช่วยกรุณาแก้ไขในบล๊อคที่ 22 ข้างบนนี้เลยได้ยิ่งดี ขอบคุณครับ.

รฟท.(ซักอีกครั้ง) พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕.."กะชึ่กกะชั่ก ๆ.-แปลว่า ติดๆขัดๆ ;ไปไม่สดวก”ครับ..

--ที่นำขึ้นหน้าเว็บอีกก็เพราะเห็นว่าเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานที่มีผลกระทบโดยตรงต่อ ปชช.คนไทย จึงน่าจะช่วยกันกระชุ่นตุ้นเตือนให้ผู้เกี่ยวข้องได้เร่งพิจารณาโดยด่วนเสียที...

--ล่าสุดไปออกที่มติ ครม.เศรษฐกิจเห็นชอบแผนปฏิรูป รฟท.ระยะ 5 ปีแรก (พ.ศ.2553-2557)ซึ่งน่าจะรวมถึงการสร้างรถไฟความเร็วสูง (Hi-speed Train-HPT.) เส้นทาง กทม.-จันทบุรีก่อน อันเป็น1ใน 4 เส้นทางหลัก คือ...

--กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ (745 กม.) กรุงเทพฯ-หนองคาย( 615 กม.) กรุงเทพฯ-จันทบุรี (330 กม.)และกรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ (990 กม.) วงเงินรวมเฉพาะ HPT.ประมาณ 708,855 ล้านบาทที่ได้วางแผนกันไว้

--ว่ากันตามจริงตัวเลขทาง ศก.การลงทุน HPT.ในเส้นทางระยะเพียง 3-400 กม.ไม่น่าจะคุ้ม เพราะ HPT.ลงทุนค่อนข้างสูงทั้งในระยะเริ่มแรก/ระหว่างดำเนินกิจการ/และภาคบริการหลังแล้วเสร็จ แต่ก็ด้วยข้อจำกัดทาง งป.!?!

--หรือถือเป็นเส้นทางหลักตามแผนฯอะไรก็แล้วแต่ จึงเลือกเอา กรุงเทพ-จันทบุรีก่อน (งบกู้-อีกแล้ว-ประมาณหนึ่งแสนล้านบาท) เอาใจช่วยครับ..ขอให้สัมฤทธิ์ผล คนไทยได้นั่งรถไฟความเร็วสูงกันในอีกไม่เกินห้าปีจากนี้!?! ไชโย !!!

--เป็นว่า “นำร่อง”ดูก่อนก็เอาดี ที่เป็นกังวลก็คือ “การบริหารจัดการ”ที่ผ่านมาแม้จะเป็นระบบ แต่ขาดการปฏิบัติที่จริงจัง เป็นเสมือนว่าทั้งรถทั้งรางถูกปล่อยปละละเลยหรือไม่จริงจังกับการปรณนิบัติบำรุงรักษา?

--ผมเห็น รฟท.แต่ละขบวนที่วิ่งทุกวันนี้ทุกคันก็อยากจะร้องไห้ในความเป็นเจ้าของร่วม ( ปชช.ผู้เสียภาษีอ่ะนะ) เพราะทั้งสกปรก/เก่าทั้งนอก/ในตัวรถ ทำมัยไม่ช่วยกันล้างทำความสะอาดพ่นสีสันให้มันแลดูดีเล่าหนอ!?!

--โปรดอย่ามาอ้างว่าหนี้บานทะโล่เจ็ดแปดหมื่นล้าน!!! เพราะที่ผมพูดเนี่ยเป็นเรื่องของความใส่ใจในความดูแลน่าจะน้อยไป!?! พูดง่ายๆ คนน่ะคนทำงาน รฟท.น่ะให้มีความใส่ใจในหน้าที่มากกว่านี้ก็น่าจะดี.

--ปชช.เห็นรถสีสันใหม่ๆดูยังงามตาขึ้นมาบ้าง นี่อะรัยดูแล้วโทรมจัดๆ ทำให้คิดไปได้ว่า “ขาดการดูแลตัวรถโดยรวม”ทั้งด้านเทคนิคและรวมถึงตัวถังภายใน/นอกรถเองเลยแหละและช่วงแก้ปัญหาเฉพาะหน้านี้อย่าให้เสียหายในชีวิตและทรัพย์สินอีกล่ะ ว่านะ.

--อีกอย่างฐานะเคยมีประสบการณ์งาน “ช่าง”กลๆไกๆมาก่อนบ้าง มีภาษิตช่างฯสั้นๆบทหนึ่งว่าไว้น่าฟังและได้ผลในเชิงปฏิบัติมากๆได้แก่ “ การทำความสะอาดอย่างดี/เน้นว่า “อย่างดี”-ทุกส่วน-เป็นการตรวจสอบความพร้อม(ของกลไกนั้นๆ)ได้เป็นอย่างดี” นี่แหละครับนะ.

--ลองนำไปคิดพิจารณาดูที่หรือ?(หากยังไม่ทราบน่ะ) เผื่อภาพ“ไดโนเสาร์”จะได้จางหายไปจากสายตาเราๆท่านๆบ้างเน๊าะ! ไม่มีไรมากครับช่วยกันติเพื่อก่อก็เท่านั้นเอง. สวัสดี.

--- Ja & K. Skywalker ---

เพิ่งกลับจากต่างจังหวัดค่ะ ตามอ่านละลานตาทีเดียว @^_^@
ไม่ต้องกลับไปแก้หรอกนะคะ โอเคละค่ะ (ไร้นามก็เขียนผิดบ่อยๆ)
ขอบคุณที่มาแชร์ข้อมูลนะคะ เดี๋ยวไร้นาม update blog มั่งดีกว่า