เมื่อความรักมาบรรจบ...ความสุขก็เริ่มต้นขึ้น
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
17 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
หลงป่า..."ที่ภูพาน"....เรื่องจริงกับสิ่งที่มิอาจพิสูจน์ได้







เรื่องนี้เป็นเรื่องสด ๆ ร้อนๆ จากน้องที่ทำงานค่ะ พอดีว่าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา....น้องผู้ชายคนนี้ได้โทรมาขอลาหยุด โดยอ้างว่า "ผมหลงป่าครับ" ทุกคนในห้องก็ยังอดที่จะแซวไม่ได้ว่า....ป่าไหนของมันว้า~!! และไม่ได้คิดว่าน้องคนนี้จะพูดจริง ๆ

ปรากฎว่าวันนี้...มันมาทำงานได้ตามปกติ แต่ตามเนื้อตัวมีรอยขีดข่วน ยุงกัด หนามตำ เต็มไปหมด (ตอนแรกนึกว่าทะเลาะกับแฟน)

น้องผู้ชายคนนี้เลยเล่าให้ทุก ๆ คนให้ห้องฟังถึงประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นว่า....เมื่อสุดสุปดาห์ที่ผ่านมา ได้ไปเที่ยวจังหวัดอุดรกับเพื่อนๆ และได้แวะไปเล่นน้ำที่น้ำตกธารงาม ที่เทือกเขาภูพานมา

โดยระหว่างที่จะกลับนั้น เป็นวันอาทิตย์ช่วงประมาณเกือบ ๆ 4 โมงเย็นเห็นจะได้.....ไอ้น้องคนนี้ก็บอกกับเพื่อน ๆ ว่า "เดี๋ยวขอไปฉิ๊งฉ่องก่อน....เดี๋ยวมา" ซึ่งก็เดินไปไม่ไกลจากสายตาของเพื่อน ๆ ในกลุ่มมากนัก โดยมีเพื่อนอีกคนเดินตามมาด้วย

....แต่ซักพัก...อยู่ๆ น้องคนนี้ก็ออกวิ่ง และหายเข้าไปในป่าไผ่ต่อหน้าต่อตา ซึ่งเพื่อนที่มาด้วยกันก็พยายามเรียก....แต่น้องคนนี้ก็ไม่ยอมหันหลังกลับมา เพื่อนคนนึงจึงตัดสินใจวิ่งตามไปด้วย....โดยเห็นหลังไว ๆ แต่ก็ไม่สามารถตามทัน เพราะอยู่ ๆ น้องคนนี้ก็หายตัวไปรวดเร็วมาก

จากคำให้การของน้องคนดังกล่าวเล่าว่า.....ณ ตอนนั้น.....

"ผมจำได้ตลอดเวลา...ว่าผมเตรียมตัวจะกลับบ้าน สะพายเป้เรียบร้อยแล้ว แต่บอกเพื่อน ๆ ว่าจะขอไปฉี่ก่อน และจากนั้น....ผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย......


ซึ่งพี่ ๆ ในห้องก็ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกัน !!

"เอ็งเมา.....แน่นอน !!"

ไอ้น้องคนนี้มันก็เถียงว่า..."ผมยอมรับว่ากินเหล้าจริง...แต่ก็ยังรู้สึกตัว และรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้าผมเมามากถึงขนาดไม่รู้สึกตัว....และจำอะไรไม่ได้ ผมก็ไม่น่าจะวิ่งไปได้ไกลขนาดนั้น เพราะคนเมาก็ต้องเดินโซซัดโซเซ การที่จะวิ่งเข้าไปในป่าไผ่แบบนั้นยิ่งไม่น่ามีทางเป็นไปได้"


"หลับในชัวร์ !!" พี่อีกคนคิด......


แต่หลังจากที่ฟังเหตุการณ์หลังจากนั้น ทุกคนก็เปลี่ยนความเห็นซะใหม่ว่า....การเมาอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้จิตอ่อน และง่ายต่อการถูกควบคุม......ของบางสิ่งบางอย่างที่เหนือธรรมชาติ.....


หลังจากที่น้องคนนี้หายตัวไปในตอนช่วง 4 โมงเย็น.......เขาก็วิ่งเข้าป่าไผ่ไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้สึกตัว.....ซึ่งเพื่อน ๆ ก็เดินหากันอยู่ซักพักแต่ก็ไม่สามารถเข้าไปได้ลึก เนื่องจากเป็นป่าไผ่ จึงตัดสินใจไปแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่อุทยาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็รีบจัดทีมออกค้นหา โดยแบ่งเป็นออกเป็น 3 ทีม และเริ่มเคลื่อนขบวนประมาณ 6 โมงเย็น.....

(โดยให้นักทำนายของท้องที่นั้น ทำนายดูก่อนว่าอยู่ตรงจุดไหน ซึ่งก็ได้ความว่า....ยังปลอดภัยอยู่ และเขาจะออกมาเองที่ทุ่งเลี้ยงวัว ให้ไปรอรับที่นั่น)

แต่ทุกคนรวมถึงเจ้าหน้าที่ลงความเห็นว่า...ยังไงก็ต้องออกตามหา...โดยเจ้าหน้าที่ 2 ทีมแรกค้นหาแถว ๆ ริมน้ำตกและบริเวณโดยรอบ ส่วนอีกทีมไปพร้อมๆ กันกับกลุ่มเพื่อนของน้องคนนี้ ซึ่งในตอนแรกเจ้าหน้าที่ลังเลเล็กน้อย เมื่อทุกคนแจ้งว่า...เพื่อนเขาได้หายตัวไปจากจุดๆ นี้

สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ชุดนี้เกิดความลังเลใจเล็กน้อย อันเนื่องมาจาก....ป่าแถบนี้เป็น "ดงงูจงอาง" จึงไม่ค่อยมีใครอยากจะเข้าไปยุ่ง เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับน้องๆ ที่มาด้วย....แต่เพื่อนคนที่เห็นว่าเพื่อนหายไปต่อหน้าต่อตา...ก็รีบเดินนำเข้าไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น.......ทั้งหมดเลยต้องจำใจเดินเข้าไปพร้อมๆ กัน .....


ส่วนไอ้น้องคนที่หลงป่าอยู่นั้น....มันก็มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เดินไปเจอ ท่อนไม้ขนาดใหญ่ท่อนนึงที่ขวางหน้าอยู่

น้องคนนี้เล่าต่อว่า....พอผมเห็นท่อนไม้นี้....ก็หยุดวิ่งในทันที...เหมือนคนได้สติ เหมือนเพิ่งหลุดจากภวังค์ ซึ่งพอรู้สึกตัวตอนแรก มันก็ตกใจว่าตัวเองอยู่ที่ไหน.....ทำไมรอบ ๆ ตัวมีแต่ป่า มองอะไรก็มืดไปหมด และเมื่อดูเวลาก็ประมาณทุ่มกว่า ๆ (แสดงว่าเดินโดยไม่รู้สึกตัวประมาณ 3 ชั่วโมง) โดยที่ไม่ได้รู้สึกเหนื่อย หรือหอบแม้แต่น้อย

บรรยากาศรอบๆ ตัวมืดมาก และมองอะไรไม่ค่อยเห็น เพราะรอบๆ มีแต่ต้นไผ่เต็มไปหมด แถมด้านบนมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมอยู่หนาแน่น เมื่อได้สติน้องคนนี้ก็เริ่มสำรวจตนเอง.....พบว่าเป้ที่สะพายข้างหลังก็ยังอยู่ดี แขนขายังอยู่ครบ -"-


ซักพักก็ตั้งสติคิดได้ว่าจะต้อง "รีบปีนต้นไม้"...เพราะกลัวว่าด้านล่างอาจจะมีสิงสาราสัตว์ออกหากินในตอนกลางคืนเข้ามาทำร้าย โดยคิดว่าจะใช้พระจันทร์ในการนำทาง เข้าใจว่าพระจันทร์ขึ้นทางด้านไหน ด้านนั้นคงเป็นทิศตะวันออก (แต่ไม่ได้คิดว่ามันมีข้างขึ้นข้างแรมเลยนะนั่น)

ซึ่งพอเดินคลำทางไปได้ซักพัก การเดินเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะต้องเดินเท้าเปล่า บวกกับโดนต้นไผ่กับพวกหนามบาดตามเนื้อตามตัว จนรู้สึกเจ็บไปทั้งมือและแขน (ทั้ง ๆ ที่ตอนที่เดินเข้าป่ามา....ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรทั้งนั้น)

น้องผู้ชายคนนี้เล่าให้ฟังต่อว่า....เมื่อมองไปด้านบนก็จะเห็นต้นไม้ใหญ่ปกคลุมไปหมด...แต่ไม่รู้ว่าโคนต้นมันอยู่ตรงไหนเพราะรอบๆ มีแต่ต้นไผ่กับหนามอะไรไม่รู้เต็มไปหมด แต่ซักพักก็เจอโคนต้นไม้ขนาดพอเหมาะต้นหนึ่ง ก็เลยรีบปีนขึ้นไปโดยไม่ลังเลใจ.....

เมื่ออยู่ด้านบนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว....ปรากฎว่าเป้ที่สะพายหลังเจ้ากรรม.
....ดันตกลงไปข้างล่าง (เหมือนในหนัง)......ซึ่งมันก็คิดว่า ยังไงซะ!! จะไม่ลงไปเก็บแน่นอน.....เพราะสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องล่างก็คือ.......

อะไรซักอย่าง.........ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แต่เป็นสีขาวๆ ผลุบไปผลุบมา....ยืนมองมาจากทางด้านล่าง.....ซึ่งไอ้น้องคนนี้ปกติมันก็ไม่เคยเชื่อเรื่องผีสางนางไม้อะไรอยู่แล้ว.....มันก็เลยพยายามเพ่งดูให้ชัดว่าตาฝาดไปรึเปล่า....หรือว่าจิตหลอนไปเอง.....

"ในใจก็ได้แต่คิดว่า....ถ้าเป็นเจ้าป่าเจ้าเขา...ก็ช่วยตามคนมาช่วยผมทีเถอะ"

และในระหว่างที่อยู่บนต้นไม้นั้น....ไอ้น้องนี่ก็ตะโกนไปเรื่อยๆ เพื่อว่าจะมีใครได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ จนราวๆ เกือบ 5 ทุ่ม....ทีมค้นหาก็ได้ยินเสียงตะโกนของน้องดังแว่วมาไกลๆ...

ซึ่งตอนนี้ก็เสียงก็เริ่มแหบและหิวน้ำมากๆ (แต่สิ่งที่ยังรออยู่ใต้ต้นไม้นั่นก็ยังวนเวียนไม่ยอมไปไหน) จนกระทั่งทีมค้นหาเริ่มจัดพิกัดของเสียงได้ และเริ่มพูดกันรู้เรื่อง

"น้อง !! อย่าลงจากต้นไม้นะ อยู่กับที่ เดี๋ยวหลง!! "

"ผมไม่ลงหรอก!!! มีใครก็ไม่รู้รออยู่ข้างล่าง!! " แต่ไม่รู้ว่าพวกเจ้าหน้าที่จะได้ยินหรือไม่......

ซักพัก...เมื่อทีมค้นหามาถึง....ก็วนอยู่แถวนั้นประมาณ 2-3 รอบ เพราะมองไม่เห็นต้นไม้ที่น้องอยู่ แต่น้องเห็นแสงจากไฟฉายของพวกเขาแล้ว ซึ่งมันก็รอจนพวกเจ้าหน้าที่มาที่โคนต้นไม้...จึงยอมลงมา และสิ่งที่ก่อนหน้านี้เห็นว่า สิ่งที่แว๊บไปแว๊บมาอยู่ด้านล่างนั้น อยู่ๆ ก็หายวับไปกับตาไม่เห็นวี่แวว

ซึ่งเมื่อลงมาถึง...ก็ไม่มีใครพูดอะไรกัน (ทีมนี้มาพร้อมกันกับเพื่อนของน้องอีก 3 คน) เจ้าหน้าที่บอกว่า.....ดีนะที่น้องหลงมาทางนี้...เพราะเดินอีกไม่ไกล (ประมาณ 2 ชม.) ก็จะถึงทางออกไปยังทุ่งเลี้ยงวัวของชาวบ้านแล้ว... โชคดีนะที่ไม่วิ่งตรงไปเรื่อยๆ ไม่งั้นมีหวังเข้าป่าลึกไปแล้ว......

"พี่ๆ ระหว่างที่ผมหาทางจะปีนต้นไม้.....ผมเห็นแสง...เหมือนแสงไฟนีออนตามบ้านคน...เห็นประมาณ 3 ที่" (ไม่ได้ถามถึงสิ่งที่รอมันอยู่ด้านล่างต้นไม้)


"หิ่งห้อยไงน้อง" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตอบ

"ผมไม่ใช่คนกรุงเทพฯ นะพี่......จะได้ไม่รู้ว่าหิ่งห้อยเป็นยังไงนะ....ผมคนอุบลฯ " (แต่ทำงานที่กรุงเท๊ป~)

"อ๋อ.....เห็ดเรืองแสงไงน้อง....แล้วได้เข้าไปดูใกล้ๆ ไม๊ล่ะ??" เจ้าหน้าที่อีกคนถาม โดยที่ทุกคนก็ไม่เคยรู้ว่าเห็ดเรืองแสงเป็นเช่นไร

"ไม่ได้เข้าไปดูครับ...ผมไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น" หมายความว่า.....ไม่ควรเชื่อสิ่งที่ตาเห็นในป่า เพราะแสงนั่นอาจจะหลอกให้เข้าใจผิด คิดว่าเป็นบ้านคน แล้วล่อให้เดินไปตามทางนั้น (ขนาดมีไฟฉายในกระเป๋าเป้ มันก็ยังไม่ใช้) เพราะกลัวว่าทางที่เห็น อาจจะไม่ใช่ทางออกจริงๆ

"ดีแล้วๆๆ" เจ้าหน้าที่ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกัน


แต่ก็ถูกของไอ้น้องคนนี้มัน.....เพราะมันกะว่า ถ้าตอนเช้ายังไม่มีใครตามหามันพบ...มันก็จะเดินไปตามทางที่พระอาทิตย์ขึ้นนี่แหล่ะ ซึ่งทางนั้นก็เป็นทางออกไปที่ทุ่งเลี้ยงวัว แต่ถ้าหากว่า....มันไม่เจอขอนไม้ท่อนนั้นขวางหน้าเอาไว้แล้วล่ะก็.....ตอนนี้อาจจะยังไม่มีใครหามันพบแล้วก็เป็นไปได้.....


เมื่อมาถึงทางออก ทางเจ้าหน้าที่ ที่เหลือได้ประสานงานให้นำรถมารับ น้องๆ กลุ่มนี้ที่ทุ่งเลี้ยงวัว (ระยะทางประมาณ 10 กว่ากิโล)

"ไอ้น้อง....แล้วไม่กลัวเหรอ....ร้องไห้ด้วยใช่ไม๊....พี่ได้ยินเสียงร้องไห้" เจ้าหน้าที่คนนึงพูดแซวขึ้น....

ไอ้น้องนี่ก็งง....ว่ายังไม่ทันได้ร้องไห้ซักกะแอะ...มีแต่ร้องตะโกนแหกปากปาวๆ ว่าอยู่ตรงนี้.....แต่เพื่อนๆ ยืนยันว่าได้ยินเสียงร้องไห้จริงๆ ในระหว่างทางที่มา.......

และสอบถามจากกลุ่มนักศึกษาผู้หญิงอีกกลุ่มนึง ที่เล่นน้ำอยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งน้องผู้หญิงคนนึงก็ได้เล่าว่า....ก่อนหน้านี้....ไอ้น้องคนนี้เข้ามาคุยด้วย และก็เล่นน้ำด้วยกัน....แล้วอยู่ๆ ก็เห็นว่าหันไปคุยกับใครก็ไม่รู้ด้านหลัง!!!.....

แต่ไอ้น้องคนนี้ก็ยังยืนยันว่า....ผมก็คุยกับน้องผู้หญิงกลุ่มนี้นั่นแหล่ะ...แล้วจะไปรู้ได้ยังไงว่ามีใครเกินมา (เหอๆๆ)...

สรุปได้ก็คือ.....เจ้าหน้าที่ของทางอุทายานน่ารักมากๆ ไม่ได้กล่าวตำหนิไอ้น้องนี่ซักคำ ได้แต่บอกว่าโชคดีแล้วที่หาเจอ ซึ่งคนที่ได้ฟังต่างก็เข้าใจว่า.....

1. มันอาจจะโดน....เจ้าแม่หรือเจ้าพ่องูจงอาง แถวนั้นหลอกพาตัวไป....เพราะดันไปฉิ๊งฉ่องโดยไม่ได้ขออนุญาติ....ซึ่งการที่มันวิ่งเข้าป่าไป 3 ชม. แล้วไปได้ไกลเป็น 10 กิโล ในป่าไผ่....โดยไม่รู้สึกเหนื่อย หรือโดนหนามบาด (เหมือนมีคนนำทางไป)

2. มันเดินไปได้ยังไงโดยไม่รู้สึกตัว ซึ่งมันควรจะเดินเหยียบหนาม ไม่ก็โดนหนามบาด...ซึ่งมันก็น่าจะรู้สึกตัวบ้าง....จริงไม๊คะ?? แต่หน้าตามันไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่น้อยเลยนะคะ แผลที่ได้ก็หลังจากตอนที่มันเดินหาทางปีนต้นไม้นั่น

3. สิ่งที่อยู่ด้านล่างต้นไม้ อาจจะเป็นเจ้าป่าเจ้าเขา ที่คอยช่วยเฝ้ามันเอาไว้ไม่ให้ใครไปเอาตัวมันลงมาได้ หรือเปล่า?? เพราะมันบอกว่าไม่ได้รู้สึกกลัวสิ่งที่เห็นแม้แต่นิดเดียว แต่กลัวว่าจะไม่มีใครตามหามันพบมากกว่า

4. ทฤษฏีการหลงป่า....หาที่โล่งแล้วจุดไฟ...ไม่น่าจะใช้ได้ผล....เพราะในตัวไม่มีไฟแช็ค และทางก็ไม่ได้เป็นที่โล่ง (ไม่มีทางเดินเลยด้วยซ้ำ) ใช้ได้อย่างเดียวคือ...ปีนขึ้นที่สูง *0*




ปล. เข้าป่าทุกครั้ง.....อย่าฉิ๊งฉ่องไม่เป็นที่นะจ๊ะ~!!
ปล.2 ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ของอุทยานภูพานและพี่ ๆ ทหารพรานทุกท่าน....ที่ตามหาไอ้น้องคนนี้จนเจอค่ะ ^_^





Create Date : 17 มิถุนายน 2551
Last Update : 1 กรกฎาคม 2551 22:00:09 น. 14 comments
Counter : 3479 Pageviews.

 
เคยมีคนเล่าให้ฟังเหมือนกันค่ะ แต่ฉี่แล้วไม่ได้หลงป่าแต่กลับเป็นว่าไข้ขึ้นโดยไม่มีสาเหตุพร้อมทั้งไอ้ตรงที่ฉี่ก็บวมขึ้น ไปหาหมอ หมอก็ได้แต่ส่ายหน้า

จนสุดท้ายไปหาหมอเข้าทรง เค้าถามว่า "เอ็งเคยไปทำอะไรที่ใต้ต้นไม้ที่เค้าอาศัยอยู่รึเปล่าวะ รู้มั้ยเค้าโกรธมาก" จากนั้นคนที่ฉี่ก็นึกขึ้นได้เลยไปจุดธูปขอขมา แล้วอาการป่วยก็ค่อยๆ ดีขึ้นค่ะ

ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน แต่ก็น่ากลัวและไม่น่าลบหลู่ด้วยค่ะ


โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 17 มิถุนายน 2551 เวลา:16:26:35 น.  

 
อ่า น่ากลัวเหมือนกันนะคะ
ในป่ามีอะไรลึกลับพอสมควร
แถมเป็นสิ่งที่มักจะอยู่เหนือธรรมชาติซะด้วย
แต่โชคยังดีนะคะ ที่น้องคนนี้เค้าไม่เป็นอะไร
อ่านแล้วทำเอาเราไม่กล้าเที่ยวป่าเลยอ่ะ


โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 17 มิถุนายน 2551 เวลา:17:16:16 น.  

 
น่ากลัวเหมือนกันนะคะ
เราก็กลัวความลึกลับของป่าอ่ะ




โดย: กำปงพิราเทวี วันที่: 17 มิถุนายน 2551 เวลา:17:46:03 น.  

 

ตอนไปเที่ยวป่ากับเพื่อน ตอนเดินก็เดินแตกกลุ่มออกไป
( ยังเดินห้างแน่ะเรา ) เพราะคิดว่า เดี๋ยวทางคงบรรจบกัน แต่ปรากฎว่า ยิ่งเดินยิ่งแย่ ไปคนละเส้นเลย

เพื่อนๆ พยายามเรียกหา กว่าจะเจอกัน ขวัญเสียลุ้นแทบแย่ ตั้งแต่นั้นมา ถ้าเดินเข้าป่า จะเดินเกาะกล่มไม่ไปไหนอีกเลย เข็ดจนตาย


โดย: มาเฟียหัวใจง้องแง้ง วันที่: 17 มิถุนายน 2551 เวลา:18:16:05 น.  

 
โชคดีแล้วที่ไม่เป็นอะไร
แต่เรื่องที่เกิดมันน่ากลัวนะเนี้ย


โดย: พี่เอง IP: 124.120.93.52 วันที่: 17 มิถุนายน 2551 เวลา:21:08:55 น.  

 
น่ากลัวอะคะ..ดีที่น้องเค้าไม่เป็นไรเป็นเรา...บรื๋อ....


โดย: รุดา วันที่: 17 มิถุนายน 2551 เวลา:23:00:42 น.  

 
ป่าที่พูพานหรอคะ..

ทราบแล้วจาได้ไม่ไปที่นั่นอ่ะ

น่ากลัวมากๆ (-_-!!)


โดย: นก IP: 118.174.3.22 วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:9:52:26 น.  

 
ได้ฟังว่าป่าภูพาน เลยเข้ามาดู ที่นั่นสิ่งศักสิทธิ์เยอะค่า โชคดีมากๆที่ไม่เปนไร


โดย: Kute_Ma_Maew วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:40:07 น.  

 
เราจะไม่ไปเลยเพระเรากลัวมาก
ขอบคุณนะที่นำมาเล่าไห้ฟัง
พี่โชคดีมากนะที่ออกมาได้
กลัวผีทีสูดดดดดดดดดดด............


โดย: ตาล IP: 202.149.25.241 วันที่: 17 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:11:59 น.  

 
สิ่งที่น้องได้พบได้เห็นผมเชื่อว่าเห็นจริง เพราะสิ่งที่น้องเค้าเห็นโยมหรือพระที่บำเพ็ญ ตามป่าเขา เค้าเห็นกันจนชิน เรียกว่ายังพอมีวาสนาที่ดีติดตามตัวมา ให้อุทิศบุญกุศลให้เค้าซะ เค้าซึ่งเคยผูกพันธ์กันมาจึงมาปรากฏตัวให้ได้เห็น แต่ญาติโยมไม่เข้าใจ เท่านั้น


โดย: ค้นหา IP: 124.121.233.92 วันที่: 15 สิงหาคม 2551 เวลา:11:36:13 น.  

 
น่ากลัวอ่ะ


โดย: The eye of earth วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:14:14:02 น.  

 
ดีคับ ชอบแนวนี้คับ คนจะได้รักธรรมชาติขึ้น


โดย: Cybertics วันที่: 15 พฤศจิกายน 2551 เวลา:3:41:44 น.  

 
โอ้ กลัวการเดินป่าไปเลย


โดย: กล้วยหอมรสนม วันที่: 30 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:52:30 น.  

 
เคยไปค่ะ ก็ค่อนข้างน่ากลัวเหมือนกัน นี่แค่ไปตอนกลางวันนะ มีแต่ป่า และก็ต้นไม้เยอะมาก ๆๆๆ


โดย: sakura_spy IP: 203.144.139.226 วันที่: 19 ธันวาคม 2551 เวลา:10:24:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

RabbitRose
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ติดต่อ RabbitRose ทางเฟสบุ๊คจะสะดวกรวดเร็วที่สุดค่ะ
Friends' blogs
[Add RabbitRose's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.