เมื่อความรักมาบรรจบ...ความสุขก็เริ่มต้นขึ้น
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
30 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
วิญญาณ....ในห้องพักที่ "แม่สาย"







เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวดิฉันเองค่ะ (เริ่มเรื่องเลยก็แล้วกันเนอะ) อาจจะเหมือนอ่านบันทึกการเดินทางนิ๊ดนุงนะคะ

เรื่องก็มีอยู่ว่า......ดิฉันกับคุณแม่ และแฟนของดิฉัน เราไปเที่ยวด้วยกันในช่วงปีใหม่ที่จังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่ 5 วัน 4 คืน(ประมาณปีที่แล้วนี้เองค่ะ) ซึ่งที่เที่ยวส่วนใหญ่ก็จะเน้นไปที่ "ดอย" ต่างๆ (ที่ๆ มันทุรกันดารมากๆๆๆ แต่วิวก็สวยมากๆๆๆ เช่นกัน)

ดิฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจกับทัวร์นี้จริงๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนๆ ของคุณแม่ ที่ค่อนข้างมีอายุแล้วทั้งนั้น (ทัวร์คนแก่ว่างั้นเถอะ -"-) แต่ละที่ ๆ เราไป ขอบอกเลยว่าไม่ธรรมดา หมายถึงการเดินทาง....บางที่รถตู้ไม่สามารถเข้าถึง.....ต้องใช้รถโฟร์วิวตะกายขึ้นไปยังที่พักบนภูเขา "ไปดูทะเลหมอก" (ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าจำชื่อสถานที่ไม่ได้) รู้แต่ว่า Adventure สุดๆ

มีที่นึงที่ดิฉันค่อนข้างประทับใจ คือสถานที่แห่งนี้.....สมเด็จพระราชินีเสด็จทุกปี เพื่อทรงเยี่ยมประสกนิกรของพระองค์ และส่งเสริมพัฒนาการปลูกไม้เมืองหนาวต่างๆ

....ดิฉันก็คิดว่า งั้นที่นี่ทางก็คงไม่โหดร้ายกับที่ๆ ผ่านมา (ที่เวลานั่งรถต้องนั่งเฉยๆ ห้ามกระดุกกระดิก.....เพราะถ้าขยับเมื่อไหร่....."อ๊วก" ทันที....เวียนหัวสุดๆ) แต่หนทางที่เจอกลับเป็นเหมือนเดิม คือเส้นทางทุรกันดานมาก หนักกว่าที่เคยเจออีกตะหาก และก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่า........สมเด็จพระนางเจ้าฯ เสด็จมาโดย "เฮริคอปเตอร์" (ไม่ใช่รถยนต์อ่ะค่ะ) *0*

เมื่อเดินทางไปถึง......โอ้แม่เจ้า!!! ไม่ได้แตกต่างจากที่อื่นๆเล๊ยยยยย แถมเวลาขับรถขึ้นมา ต้องขึ้นทีละคันอีก (เพราะฝุ่นหนาฟุ้งมากๆ)

แต่ขอบอกว่าคุ้มค่ามากๆ ที่ได้มาค่ะ เจ้าหน้าที่ ๆ ดูแลของที่นี่ เขานำกระหล่ำปลีมาให้ทัวร์คนแก่ของเรา (อย่านับดิฉันเข้าไปด้วย) ได้ทานกัน พูดได้เลยว่า ไม่เคยทานกระหล่ำปลีที่ไหนอร่อยเท่านี้มาก่อนในชีวิต.....มันทั้งกรอบทั้งหวานแถมเย็นชื่นใจ เหมือนผักที่เอาไปแช่น้ำแข็งก่อนเสริฟ (ขนาดกินเปล่าๆ ยังอร่อยสุดๆ) แต่พอดีกินกับส้มตำเลยยิ่งอร่อยเพิ่มขึ้นไปอีก

อ่าว....เวรกรรม....การเป็นบรรยายที่เที่ยวไปแล้วซะงั้น.....วกกลับเข้าเรื่องเลยก็แล้วกันนะคะ คือคณะทัวร์ของเรา ก็ไปพักตามที่ต่างๆ ซึ่งก่อนนอนทุกครั้งคุณแฟนกับคุณแม่ของดิฉันอีกนั่นแหล่ะ จะต้องสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนทุกคืน เพื่อขออนุญาติเจ้าที่เจ้าทาง เจ้าป่าเจ้าเขา และสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลาย จะมีก็แต่คนขี้เกียจแบบดิฉัน กราบหมอนเสร็จก็กลิ้งตัวลงนอนซะอย่างนั้นแหล่ะ "บอกสั้นๆ ว่าขอให้ฝันดี" แล้วก็หลับสนิท ซึ่งปกติก็ทำแบบนี้ทุกที่จนมาถึงที่แม่สายในคืนสุดท้าย........

เรามาพักที่แม่สาย เพื่อว่าพรุ่งนี้เช้าจะข้ามด่านไปประเทศพม่ากันทั้งคณะ ซึ่งที่ ๆ เรามาพักนี้เป็นคอนโดฯ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวมาพักค้างคืนได้ค่ะ หลังจากที่หัวหน้าทั้วร์แจกจ่าย key card แบ่งห้องให้กับทุก ๆ คนเสร็จเรียบร้อย ต่างคนก็ต่างแยกกันขึ้นห้องพักตามปกติ ดิฉันกับคุณแฟน และคุณแม่พักห้องเดียวกัน 3 คนค่ะ

.....พอเราเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหล่ะ......ความรู้สึกแปลกๆ ก็เกิดขึ้น.....มันแปลกๆ แบบบอกไม่ถูก และไม่ใช่ว่าดิฉันจะรู้สึกคนเดียวนะคะ......ทุกคนรู้สึกเหมือนกัน ว่าห้องนี้มันมีอะไรไม่ชอบมาพากล....แต่ทุกคนก็ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ได้แต่มองหน้ากันแล้วทำตาปริบๆ แบบเราเข้าใจกัน....

คือปกติดิฉันจะนอนเตียงเดียวกับคุณแม่ ส่วนคุณแฟนจะนอนอีกเตียงนึง แต่คราวนี้ทุกคนลงความเห็นว่า.....เราน่าจะเลื่อนเตียงมาชิดกันดีกว่าไม๊

จากนั้นเราลงไปกินข้าวเย็นกัน แล้วก็เอ้อระเหยเดินซื้อของอยู่แถวๆ นั้นจนประมาณ 3 ทุ่มกว่าเห็นจะได้ เพราะทุกคนคิดเหมือนกันว่าไม่อยากกลับไปนอนในห้อง แต่จะทำยังไงได้ เพราะจะขอแลกห้องกับคนอื่น ก็กลัวเขาหาว่าเรื่องมาก ยิ่งถ้าบอกว่ากลัวผียิ่งแล้วใหญ่คงจะไม่มีใครยอมแลกห้องกับเราแน่ๆ

สุดท้ายเราก็ทำใจกลับมาที่ห้องอีกครั้ง ยังไงๆ ก็มีกันตั้ง 3 คน....จะเป็นไรไป.....เมื่อกลับมาถึงสภาพห้องก็ยัง (น่ากลัว) เหมือนเดิม ดิฉันอาบน้ำเป็นคนสุดท้าย....ด้วยอาการหวาดผวา....ไม่ว่าจะเสียงเครื่องปั๊มน้ำที่ส่งเสียงโหยหวน ไหนจะคุณแฟนที่แสนดี คอยแกล้งแหย่......ทำเสียงประกอบเพลง ทำนองชมรมขนหัวลุกในระหว่างที่ดิฉันอาบน้ำ......จนคุณแม่ดิฉันยังอดขำไม่ได้

แล้วอยู่ๆ ก็มีสียงคนมาเคาะห้อง....ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก คุณแฟนก็เข้าใจว่าเป็นพวกป้าๆ ในคณะทัวร์มาเคาะ ก็เลยจะรีบจะไปเปิดประตู....แต่คุณแม่ห้ามเอาไว้...และบอกให้ดูที่ตาแมวก่อน ว่าใครมา??

ปรากฏว่า.......ไม่มีใครที่ด้านนอก ซึ่งก็เป็นแบบนี้ประมาณ 3 ครั้ง.....ทุกคนจึงสรุปเอาเองว่า...คงจะเป็น...................


"เสียงลม".....(เหอะๆๆ)


จนในที่สุดทุกคนก็เข้านอนโดยที่มีดิฉันนอนอยู่ระหว่างกลาง และเปิดทีวีทิ้งไว้ (ด้วยความเชื่อที่ว่า.....คลื่นโทรทัศน์จะรบกวนคลื่นวิญญาณ ทำให้วิญญาณปรากฏตัวได้ยาก) แน่นอนค่ะ....คืนนี้ดิฉันไม่พลาด....ที่จะสวดมนต์แบบ Full option (คือแบบสวดแบบมี อิติปิโสฯ พร้อมกับแผ่เมตตาแถมให้ด้วย)

และแล้ว.....ดิฉันก็รู้สึกเหมือนกับครึ่งหลับครึ่งตื่น.....ซักพัก...อยู่ๆ ก็มี....ผู้หญิงผมยาวแต่รวบไว้ด้านหลังเป็นหางม้า ผิวขาว หน้าตาเหมือนหญิงสาวชาวเหนือทั่วๆ ไป เธอค่อยๆ ขยับมานั่งอยู่ที่ปลายเตียง พร้อมกับชวนดิฉันคุย..........

เธอบอกว่า....เธอตายที่นี่......และอยากมาคุยด้วย พร้อมกับยิ้มให้ เหมือนคนคุยกันธรรมดาทั่วไป.... (แต่ดิฉันไม่คิดว่ามันธรรมดา....) ถึงแม้จะมาแบบไม่น่ากลัวก็เถอะ....แต่เกิดพี่แกเปลี่ยนใจ....อยากจะมีโชว์ให้ ดูเผื่อว่าจะไม่เชื่อ แล้วจะว่ายังไง.....คิดได้ดังนั้นดิฉันก็เริ่มตั้ง "นะโม" ในใจ.....แค่นั้นดิฉันก็หลุดจากภวังค์ ลืมตาใสแจ๋ว......หันไปมองทางคุณแม่.....

อ่าว.....คุณแม่ก็นอนลืมตามองมาทางดิฉันเหมือนกัน.....ต่างคนต่าง งงๆ....ว่าลืมตามาดูกันทำไม.....(แต่เหมือนรู้กันยังไงไม่รู้) ดิฉันเลยยิงคำถามไปก่อน "กี่โมงแล้วเนี่ย""......ตาก็เหลือบไปดูเวลา....โอ้ว....ตี 3!!! รู้สึกว่าโชคดีที่เปิดทีวีกับไฟทิ้งไว้.......ซักพักคุณแม่ก็บอกว่า "นอนเถอะ"

ซักประเดี๋ยวคุณแฟนก็ตื่นเหมือนกัน....แล้วก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ....จากนั้นเรา 3 คนก็มองหน้ากัน (อีกแล้ว) และทั้งหมดก็ตัดสินใจนอนต่อ......จนถึงเช้าโดยไม่พูดอะไรกันอีก

ตอนเช้าเราก็ออกไปทานข้าวที่ตลาด โดยต่างคนต่างเล่าถึงเรื่องเมื่อคืนนี้....และมั่นใจว่า....."ของจริงแน่นอน"

เริ่มจากคุณแฟน ซึ่งปกติเป็นคนไม่กลัวผีอยู่แล้ว คุณแฟนเล่าว่า....เมื่อคืนเขาเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น แล้วก็เห็นผู้ชายจ้องเข้ามาจากทางหน้าต่าง จากนั้นผู้ชายคนนั้นก็ (ลอย) ผ่านไปยังห้องข้าง ๆ (ซึ่งข้างนอกไม่มีระเบียงเน้อ)
แต่คุณแฟนก็คิดว่า คงเป็นเพราะกังวลมากไปทำให้เก็บไปฝัน

ส่วนคุณแม่.....อันนี้เห็นจะๆ คุณแม่เห็นเป็นเงาผู้ชายดำปิ๊ดปี๊ ตัวสูงเกือบเท่าเพดาน......ยืนอยู่ติดกับตู้เสื้อผ้าแล้วจ้องมองมา.....(-"- จะจ้องทำไมกันน๊า) คุณแม่ก็เริ่มสวดมนต์.......แต่เขาก็ยังไม่หายไป.....จนกระทั่งดิฉันตื่นขึ้นมานั่นแหล่ะ คุณแม่ถึงได้บอกว่าเขาค่อย ๆ หายไป

จากนั้นพอกินข้าวเช้าเสร็จ เราก็เอา Key card มาคืนที่ Reception ของทางคอนโดฯ แล้วพยายามจะหลอกถามเขาว่า ห้องที่เราพักมีผีรึเป่า??? (ถามไปตรงๆ เค๊าก็คงจะบอกหรอกนะ )

"ไม๊มี๊!!! ไม่มีครับ.....ว่าแต่พวกคุณเจออะไรเหรอครับ ??" (แต่น้ำเสียงกับท่าทางของคนพูดนั้น มันบ่งบอกว่ามีอะไรแปลกๆที่นี่ซักอย่าง)

"เจอผีค่ะ !! " ดิฉันบอกเขาไปแบบนั้น แล้วเราก็ออกจากที่นั่น โดยทิ้งให้เขาหวาดผวาเล่นแก้เซ็ง

สุดท้าย.....ก็ไม่รู้อยู่ดี....ว่าห้องนั้นมีอะไรผิดแปลกไปจากห้องอื่น ๆ (เพราะห้องอื่นไม่เจอ) พวกเราได้แต่คิดว่า....เราเองก็คงไม่อยากจะรู้เท่าไหร่ว่าจริง ๆ มีอะไรเกิดขึ้นในห้องนั้น แต่พวกเราก็ไม่ลืมที่จะบอกในใจว่า....

"ไม่ต้องตามมานะ" เพราะกลัวเขาจะขอติดไปด้วยนั่นเอง~ ^_^


ปล. แวะเข้ามาแชร์ประสบการณ์สยองขวัญได้ที่นี่นะคะ

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=rabbitrose&month=31-01-2008&group=9&gblog=1


Create Date : 30 พฤษภาคม 2551
Last Update : 13 สิงหาคม 2552 15:14:38 น. 0 comments
Counter : 12095 Pageviews.

RabbitRose
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ติดต่อ RabbitRose ทางเฟสบุ๊คจะสะดวกรวดเร็วที่สุดค่ะ
Friends' blogs
[Add RabbitRose's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.