เมื่อความรักมาบรรจบ...ความสุขก็เริ่มต้นขึ้น
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
7 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

ไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus)





ข้อมูลจาก: //www.siamhealth.net
ขอขอบคุณที่เอื้อเฟื้อข้อมูลค่ะ


ไข้หวัดใหญ่ Influenza virus

ไข้หวัดใหญ่เป็นการติดเชื้อ Influenza virus เป็นการติดเชื้อทางเดินระบบหายใจ เชื้ออาจจะลามเข้าปอดทำให้เกิดปอดบวม ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดศรีษะ ปวดตามตัวปวดกล้ามเนื้อมาก จะพบมากทุกอายุโดยเฉพาะในเด็กจะพบมากเป็นพิเศษ แต่อัตราการเสียชีวิตมักจะพบมากในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคตับ โรคไต เป็นต้น การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด สามารถลดอัตราการติดเชื้อ ลดอัตราการนอนโรงพยาบาล ลดโรคแทรกซ้อน ลดการหยุดงานหรือหยุดเรียน

สำหรับไข้หวัดเป็นการติดเชื้อไวรัส ผู้ป่วยจะมีอาการน้ำมูกไหล ไข้ไม่สูงมาก

ในปี คศ.2003 ได้มีการแนะนำเรื่องไข้หวัดใหญ่ดังนี้

1. ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฉีดวัคซีนคือเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน(เนื่องจากเชื้อนี้มักจะระบาดในต่างประเทศ หากประเทศเราจะฉีดก็น่าจะเป็นช่วงเดียวกัน) โดยเน้นไปที่ประชาชนที่มีอายุ 50 ปี,เด็กอายุ 6-23 เดือน,คนที่อายุ 2-49 ปีที่มีโรคประจำตัวกลุ่มนี้ให้ฉีดในเดือนตุลาคม ส่วนกลุ่มอื่น เช่นเด็ก เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ผู้ดูแลคนป่วย กลุ่มนี้ให้ฉีดเดือนพฤศจิกายน

2.เด็กที่อายุ 6-23 เดือนควรจะฉีดทุกรายโดยเฉพาะเด็กที่มีโรคประจำตัวร่วมด้วย

3.ชนิดของวัคซีนที่จะฉีดให้ใช้ชนิดที่มีส่วนผสมของเชื้อ A/Moscow/10/99 (H3N2)-like, A/New Caledonia/20/99 (H1N1)-like, และ B/Hong Kong/330/2001 ให้ลดปริมาณสาร thimerosal ซึ่งเป็นสารปรอท

การติดต่อ

เชื้อนี้ติดต่อได้ง่ายโดยทางเดินหายใจ วิธีการติดต่อได้แก่

- ติดต่อโดยการไอหรือจาม เชื้อจะเข้าทางเยื่อบุตาและปาก
- สัมผัสเสมหะของผู้ป่วยทางแก้วน้ำ ผ้า จูบ
- สัมผัสทางมือที่ปนเปื้อนเชื้อโรค

อาการของโรค

- ระยะฟักตัวประมาณ1-4 วันเฉลี่ย 2 วัน
- ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลียอย่างเฉียบพลัน
- เบื่ออาหาร คลื่นไส้
- ปวดศรีษะอย่างรุนแรง
- ปวดแขนขา ปวดข้อ ปวดรอบกระบอกตา
- ไข้สูง 39-40 องศา
- เจ็บคอคอแดง มีน้ำมูกไหล
- ไอแห้งๆ ตาแดง
- อาการไข้ คลื่นไส้อาเจียนจะหายใน 2 วัน แต่อาการน้ำมูกไหลคัดจมูกอาจจะอยู่ได้ 1 สัปดาห์
- สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรงมักจะเกิดในผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัว อาจจะพบว่ามีการอักเสบของเยื่อหุ่มหัวใจ ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยหอบ
- อาจจะมีเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ผู้ป่วยจะปวดศรีษะ ซึมลง หมดสติ
- ระบบหายใจอาจจะมีอาการของโรคปอดบวม จะหอบหายใจเหนื่อยจนถึงหายใจวาย

โดยทั่วไปไข้หวัดใหญ่จะหายในไม่กี่วัน แต่ก็มีบางรายซึ่งอาจจะมีอาการปวดข้อและไอได้ถึง 2 สัปดาห์

ระยะติดต่อ

ระยะติดต่อหมายถึงระยะเวลาที่เชื้อสามารถติดต่อไปยังผู้อื่น

ระยะเวลาที่ติดต่อคนอื่นคือ 1 วันก่อนเกิดอาการ
ห้าวันหลังจากมีอาการ
ในเด็กอาจจะแพร่เชื้อ 6 วันก่อนมีอาการ และแพร่เชื้อได้นาน 10 วัน

การวินิจฉัย

การวินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่จะอาศัยระบาดวิทยาโดยเฉพาะช่วงที่มีการระบาด และอาการของผู้ป่วย การวินิจฉัยที่แน่นอนต้องทำการตรวจดังนี้

- นำเอาเสมหะจากจมูกหรือคอไปเพาะเชื้อไวรัส
- เจาะเลือดผู้ป่วยหาภูมิ 2 ครั้งโดยครั้งที่สองห่างจากครั้งแรก 14 วัน
- การตรวจหา Antigen
- การตรวจโดยวิธี PCR,Imunofluorescent

โรคแทรกซ้อนที่สำคัญ

ผู้ป่วยอาจจะมีอาการกำเริบของโรคที่เป็นอยู่ เช่นหัวใจวาย หรือหายใจวาย
มีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำ เช่น ปอดบวม ฝีในปอด
เชื้ออาจจะทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

การรักษา

ผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ส่วนใหญ่จะหายเอง หากมีอาการไม่มากอาจจะดูแลเองที่บ้าน วิธีการดูแลมีดังนี้

- ให้นอนพักไม่ควรจะออกกำลังกาย
- ให้ดื่มน้ำเกลือแร่หรือดื่มน้ำผลไม้ ไม่ควรดื่มน้ำเปล่ามากเกินไปเพราะอาจจะขาดเกลือแร่
- รักษาตามอาการ หากมีไข้ให้ใช้ผ้าชุมน้ำเช็ดตัว หากไข้ไม่ลงให้รับประทาน paracetamol ไม่แนะนำให้ aspirinในคนที่อายุน้อยกว่า 20 ปีเพราะอาจจะทำให้เกิดกลุ่มอาการที่เรียกว่า Reye syndrome ถ้าไอมากก็รับประทานยาแก้ไอ แต่ในเด็กเล็กไม่ควรซื้อยารับประทาน

- สำหรับผู้ที่เจ็บคออาจจะใช้น้ำ 1 แก้วผสมเกลือ 1 ช้อนกรวกคอ
อย่าสั่งน้ำมูกแรงๆเพราะอาจจะทำให้เชื้อลุกลาม
- ในช่วงที่มีการระบาดให้หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์สาธรณะ ลูกบิดประตู
- เวลาไอหรือจามต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูก
- ช่วงที่มีการระบาดให้หลีกเลี่ยงสถามที่สาธารณะ

ผู้ป่วยควรจะพบแพทย์เมื่อไร

แม้ว่าไข้หวัดใหญ่จะหายได้เอง แต่ผู้ป่วยบางรายมีโรคแทรกซ้อน ดังนั้นหากมีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์

ผู้ป่วยเด็กควรปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการดังต่อไปนี้

- ไข้สูงและเป็นมานาน
- ให้ยาลดไข้แล้วไข้ยังเกิน 38.5องศา
- หายใจหอบหรือหายใจลำบาก
- มีอาการมากกว่า 7 วัน
- ผิวสีม่วง
- เด็กดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารไม่พอ
- เด็กซึม หรือไม่เล่น
- เด็กไข้ลด แต่อาการไม่ดีขึ้น

สำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นไข้หวัดใหญ่หากมีอาการดังต่อไปนี้ให้พบแพทย์

- ไข้สูงและเป็นมานาน
- หายใจลำบาก หรือหายใจหอบ
- เจ็บหรือแน่นหน้าอก
- หน้ามืดเป็นลม
- สับสน
- อาเจียน รับประทานอาหารไม่ได้

กลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้ถือเป็นกลุ่มที่เสี่งต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน ควรจะพบแพทย์เมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่

- ผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น โรคตับ โรคหัวใจ โรคไต โรคปอด
- คนท้อง
- คนที่มีอายุมากกว่า 65 ปี
- ผู้ป่วยโรคเอดส์
- ผู้ที่พักในสถาพเลี้ยงคนชรา

ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่มีอาการเหล่านี้ควรจะรักษาในโรงพยาบาล

- มีอาการขาดน้ำไม่สามารถดื่มน้ำได้อย่างเพียงพอ
- เสมหะมีเลือดปน
- หายใจลำบาก หายใจหอบ
- ริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีม่วงเขียว
- ไข้สูงมากเพ้อ
- มีอาการไข้และไอหลังจากไข้หวัดหายแล้ว

การรักษาในโรงพยาบาล

- แพทย์จะให้น้ำเกลือสำหรับผู้ที่ดื่มน้ำไม่พอ
- ผู้ป่วยเหล่านี้ควรจะได้รับยา Amantadine หรือ rimantidine เพื่อให้หายเร็วและลดความรุนแรงของโรค ควรจะให้ใน 48 ชมหลังจากมีไข้ และให้ต่อ 5-7 วัน ยานี่ไม่ได้ลดโรคแทรกซ้อน
- ให้ยาลดน้ำมูกหากมีน้ำมูก
- ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนไม่ควรให้ยาปฎิชีวนะ
- ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการจะหายใน 2-3 วันไข้จะหายใน 7 วันอาการอ่อนเพลียอาจจะอยู่ได้ 1-2 สัปดาห์

การป้องกัน

- ล้างมือบ่อยๆ
- อย่าเอามือเข้าปากหรือขยี้ตา
- อย่าใช้ของส่วนตัว เช่นผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ร่วมกับผู้อื่น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย
- ให้พักที่บ้านเมื่อเวลาป่วย
- เวลาไอจามใช้ผ้าปิดปากปิดจมูก

การฉีดวัคซีน

การป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน ซึ่งทำจากเชื้อที่ตายแล้วโดยฉีดทีแขนปีละครั้ง หลังฉีด 2 สัปดาห์ภูมิจึงขึ้นสูงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อ แต่การฉีดจะต้องเลือกผู้ป่วยดังต่อไปนี้

- ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัวเช่น โรคไต โรคหัวใจ โรคตับ
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- ผู้ป่วยโรคเอดส์
- หญิงตั้งครรภ์ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป และมีการระบาดของไข้หวัดใหญ่
- ผู้ที่อาศัยในสถานเลี้ยงคนชรา
- เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง
- นักเรียนที่อยู่รวมกัน
- ผู้ที่จะไปเที่ยวยังที่ระบาดของไข้หวัดใหญ่
- ผู้ที่ต้องการลดการติดเชื้อ

การใช้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่เพื่อรักษา

Amantadine and Ramantadine เป็นยาที่ใช้ในการป้องกันและรักษาไวรัสไๆข้หวัดใหญ่ชนิด A ไม่ครอบคลุมชนิด B Zanamivir Oseltamivir เป็นยาที่รักษาได้ทั้งไวรัสไข้หวัดใหญ่ทั้งชนิด A,B

การให้ยาภายใน 2 วันหลังเกิดอาการจะลดระยะเวลาเป็นโรค
จะใช้ยารักษาไข้หวัดกับคนกลุ่มใด


เราจะใช้ยากับคนกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ และยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และอยู่ในช่วงที่มีการระบาดของโรคกลุ่มที่ควรจะได้รับยารักษาได้แก่

- คนที่อายุมากกว่า 65 ปี
- เด็กอายุ 6-23 เดือน
- คนท้อง
- คนที่มีโรคประจำตัว เช่นโรคไต โรคตับ โรคหัวใจ
- การให้ยาเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่

ยาที่่ได้รับการรับรองว่าใช้ป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้แก่ Amantadine Ramantadine Oseltamivir วิธีการป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน แต่ก็มีบางกรณีที่จำเป็นต้องให้ยาเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่

- ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับวัคซีนไม่ทัน ทำให้ต้องได้รับยาในช่วงที่มีการระบาดของโรค
- ผู้ที่ดูดแลกลุ่มเสี่ยงและไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ควรจะได้รับยาในช่วงที่มี
การระบาดของโรค
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันไม่ดี เช่นโรคเอดส์
- กลุ่มคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนและไม่อยากเป็นโรค

เชื้อที่เป็นสาเหตุได้แก่

Family Orthomyxoviridae
Genus: Influenza
ตัวเชื้อมีขนาด 80-120 nm
ลักษณะเป็น filament Types: A, B, and C

การจำแนกชนิดของเชื้ออาศัย antigen ซึ่งอยู่ที่เปลือก(virus envelope) และแกนกลาง ( nucleoprotein )

- Influenza A virus ทำให้เกิดโรคในคน สัตว์ปีก หมู ม้า สัตว์ทะเล แต่สัตว์ป่าจะเป็นพาหะของโรค

- Influenza B virus เกิดโรคเฉพาะในคน

- Influenza C virus ทำให้เกิดโรคในคนและม้า แต่เป็นอย่างไม่หนัก

การระบาดของไข้หวัดนกส่วนใหญ่เกิดเชื้อชนิด Type A

- ที่เปลือกของเชื้อยังมี antigen อีกสองชนิดคือ Hemagglutinin(H )และ neuraminidase(N)

- Influenza A virus จะมี H antigen อยู่ 15 ชนิดคือ H1-H15,ส่วน N antigen มีอยู่ 9 ชนิดคือ N1-N9 เชื้อชนิด H5,H7 จะเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดการระบาดอย่างรุนแรง

- Influenza B virus จะเกิดโรคเฉพาะในคน เชื้อนี้จะทำให้เกิดการระบาดเป็นครั้งๆ แต่ไม่ทำให้เกิดการระบาดไปทั่วโลกเหมือน type A

- Influenza C virus ไม่มีการแบ่ง antigen ทำให้เกิดโรคอย่างเบาในคน ไม่มีการระบาด

Type: Influenza A

ไวรัสชนิดนี้จะเป็นสาเหตุของการระบาดในคน
การระบาดของไข้หวัดนกทั่วโลกเกิดจากเชื้อตัวนี้
จะมี H antigen อยู่ 15 ชนิดคือ H1-H15 ส่วน N antigen มีอยู่ 9 ชนิดคือ N1-N9

เมื่อเร็วๆนี้เชื้อที่เป็นสาเหตุได้แก่ H5, H7, and H9

influenza Aจะพบในนกโดยที่นกจะไม่เป็นโรค
influenza A ชนิด H5 and H7 จะทำให้เกิดการระบาดในสัตว์เลี้ยง
นอกจากนั้น influenza A ยังทำให้เกิดโรคในม้า หมู ปลาวาฬ แมวน้ำ แมว เสือ

การเรียกชื่อไวรัส

การเรียกชื่อไวรัสไข้หวัดใหญ่อาศัยหลักเกณฑ์ดังนี้้

Type ให้ใช้ A,B,C กรณีที่เป็น Type A จะแยกเป็น 2 ชนิดคือ H,N antigen และแต่ละชนิดยังแยกเป็นย่อย

- แหล่งกำเนิดโรค
- ลำดับพันธุ์ที่แยกเชื้อได้
- ปี ค.ศ.ที่แยกได้
- สำหรับ influenza A ให้บอกชนิดย่อย ของ H และN แอนติเจน
ตัวอย่าง Influenza virus A/Hong kong/1/68/[H3N2]

ไข้หวัดใหญ่คนและไข้หวัดใหญ่นกต่างกันอย่างไร

คนจะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ทั้ง Influenza A,B,C สำหรับType A เชื้อที่เป็นสาเหตุได้แก่ H1N1, H1N2, และ H3N2

สำหรับไข้หวัดนกจะเป็นเฉพาะ Type A สายพันธุ์ที่มักจะทำให้เกิดโรคในนกได้แก่ H5 และ H7 แต่ความทนทานต่อเชื้อไข้หวัดของนกแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน นกน้ำ เป็ดป่า นกป่าจะไม่เกิดโรค สัตว์เหล่านี้จะเป็นพาหะและจะนำเชื้อไปสู่สัตว์เลี้ยงทำให้สัตว์เลี้ยงเกิดโรค และเชื้อนั้นอาจจะติดมายังคน

การระบาดของเชื้อโรค

เชื้อที่เป็นสาเหตุของการระบาดได้แก่ Influenza A virus ซึ่งมีวิธีการระบาดได้สองวิธีคือ

- highly pathogenic avian influenza (HPAI) คือการระบาดชนิดรุนแรงซึ่งทำให้เกิดอัตราการตายสูงเกิดจากเชื้อ H5,H7

- low-pathogenic avian influenza (LPAI) เป็นการระบาดอย่างไม่รุนแรง แต่อาจจะกลายพันธุ์เป็นเชื้อที่ระบาดรุนแรงก็ได้
การระบาดเชื่อว่าเกิดจากนกน้ำ หรือนกที่อพยพจากแหล่งอื่นที่เป็นภาหะของโรคนำเชื้อโรคมาที่ฟาร์ม

การเปลี่ยนแปลงทางพันธุ์กรรมของไวรัส

ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A จะมีการกลายพันธุ์อยู่เสมอ และทำให้เกิดการระบาดของไข้หวัดใหญ่เป็นระยะๆ การเปลี่ยนแปลงทางพันธุ์กรรมของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกมีสองวิธีได้แก่

-antigenic drift เป็นการเปลี่ยนแปลงบางส่วนของไวรัสทำให้เกิดไวรัสพันธุ์ใหม่ที่ร่างกายไม่เคยเจอจึงไม่มีภูมิต่อเชื้อโรคนี้ ตัวอย่างการเกิดการกลายพันธุ์ทำให้ในแต่ละปีต้องคิดวัคซีนเพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่

- antigenic shift คือการที่เชื้อไวรัสไขหวัดมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุ์กรรม เมื่อเชื้อนั้นไปติดเชื้อสัตว์ ทำมีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างของเชื้อไวรัสอย่างทันที ทำให้เกิดไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่คนไม่รู้จักและไม่เคยมีภูมิต่อเชื้อโรค เมื่อเชื้อระบาดเข้าสู่คน คนไม่มีภูมิต่อเชื้อโรคจึงเกิดการระบาดไปทั่วโลก ดังเคยเกิดมาเมื่อปี 1918ที่ประเทศสเปน การเกิด antigenic shift มักจะเกิดกับสัตว์เลี้ยงใกล้ตัว เช่น แมว หมู

เชื้อไข้หวัดนก

เชื้อไข้หวัดใหญ่ที่ติดในนกเรียกว่า avian influenza viruses ซึ่งเป็นเชื้อชนิด infuenza type A เท่านั้น สายพันธ์ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในนกได้แก่สายพันธ์ H5, H7, และ H9 ลักษณะของการติดเชื้อไข้หวัดนก

Influenza A H5

- มี9สายพันธ์ได้แก่H5N1, H5N2, H5N3, … H5N9 เป็นได้ทั้งชนิดที่มีความรุนแรงมากและน้อย( highly pathogenic or low pathogenic )
- มีหลักฐานว่าเกิดการติดเชื้อในคน และทำให้เสียชีวิต

Influenza A H7

- มี9สายพันธ์ได้แก่ H7N1, H7N2, H7N3, … H7N9 เป็นได้ทั้งชนิดที่มีความรุนแรงมากและน้อย( highly pathogenic or low pathogenic )
- ไม่ค่อยพบว่าติดต่อสู่คน นอกจากจะพบในคนงานในฟามร์ ทำให้เกิดเยื่อบุตาอักเสบ

Influenza A H9

- มี9สายพันธ์ได้แก่ H7N1, H7N2, H7N3, … H7N9 เป็นเฉพาะที่มีความรุนแรงน้อย
- มีรายงานว่าคนติดเชื้อนี้ 3 คน




credite: //www.siamhealth.net/public_html/Disease/infectious/influenza.htm




 

Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2552
0 comments
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2552 12:18:37 น.
Counter : 4526 Pageviews.


RabbitRose
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ติดต่อ RabbitRose ทางเฟสบุ๊คจะสะดวกรวดเร็วที่สุดค่ะ
Friends' blogs
[Add RabbitRose's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.