K@K@ & The Reds go M@rching On.
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
10 กุมภาพันธ์ 2550
 
All Blogs
 
ร่างกาย ไม่ใช่ ของเรา ... ใครอยากได้ ก็ให้เค้าไป ( It's my body , not my heart )














ร่างกายไม่ใช่ของเรา ใครอยากได้ ก็ให้เขาไป ( It’s my body not my heart )

มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมยังไม่เข้าใจ ในลักษณะนิสัย ของผู้คนในสังคมไทยเรานัก

เวลาที่ผู้หญิงปล่อยตัวปล่อยใจ มีอะไรกับผู้คนมากมาย สังคมไทยมักจะประณามว่าเธอใจง่าย สำส่อน

แต่กับผู้ชายที่มีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกัน กลับถูกประณามน้อยกว่า บางครั้ง ยกย่องเชิดชูว่าเป็นยอดชาย กันไปเลยด้วยซ้ำ

และที่ทำให้ ไม่เข้าใจมากไปกว่านั้นอีก ก็คือ

หลังจากที่คุณผู้หญิง เธอมีพฤติกรรมที่ทำให้ถูกประณามว่า สำส่อน นั่นแล้ว ถ้าเธอเอาประสบการณ์ที่ผ่านมานั่น มาเขียนมาเล่าแบ่งปันเรื่องราวให้คนอื่นฟัง เธอกลับได้รับความเห็นใจจากสังคมส่วนใหญ่ ในเหตุผลที่ว่า เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจ แถมพกไปด้วยคำชมเชยที่ว่า “ กล้าหาญ “

กลับกันกับคุณผู้ชาย ตอนกระทำพฤติกรรม ถูกประณามน้อยกว่า บางครั้งมีชื่นชมอีก แต่ถ้าเมื่อไหร่ ที่พวกเขา เอาเรื่องเหล่านั้น มาพูด มาเขียน แบ่งปันให้คนอื่นฟังบ้าง เขาคนนั้นจะกลายเป็นคนเลวไปในทันที ด้วยเหตุผลที่ว่า กินในที่ลับ ไขในที่แจ้ง , ไม่ให้เกียรติผู้หญิง ฯลฯ และมีของแถมให้อีกด้วยคำว่า ” หน้าตัวเอีย “

ผมพยายามหาเหตุผล มารองรับ แล้วก็พอจะทำความเข้าใจได้นะว่าที่มันเป็นแบบนั้น คงเพราะ สังคมมองว่า ผู้หญิงเป็นฝ่ายเสีย ....แล้ว ผู้ชายเป็นฝ่ายได้ ในเมื่อคนเสียกล้าเอามาพูด เลยดูเหมือนกล้าหาญ แต่กลับกัน คนได้เอามาพูด ก็กลายเป็นโอ้อวดไป ....

อืมมม แต่ในความเป็นจริง ไอ้การมีอะไรกัน ระหว่างผู้หญิง กับผู้ชายเนี่ย มันจำเป็นเสมอไปด้วยหรือ ว่า ผู้ชายจะต้องเป็นฝ่ายได้เสมอไป แปลกๆอยู่เหมือนกันนะครับ ตรรกะนี้

ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นความพิกล พิการ ของ กระบวนการกล้ายอมรับความจริง ของสังคมไทย หรือว่า ของสมองส่วนแยกแยะหาเหตุผลของผู้เขียนกันแน่

ไม่รู้สิ ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นผู้ชาย คนหนึ่ง ที่แน่ใจ ว่า มีศีลธรรม มีมโนธรรมสิงสถิตย์ ประจำอยู่ในจิตใจพอสมควร

ผู้เขียนเชื่อ ว่าไอ้การมีอะไรกัน ระหว่าง ผู้หญิง กับผู้ชายเนี่ย มันมีที่มาที่ไป มีเหตุผลในตัวของมันเองกันทั้งนั้นล่ะครับ อย่าไปโทษว่า เป็นความมักง่าย ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเลย ...

ดังที่จะมาเล่าให้ฟัง ในเรื่องสั้น อิง เหตุการณ์จริง ชุดต่อไปนี้ล่ะครับ



*************************************



ผมรู้จัก เมย์ ครั้งแรก เมื่อไหร่ จำไม่ได้แล้วครับ

จำได้แต่เพียงว่า เธอสุ่มชื่อผมเอามาเป็นเป้าหมายลูกค้าของเธอ แล้วก็โทรมาเสนอธุรกิจให้ผม

บ. ของเธอ เป็นบ. ซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตรา สกุลต่างๆ ซึ่งผมพอทราบว่า ในเมืองไทยนั้น ยังไม่มีกฎหมายรองรับมากนัก

ครั้งแรกที่เธอโทรมา ผมบอกปัดไปในแบบที่ไม่ใยดี แทบจะเรียกได้ว่า ไร้มรรยาทในการสนทนากับเธอด้วยซ้ำ

อารมณ์ก็ไม่ได้ต่างไปจาก ที่โดนตื้อ ขายประกัน ขายเมมเบอร์โรงแรม หรือว่า ขายสินเชื่อส่วนบุคคลนั่นล่ะครับ

เธอหายไปพักใหญ่ๆ ถ้าผมจำไม่ผิด ประมาณ เดือนกว่าๆเห็นจะได้

แล้วเธอ ก็โทรมาอีกครั้ง โดยมีที่มาที่ไปว่า เธอโทรผิด จำไม่ได้ว่า ไอ้เบอร์นี้ล่ะ ที่เคยปฎิเสธเธอไป แล้ว

ตอนนั้น ก็เหมือนเคยละครับ ผมนึกรำคาญ อยากจะพูดตัดบท วางหูให้เร็วที่สุด

แต่คงเป็นเพราะเสียงหัวเราะแบบอายๆของเธอล่ะมั้ง ที่มันทำให้ผมผ่อนคลาย ขำไปด้วย กอรปกับวันนั้น งานไม่ยุ่งเท่าไหร่ ผมก็เลยพูดหยอกๆเธอกลับไปบ้าง ประมาณว่า ทำงานไงเนี่ย ไม่มีการเคลียร์ลิสต์ ออกไปบ้างเลยเหรอ แบบนี้เหนื่อยฟรีแย่เลยนะ แล้วเราก็เลยคุยกันถูกคอ ขำๆกันไปเลย

ผมบอกเธอไปตรงๆเลยว่า ไม่ทำหรอกนะ ไอ้ธุรกิจ ที่เธอเสนอมาน่ะ อย่ามาเสียเวลากับผมเลย

เมย์ บอกว่า “ ไม่เป็นไรค่ะ พี่คุยสนุกดี ถ้าไม่รบกวนเกินไป ว่างๆ เมย์ขอโทรมาคุยเล่นด้วยแล้วกัน ได้มั้ยคะ? “

ถึงตอนนี้แล้ว ถ้าผมจะตอบว่า “ ได้ ครับ “ พวกคุณว่า ผมเข้าข่าย คนเจ้าชู้หรือยัง ?

ประสบการณ์ตรงนี้ล่ะ ที่ผมอยากจะเตือนคุณผู้อ่านทุกคนไว้เลยว่า ถ้าไม่อยากโดน เซลล์นักขาย พวกมือทอง รุกล้ำเข้าในพื้นที่ส่วนตัวของเราได้แล้วละก็ อย่าเปิดโอกาส ให้เขาสนทนา แบบผ่อนคลายกับคุณได้เชียว




***********************************


หลังจากนั้น เธอโทรมาหาผม เฉลี่ย อาทิตย์ละ ประมาณ สาม – สี่ครั้ง

ทุกครั้ง ที่เธอโทรมา ก็จะ คุยเล่น แล้วก็แจมไปด้วยการ พยายามจะอธิบาย ถึง โครงสร้างธุรกิจของเธอ ไปด้วย

ผมยอมรับว่า การคุยกับเธอ มันทำให้ผมผ่อนคลาย จากงานไปได้พอสมควรเลย เวลาที่ผมงานไม่ยุ่งผมก็คุยกับเธอไปเรื่อยล่ะ มีหมาหยอกไก่บ้าง ตามประสาชายโสด

แต่แน่นอน ทุกครั้ง ผมปฎิเสธไปอย่างชัดเจน ว่าผมไม่ทำธุรกิจกับเธอแน่นอน

เธอเป็นคนคุยสนุกมาก มีเสน่ห์ในการพูดจา แต่ถ้าถึงขนาดจะให้ผมไปหลอก ให้ความหวังว่าจะทำธุรกิจกับเธอ เพียงเพื่อให้เธอมาเอาใจผม ผมว่ามันไม่แฟร์ ผมไม่ชอบ จะจีบผู้หญิงทั้งที ทำไมมันต้องสิ้นไร้ไม้ตอกกันขนาดนั้น ...

แต่ผมก็ยังคงคุยกับเธอเรื่อยมา ..

ไม่รู้สิ ถึงตรงนี้แล้ว คุณว่า ระหว่างผมกับเธอ ใครเป็น เบ็ด ใครเป็นเหยื่อ ครับ .......


เราคุยกันแบบนั้น มาได้ประมาณ สองเดือน โดยลักษณะเดิม คือ ว่างผมก็คุย ไม่ว่างผมก็บาย โดยที่ผมไม่เคยมีเธออยู่ในสมองเลย หลังจากวางหูไปแล้ว

ก็แหม หน้าตาเป็นไงกัน ยังไม่เคยเห็นเลย แล้วเป้าหมายของเธอ มันก็ออกจะชัดเจนอยู่แล้ว คือต้องการจะนำเสนอธุรกิจให้ผม

จนกระทั่งวันหนึ่ง

เธอโทรมาร้องไห้กับผม .... พอผมถามกลับไปว่า เป็นอะไร เธอบอกว่าทะเลาะกับแฟน

งงไปสิครับ ท่านผู้ชม จากความสัมพันธ์แค่ ลูกค้าในเป้าหมาย อยู่ๆจะกลายมาเป็นเพื่อนสนิท ถึงขนาดมาปรับทุกข์กันเรื่องแฟนได้แล้ว

ตอนนั้น ผมรู้สึกว่าเธอแปลกๆแล้ว มันดูเพี้ยนๆนะ ที่จะมาร้องไห้ ให้คนแปลกหน้าที่ยังไม่เคยเจอกันเลย ฟังน่ะ

แต่จากน้ำเสียงที่เธอ ถ่ายทอดออกมา ผมรู้สึกได้ว่ามันมีความจริงใจ ไม่ได้เสแสร้ง เจือปนอยู่ด้วยนะ

เธอบอกว่า อายๆเหมือนกัน ที่มาร้องไห้กับผม แต่เธอรู้สึกดีกับผมนะ ตลอดเวลาที่คุยกัน เธอบอกว่า ผมไม่ได้จะพยายามจีบเธอเหมือนกับลูกค้าคนอื่นๆเลย แล้วไอ้ระยะเวลาเกือบๆสามเดือนที่โทรคุยกัน มันทำให้เธอรู้สึกผูกพันกับผม

เอาแล้วไง ......

คุยไป ปลอบไป สุดท้าย เธอชวนผมทานข้าว โดยจะให้ผมแวะไปรับเธอ ที่ ออฟฟิส ของเธอ โดยเธอบอกว่า ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว อยากให้พี่มานั่งดูการทำงานของเธอซักครั้ง

ตอนนั้น บอกตรงๆเลยนะ ว่ามันท้าทายความรู้สึกผมมาก ข้องใจมาก

ตกลง เธอรู้สึกดีกับผม อยากเจอผมจริงๆ หรือว่า นี่ มันเป็นเทคนิค การขาย ชั้นเซียนกันแน่ (วะ)

พอดีวันนั้น ว่างอยู่ด้วย เอ้าไปก็ไป ..... ชักอยากเห็นหน้าเต็มที่แล้วเหมือนกัน ยิ่งโหงดๆ อยู่ด้วย ( โหงด = เหงา บวก โสด)


ออฟฟิส เธอ อยู่แถว ถ. ธนิยะ ตึกอะไรไม่บอกล่ะ ใบ้ให้ว่า สูงใช้ได้เลย

ผมขึ้นลิฟท์ จนมาถึงชั้นที่เธอทำงานอยู่ ก็เดินเข้าไปถามพีอาร์ ว่าคุณ ...... ทำงานอยู่ตรงไหนครับ

ผมเดินเข้าไปจนถึงที่ที่เธอนั่งทำงานอยู่ ...

ตอนนั้น เธอกำลังเช็ค ราคาเงิน อยู่หน้า จอ ....

พอหันหน้ามา แวบแรกที่เรา สบตากัน มันแปลกๆ ยังไง ไม่รู้ บอกไม่ถูกเหมือนกันครับ

มันเหมือนกับว่า ใน สายโทรศัพท์ เราสนิทกันมาก แต่กับ คนที่อยู่ตรงหน้ากันนี้ เราไม่รู้จักกันเลย

เธอทำลาย บรรยากาศนั้น ด้วยการทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี หาเก้าอี้ให้ผมนั่ง สั่งเด็กไปเอากาแฟมาให้ผม

แล้วเธอก็พยายามดึงผมเข้าไป สนใจไอ้ตัวเลข ค่าเงิน ในจอ ที่มันกำลัง สวิงกันไปมา อยู่อย่างเพลิดเพลิน

แต่ผมไม่ได้สนใจหรอกครับ ผมเอาแต่แอบมองเธอ แอบสังเกตเธอ

เธอเป็นคนสวยมาก หุ่นดี หน้าคม ผมยาวสลวย ถ้าจะให้นึกภาพออก ก็ประมาณ น้องๆ โจว ไห่ เม่ย ดาราฮ่องกง ที่โด่งดัง ในตอนนั้นละครับ ( เอาเป็นน้องคนสุดท้องแล้วกันนะครับ แหะ แหะ เดี๋ยวจะว่าผมเวอร์)

เธอ เริ่มต้นอธิบายถึงวิธีการเทรดเงิน แบบเป็นงานเป็นการ แบบที่คนแปลกหน้ากำลังคุยกัน อยู่พักใหญ่ๆ โดยที่ผมไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูดเลย ก็ผมบอกตั้งแต่ต้น บอกอยู่ตลอดเวลาแล้ว ว่ายังไงผมก็ไม่เปิดพอร์ทหรอก อย่าพยายามเลย เสียเวลาเปล่า .....

แต่เธอไม่สนใจ พยายามจะฉุดกระชากลากถูผม ให้เข้าไป ในมอนิเตอร์ ตรงหน้าเธอนั่นให้ได้อย่างเดียว

มันไม่เหมือนกับที่เราโทรคุยกันเลย ให้ตายสิ ! ใช่คนเดียวกันรึเปล่า (วะ) ผมชักไม่แน่ใจ

ผ่านไปประมาณ ซัก ครึ่ง ชม.ได้ ในบรรยากาศ แบบสุดกร่อย ผมเลยเอ่ยขึ้นมาแบบตรงๆเลย ตามนิสัยคนขี้รำคาญว่า

“ เอ่อ ตกลง นัดผมมา จะไปทานข้าวกันไม่ใช่เหรอครับ ทำไมเอาแต่มานั่งเลคเชอร์ผมแบบนี้ “

เธอ หันหน้ากลับมา พร้อมกับเลิกคิ้วมองหน้าผมด้วยความแปลกใจ .... คงเพราะในความไร้มรรยาทของผม

“ จะรีบไปไหนคะ พอดี วันนี้ นายใหญ่ มาน่ะค่ะ ทุกแผนกเลยต้อง แอคทีฟกันหน่อย เมย์คงเลิกค่ำน่ะ วันนี้ รอได้มั้ยคะ “

“ อืมมม ไม่เป็นไรครับ งั้นไว้โอกาสหน้าแล้วกัน ผมไปก่อนล่ะ ผมหิวข้าวน่ะ “ ผมสรุป ตัดบทให้เอง เสร็จสรรพ

พูดเสร็จ แล้วก็ลุกเลยครับ ไม่พอใจนิดๆแล้ว ตกลงที่สงสัยอยู่ มันเป็นอย่างที่คิดจริงๆ คือ ไม่ได้อะไรกับเราอย่างที่พูดหรอก หลอกให้เรามาดูงาน หวังใช้ บรรยากาศที่ทำงานที่มันดูหรูเริ่ด อลังการ กล่อมเรา เท่านั้นเอง

ตอนที่ผมบอกลา เห็นเธอ หน้าจ๋อยๆไปเหมือนกัน คงจะรู้สึกผิดอยู่บ้างล่ะสิ หึ ..... เอาเถอะ ผมไม่โกรธหรอก งานใคร ใครก็รัก

ออกจากห้องได้ ผมเดินเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา ให้สดชื่น แล้วก็เดินออกมา มุ่งหน้าจะไปลงลิฟท์ ในใจนึกเสียดายเวลา กับ ยังคงมีความกังขา หลงเหลือ อยู่นิดหน่อย

อ้อ .. เสียดายที่ไม่มีคนสวยไปนั่งกินข้าวเป็นเพื่อน ด้วย เล็กน้อย ครับ .........หุ หุ


***********************************


ติ๊งงงงงงงงง เสียงลิฟท์เปิด ..........

ขณะที่ผมกำลังจะก้าวขาเข้าไปในตัวลิฟท์ นั้นเอง

“ เดี๋ยววววววววววว พี่ รอด้วย ไปด้วยคนค่ะ “ เสียงร้องเรียกมาแต่ไกล

เป็น เมย์นั่นเอง .... วิ่งแบบกระหืดกระหอบมาเลย นึกภาพผู้หญิงที่วิ่ง แบบวิ่งไป ห่วง ส้นสูงจะหลุดไป นั่นล่ะครับ ใช่เลย

“ อ้าว ไหนบอกไม่ว่างไง “ นี่ผมกำลัง แสดงอาการ งอนออกไป ใช่มั้ยเนี่ย

“ แหม แค่นี้ ทำน้อยใจ พอดี โดนหัวหน้าเพ่งเล็งอยู่น่ะ แต่เมย์ไม่สนแล้ว โดดงานไปทานข้าวกับคุณดีกว่า “ เธอสลัดบุคลิค แบบหุ่นยนตร์ออกไป กลับมาเป็นคนที่ผมรู้จักในโทรศัพท์อีกครั้ง


เราคุยกันแบบร่าเริง ถูกคอมากในระหว่างที่ขับรถไปร้านอาหาร เหมือนสนิทกันมาเป็นแรมเดือนเลย

และหลังจากที่เรานั่งทานข้าวกันไป ดริงค์กันไป ( เธอ ดื่มด้วย) จนถึงเวลาประมาณสี่ทุ่ม ตอนนี้ เราเหมือน สนิทกันมาเป็นแรมปี แล้วครับ

เธอเป็นคนพูดเก่งมาก ออดอ้อน ฉอเลาะ เอาใจเก่ง บวกกับรูปร่างหน้าตาของเธอ ด้วยแล้ว ใครอยู่ใกล้เธอ ผมว่าหลงรักเธอกันทั้งนั้นล่ะ ร้อยละ ร้อยละยี่สิบ เลย (เผื่อล่วงหน้าไว้)

ออกจากร้านอาหารมาได้ เราไปหาคลับเงียบๆ แถวหลังสวน ฟังเพลง ดื่มกันต่อ

จนตีสองกว่า นั่นล่ะ ถึงได้พากันกลับบ้าน ผมขับรถไปส่งเธอที่บ้านแถวๆ ห้วยขวาง แต่เธอให้ผมส่งแค่หน้าปากซอย ก่อนลงรถ เธอ หอมแก้มผม หนึ่งครั้ง ....


ถึงตอนนี้ ผมยังคงคำถามเดิมละครับว่า

ตกลง ระหว่างผมกับเธอ ใครเป็นเบ็ด ใครเป็นเหยื่อ ครับ ?



************************************


หลังจากวันนั้น ความสัมพันธ์ ระหว่างเรา มัน ดำเนินคืบหน้าไป ในโทรศัพท์เราจ๊ะจ๋า กันมากขึ้น แต่ยังไม่ได้พบกันมาก ที่ทำงานเราไกลกันเหลือเกิน

ผมเริ่มชอบเธอมากขึ้นทุกวัน แต่พูดก็พูดเถอะ ผมยังคงไม่ไว้ใจเธอ เพราะเธอไม่ละความพยายามเลย ที่จะดึงผมเข้าไปในธุรกิจเธอให้ได้

เผลอเมื่อไหร่ วนเข้าเป้าตลอด แต่ผมก็ปฎิเสธ เธอ แบบชัดเจน ตลอดเหมือนกันนะ ......

จริงๆ ฐานะการเงินของผมในตอนนั้น มันไม่ลำบากอะไรเลยนะ ที่จะเปิดพอร์ท ทำธุรกิจกับเธอ

แต่มันเพื่ออะไรล่ะ ? ถ้าในเชิงธุรกิจ มันไม่เข้าท่าอยู่แล้วล่ะ ที่เราจะเอาเงินของเราไปให้คนอื่นดูแล โดยที่เราก็ไม่มี เวลา ไม่มีความรู้ ทางด้านนี้พอด้วย บ. ก็ยังไม่มั่นคง กฎหมายก็ยังไม่มีรองรับ .......

ให้ เมา แล้ว เอาปืนจี้หัว ....... ล่ะอาจจะ พอมีทาง .....ผมคิดในใจ (แต่ตอนหลัง ผมมาทราบว่า อาผมคนนึงที่อยู่ ตจว. หมดไปเป็นล้านเลย กับเรื่อง ฟลอเรท นี้ )

ถ้าเพื่อจะจีบสาว ? ผมว่าผมแยกแยะออกนะ ระหว่างคบเป็นแฟน กับเพื่อหวังอะไรแค่ตรงนั้นน่ะ ไปซื้อกินเอาไม่ดีกว่าเหรอ แล้วอีกอย่าง ไอ้ % ส่วนแบ่ง ที่เธอจะได้ จากการลงทุนน่ะ มันนิดเดียวเอง ส่วนก้อนใหญ่ มันไปเป็นของ เจ้านายเธอทั้งนั้นล่ะ

ผมไม่ได้จะจีบ เกย์ฝรั่ง นี่หว่า !!! (เจ้านายเธอ ดูคล้ายๆ เกย์ อิตาเลี่ยนน่ะ)

แล้วที่สำคัญ ถ้าคนเรามันเริ่มต้นความสัมพันธ์กัน โดยมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้วล่ะก็ มันจะไปกันได้ซักกี่น้ำครับ

ฟังดูเหมือน ผมเขี้ยวเลยนะ ..... ไม่หรอก จริงๆผมแฟร์จะตาย แต่แค่ไม่อยากโง่น่ะ

นั่นเป็น สาเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ ของเรา ยังเป็นลักษณะ ดูเชิง กันมาตลอด โดยเฉพาะฝั่งผม


หนึ่ง อาทิตย์หลังจาก เฟิร์สท เดท ของเรา

.” กริ๊งงงงงงงง “ เสียงโทรศัพท์ ที่ออฟฟิส ผมดังขึ้น ช่วง ราวๆ บ่ายสี่โมง

“ ฮัลโหล บ. XXX ครับ “ ผมรับสายเองพอดี

“ พี่เหรอ วันนี้ไปทานข้าวกันนะ เมย์มีเรื่อง ไม่สบายใจมากเลย อยากคุยกับพี่ “ เธอบอกเจตนา

“ เอ่อ วันนี้ พี่เลิกดึกน่ะ ต้องเฝ้าออฟฟิส ไม่มีใครอยู่เลย “

“ ไม่เป็นไร เดี๋ยว เมย์ไปหาเอง แฟกซ์แผนที่มา “ เธอรวบรัด


เธอมาถึงที่ ออฟฟิส ผม ประมาณ สองทุ่ม ซึ่งผมก็เลิกงานพอดี

เราพากันไปทานข้าวที่ร้านอาหารแห่ง หนึ่ง ริมแม่น้ำ เจ้าพระยา บรรยากาศดีมาก

เธอยังคงร่าเริง ถึงแม้ว่า นัยน์ตาจะดูเศร้าๆ เหมือนมีเรื่องราวของความทุกข์อยู่ในใจ

จนกระทั่ง ไวน์แก้วที่สี่ ของเธอ หมดไป

“ พี่ เมย์จะเลิกกับแฟนล่ะ “

ผมอึ้ง ผมไม่อยากคุยเรื่องแบบนี้กับใคร ผมถือว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวนะ จะว่าเรากำลังคบกัน มันก็ไม่เชิง แต่จะปฏิเสธเลย มันก็ไม่ใช่ แต่จริงๆแล้ว ก็แค่ไปกินข้าวกันมาครั้งเดียว

“ เกี่ยวกับเรื่องพี่มั้ย “ ผมถามตรงๆ

“ ไม่เกี่ยวหรอก ไม่เจอพี่ เมย์ก็เลิกอยู่แล้วล่ะ แต่พี่เหมือนเป็นตัวเร่งปฎิกิริยา เรามาคบกันมั้ย ? “ เธอตรงกว่าผมอีกแฮะ

คงไม่ต้องรอฟังคำตอบของผมกันนะ

ความรู้สึกของผม ตอนนั้น ตอนที่เป็นหนุ่มโสด กำลังห้าวด้วย แถมมีผู้หญิง สวยเซ็กซี่ มาพูดแบบนี้ ผมคงไม่ตายด้านพอ ขนาดที่จะปฎิเสธเธอลงหรอก ....

สรุปคืนนั้น เรามีอะไรกัน ...

เธอเมา .....

แน่นอน ผมก็เมา .....เมามากกว่าเธอด้วย

รู้ได้ไง ?

ก็เธอเป็นคนขับรถพาผมกลับบ้านน่ะสิ

ถึงตรงนี้แล้ว ...หยุดพักให้ด่ากันได้ก่อน ยกแรกเลยครับ ....

เลวเนอะ ฉวยโอกาสกับผู้หญิง ตอนเมา แถมกำลังสับสน เสียใจด้วย .... หึ หึ .....














Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 6 มีนาคม 2551 16:13:22 น. 1 comments
Counter : 915 Pageviews.

 
ตื่นมาใครร้องให้น่ะ...ตัวเอง...


โดย: nong_taky วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:15:32 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

อาฮุย๑
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add อาฮุย๑'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.