|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
การจำหน่ายพัสดุไม่ยากอย่างที่คิด ทำแล้วได้ 2 ขั้นง่ายกว่าทำอย่างอื่นอีกขอบอก
การจำหน่ายพัสดุตามที่ทางราชการกำหนดต้องทำอย่างไร วันนี้จะขอพูดถึงวิธีการจำหน่ายพัสดุตามที่ทางราชการกำหนด โดยจะพูดหลักการโดยรวม จะพูดหลักปฏิบัติกันแบบจริง ๆ โดยให้ถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ด้วย ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นปัญหาค่อนข้างมากสำหรับการจำหน่ายพัสดุออกจากบัญชีคุมของทางราชการ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะพูดถึงออกเรื่องซื้อ ออกเรื่องสอบราคา ออกเรื่องประกวดราคา ออกเรื่อง e-Auction กันเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเรื่องจำหน่ายกันบ้างเลย ทุกวันนี้ทุกหน่วยหน่วยงานออกเรื่องซื้อข้าวซื้อของกันมาเต็มไปหมด ของเก่า ๆ ก็กองสุมไว้ในห้องเก็บ หรือไม่ก็วางอยู่ด้านหลังตึกบ้าง ข้าง ๆ อาคารบ้าง ริมกำแพงบ้าง ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี จะเอาไปขายเศษเหล็กก็ไม่กล้า กลัวว่าจะผิดกฎหมายอีก เลยปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละดีแล้ว ไม่ต้องทำอะไร ไม่เหนื่อยด้วย อยู่ไปวัน ๆ ดีแล้ว หากทุก ๆ หน่วยงานคิดกันแบบนี้แล้ว ระบบราชการเมืองไทยก็จะไปกันใหญ่ หากเราควรที่จะช่วยกันทำไปทีละเล็กละน้อย ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ก็จะไม่เกิด บัญชีคุมต่าง ๆ ก็จะเรียบร้อย และยังมีที่ว่างสำหรับทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้อีกด้วย แต่ปัญหาก็คือว่าเราจะเริ่มกันอย่างไรดีล่ะถึงจะถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เรามาเริ่มต้นกันเลยดีกว่า สมมุติว่าเราจะทำการจำหน่ายเก้าอี้ชำรุดสัก 100 ตัว ที่วางกองเป็นเศษเหล็กอยู่ด้านหลังหอประชุม ตามที่ หัวหน้างานได้สั่งงานเรา หรือว่าเราอยากที่จะหน่ายเองก็ได้ ได้ผลงานอีกด้วย เอาเป็นว่าเราจะจำหน่ายเก้าอี้ 100 ตัวก็แล้วกันน่ะ เริ่มเลย 1. เราก็รายงานซ่อมเก้าอี้จำนวน 100 ตัวก่อน รายงานซ่อมไปที่หน่วยงานที่เป็นหน่วยซ่อมทำของเรา เช่น กองสนับสนุน ,กองซ่อมบำรุง, กองบริการ หรือจะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่หน่วยงานนี้มีหน้าที่ซ่อมทำตามระเบียบของหน่วยงานนั้น ๆ ก็เป็นพอ 2. เมื่อเรารายงานการซ่อมทำเก้าอี้ จำนวน 100 ตัวไปแล้ว เราก็จะนำส่งซากเศษเก้าอี้ที่ว่านั้นกี่ตัวก็สุดแล้วแต่ ที่พอจะนับตัวได้ หรือว่าคุยกับหน่วยงานซ่อมทำว่าต้องส่งซากไปหมดหรือไม่อย่างไรก็ว่ากันไป 3. เมื่อหน่วยงานซ่อมทำรับเรื่องเก้าอี้ จำนวน 100 ตัวแล้ว เขาก็จะดำเนินการตรวจสอบซ่อมทำว่าสามารถทำได้หรือไม่อย่างไร เขาก็จะคิดคำนวณเองว่าต้องใช้เหล็กเท่าไร ลวดเชื่อมเท่าไร น็อตกี่ตัว สีกี่กระป๋อง อื่น ๆ อีกว่ากันไป สุดท้าย ก็คำนวณออกมาว่าค่าซ่อมในแต่ละตัวเท่าไร เช่นราคาเก้าอี้ตัว 500 บาท คำนวณค่าซ่อมต่อตัวแล้วประมาณ 400 บาท แบบนี้หน่วยงานซ่อมก็คิดคำนวณตามหลักเศรษฐศาสตร์ ว่าคุ้มค่ากับการซ่อมทำหรือไม่ หากไม่คุ้มก็จะรายงานไปที่ หน.ส่วนราชการว่า แผนกของเราได้ส่งของไปให้เขาซ่อม ได้ตรวจสอบซ่อมทำแล้วปรากฎว่าไม่คุ้มค่า เห็นควรยกเลิกการซ่อมทำ และให้หน่วยที่ส่งของมาให้ซ่อมทำนั้น ทำการเสนอขออนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการสอบหาข้อเท็จจริง เก้าอี้ชำรุด จำนวน 100 ตัวนั้น ชำรุดอย่างไร ชำรุดโดยสภาพของการใช้งานปกติ หรือว่ามีบุุคคลทำให้ชำรุด ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นการชำรุดตามปกติ เสื่อมสภาพตามใช้งาน นั่นแหละ (เห็นไหม ง่ายนิดเดียวเอง) 4. เมื่อหน่วยงานซ่อม ได้ซ่อมเก้าอี้แล้ว ปรากฎว่าไม่คุ้มค่ากับการซ่อมทำ เขาก็จะรายงานตามข้อ 3. กลับมาให้เรา เราก็เสนอขออนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการสอบหาข้อเท็จจริง ในการชำรุดของเก้าอี้ 100 ตัว ว่าชำรุดแบบไหนอย่างไร เช่น ชำรุดเสื่อมสภาพตามการใช้งานปกติ เป็นต้น แค่นี้เอง ง่าย ๆ 5. หน่วนต้นสังกัดก็จะทำการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบหาข้อเท็จจริงของเก้าอี้ จำนวน 100 ตัวที่ชำรุดต่อไป (หน่วยที่มีอำนาจในการแต่งตั้งกรรมการ) เช่น หน่วยระดับกรม พล.ร.ต. เป็นต้น 6. เมื่อหน่วยที่แต่งตั้งคณะกรรมการเรียบร้อย คณะกรรมการฯ ที่มีชื่อตามรายชื่อที่ได้แต่งตั้งนั้นก็ทำการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงว่าเก้าอี้จำนวน 100 ตัว ที่ชำรุดนั้น เป็นการชำรุดแบบไหน อย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่ ในรายงานของคณะกรรมการฯ ก็จะรายงานว่า เป็นการชำรุดเสื่อมสภาพตามการใช้งานปกติ ไม่มีบุคคลใดเป็นผู้ที่ทำให้เก้าอี้ชำรุด ไม่ต้องมีผู้รับผิดชอบชดใช้ทางแพ่งแต่อย่างได เป็นต้น แค่นี้เอง ง่าย ๆ 7. จากนั้น แผนกเราที่ส่งเก้าอี้ไปก็นำรายงานนั้นเสนอ ผู้บังคับบัญชา ตามลำดับชั้น จนถึงผู้มีอำนาจในการอนุมัติจำหน่วยบัญชีต่อไป 8. เมื่อ หน.ส่วนราชการที่มีอำนาจในการอนุมัติจำหน่ายบัญชีแล้ว ก็จะส่งเรื่องตามลำดับชั้นมาจนถึงแผนกของเรา กองของเรา เราก็ดำเนินการตัดบัญชีเก้าอี้ จำวน 100 ตัว ออกจากบัญชีคุม โดยแนบรายละเอียดการอนุมัติจำหน่ายไว้เป็นหลักฐานต่อไป หรือจะลงบันทึกหมายเหตุไว้ก็ได้ ว่าเอกสารการอนุมัติจำหน่ายบัญชีเลขที่เท่าไร ก็ได้ และเก็บเรื่องไว้เป็นหลักฐานสำหรับการตรวจสอบต่อไป ที่กล่าวมานี้เป็นการปฎิบัติตามขั้นตอนที่ดูเหมือนว่าจะซับซ้อนค่อนข้างยาก แต่ถ้าเรามาพิจารณาทำตามขั้นไปทีละขั้น ทีละขั้น ทำสักเรื่องหนึ่งแล้ว เรื่องอื่น ๆ ก็เหมือนกันเลย หรือว่าเราจะหน่วยพัสดุที่ต่างรายการกันก็ได้ เช่น เก้าอี้ โต๊ะทำงาน ตู้เก็บเอกสาร เป็นต้น แต่ก็ควรที่จะอยู่ในหมวดเดี่ยวกันน่ะ ไม่ใช่ข้ามหมวดหมู่ไป เช่น เก้าอี้ กับ รถยนต์บรรทุก ซึ่งมันต่างกันมากน่ะครับเจ้านาย......
Create Date : 06 กรกฎาคม 2557 |
|
0 comments |
Last Update : 6 กรกฎาคม 2557 9:29:33 น. |
Counter : 1441 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|