ทำไม Port ไม่โต
ทำไม อยู่ในตลาดมานานแล้ว Port ก็ยังขึ้นๆลงๆ ไม่ไปไหน ไม่โตซักที ? (Cr. SetTrader) . ทำไม ถึงแม้ตลาดเป็นขาขึ้น แต่ Port เราก็ยังขาดทุนอยู่ ? จริงๆแล้ว คำถาม 2 คำถามข้างบน เป็นเรื่องใกล้เคียงกันครับ มักจะเกิดกับหลายๆคนที่อยู่ในตลาดมาซัก 1-2 ปี ไปจนถึงประมาณ 3-5 ปี . เรียนมาก็เยอะ ศึกษามาก็หลายแขนง หุ้นก็รู้จักหลายตัว technical ก็เรียนแล้ว อ่านงบก็เรียนแล้ว แต่ก็ยังเกิดเหตุการณ์ที่ว่า port ไม่ขยับไปไหน ติดๆขัดๆ ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรตรงไหน เพื่อให้มันก้าวข้ามจุดนี้ไปได้ แล้วเราก็อึดอัดใจ ไม่รู้จะทำยังไง . คนส่วนใหญ่มักจะเจอสภาวะแบบนี้ครับ ตัวผมเองก็เคยเป็นมาก่อน ติดอยู่หลายปี . .ภาวะแบบนี้ ผมเรียกว่าภาวะ ของการ "ก้าวข้ามตัวเองไม่ได้"
.. ลองทบทวนแบบนี้นะครับ ความรู้ก็ศึกษามาหลายแขนง course ไหนที่ว่าดี เราก็ไปเรียนมาหมดแล้ว ประสบการณ์ก็มีเจอสภาวะตลาดมาหลาย cycle เงินทุนก็มีและความสามารถในการหาเงินทุนก็มีเช่นกัน แต่ในตลาดขาขึ้น บางครั้งก้ยังขาดทุน (หรือไม่ก็ได้กำไรแค่พอหอมปากหอมคอ) พอภาวะตลาดขาลง ก็คืนกำไร หรือขาดทุนตามตลาด . .
สิ่งที่ผมได้ค้นพบ หลังจากเจอแบบนี้อยู่ 2-3 ปี ก็คือ จริงๆแล้ว เราไม่ได้ขาดด้าน knowledge
แต่เราขาดด้าน Investment Psychology ครับ . ใช่ครับ แปลเป็นไทยง่ายๆ ว่าเรายังขาดเรื่องจิตวิทยาการลงทุน หรือความเข้าใจในธรรมชาติของการลงทุนนั่นเอง . เรื่องนี้จริงๆเป็นเรื่อง basic ที่ควรต้องทำความเข้าใจก่อนมากๆ เป็นเรื่องของการสร้างวิธีคิดที่ถูกต้อง . "วิธีคิดเป็นตัวกำหนดการกระทำ และการกระทำเป็นตัวกำหนดผลลัพธ์" . แต่คนส่วนใหญ่ มุ่งเป้าไปที่วิธีการ ทำยังไงให้ได้กำไร ทำยังไงให้เงินทุนโตเร็วๆ
ดังนั้น เมื่อ direction (คือวิธีคิดเกี่ยวกันการลงทุน) ยังไม่ตรงทิศทาง การกระทำ (วิธีการ) จึงไม่ตรงกับเป้าหมายที่เราอยากได้ มันเลยเดินออกนอกเส้นทางไปนั่นเองครับ .. วันหนึ่ง เมื่อผมเริ่มรู้ตัวว่า สิ่งทำให้เราไม่ไปถึงไหน มันคือเรื่องของ mindset
ผมก็เริ่มปรับให้มันเข้าที่ จากการที่เคยเรียนเยอะ ศึกษาหลากหลายรูปแบบ
ก็เริ่มมุ่งไปในแนวทางเดียว ใช้กระบวนการเทรดแบบเดียว ใช้เครื่องมือแบบเดียว . หนังสือที่อ่าน ก็เริ่มอ่าน technical น้อยลง เพิ่มการอ่านพวกจิตวิทยาการลงทุน
หนังสือแปลจากนักลงทุนหรือผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ หรือหนังสือพวก value investment แทน
เพราะหนังสือพวกนี้ให้วิธีคิดในการลงทุนอย่างมากมาย . จากที่เริ่มเทรดเยอะ switch ตัวบ่อยๆ ก็เริ่ม run trend มากขึ้น ถือนานขึ้น เลือกหุ้นแบบ focus มากขึ้น
กระบวนการสะเปะสะปะน้อยลง เรียกว่า ทิ้งเกือบทุกอย่างที่เคยเรียนมา แล้ว focus ไปในทิศทางเดียวจนมันเกิดผลลัพท์ . เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ แล้วสร้าง momentum ของผลลัพท์แบบเดิมจนมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
.. กลับไปที่เรื่องเดิมคือ มันเข้ากับ concept ของธรรมขาติการลงทุนเลยครับ
ไปช้าในช่วงแรก จนถึงช่วงที่ momentum เริ่มเกิด มันจะโตเร็วขึ้นเรื่อยๆ ในอัตราเร่งแบบ exponential .. เรื่องพวกนี้ มันเป็นเส้นผมบังภูเขาครับ เส้นบางๆนิดเดียวเลย
ไมไ่ด้เกี่ยวกับว่า ใครเก่งไม่เก่ง เกี่ยวกับว่าใครรู้ตัวก่อน และปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติการลงทุนได้ก่อนต่างหากครับ . อย่าลืมว่า เวลาก็เป็นต้นทุนชนิดหนึ่งเช่นกัน เป็นต้นทุนที่มีมูลค่ามากมหาศาลด้วย
ค่า inflation ก็เป็นต้นทุนชนิดหนึ่ง เราช้าไป 1 ปี ถึงแม้จะเงินทุนเท่าเดิม แต่เราเสียเวลาไป และเงินทุนลดลงจาก inflation ไปเรียบร้อยแล้ว .. ใครที่ติดอยู่ แล้วยังไปต่อไม่ได้ ผมขอแนะว่า ให้ลงลึกในเรื่องของ investment psychology ให้มากๆครับ
เรื่องนี้สำคัญกว่า technical มากมายมหาศาล ปกติเวลาที่ผมทำ coaching ให้กับกลุ่มเรียนรู้ ในส่วนของ technical
ผมจะ coach อยู่แค่ไม่กี่อย่างเดิมๆ แต่จะเน้นหนักไปที่เรื่องของการสร้าง mindset มากกว่า . เพราะว่า "วิธีคิดเป็นตัวกำหนดการกระทำ การกระทำเป็นตัวกำหนดผลลัพธ์" ครับ
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1259674847430927&id=843076109090805
Create Date : 10 พฤศจิกายน 2559 |
|
0 comments |
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2559 21:15:25 น. |
Counter : 1195 Pageviews. |
|
|
|