...ความรู้สามารถเรียนทันกันได้...
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2559
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
10 พฤศจิกายน 2559
 
All Blogs
 

ทำไม Port ไม่โต





ทำไม อยู่ในตลาดมานานแล้ว Port ก็ยังขึ้นๆลงๆ ไม่ไปไหน ไม่โตซักที ?
(Cr. SetTrader)
.
ทำไม ถึงแม้ตลาดเป็นขาขึ้น แต่ Port เราก็ยังขาดทุนอยู่ ?
จริงๆแล้ว คำถาม 2 คำถามข้างบน เป็นเรื่องใกล้เคียงกันครับ 
มักจะเกิดกับหลายๆคนที่อยู่ในตลาดมาซัก 1-2 ปี ไปจนถึงประมาณ 3-5 ปี
.
เรียนมาก็เยอะ ศึกษามาก็หลายแขนง หุ้นก็รู้จักหลายตัว technical ก็เรียนแล้ว อ่านงบก็เรียนแล้ว 
แต่ก็ยังเกิดเหตุการณ์ที่ว่า port ไม่ขยับไปไหน ติดๆขัดๆ ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรตรงไหน 
เพื่อให้มันก้าวข้ามจุดนี้ไปได้ แล้วเราก็อึดอัดใจ ไม่รู้จะทำยังไง
.
คนส่วนใหญ่มักจะเจอสภาวะแบบนี้ครับ ตัวผมเองก็เคยเป็นมาก่อน ติดอยู่หลายปี
.
.ภาวะแบบนี้ ผมเรียกว่าภาวะ ของการ "ก้าวข้ามตัวเองไม่ได้"


..
ลองทบทวนแบบนี้นะครับ ความรู้ก็ศึกษามาหลายแขนง course ไหนที่ว่าดี เราก็ไปเรียนมาหมดแล้ว 
ประสบการณ์ก็มีเจอสภาวะตลาดมาหลาย cycle เงินทุนก็มีและความสามารถในการหาเงินทุนก็มีเช่นกัน 
แต่ในตลาดขาขึ้น บางครั้งก้ยังขาดทุน (หรือไม่ก็ได้กำไรแค่พอหอมปากหอมคอ) 
พอภาวะตลาดขาลง ก็คืนกำไร หรือขาดทุนตามตลาด
.
.

สิ่งที่ผมได้ค้นพบ หลังจากเจอแบบนี้อยู่ 2-3 ปี ก็คือ จริงๆแล้ว เราไม่ได้ขาดด้าน knowledge

แต่เราขาดด้าน Investment Psychology ครับ
.
ใช่ครับ แปลเป็นไทยง่ายๆ ว่าเรายังขาดเรื่องจิตวิทยาการลงทุน หรือความเข้าใจในธรรมชาติของการลงทุนนั่นเอง
.
เรื่องนี้จริงๆเป็นเรื่อง basic ที่ควรต้องทำความเข้าใจก่อนมากๆ 
เป็นเรื่องของการสร้างวิธีคิดที่ถูกต้อง
.
"วิธีคิดเป็นตัวกำหนดการกระทำ และการกระทำเป็นตัวกำหนดผลลัพธ์"
.
แต่คนส่วนใหญ่ มุ่งเป้าไปที่วิธีการ ทำยังไงให้ได้กำไร ทำยังไงให้เงินทุนโตเร็วๆ 

ดังนั้น เมื่อ direction (คือวิธีคิดเกี่ยวกันการลงทุน) ยังไม่ตรงทิศทาง 
การกระทำ (วิธีการ) จึงไม่ตรงกับเป้าหมายที่เราอยากได้ 
มันเลยเดินออกนอกเส้นทางไปนั่นเองครับ

..
วันหนึ่ง เมื่อผมเริ่มรู้ตัวว่า สิ่งทำให้เราไม่ไปถึงไหน มันคือเรื่องของ mindset 

ผมก็เริ่มปรับให้มันเข้าที่ จากการที่เคยเรียนเยอะ ศึกษาหลากหลายรูปแบบ 

ก็เริ่มมุ่งไปในแนวทางเดียว ใช้กระบวนการเทรดแบบเดียว ใช้เครื่องมือแบบเดียว
.
หนังสือที่อ่าน ก็เริ่มอ่าน technical น้อยลง เพิ่มการอ่านพวกจิตวิทยาการลงทุน 

หนังสือแปลจากนักลงทุนหรือผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ หรือหนังสือพวก value investment แทน 

เพราะหนังสือพวกนี้ให้วิธีคิดในการลงทุนอย่างมากมาย
.
จากที่เริ่มเทรดเยอะ switch ตัวบ่อยๆ ก็เริ่ม run trend มากขึ้น ถือนานขึ้น เลือกหุ้นแบบ focus มากขึ้น 

กระบวนการสะเปะสะปะน้อยลง เรียกว่า ทิ้งเกือบทุกอย่างที่เคยเรียนมา แล้ว focus ไปในทิศทางเดียวจนมันเกิดผลลัพท์
.
เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ แล้วสร้าง momentum ของผลลัพท์แบบเดิมจนมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ


..
กลับไปที่เรื่องเดิมคือ มันเข้ากับ concept ของธรรมขาติการลงทุนเลยครับ 

ไปช้าในช่วงแรก จนถึงช่วงที่ momentum เริ่มเกิด มันจะโตเร็วขึ้นเรื่อยๆ ในอัตราเร่งแบบ exponential
..
เรื่องพวกนี้ มันเป็นเส้นผมบังภูเขาครับ เส้นบางๆนิดเดียวเลย 

ไมไ่ด้เกี่ยวกับว่า ใครเก่งไม่เก่ง เกี่ยวกับว่าใครรู้ตัวก่อน และปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติการลงทุนได้ก่อนต่างหากครับ
.
อย่าลืมว่า เวลาก็เป็นต้นทุนชนิดหนึ่งเช่นกัน เป็นต้นทุนที่มีมูลค่ามากมหาศาลด้วย 

ค่า inflation ก็เป็นต้นทุนชนิดหนึ่ง เราช้าไป 1 ปี ถึงแม้จะเงินทุนเท่าเดิม แต่เราเสียเวลาไป และเงินทุนลดลงจาก inflation ไปเรียบร้อยแล้ว
..
ใครที่ติดอยู่ แล้วยังไปต่อไม่ได้ ผมขอแนะว่า ให้ลงลึกในเรื่องของ investment psychology ให้มากๆครั

เรื่องนี้สำคัญกว่า technical มากมายมหาศาล ปกติเวลาที่ผมทำ coaching ให้กับกลุ่มเรียนรู้ ในส่วนของ technical 

ผมจะ coach อยู่แค่ไม่กี่อย่างเดิมๆ แต่จะเน้นหนักไปที่เรื่องของการสร้าง mindset มากกว่า
.
เพราะว่า "วิธีคิดเป็นตัวกำหนดการกระทำ การกระทำเป็นตัวกำหนดผลลัพธ์" ครับ



 https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1259674847430927&id=843076109090805




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2559
0 comments
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2559 21:15:25 น.
Counter : 1195 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Querist
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




Friends' blogs
[Add Querist's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.