Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2549
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
16 กรกฏาคม 2549
 
All Blogs
 

พี่คะ ทำไมลูกหนูพูดไม่รู้เรื่องคะ?

เมื่อวานไปชอปปิ้งแล้วแวะบ้านเพื่อนคนหนึ่ง มีลูกอายุได้ 18 เดือนแล้ว ตามคำเชิญชวน เขาถามปัญหา เรื่องลูกลงไปนอนดีดๆ ทำตัวโก่งๆ ดิ้นๆ กับพื้น ยามไม่พอใจ แล้วก็ร้องกรี๊ดๆ กรี๊ดจริงๆ แบบที่ไม่เคยเห็นเด็กคนไหนกรี๊ดเก่งแบบนี้ และนี่จึงเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสแอบสังเกตและเฝ้ามองพฤติกรรมของทั้งแม่และทั้งลูก เพราะนั่งอยู่ด้วยถึง 3-4 ชั่วโมง จึงลอบสังเกตเพื่อดูตอบความสงสัยที่เก็บเอาไว้ ว่าทำไมเด็กคนนี้ร้องแบบนี้ ไม่เคยเห็นสักครั้งที่ไม่ร้อง อะไรๆ ก็ร้อง

ได้พบเจออยู่หลายโอกาส ทุกครั้งที่เห็น ภาพที่มีคือ เป็นเด็กขี้ร้อง แม่ต้องอุ้มตลอด ดูเหมือนว่ากลัวคนแปลกหน้าตลอด ทำเอาแม่ปวดเศียรเวียนเกล้า ลูกร้องก็แบบว่า ทำไมจึงร้องหนาลูก ที่สำคัญร้องไม่มีน้ำตาด้วย แต่เสียงดังมากๆ อารมณ์แม่ก็ขึ้นตามไปด้วย แต่เด็กคนนี้ไม่เคยไม่เห็นร้อง ร้องตลอดค่ะ และแม่กับพี่เลี้ยงก็ต้องคอยตามไม่ให้ร้อง เห็นแล้วก็ตลกดี

ต่อๆ มา เมื่อต้องเจอทุกครั้ง เลยปล่อยให้เขามายืนดู แต่ไม่มองหน้า ไม่สนใจเขา เพราะเมื่อไรหันไปมอง เขาจะวิ่งไปหลย หรือไม่ก็หน้าแดงและจบลงด้วยการแผดเสียงร้องดังขึ้นมา เมื่อพี่เลี้ยงหรือแม่มาอุ้มพาออกไป ก็จะหายร้องเป็นปลิดทิ้ง

เพื่อนขอว่า ช่วยดูหน่อยสิ ทำไมลูกตัวเองร้องแบบนี้ แม่เองไม่รู้ เลี้ยงเอง ดูกันอยู่ทุกวันแลว้ไม่รู้ แล้วฉันจะไปรู้หรือคะ ตองตังไปด้วย ยืนดูก็เอามืออุดหู ถามว่า น้องร้องทำไม เดินไปเอาของเล่นยื่นให้น้อง เล่นกับน้อง น้องหยุดร้องมาเล่นด้วย แต่แป๊บๆ เอาอีกแล้ว เดินไปหาแม่ ร้องแว้ดๆ กรี๊ดๆ อีก แม่ถามจะเอาอะไรล่ะ

ที่สังเกตอีกอย่างคือ ทำไมเรียกไม่ตอบ แม่เรียกชื่อก็ไม่หัน
"ลูกพูดไม่รู้เรื่องเลย คุยอะไรก็ไม่ตอบ เรียกชื่อก็ไม่หัน มันเป็นแบบนี้พี่ หนูก็ไม่รู้จะทำอย่างไร พี่ดูหน่อย ลูกหนูมันปกติไหมเนี่ย แล้วมันก็ร้องจริงๆ เลยพี่ หนูก็รำคาญมาก ไม่รู้จะทำอย่างไร"
เลยนั่งดู ไม่ตอบคำถามที่แม่เป็นคนถาม เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาถามในประเด็นนี้ หากไม่ถามจะคงไม่พูดอะไร ถึงแม้จะสงสัยอยู่บ้างว่า ทำไมเด็กจึงร้องแผดเสียงได้เกือบจะตลอดเวลา

เมื่อสังเกตดีๆ เห็นว่า การร้องแต่ละครั้ง จะหน้าแดงก่อน อ้าปากร้องเสียงดัง ไม่เหมือนร้องไห้ก็ร้องกรี๊ดๆ จบลงด้วยการที่แม่มาอุ้มหรือว่าถ้าร้องเพราะจะเอาอะไร แม่ก็จะเอามาให้ หรือไม่ถ้าร้องเพราะแม่ห้าม ก็จะจบลงด้วยการที่แม่เลิกห้าม ปล่อยให้ทำอย่างที่อยากทำ ที่สำคัญไม่มีน้ำตาเลยสักหยด แต่เสียงร้องนี่ ร้องเสียงดังมากจริงๆ

จากการสังเกตในเวลาหลายชั่วโมง พบอีกอย่างว่า เปิดเทปการ์ตูนตลอดเวลา ไม่ว่าลูกจะดูหรือไม่ จะต้องเปิดเอาไว้ ตองตังไปด้วย ก็นั่งดูทีวีบ้าง แต่เมื่อเลิกดู ก็หาของเล่นมาเล่น
"เล่นกับน้องนะลูก อย่าแกล้งน้อง" ตองตังรับฟังแต่โดยดี เอาลูกโป่งที่เตรียมมาเป่า และเริ่มตีลูกโป่งกับน้อง

ทีวีที่ยังเปิดอยู่ ทำให้เด็กหยุดเล่นและหันไปดูตลอด เล่นแป๊บๆ ก็หันไปดูทีวี และจริงที่แม่เขาบอกว่า เรียกชื่อก็ไม่หัน ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย แต่จะยืนดูทีวีแบบตั้งใจมาก ตาจ้องไม่กระพริบ แต่ก็หยุดดูเพื่อหันมาเล่นบ้าง

"ปิดทีวีดีไหมน้อง"
"แต่เปิดเอาไว้มันไม่ร้องนะพี่ เดี๋ยวมันร้อง"
"แต่เขาเล่นกันอยู่นะ ก็ไม่เห็นว่าจะร้องนี่นา นี่พี่สังเกตว่า ลูกเราเล่นอะไรอยู่ไม่กี่วินาทีก็ปล่อย แล้วตาหันมามองทีวีตลอดเลย ลองปิดดูดีไหม? เพราะตองตังก็ไม่ดูแล้ว และลูกเราก็ไม่น่าจะดูแล้ว เห็นทำท่าจะเล่น แต่เล่นๆ หยุดๆ เพื่อจะดูทีวี"

สรุปว่าได้ปิดทีวี บ้านจึงเสียงเงียบลง ไม่เช่นนั้นจะมีเสียงทีวีคลอตลอดช่วงเวลาการสนทนา และมีลูกที่มาดึงๆ แม่ และพร้อมร้องแผดเสียงกรี๊ดดังตลอดทุกๆ 5-10 นาที เช่นกัน ไม่นับรวมที่แม่พร่ำบอก
"นี่ จะเอาอะไร? อย่านะ? อย่าหยิบอันนี้? ไม่ได้นะ แม่พูดไม่ฟังหรือ? ฯลฯ"
ดูแล้วเหมือนแม่จะเข้าใจที่ลูกต้องการ จากการที่ลูกร้อง แต่คนดูอย่างฉันไม่เข้าใจ แต่พอจะเดาได้ว่า จากเสียงร้องและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แม่และลูกสามารถเข้าใจกันได้ โดยมิต้องสื่อสารด้วยการพูดคุยแต่อย่างใด!!!

จากการลอบสังเกต พบว่า แม่ห้ามในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ดิฉันเห็นว่าเป็นสิ่งเล็กน้อย ไม่ว่าจะอยากหยิบ หรือจับอะไร ที่ดูแล้วไม่ได้ทำให้เกิดอันตราย ก็ควรจะให้ทำได้ โดยอยู่ภายในสายตา แต่เขาจะดึงออกไม่ให้จับ เช่นเอาไปไว้ให้สูงขึ้น ถ้าไปวางบนโต๊ะ ลูกจะเดินตามและปีนเก้าอี้จะไปหยิบ แล้วแม่จะเลื่อนที่ไปเก็บที่อื่นแทน ส่วนลูกก็ร้องกรี๊ดๆ ตาม และส่วนใหญ่ลงท้ายด้วยว่าแม่ให้เล่นเลย

"ลูกร้องทำไม?"
"ก็มันจะเอาอันนี้ไง หนูไม่ให้ เดี๋ยวทำพัง"
แต่ก็จบลงด้วยการให้ เมื่อลูกร้อง
"เนี่ย หนูรำคาญน่ะพี่ ร้องมากๆ ทนไม่ไหว ไม่อยากให้ร้อง ก็ให้ๆ ไปตัดรำคาญ"
"นี่ไง ก็เลยร้องตลอด เพราะรู้ว่าร้องแล้วได้ แล้วทำไมไม่ให้ตั้งแต่แรกล่ะ ต้องให้ร้องก่อน"
"ก็ไม่อยากให้น่ะพี่ แต่พอร้องแล้วก็ให้"
"ลูกก็เรียนรู้ว่า ถ้าร้องแล้วก็จะได้ เขาก็เรียนรู้นะ จะห้ามหรือจะให้ ถ้าจะห้ามก็ห้ามให้ถึงที่สุด และอธิบายด้วยว่าทำไมจึงห้าม ที่ 18 เดือนนี่ ถามว่ารู้เรื่องไหม คิดว่ารู้เรื่องบ้าง คือรู้ว่าเราพูดอะไร แต่ไม่ใช่ไม่พูดอะไร หยิบออก แล้วบอกว่า อย่าๆๆๆๆ แต่ในที่สุดก็ให้เล่นอยู่ดี เพราะทนเสียงร้องไม่ไหว ทีหลังก็อย่าห้าม เพราะไม่เห็นว่าห้ามได้ แต่ถ้าคิดจะห้ามก็ต้องให้ศักดิ์สิทธิ์ คืออยากร้องร้องไปเลย แต่ก็ไม่ควรจะห้ามประเภทอะไรๆ ก็ห้ามไปหมด"
"แล้วจะทำยังไงล่ะพี่"
"ก็ต้องคิดก่อนที่จะห้ามหรือไม่ห้าม ถ้าอะไรที่ห้าม ไม่ให้ ถึงร้องแค่ไหนก็ไม่ให้ แต่ถ้าอะไรที่จะให้ ก็ให้เลย ไม่ต้องห้าม เพราะอะไรๆ ที่ห้ามอยู่ตลอด เด็กมันก็อยากรู้อยากเห็น ยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ ไม่ได้ก็ร้องน่ะสิ เป็นธรรมดา"

เลยทำการทดสอบกันเลยว่า ลูกจะร้องได้ขนาดไหน ในสิ่งที่ห้ามแล้วห้ามจริงๆ ตกลงร้องและดิ้นแค่ไม่ถึง 10 นาที
ฉันจึงปล่อยให้ร้อง ขนาดแม่ทนไม่ได้ ทั้งที่จริงๆ เวลาผ่านไปได้แค่ 5 นาทีเท่านั้น แม่ก็เริ่มออกอาการทนไม่ได้ แต่ฉันก็บอกให้อยู่เฉยๆ ปล่อยให้ลูกร้องไป

ครั้งแรกที่ร้องไปแล้วไม่ได้ ก็กินเวลาไปเพียงไม่ถึง 20 นาที พอการร้องครั้งต่อๆ ไปก็ลดลงเรื่อยๆ จนในที่สุดเหลือแค่แอ๊ะ ยังไม่ถึงกับกรี๊ด แล้วก็หยุดร้อง เมื่อมองหน้าฉัน ที่ยิ้มแล้วบอก "ร้องไปเถอะลูก ป้าฟังอยู่นะ"

"เธอต้องนึกว่านี่คือเสียงหัวเราะ อย่านึกว่าเสียงร้องไห้ เดี๋ยวไม่ชินสักที ลูกเธอก็ฉลาดมาก ร้องทีไร ได้ของทุกที แต่พอกับป้าพธูปั๊บ อยากลงไปดิ้น ก็ปล่อยให้ดิ้นไปเลย เด้งๆ ใหญ่เลย ออกกำลังกายไป"
พูดไปหัวเราะไป แต่แม่เด็กไม่ขำ บอกกลุ้มใจไม่ชอบลูกดิ้นแบบนี้ อยากให้ลูกเรียบร้อย ไม่อยากให้ร้องเสียงดัง แล้วดิ้นหรือเด้ง อ้าว... แล้วมันจะทำได้หรือ?

ลองปล่อยให้ร้องอยู่หลายครั้ง ความยาวนานของการร้องแต่ละครั้งหดสั้นลง จนตัวแม่ต้องบอกว่า วันนี้ลูกร้องน้อยกว่าปกติ แต่สำหรับฉัน ยังนับว่าเด็กคนนี้ร้องมากอยู่ คิดตามที่คนแม่พูดว่านี่คือร้องน้อย ทำให้นึกไม่ออกว่า วันๆ นึงตามปกติลูกร้องขนาดไหน
"อยู่กับป้าพธู หนูไม่ร้องเลยนะ ดีจัง"
"อ้าว ก็ป้าปล่อยให้ร้องนี่ เด็กรู้นะว่ากับใครได้ กับใครไม่ได้ เขาเรียนรู้นะ"

จริงดังว่า สิ่งที่ฉันไม่ยอมให้ โดยเฉพาะของที่คิดว่าเป็นอันตราย ฉันหยิบขึ้น เด็กแผดปากร้องแอะเดียว จองมองหน้าฉัน
"ป้าไม่ให้นะลูก เพราะมันอันตราย ถ้าหนูจะร้อง หนูร้องไป แต่ป้าไม่ให้นะ"
บอกแค่นี้ก็ไม่ร้องแล้ว หันไปหยิบอย่างอื่นเล่นแทน ทำเอาตัวแม่ประหลาดใจ
"พี่ทำได้ไงอ่ะ กับหนู นี่มันดื้อมาเลย มันจะร้องจนมันได้เลยนะ"
"ไม่ใช่ว่ามันร้องจนมันได้ แต่ว่าตัวเราต่างหากที่เรายอมให้มันทุกๆ ครั้งที่มันร้อง มันก็รู้น่ะซีว่า ถ้าร้องแล้วได้"
"แต่ว่าไม่รู้ว่าหนูจะทำได้หรือไม่นะ เพราะอย่างนี้ต้องเหนื่อยมากๆ เลย ต้องทนลูกร้อง"
"ลองทำดูสัก 1 อาทิตย์นะ แล้วลูกจะเลิกร้อง ถ้าเราไม่ยอมนะ อย่าทำว่า เดี๋ยวยอม เดี๋ยวไม่ยอม ถ้าไม่ยอมต้องไม่ยอมเลย และพูดให้ฟังด้วยคำพูดด้วย ไม่ใช่แต่ท่าทาง แต่ก็ไม่ควรห้ามมากๆ สิ่งที่พี่เห็นอีกอย่างคือ อะไรๆ ก็บอกลูกว่าอย่าๆๆๆ เหมือนทุกอย่างอย่าทำ อย่าจับหมด แต่ลงท้ายด้วยการได้ทำ ได้จับ อย่างนี้ลูกก็ไม่ฟังหรอก เพราะว่ายังไงๆ ก็ได้ทำ ได้จับ"

"พี่ว่านะ ที่เห็นเลยชัดๆ เนี่ย พี่ว่าเราเล่นกับลูก แต่ว่าไม่สื่อสารนะ ไม่เห็นเลยว่าเราจะอธิบายอะไรๆ ให้ลูกฟัง มีแต่จะห้าม จะบอกว่าไม่ได้ อย่า แต่ไม่เห็นคุยกับลูกเลย"
"คุยกันหรือ? คุยแล้วมันจะรู้เรื่องหรือ?"
"รู้เรื่องสิ คุยแบบคุยกับพี่นี่เลย แต่ใช้ศัพท์แบบธรรมดาที่เขาน่าจะเข้าใจ ไม่ต้องคิดแทนว่าเขารู้เรื่องหรือไม่ แต่เราต้องพูด ต้องทำไปเรื่อยๆ นี่ไม่เห็นคุยกับเขาเลยนะ พี่เห็นเราอุ้มลูกโยนให้หัวเราะเอิ๊กๆ แต่ไม่ค่อยคุยเลย"

ต่อ...




 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2549
0 comments
Last Update : 6 กันยายน 2549 18:23:32 น.
Counter : 1142 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


พธูไทย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




บล็อกนี้เปิดไว้เพื่อเก็บสิ่งที่เขียนจากที่ต่างๆ เอามารวมๆ กัน
ไม่ได้เข้าบล็อคบ่อยๆ มาดูเฉพาะตอนที่จะเขียนอะไร
ดังนั้นถ้าใครมาเยี่ยมชมหรือเขียนถามอะไรเอาไว้ จะไม่เคยตอบ
เพราะกว่าจะตอบมันนานมาก และผู้ถามคงจะลืมไปแล้วว่าถามอะไร
Friends' blogs
[Add พธูไทย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.