<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
28 สิงหาคม 2552
 
 
'กระบังลมหย่อน' โรคที่ผู้หญิงควรระวัง

 ปัจจุบันคนไทยมีอายุยืนยาวขึ้น ส่งผลให้จำนวนประชากรสูงอายุมากขึ้น พร้อมๆ กับปัญหาสุขภาพเสื่อมถอย ไม่ว่าจะเป็นข้อเข่าเสื่อม สมองเสื่อม หรือตาเป็นต้อ ซึ่งพบได้ทั้งหญิงและชาย แต่มีอยู่โรคหนึ่งที่พบไม่น้อยเฉพาะในหญิงสูงอายุ ซึ่งเป็นแล้ว กลับไม่ค่อยยอมมาหาหมอ โรคที่ว่านี้คือ “กระบังลมหย่อน”


   ความหมายของกระบังลม


      เวลาคนเรายืน อวัยวะต่างๆ ในช่องท้อง เช่น ลำไส้ มดลูก กระเพาะปัสสาวะ จะไม่ไหลลงมากองที่หว่างขา นั่นเพราะเรามีกล้ามเนื้อชุดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายเปลญวนคอยพยุงเอาไว้ เราเรียกกล้ามเนื้อนี้ว่า “กล้ามเนื้อกระบังลม” ซึ่งประกอบด้วย กล้ามเนื้อต่างๆ หลายสิบมัดยึดติดประสานกัน ทำหน้าที่เหมือนพื้นรองของไม่ให้หล่นลงมา อย่างไรก็ตาม จะมีบางบริเวณของกล้ามเนื้อชุดนี้ที่จะเป็นรูอยู่หลายตำแหน่งเพื่อให้อวัยวะบางอย่าง ได้แก่ ช่องคลอด ท่อปัสสาวะ และรูทวารหนักผ่านออกมาได้


   สาเหตุกระบังลมหย่อน

      โดยปกติกล้ามเนื้อกระบังลมจะมีความแข็งแกร่งทนทานค่อนข้างมาก แต่ถ้าสตรีใดผ่านการคลอดบุตร โดยเฉพาะคลอดทางช่องคลอดบ่อยๆ ก็จะทำให้กล้ามเนื้อชุดนี้ถูกยืดขยายและหย่อนยานได้ ยิ่งคลอดมาก กล้ามเนื้อก็จะยิ่งหย่อนมาก อย่างไรก็ตาม ในสตรีที่อายุยังไม่มาก แม้จะผ่านการคลอดมาหลายครั้ง กล้ามเนื้อก็มักจะยังไม่ยืดหย่อนมาก เพราะยังมีฮอร์โมนจากรังไข่มาช่วยให้กล้ามเนื้อคงความแข็งแรงได้ระดับหนึ่ง แต่เมื่อสตรีเหล่านี้ก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุ ด้วยสภาพสังขารเองจะทำให้กล้ามเนื้อเหล่านี้หมดความแข็งแรงได้ง่าย ประกอบกับฮอร์โมนที่เคยมีในวัยสาวก็หมดลงไปด้วย กล้ามเนื้อก็จะยิ่งอ่อนแอลงมากขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อกระบังลมเกิดการหย่อนยาน คราก เสียความตึงตัว จนไม่สามารถพยุงอวัยวะในช่องท้องไหว จึงทำให้ผนังช่องคลอดโผล่ออกมานอกช่องคลอด ถ้ารุนแรงมากขึ้นก็อาจมีมดลูกโผล่ออกมาหรือหลุดออกมาด้วย

      ทางการแพทย์ เราพบว่า การคลอดลูกมาก เป็นสาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดภาวะกระบังลมหย่อน แต่ก็ยังมีสาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดได้ เช่น การไอเรื้อรังจากโรคปอด หรือหลอดลมต่างๆ หรือรายที่ท้องผูกและต้องเบ่งถ่ายอยู่เป็นประจำ แต่ก็ยังน้อยกว่าการคลอดลูกมากอยู่ดี


   อาการของโรคกระบังลมหย่อน

      อาการของกระบังลมหย่อนมีได้มากมาย ขึ้นอยู่กับชนิดของอวัยวะที่หย่อนและความรุนแรงของการหย่อน ที่พบบ่อยได้แก่

    - อาการหน่วงในช่องคลอด มักพบในรายที่มีการหย่อนของผนังช่องคลอดหรือมดลูกเพียงเล็กน้อย ถ้าหมอไม่สังเกตหรือตรวจอย่างละเอียด อาจไม่พบความผิดปกตินี้ได้

    - มีก้อนเนื้อโผล่มาตุงที่ปากช่องคลอดหรือหลุดออกมานอกช่องคลอด บางรายก็แค่คลำได้ในช่องคลอด บางรายมองเห็นที่ปากช่องคลอดเลยก็มี ก้อนเนื้อที่เห็นอาจเป็นผนังช่องคลอด หรือปากมดลูก หรือตัวมดลูกทั้งอันเลยก็ได้ แล้วแต่ความรุนแรงของภาวะกระบังลมหย่อน

    - เจ็บ แสบ มีแผล หรือมีเลือดออกบริเวณปากช่องคลอด ส่วนมากมักจะพบในรายผนังช่องคลอด ปากมดลูกหรือมดลูกโผล่ออกมานอกช่องคลอดและถูกเสียดสีกับอวัยวะข้างเคียง เช่น ต้นขา ปากช่องคลอด ทำให้เกิดแผลถลอก มีเลือดออกตามมา บางรายทิ้งไว้นานอาจกลายเป็นแผลขนาดใหญ่ลุกลามจนปวดทรมานมากได้ ซึ่งกรณีหลังนี้มักพบในสตรีที่มีโรคเบาหวานอยู่ก่อนแล้ว

    - มีปัญหาในการถ่ายปัสสาวะ ซึ่งมีได้หลายลักษณะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหากระบังลมหย่อน …ในรายที่ผนังช่องคลอดหย่อนไม่มากอาจทำให้มีอาการปัสสาวะบ่อย เพราะกระบังลมที่หย่อนจะทำให้กระเพาะปัสสาวะหย่อนตัวลงมาด้วย เวลาถ่ายปัสสาวะจึงทำให้ถ่ายไม่หมด และร่างกายต้องพยายามขับทิ้งโดยถ่ายบ่อยขึ้น ...บางรายที่ผนังช่องคลอดหรือมดลูกหย่อนมากจนดันท่อปัสสาวะให้เลื่อนผิดตำแหน่ง และถ้าเวลา ไอ จาม หรือออกแรง จะทำให้ท่อปัสสาวะจะไม่สามารถกลั้นการไหลของปัสสาวะได้ เกิดปัสสาวะเล็ด บางรายเป็นไม่รุนแรง แต่บางรายก็รุนแรง เป็นบ่อย เป็นมาก จนไม่กล้าเข้าสังคมเพราะอับอายก็มี ...ในรายที่มดลูกหย่อนมาก อาจไปดันบริเวณรอยต่อของกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะจนตีบ ทำให้ถ่ายปัสสาวะไม่ออกก็มี เวลาจะถ่ายปัสสาวะสักครั้ง ต้องเอามือดันมดลูกเข้าไปก่อนจึงจะถ่ายได้ เป็นเรื่องที่ทุกข์ทรมานไม่น้อย

     สตรีสูงอายุที่มีภาวะกระบังลมหย่อน ไม่ว่าจะมีอาการมากหรือน้อย ส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมาหาหมอเพื่อรับการตรวจ ด้วยเหตุผลง่ายๆ ที่พอสรุปได้

    1.อาย และอายมากกว่าสาวๆ เสียอีก ที่จะต้องไปนอนให้หมอมาดูอวัยวะเพศของตัวเอง เลยยอมอดทนต่ออาการต่างๆ โดยไม่ยอมปริปากบอกใคร

    2.คิดว่าเป็นเรื่องที่ต้องเกิด ส่วนมากเชื่อว่า ปัญหากระบังลมหย่อนเป็นเรื่องตามธรรมชาติที่ต้องเกิดเมื่อแก่ตัว เลยไม่คิดจะมาหาหมอ

    3.เกรงใจลูกหลาน คนยิ่งแก่ ยิ่งเกรงใจคนอื่น กลัวจะไปรบกวนลูกหลานให้หงุดหงิด รำคาญใจ ถ้าจะต้องให้พาไปหาหมอ เลยทนๆ เอา


   การรักษากระบังลมหย่อน

    1.ออกกำลังกาย ในรายที่เป็นไม่รุนแรง อาจใช้แค่การบริหารกล้ามเนื้อกระบังลมด้วยวิธีง่ายๆ โดยการขมิบก้น จะทำให้กล้ามเนื้อกระบังลมต้องมีการหดรัดตัว ทำให้กล้ามเนื้อดังกล่าวมีการหนาตัว ตึงตัว และแข็งแรงขึ้น เหมือนกล้ามเนื้อแขนที่ใหญ่และแข็งแรงขึ้นจากการตีแบดมินตัน หรือเล่นเทนนิส

    วิธีการขมิบก้นที่ได้ผล จะต้องขมิบให้แรงพอและนานพอ ซึ่งทดสอบได้ง่ายๆ โดยขณะที่ทำการถ่ายปัสสาวะให้ลองขมิบก้นให้แรงจนปัสสาวะหยุดไหล เวลาขมิบจริงให้ใช้ความแรงประมาณนั้น แต่อย่าทำตอนถ่ายปัสสาวะ เพราะเดี๋ยวจะทำให้ท่อปัสสาวะอักเสบ หรือถ่ายปัสสาวะลำบากในภายหลังได้ ท่านจะขมิบเวลาไหนก็ได้ แต่ควรทำอย่างน้อยวันละ 30-50 ครั้งๆ ละ 5-10 วินาที ทำไปเรื่อยๆ ต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือน ถึงจะเห็นผล

    2.การผ่าตัดรักษา จะทำในรายที่เป็นรุนแรง มีการหย่อนของผนังช่องคลอดหรือมดลูกค่อนข้าง มาก การผ่าตัดอาจทำเพียงแค่ตัดผนังช่องคลอดส่วนที่หย่อนยานทิ้งแล้วเย็บซ่อมให้แข็งแรง หรืออาจต้องตัดมดลูกทิ้งร่วมไปด้วยในกรณีที่มดลูกหย่อนและยื่นลงมาค่อนข้างมาก การผ่าตัดดังกล่าวทำไม่ยากและใช้เวลาไม่มาก แต่ได้ผลค่อนข้างดี ส่วนมากจะหายขาดจากอาการทุกข์ทรมานทั้งหลายอย่างเห็นได้ชัด มีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่กลัวการผ่าตัด แต่หลังจากผ่าตัดแล้ว พบว่าคุณภาพชีวิตดีขึ้น รู้อย่างนี้ผ่าตัดมาเสียตั้งนานแล้วก็มี


      ฉะนั้น ถ้าใครมีผู้สูงอายุที่บ้าน หมั่นถามท่านบ่อยๆ ว่า มีอาการของภาวะกระบังลมหย่อนหรือไม่ ถ้ามี อย่ารีรอที่จะชวนท่านไปหาหมอนะครับ ส่วนมากรักษาให้หายขาดได้ หรือถึงไม่หายขาด การรักษาก็สามารถบรรเทาอาการของโรคได้อย่างดี




Create Date : 28 สิงหาคม 2552
Last Update : 28 สิงหาคม 2552 14:15:05 น. 0 comments
Counter : 1310 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

ควีนโพธิ์ดำ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Fit&Firm
[Add ควีนโพธิ์ดำ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com