5iLLy* บ้า กล้า เซอร์

puypang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Group Blog
 
 
มิถุนายน 2553
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
2 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add puypang's blog to your web]
Links
 

 

[BEAUTY BIBLE] รวมศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับแฟชั่นและเครื่องสำอางค์ ที่สาวๆมักเข้าใจผิด และใช้กันผิดๆ

1. ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่อินเทรนด์สุดๆ แฟชั่นสุดยอดดดดด

คนไทยหลายๆคนมักจะพูดว่า in trend หรือ fashion กัน
ซึ่งจริงๆแล้ว ถ้าไปพูดว่า She is very in trend หรือถ้าจะพูดว่า ฉันชอบแฟชั่นของคนนั้นจัง
เช่น I love her fashion .. ฝรั่งงงแน่ๆค่ะ ..

เราสามารถพูดได้โดย
เปลี่ยนจากคำว่า in trend เป็น fashionable ที่มีความหมายว่าสมัยนิยม,ทันสมัยนั่นเอง

เช่น

- She is very fashionable, She is a fashionable person

หรือจะยังใช้คำว่า in trend ก็ได้ แต่เปลี่ยนเป็นคำว่า trendy แทนค่ะ

เช่น She is very trendy นั่นเอง

หรือถ้าจะพูดว่าเราชอบแฟชั่นการแต่งตัวของเขา ก็สามารถพูดได้เป็น

- I love her style. I love the way they dress up ประมาณนี้ค่ะ

ส่วน In trend / Out trend นั้น เป็นการพูดเกี่ยวกับช่วงระยะเวลาของสิ่งๆนึง
ที่เข้ามาและกำลังเป็นที่นิยม หรือช่วงเวลาที่สิ่งนึงกำลังตกสมัย ล้าสมัยออกไปเช่น

Tamagotchi is now out of trend
หรือแสลงที่วัยรุ่นชอบใช้กันก็จะเป็น It's outta trend ..
( แต่ไม่สนับสนุนให้ใช้นะค้าา .. ใช้ศัพท์แบบเต็มๆนั่นแหละค่ะ ดีแล้ว รักษาภาษาไว้ดีกว่าค่ะ )


2. เสื้อผ้าฟิตเกินไป/ เสื้อตัวนี้ใส่พอดีเลย

หลายๆคน หรือแม้กระทั่งออน สมัยที่ไปอยู่ออสใหม่ๆ ก็มักจะพูดผิดค่ะ
เช่นไปลองเสื้อผ้าแล้ว แต่เสื้อผ้าตัวเล็กเกินไป .. คนไทยมักจะติดคำว่า ฟิต
เช่น This shirt is too fit .. ซึ่งฝรั่งจะงง

เพราะคำว่า fit สำหรับฝรั่งนั้นแปลว่า " พอดี " ค่ะ

ดังนั้นถ้าต้องการจะพูดว่า .. เสื้อตัวนี้พอดีกับตัวฉัน ..
เราก็พูดได้ว่า ..

- This shirt fits perfectly on me

หรือถ้าจะพูดว่าเสื้อตัวนี้เหมาะกับฉัน หรือคิดว่าเสื้อตัวนี้เหมาะกับฉัน เราก็พูดได้ว่า

- This shirt suits me. I think, it suits me

หรือถ้าจะพูดว่าเสื้อตัวนี้เล็กไป ใหญ่ไป เราก็พูดง่ายๆเลยค่ะ

- I think it's a little too small, it's a little too big.

ปล. ลืมบอกไปว่าภาษาที่ออนใช้ อาจจะไม่ใช่ proper english แบบ 100% นะคะ เพราะแกรมม่าออนก็ไม่ได้แม่นค่ะ
ภาษาพวกนี้เป็นเหมือนภาษาพูดในชีวิตประจำวัน เหมือนกับที่คนไทยใช้ค่ะ ไม่ใช่ภาษาอ่านที่เป๊ะๆ ทุกตัวจากหนังสือค่ะ


3. ฉันชอบแต่งหน้า / ฉันชอบการแต่งหน้าของผู้หญิงคนนั้น

สาวๆบางคนอยากจะพูดว่า " ฉันแต่งหน้า หรือ ฉันชอบแต่งหน้า "
แต่บางคนอาจจะไม่รู้ว่าจะพูดยังไง  .. ซึ่งฝรั่งใช้คำว่า " wear " แทนคำว่า " แต่ง " ค่ะ

เช่น ..

- I wear make-up to uni everyday
- I love wearing make-up

หรือถ้าจะพูดว่า ฉันชอบการแต่งหน้าของผู้หญิงคนนั้น ก็ง่๊ายย ง่ายยยค่ะ

เช่น

- I love her make-up

สั้นๆแต่ได้ใจความค่ะ

ศัพท์ที่ออนใช้วันนี้ ออนเน้นคำง่ายๆค่ะ ไม่สับสน เข้าใจง่าย จำง่าย
สามารถจำและนำไปหัดใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพราะออนมองว่าบางคนพยายามใช้ศัพท์ยากๆ
เพื่อให้ดูดี ดูเป็นทางการ หรือดูฉล๊าดด ฉลาดดด แต่มันจะไม่มีประโยชน์เลย ถ้าใช้ศัพท์ยากๆ
นั้นไม่เป็น ไม่ถูกต้อง .. ตอนออนไปออสใหม่ๆ เพื่อนๆก็จะพูดคำแสลง หรือเรียนรู้คำหยาบกันบ้าง
ช่วงแรกๆบอกตรงๆว่าไม่กล้าใช้ นึกสภาพว่าจะไปด่าเค้า แต่พูดผิดนี่อาย ขายหน้าเค้าสุดๆแน่ค่ะ T^T


4. เบส/รองพื้น

คนไทยจะนิยมและติดปากกับคำว่า เบสๆ เวลาไปซื้อเบส หรือสั่งเบส
แต่ถ้าจะไปเมืองนอกไปพูดคำว่า เบส อย่างเดียว คนขายอาจจะงงค่ะ เพราะเหมือนกับว่า
เบส แปลว่าพื้น, ฐาน อะไรประมาณนั้น ดังนั้นเราควรเรียกชื่อเต็มๆค่ะ

เช่น

ฉันกำลังมองหาเมคอัพเบส

- I'm looking for a make-up base

ฉันอยากได้เมคอัพเบส

- I would like to buy the make-up base

ซึ่งฝรั่งจะไม่ใช้บีบีครีมกันนะคะ .. ส่วนมากจะนิยมใช้รองพื้นกันไปเลยมากกว่า
เนื่องจากสภาพอากาศของเค้า ที่ค่อนข้างแห้ง ทั้งร้อนแห้ง และหนาวแห้ง ดังนั้นรองพื้น
จะปกปิด และให้ความชุ่มชื้น ไม่ทำให้หน้าแห้งได้ดีกว่า ..

ส่วนเฉดสี .. เราสามารถใช้ได้หลายคำค่ะเช่น

fair = ขาวมากๆ ( ขาวผิวฝรั่ง )
light = ขาว ( ขาวอาหมวยจีน ขาวอมชมพู
medium = ผิวกลางๆ ขาว-เหลือง ( ผิวคนเอเซีย )
dark = ผิวสีน้ำผึ้ง ผิวแทน

แต่ทั้งที้ทั้งนั้น แต่ละแบรนด์ก็มีการวัดสีผิวที่แตกต่างกันออกไปค่ะ
ดังนั้นเราควรจะรู้ผิวเรา ว่าประมาณไหนก่อน .. เช่นผิวออน NC 20
ก็เรียกว่า light หรือ light-medium ก็ได้ .. 


* ที่อเมริกา ส่วนใหญ่เมกอัพเบส จะใช้คำว่า Primer กันค่ะ


5. ผิวแบบไหน, ความต้องการทั่วไป ฯลฯ

ก่อนอื่น ..เวลาเราจะซื้ออะไร
พนักงานขายก็มักจะถามข้อมูลของสินค้าที่เราต้องการหา หรือผิวของเรา
เพื่อที่จะได้เลือกสินค้าให้เหมาะกับเราให้มากที่สุด ในกรณีที่เราไม่รู้เกี่ยวกับสินค้านั้นๆ

เช่น

คุณกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ประเภทไหน

- What kind of products are you looking for?

ผิวของคุณเป็นแบบไหน

- What is your skin type?

ผิวมัน/ผิวผสม/ผิวแห้ง/ผิวบอบบาง ( ไล่ตามลำดับ )

- Oily skin, Combination skin ( combination มาจากคำว่า combine ที่แปลว่าผสมกัน รวมกันนั่นเอง ),
Dry skin, Sensitive skin ตามลำดับนี้เลยค่ะ .. ซึ่งเราควรจะต้องรู้ก่อนว่าผิวของเราเป็นผิวแบบไหนนะคะ
จะช่วยให้การเลือกซื้อเครื่องสำอางค์ หรือการใช้สกินแคร์ต่างๆ ง่ายขึ้น และเห็นผลกับเรามากที่สุดค่ะ


6. การเลือกซื้อสินค้าให้เหมาะกับผิว

ผิวมัน ( Oily skin )

ถ้าต้องการหาแป้งควบคุมความมัน
เราสามารถใช้คำศัพท์ง่ายๆเช่น oil control powder ก็ได้ แต่คนส่วนมากจะไม่ค่อยใช้กัน
ดังนั้นศัพท์ที่ดูวุ่นวายหน่อย แต่ใช้ได้ผลก็จะเป็นคำว่า matte หรือ mattifying powder นั่นเอง

เช่น ..

- I'm looking for a mattifying foundation ( รองพื้น ) หรือ
- I would like to buy this matte powder

ส่วนถ้าผิวผสม .. อาจจะยังไม่มีคำที่เฉพาะเจาะจง ( หรือออนไม่รู้ ก็ไม่แน่ใจ T^T )
ส่วนมากออนผิวผสม เวลาออนหาอะไรออนก็จะบอกเค้าไปเลยว่า ..

ฉันผิวผสม ฉันต้องการหาสกินแคร์หรือเครื่องสำอางค์สำหรับผิวผสม เช่น

- My skin is a combination skin
- I'm looking for a skincare for a combination skin
- I wanna buy a powder for combination skin .. ( เราสามารถอธิบายเพิ่มเติมให้พนักงานเข้าใจได้มากขึ้น )

เช่น

ช่วงทีโซนจะมันระหว่างมัน แต่ส่วนอื่นๆของหน้าจะแห้ง

- around the T-Zone area is quite oily during the day . but the rest of the areas are dry

ผิวแห้ง ( Dry skin )

ส่วนมากคนผิวแห้งจะเน้นพวกครีมที่เนื้อหนักๆ หรือผลิตภัณฑ์ที่เติมนำให้ผิว
เพราะว่าสาวๆผิวแห้งจะมาใช้เจล หรือผลิตภัณฑ์ที่ผสมแอลกอฮอลล์ไม่ค่อยได้
เพราะว่าความชุ่มชื่นจะไม่พอ ..

ดังนั้นถ้าผิวแห้งมากๆ และต้องการเน้นว่า .. ผิวฉันแห้ง ต้องการครีมหนักๆ
คำว่าเข้มข้นของภาษาอังกฤษในกรณีพวกครีม หรือของเหลว จะใช้คำว่า " rich "

ในที่นี้ไม่ได้แปลว่ารวยนะค้าาา แต่แปลว่าเข้มข้น ข้น เยอะ หนัก ประมาณนั้นเลย

เช่น ฉันเป็นคนผิวแห้ง กำลังมองหาม๊อยเจอร์ไรเซอร์แบบเข้มข้น

- My skin is very dry/ I have dry skin. I'm looking for a moisturizer, a rich one ประมาณนี้ค่ะ

หรือสำหรับผิวแพ้ง่าย .. คำว่า allergic / allergy จะได้ใช้บ่อยเลยค่ะ

เช่น ผิวฉันแพ้ง่ายมากๆ

- My skin is very sensitive

allergy/allergic แปลว่า แพ้ค่ะ แพ้ที่หมายถึงอาการแพ้ ค่ะ


ว่าถ้าจะบอกคำว่า ผิวเราแพ้ง่ายมากๆ หรือโดนอะไรนิดๆหน่อยๆ ก็แพ้ ก็พูดได้ว่า

I get allergic very easy หรือ My skin gets allergic easily

ประมาณนี้ค่ะ ..  


* ศัพท์ย่อยๆ ภาษาอังกฤษอื่นๆ *

แท็กซี่ = taxi, cab

( ฝรั่งหลายคนเรียกว่า cab ค่ะ .. อ่านว่า แข็ป .. เช่น .. Im getting the cab, I come here by the cab, I'll call the cab to come pick me up )

ถุงพลาสติก ถุงผ้าใส่ของ = shopping bag

( เมืองนอกจะมีพวกถุงผ้าขายที่ซุปเปอร์ค่ะ ไว้สำหรับแม่บ้าที่มาช้อปบ่อยๆ พวกนี้จะใช้ถุงผ้าค่ะ เพราะซื้อครั้งเดียวใช้ได้นานเลยค่ะ ส่วนมากราคาอยู่ประมาณ 99 cents ค่ะ คิดแล้วราคาประมาณ 25-30 บาทไทยค่ะ

รถเข็น = shopping trolley, trolley

( อ่านว่า " ทรอย-ลี่ " หรือ " ช็อปปิ้ง ทรอย-ลี่ " ค่ะ ก็คือรถเข็นในซุปเปอร์ ขนเห็นในห้างนั้นเอง .. )

ถามราคา = how much are they, how much does it cost ฯลฯ

( การถามราคาถามได้หลายแบบมากๆค่ะ แบบง่ายๆก็ how much is this, how much are they แบบยากขึ้นมาหน่อยก็ how much does it cost, how much do they cost หรือถ้าจะถามแบบสุภาพมากๆก็​ May I ask .. ขึ้นก่อน แล้วก็ตามด้วยคำถามเลยค่ะ )


Credit  จากคุณ: shanny, super sheep



//www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q9320385/Q9320385.html




 

Create Date : 02 มิถุนายน 2553
1 comments
Last Update : 2 มิถุนายน 2553 15:14:09 น.
Counter : 105735 Pageviews.

 

ดีจังค่ะ อ่านแล้วเป็นความรู้ภาษาอังกฤษที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเรานี่เอง ซึ่งบางทีเราก็ใช้ผิดกันจริงๆ ด้วย

 

โดย: yzai 2 มิถุนายน 2553 23:49:20 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.