|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
3. เผชิญหน้า
เมื่อแยกจากคิลที่หน้าห้องสมุดเฟรินเดินกลับมาที่ห้อง ปล่อยตัวให้กระแทกลงบนความอ่อนนุ่มของเตียง แล้วปล่อยให้ความคิดล่องลอยไป
‘ทำไมคาโลถึงไม่พูดกับเรา’
‘บางทีเรื่องที่เรนอนเล่าให้ฟังคงเป็นเรื่องจริง’
--------------------------------------------------------
สัปดาห์แรกของการเปิดเทอม
“ไม่คิดเลยว่าปิดเทอมที่ผ่านมาจะได้ไปเที่ยวปราสาทของเรนอน” มาทิลด้าเอ่ยขึ้นในห้องพักผ่อนรวมของหอพักหญิง
“เอ๋..เธอสองคนนัดกันเหรอ ทำไมไม่บอกให้ฉันรู้บ้าง ฉันจะได้ไปด้วยคน” แองเจลีน่าพูดขึ้นอย่างแปลกใจ
“ไม่ได้นัดกันหรอกพอดี เสด็จแม่ของฉันพาลูกพี่ลูกน้องฉันไปพบกับคิงบาโลน่ะ ฉันเลยไปด้วย”
“น่าแปลก แม่เธอพาลูกพี่ลูกน้องเธอไปทำไม กะจะไปยึดเมืองของคาโลมันรึไง” เฟรินพูดแทรกขึ้นบ้าง
“จะบ้าเหรอ ใครเค้าจะพาลูกสาว กับ ลูกพี่ลูกน้องของลูกสาวไปบุกยึดเมืองอื่นกัน” แองเจลีน่าพูด อดส่ายหน้าด้วยความระอาไม่ได้ เมื่อไหร่สาวน้อยหน้าหวานคนนี้จะทำตัวให้สมกับเป็นผู้หญิงซะที ไม่ต้องขนาดสมกับเป็นเจ้าหญิงก็ได้
“ก็อาจจะยึดได้ก็ได้” เฟรินหลิ่วตามีเลสนัย
“ทำยังไงเหรอ” เรนอนถามด้วยสีหน้าสงสัย
“...” เฟรินยังคงกอดอกยักคิ้ว ยิ้มยั่วอย่างเป็นต่อ
“บอกมานะเฟริน อย่ามัวทำเป็นเล่น” มาทิลด้าเริ่มทนไม่ไหวกับมาดกวนประสาทของเจ้าหญิงแห่งความมืดคนนี้
“ก็ใช้เสน่ห์ยึดไง” เฟรินรีบเฉลยก่อนที่จะโดนรุม
“เจ้าบ้าเฟริน” แองเจลีนาคว้าคทาคู่มือ เริ่มต้นวิ่งไล่เฟรินอีกครั้ง สร้างเสียงหัวเราะให้สมาชิกในห้องที่เหลือ
“โอ้ย...ยย อย่าตีซิ เดี๋ยวนี้ฉันเป็นผู้หญิงเหมือนเธอแล้วนะ” เฟรินเอามือกุมหัวที่โนเป็นลูกมะนาวจากคทาของแม่มดสาว
“ดีแต่เล่น ระวังเถอะ นายรู้มั้ยว่าลูกพี่ลูกน้องของมาทิลด้าไปพบคิงบาโลทำไม?” แองเจลีนาพูดแบบหอบๆ หลังจากวิ่งไล่เฟรินไปหลายรอบ
“เออ..นั่นซิ ไม่รู้แฮะ” เฟรินพูดพร้อมกับมองหน้ามาทิลด้า กับ เรนอนสลับกัน
“ให้ฉันเดานะ คงจะเกี่ยวข้องกับ ตำแหน่งคู่หมั้นของคาโลล่ะมั้ง” มาทิลด้าตอบ
“ก็อาจจะเป็นไปได้นะคะ เพราะทุกครั้งที่เจ้าชายคาโลกลับไป หญิงจะเห็นเจ้าหญิงจากหลายเมืองมาเข้าพบท่านลุงบาโร บางครั้งหญิงก็ร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยค่ะ”
“ถ้ามันเป็นอย่างมาทิลด้าคิด นายจะทำยังไง” แม้ว่าเพิ่งจะวิ่งไล่กันมา แต่แองเจลีนาก็อดเป็นห่วงสาวน้อยที่ปากมีปัญหาคนนี้ไม่ได้
“ไม่มีปัญหาอะไรหรอกน่า เป็นห่วงตัวเองเถอะ จะมีคนสนใจแม่มดสาวมือหนักรึเปล่าน้า”
“นายเฟริน” ก่อนที่แองเจลีน่าจะวิ่งไล่จับเฟรินมาลงโทษ โทษฐานที่ปากเสีย เจ้าตัวร้ายก็เผ่นแผล้วออกจากห้องไปเรียบร้อย ไม่เห็นฝุ่น
---------------------------------------------------- มาถึงวันนี้ เรื่องคู่หมั้นของคาโลที่เรนอนเล่าคงเป็นเรื่องจริง บางทีคาโลอาจจะรู้สึกว่าเธอไม่เหมาะสมกับเขาแล้วก็ได้
เฟรินแนบหน้ากับหมอนเพื่อกลบเสียงสะอื้น เธอไม่คิดมาก่อนว่าจะรู้สึกผิดหวังและเสียใจได้มากขนาดนี้
“เป็นอะไรตาโหลเชียว เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ” คิลถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เมื่อพบหน้าเฟรินที่โรงอาหารดรากอนในเช้าวันรุ่งขึ้น
“ไม่รู้ซิ ฉันก็ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไร บางทีอาจจะแค่แป๊บเดียว” เมื่อคืนนี้เฟรินปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้เวลา จนกระทั่งผล็อยหลับไป
ทั้งสองเหลือบไปเห็นคาโลเดินเข้ามาพร้อมกับคนของคิงบาโร
“ถ้านายจะไปนั่งกับหมอนั่นก็ได้นะ เพราะฉันว่าจะอิ่มแล้วล่ะ” เฟรินพูดหลังจาก มองตามร่างสูงสง่าด้วยความหวังว่าดวงตาสีฟ้าคู่นั้นจะหันมามองเธอบ้าง แต่ก็ไม่เป็นผล
“ฉันไม่ไปนั่งกับมันหรอก เมื่อคืนฉันไปคุยกับมันเรื่องนาย มันบอกว่า อย่ายุ่งเรื่องของมัน น่าโมโหมั้ยล่ะ” คิลพูดด้วยอารมณ์ที่ยังโมโหไม่หาย
“...” เฟรินได้แต่ก้มหน้า นิ่งเงียบ
“ให้ตายเถอะว่ะ เฟริน คนเดิมที่ฉันรู้จักหายไปไหนฟะ วู้...เซ็งไปนั่งที่อื่นดีกว่า นั่งนี่ก็กินข้าวไม่ลง”
คิลหยิบถาดเตรียมย้ายที่นั่ง เพราะรู้ว่าเฟรินคงอยากอยู่คนเดียวมากกว่าเวลาเช่นนี้ แต่เค้าก็อดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้
“ฉันว่า ถ้าเป็นเฟรินคนเดิม เค้าต้องหาทางให้ได้คุยกับคาโลตรงๆได้แน่ เพราะหมอนั่นจ้าวแผนการจะตายไป” คิลแกล้งพูดลอยๆเผื่อว่าจะเรียกสติของสาวน้อยที่ในตอนนี้ เขารู้สึกว่าเป็นสาวน้อยเต็มตัว ให้เลิกเศร้าแล้วคิดหาแผนการดีๆเพื่อแก้ปัญหานี้ให้ได้
หลังมื้อเช้าเฟริน กลับมาที่ห้องส่วนตัวอีกครั้ง เนื่องจากสอบเสร็จหมดทุกวิชาแล้ว เพื่อรวบรวมความกล้า สำหรับแผนการคืนนี้
เธอต้องขอบคุณคำพูดของคิลที่เตือนสติของเธอ ให้เลิกเศร้าแล้วหาทางแก้ปัญหา อย่างน้อยถ้าได้รู้ว่า ต้นเหตุที่ทำให้คาโลเมินเธอขนาดนี้คืออะไร ก็ยังดี ถ้าอะไรจะเกิดเธอก็ต้องทำใจยอมรับความจริงให้ได้
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
คาโลเดินกลับหอพักหลังจากเวลาห้องสมุดปิดเล็กน้อย อีก 2 วัน เขาต้องกลับไปยังคาโนวาล เขายังนึกวิธีการดีๆที่จะทำให้เสด็จพ่อของเขายอมรับเฟรินยังไม่ได้ เขาจึงได้แต่ถอนหายใจเพื่อระบายความอัดอั้นในใจออกมา หวังว่ามันจะช่วยลดความหนักใจลงได้บ้าง
เมื่อเขาปิดประตูห้องลง แล้วเดินเข้าไปภายในห้อง ในความมืดที่ครอบคลุม เขารู้สึกว่ามีใครบางคนยืนอยู่ข้างหลังเขา แต่เนื่องจากผู้บุกรุกไม่ได้ปิดบังกลิ่นอาย ทำให้คาโลรู้ได้ทันทีว่า แขกยามวิกาลของเขา คือ สาวน้อยที่เขาคิดถึงอยู่ตลอดเวลา
แสงสว่างปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันด้วยอำนาจเวทมนต์ของทายาทแม่มดสโนแลนด์ ขับไล่ความมืดให้หายไป
“สวัสดีคาโล” เฟรินยืนอยู่ระหว่างคาโลกับประตูห้อง เพราะเธอไม่ต้องการให้เขาหนีเธอไปอีก
“ฉันรู้ว่านายไม่อยากคุย ไม่อยากเจอหน้าฉัน แต่ฉันขอเวลาแค่ 5 นาที ได้มั้ย ฉันจะไม่เข้าใกล้นายมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งไล่ฉันเลยนะ”
ดวงตาสีฟ้าเย็นชาของคาโล จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลที่บัดนี้มีน้ำใสๆคลออยู่
“ฉันไม่รู้ว่าทำอะไรให้นายโกรธ หรือรังเกียจ บอกฉันได้มั้ย”
“เฮ้อ....ออ.. ฉันไม่ได้โกรธนาย”
เขาอยากจะอธิบายให้สาวน้อยตรงหน้าให้เข้าใจ แต่คำบอกเล่าอาจจะนำความทุกข์ใจให้เธอมากยิ่งขึ้นก็ได้
“งั้นนายคงรังเกียจ ฉันเข้าใจแล้ว คงเหมือนที่นายเคยพูดว่า ขโมยก็เป็นได้แค่ขโมยวันยังค่ำ ไม่มีทางเป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิงได้ นายอยากจะเลิกกับฉัน แต่นายไม่กล้าบอกฉันใช่มั้ย”
“...” คาโลเงยหน้าขึ้นสบตา ไม่เข้าใจกับคำพูดของสาวน้อย
“ไม่ต้องกังวลนะ ถ้านายต้องการอย่างนั้น ฉันแค่ต้องการคำยืนยันจากนาย ฉันไม่อยากจะเก็บความสงสัยไปตลอดทั้งปิดเทอม แล้วฉันจะบอกพ่อของฉัน ว่าฉันเป็นคนขอเลิกกับนายเอง ไม่ต้องห่วงฉันจะไม่ให้เกิดสงครามงี่เง่านั่นอีก” เฟรินพยายามที่จะรักษาเสียงไม่ให้สั่น เธอไม่รู้ว่ามันเหมือนกับที่ซ้อมที่ห้องมาตลอดทั้งวันมั้ย เพราะตอนนี้ความเจ็บปวดและความเศร้ามันทำให้เธอชาไปทั้งตัว เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกำลังยืนอยู่บนพื้นหรือไม่
“ใครบอกเธอเรื่องนี้” คาโลเห็นหยาดน้ำตาที่ไหลจากดวงตาสีน้ำตาลคู่งาม อย่างไม่ขาดสาย ระยะห่างของทั้งคู่ถูกลบให้หมดไปทันที ชายหนุ่มโอบกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนแนบแน่น
“ฉันไม่เคยคิดเรื่องที่จะเลิกกับเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว ใครพูดอะไรให้เธอไม่สบายใจเหรอ” คาโลคลายวงแขน เลื่อนมือใหญ่ทั้งคู่ของเขากุมใบหน้านวล แล้วบรรจงใช้นิ้วโป้งค่อยๆเช็ดน้ำตาจากดวงตาทั้งสองข้างให้สาวน้อย เขาไม่คิดว่าการเงียบ และ การหลบหน้าจะทำให้สาวน้อยเจ็บปวดได้มากขนาดนี้ สาวน้อยที่เขาเคยคิดว่าคงไม่มีอะไรทำให้หล่อนหวั่นไหวหรือซึมเศร้าได้
“...” เฟรินได้แต่ส่ายหน้า เนื่องจากเธอพยายามกลั้นเสียงสะอื้นอยู่อย่างสุดความสามารถ
“เฟรินอย่าร้องไห้อย่างนี้ซิ ฉันใจไม่ดีเลย อยากให้เธอรู้ไว้นะ ว่าไม่ว่าวันไหนๆ ฉันก็รักเธอเหมือนเดิม” แค่เห็นน้ำตา ร่างบางที่สั่นน้อยๆ จากการกลั้นเสียงสะอื้นในอ้อมแขน ปราการน้ำแข็งในหัวใจของเขาก็ละลาย
เขาช้อนคางสาวน้อยในอ้อมแขน แล้วบรรจงจุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผาก จุมพิตซับน้ำตาให้ที่เปลือกตาทั้งสองข้าง ก่อนจะเลื่อนจงไปประทับริมฝีปากร้อนบริเวณแก้ม ก่อนที่เลื่อนประทับริมฝีปากกับริมฝีปากแดงเรื่อชุ่มชื้น ร่างในอ้อมแขนดิ้นรนเล็กน้อย เมื่อรู้ตัวว่าจะถูกเอาเปรียบ ร่างสูงจึงเพียงแค่ประทับริมฝีปากอย่างแผ่วเบาเพียงชั่วเสี้ยววินาที
เมื่อคาโลมองหน้าธิดาแห่งความมืดผู้ครอบครองหัวใจของเขาที่ยังอยู่ในอ้อมแขนอีกครั้ง ดวงหน้าที่เคยขาวนวล บัดนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ดูน่ารัก น่าแกล้งยิ่งนัก
คาโลปล่อยร่างเล็กในวงแขนให้เป็นอิสระ เปลี่ยนมากุมมือเรียวเล็กคู่นั้นไว้อย่างทนุถนอมแทน
“อย่าคิดมากนะ”
“ก็จะไม่ให้คิดมากได้ยังไง ก็นายหลบหน้าฉันตลอดเลย ไม่พูดกับฉันด้วย แล้วเรนอนก็เล่าให้ฉันฟังเรื่องที่พ่อนายจะหาคู่หมั้นให้นาย ซึ่งฉันรู้ดีว่าในรายชื่อที่เจ้าหญิงที่พ่อนายเลือกไว้ให้ไม่มีทางมีชื่อฉันอยู่”
“ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องกังวลหรอก ฉันแค่เครียดๆนิดหน่อยน่ะ” “มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ย ฉันอาจจะช่วยนายได้นะ” ดวงตาสีน้ำตาลมองชายหนุ่มตรงๆ ด้วยความจริงใจ
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็แค่สรุปรายงานเหมือนเคยนั่นแหละ” คาโลลูบศีรษะสาวน้อยร่างเล็ก
“สบายใจขึ้นรึยัง” คาโลยิ้มให้เฟรินอย่างอ่อนโยน ด้วยรอยยิ้มที่เฟรินรู้สึกว่า รอยยิ้มแบบนี้ที่เป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น
“อืม แต่นายไม่มีอะไรให้ฉันช่วยจริงๆนะ” ตัวป่วนเริ่มป่วน เมื่อกลับมาสบายใจอีกครั้ง
“งั้นกลับห้องมั้ย ฉันเดินไปส่ง” คาโลแบมือ เพื่อรอให้สาวน้อยวางมือของเธอบนมือของเขา
“ก็ดี เดินผ่านสวนนะ”
“ทำไม มันมืดออก”
“ฉันไม่อยากให้ใครเห็นฉันตาบวมแดงแบบนี้ ไม่กลัวใครว่านายรังแกฉันรึไง” เฟรินพูดพร้อมหลิ่วตาล้อเลียนตามถนัด เมื่อกลับมาร่าเริงอีกครั้ง
“เฟริน” คาโลได้แต่ปราม เมื่อปากของสาวน้อยเริ่มมีปัญหาอีกแล้ว
บรรยากาศในสวนยามค่ำคืน เงียบสงบ พระจันทร์ดวงโตที่ทอแสงกระจ่างอยู่บนท้องฟ้า ยิ่งช่วยเพิ่มเสน่ห์ลึกลับของธิดาแห่งความมืดให้มากขึ้น ทั้งคู่เดินจูงมือกัน ผ่านต้นไม้ที่ถูกตัดเล็มไว้เป็นแนวอย่างคุ้นเคย ลมที่พัดเบาๆ เหมือนกับช่วยพัดพาความขุ่นข้องหมองใจของเฟรินเมื่อครู่ให้หายไป
“มีอะไรเหรอคาโล ถึงหยุดเดิน”
“เมื่อกี้ฉันบอกรักนายไปแล้ว แต่นายยังไม่ได้บอกฉันเลยว่า ยังรักฉันเหมือนเดิมรึเปล่า” แม้ว่าจะมีเพียงแสงจันทร์แต่เขาก็เห็นได้ชัดว่าดวงหน้าที่เขาเห็นเพียงเสี้ยวเดียวนั้นมีสีเข้มขึ้น
“ว่าไง บอกฉันหน่อยสิ เฟริน” คาโลเดินอ้อมมาดักหน้า
“ไม่เห็นจะต้องถามเลยนี่นา” เฟรินส่งค้อนให้ร่างสูงที่บัดนี้มายืนขวางทาง
“อยากได้ยินจากปากด้วย” มือใหญ่ยกขึ้นมาจับไหล่บางทั้งสองข้างไว้ ทำให้แม่จอมกะล่อนไม่สามารถหลบไปไหนได้อีก แล้วคาโลก็ก้มหน้าให้อยู่ในระดับเดียวกับหล่อน
“ก็ได้ ... ฉันรักนาย” แม้ว่าคำบอกรักจะแผ่วเผา แต่มันก็ดังก้องในหัวใจของคาโล
Create Date : 11 กรกฎาคม 2550 |
Last Update : 11 กรกฎาคม 2550 13:52:28 น. |
|
5 comments
|
Counter : 769 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ยามปลายลมหนาว IP: 125.25.193.227 วันที่: 19 มกราคม 2551 เวลา:20:44:19 น. |
|
|
|
โดย: องค์หญิงลิน IP: 203.156.28.158 วันที่: 24 มีนาคม 2551 เวลา:17:34:57 น. |
|
|
|
โดย: นานา IP: 58.8.90.114 วันที่: 31 มีนาคม 2552 เวลา:14:38:59 น. |
|
|
|
โดย: บลูเบอรี่สีเงิน IP: 203.156.26.227 วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:34:08 น. |
|
|
|
| |
|
|