Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
1 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
ตอนที่ 6 วันที่ 4 ตามหาปูยักษ์ที่โอซากา

เก็บข้าวเก็บของตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้เรารีบออกจากห้อง ไปยืนรอที่ counter เพื่อคืนกุญแจ ได้ตังค์ค่ามัดจำกุญแจคืนมา 1000 เยน เย้ๆๆๆ

เวลาประมาณ 7 โมงกว่าๆ เรารีบพุ่งออกจาก New Koyo เพื่อไปขึ้นรถไฟชินกังเซ็น เพื่อไปเกียวโต



การขึ้นรถไฟตระกูลรถด่วนๆก็ยังคงทุลักทุเลเหมือนเดิม เหตุผลก็เดิมๆ คือ ชานชลาเดียว แต่หลายขบวนเหลือเกิน -_-“ และอีกเหตุผลก็คือ จากเดิมที่เรามีกันคนละ 1 เป้ กระเป๋ามันออกลูกออกหลานได้ค่ะ กลายเป็นคนละ 2 ใบ -_-“

Put ได้แต่แอบบ่นในใจ ‘ทำไมมันไม่ขึ้นง่ายๆแบบรถไฟธรรมดานะ’

เราแค่เกือบขึ้นผิด แต่ก็ขึ้นถูกจนได้ โชคดีที่มีคนญี่ปุ่นใจดีคอยช่วยเหลือและเราเผื่อเวลาไว้หลงในสถานี ไม่งั้นคงตกรถไฟอีก

เมื่อถึงที่หมาย เราก็พบกับความอลังการของสถานีเกียวโต ... แต่มันอลังการแปลกๆ ตรงที่ มันเหมือนเชื่อมไปโน่น ไปนี่ ดูยุ่งๆยังไงไม่รู้ และเหมือนมีห้างหรูอยู่ข้างในนั้นด้วย

Put รู้สึกว่า เกียวโต เค้าแข่งๆ อะไรกันอยู่กับโตเกียวรึเปล่าเนี่ย -_-a เพราะนอกจากสถานีเกียวโตจะอลังการงานสร้างขนาดนี้และ ก็ยังมีหอคอยเกียวโตอีกด้วย

กว่าเราจะหาทางออก เพื่อที่จะไปที่พักที่ใหม่ของเราได้ เราก็แวะถาม Tourist Information เอาฤกษ์เอาชัย ^ ^ ขอแผนที่ภาษาอังกฤษซะหน่อย

คนที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูล เป็นคุณป้า 3 คน หน้าตาใจดี สำเนียงอังกฤษดีเยี่ยม แต่คงเป็นนโยบาย ที่เค้างก ให้แผนที่เราแค่ 1 อัน

“มาด้วยกัน ใช้แผนที่ด้วยกันนะคะ”

เราบอกคุณป้าว่า เราจะไป K’s Kyoto คุณป้าก็รื้อๆๆๆๆ เอกสารในตะกร้า ในที่สุดท่านก็หาแผนที่ของ K’s Kyoto เจอ แล้วท่านก็มอบให้เรา พร้อมกับชี้ Exit ที่เราจะต้องออกไป

ในที่สุดเราก็ออกมานอกสถานีได้สำเร็จ เดินผ่าน(คิดว่า)เป็นท่ารถ แล้วก็ข้ามถนนไป ผ่านไม่วัดก็วังเก่าๆ แล้วก็เลี้ยวขวา แล้วก็เดินๆๆๆๆๆๆ ผ่าน ร้าน Ministop แล้วเราก็เริ่มกังวล ว่ามันเลยไปรึยังนะ

ระหว่างที่เรายืนอยู่หน้าปากซอย แล้วก็เล็งหาป้าย K’s Kyoto

คุณลุงคนนึง ขี่จักรยานออกมาจากซอย ก็ถามเราว่า

คุณลุง : “มาพักที่ K’s Kyoto รึเปล่า” (เป็นภาษาญี่ปุ่น)

Put + P : “ค่ะ” เราสองคนแม้ว่าจะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นเลย แต่ได้ยินคำว่า K’s Kyoto ก็พยักหน้ากันหงึกหงัก

คุณลุง : “อยู่โน่นไง” (เป็นภาษาญี่ปุ่น) พร้อมกับชี้ไปยังตึกเป้าหมาย

Put + P : “ขอบคุณค่ะ” ยิ้มแฉ่ง เพราะในที่สุดก็ไม่หลงแย้ววววววววว เย้ ^ ^

เราเดินมาถึงตึกสีสันสวยงาม ดูใหม่และสดใสกว่า New Koyo มาก

เดินขึ้นบันไดไป ก่อนคุณ P ซึ่งเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษจะทำการ Check in

หลังจากเราเอาของไปเก็บเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินฝ่าลมหนาวกลับไปยังสถานีเกียวโตอีกครั้ง เพื่อออกเดินทางไปโอซาก้า

เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งวันดี Put กับคุณ P ก็เลยเลือกว่าจะไปเที่ยวไหนกัน

ในที่สุด Put ก็หว่านล้อมคุณ P ให้ไป ปราสาทโอซาก้า กับ ถนน Dotonburi

ด้วยความฉลาดน้อยของ Put Put ก็เข้าใจไปว่า สถานี Osaka กับ Shin Osaka เนี่ย มันก็คือที่เดียวกัน -_-“

Put ก็เลยใช้สิทธิ์ JR Pass ที่มี นั่งชินกังเซ็นไปลงสถานี Shin Osaka (นั่งกันเป็นว่าเล่น กลัวไม่คุ้ม ..แฮะ...แฮะ)

ระบบรถไฟที่แถวๆ นี้ เข้าใจยากกว่าโตเกียวเยอะเลย แม้ว่าจะมีป้ายบอกสายรถไฟเหมือนกัน แต่ว่า ป้ายสายรถไฟไม่แยกสี ป้ายของทุกสาย จะสีน้ำเงินขาวหมด แล้วแผนที่ที่แจกให้นักท่องเที่ยวก็เป็นแผนที่ซีรอกซ์ขาวดำ ทำให้เลือกสายรถไฟได้ยากมากๆ

เราเลยใช้วิธีถามๆๆๆๆๆๆ เอาเท่านั้น

เรานั่ง JR Loop Line (ที่นี่ก็มีรถไฟที่วิ่งวนเป็นวงกลมเหมือน สาย Yamanote ที่โตเกียวเลย) ไปลง สถานี Morinomiya เราก็ลง

เมื่อเราเดินออกมาจากสถานี เราก็เห็นปราสาทอยู่ลิบๆ ฮะฮ้า...ยังไงก็ไม่มีหลง ^ ^

เราเดินมุ่งหน้าไปทิศที่เห็นหลังคาของปราสาทโอซากา แล้วเราก็ถึงสวนหน้าปราสาท



โอ้..แม่เจ้า ทำไมมันกว้างขนาดนี้เนี่ย ..... มีถนนหลายสายให้เลือก เพื่อเดินลึกเข้าไปในส่วนสาธารณะ (ให้อารมณ์แบบเลือกประตูซักอันในเขาวงกตเลย).... แล้วสายไหนล่ะที่จะพาเราไปถึงตัวปราสาท

เราสองคน ยืนสั่นแหง่กๆๆๆๆ (เพราอากาศหนาว และลมก็แรง แดดก็ไม่มี ฝนก็ทำท่าว่าจะตก) ยืนดูแผนที่ที่เค้าทำไว้ให้ แต่สุดท้ายเราก็เลือกใช้บริการ รถไฟค่ะ ^ ^



จ่ายค่าตั๋วก็ 200 เยน ให้กับพี่เสื้อสีเขียว 2 คนที่เห็นในรูปน่ะค่ะ แล้วเราก็ได้รับแผนที่มากันคนละแผ่น



เสร็จแล้ว เราก็ขึ้นไปนั่งรอบนรถ โอ้...อุ่นมากเลย ... ดีจริงๆ ^ ^

ซักพัก รถไฟก็ออก รถไฟแล่นเอื่อย...เอื่อย...เอื่อย....ผ่านคนที่เดินกันบนถนนไป ในที่สุดก็ไปถึงปราสาทโอซาก้า

ปราสาทสีขาว ตั้งตระหง่าน อยู่ภายในป้อมปราการกำแพงหินที่แข็งแกร่ง ล้อมรอบด้วยคูน้ำอีกชั้น



...เดินผ่านกำแพงหินแข็งแกร่ง...เข้าไปใกล้ปราสาทอีกหน่อย



ตัวปราสาทของเดิมถูกทำลายลง(โดนทำลายหลายรอบเลยอ่ะค่ะ) ตอนสงครามระหว่างโทกุงาว่า อิเอยะสุ(ฝ่ายข้าศึก) กับ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ(เจ้าของปราสาท) แล้วท่านโทโยโทมิ ก็พ่ายแพ้ เอ่อ ... ถ้าข้อมูลผิดพลาดประการใด ผู้รู้โปรดชี้แนะด้วยนะคะ

ปราสาทที่อยู่ในปัจจุบันเป็นของใหม่ แต่คูน้ำ กับกำแพงหินเป็นของเดิม แล้วก็ทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ( ตอนไปถึง ก็เพิ่งรู้ว่า ปราสาทโอซาก้า เป็นพิพิธภัณฑ์ ^ ^” )

Put ซื้อตั๋วจากเครื่องหยอดเหรียญที่อยู่ด้านหน้า แล้วก็ขึ้นลิฟท์ไปข้างบน ไปดูวิวก่อน

ปลาสีทอง ที่เค้าว่าดังกัน Put ก็ยังหาไม่เจอว่า มีความสำคัญอย่างไร ใครทราบรบกวนบอก Put นิดนึงนะคะ



มองจากด้านบนเห็นสวนซากุระด้วย ^ ^



แล้วค่อยๆเดินลงมาดูแต่ละชั้น

แสดงชุดเกราะ เกราะแต่ละอันใหญ่มาก ท่าทางหนักมากด้วย พอดูใกล้ เลยได้เห็นว่า แต่ละเกราะมีการถัก หรือ การร้อยแผ่นเหล็กๆ ไม่เหมือนกัน และเป็นงานละเอียดมากๆเลย

แล้วอีกอย่างก็คือหมวกที่ใส่คู่กับเกราะ บางอันก็ดู ok แต่บางอันเห็นแล้วงงจริงๆ ว่า ใส่แล้วจะรบถนัดเหรอ -_-“

สาบานได้ว่านี่...หมวก.... แล้วตอนรบไม่ลำบากตายเหรอเนี่ย -_-"



สาบานได้ว่านี่...หมวก.... แล้วตอนรบไม่ลำบากตายเหรอเนี่ย -_-"

ภาพสีสวยๆ จากโบรชัวร์ที่ได้ตอนเข้า



แผนที่ ที่เป็นภาษาอังกฤษค่ะ ..... ถ้าได้ตั้งแต่ตอนถึงสวนสาธารณะ .... ก็ไม่ต้องนั่งรถไฟแล้ว ....



ออกจากปราสาทโอซากา เราก็เดินหลงอยู่นิดหน่อย จนกระทั่งเจอป้ายบอกทางไปสถานีรถไฟ เพื่อมุ่งหน้าไป ถนน Dotonburi เรานั่ง JR ไปลงสถานี Numba ได้โดยการถาม...ถาม...ถาม -_-“ เราเลือก Exit ที่คิดว่าน่าจะพาไปออกใกล้ๆกับ Dotonburi

แล้วก็ถามเค้าว่า Dotonburi ไปทางไหน เราถามอยู่หลายคนมากๆ ปรากฏว่า เราเดินอ้อมสถานีเป็นวงกลม คือ แทนที่เราจะเลี้ยวซ้าย เดินอีกประมาณ 20 ก้าว ก็ถึงทางม้าลายซึ่งข้ามไปก็เป็น Dotonburi แล้ว แต่เราสองคนดันเลี้ยวขวา แล้วก็อ้อมมมมมมมมมมมม......เดินฝ่าลมหนาว ไปเดินเรียบคลอง แล้วก็มาโผล่ตรงทางม้าลายใกล้ๆ กับสถานี เฮ้อออออ....แต่ไม่เป็นไร หลงนิดเดียว

จากความรู้สึกในการถามทาง Put ว่า คนโอซาก้า เหมือน ดุๆ กว่าคนโตเกียวยังไงไม่รู้แฮะ เวลาถามเค้าไม่ค่อยยิ้มอ่ะ -_-a

ทำไม Put ถึงตั้งอกตั้งใจที่จะมา Dotonburi เพราะ Put อยากกินปูยักษ์ในร้านที่มีปูตัวโตอยู่หน้าร้าน เพราะการ์ตูนหลายเรื่องเลย ที่มีฉากปูยักษ์ตัวนั้นกับพระเอก

เราเดินตั้งแต่ต้นถนน ... ไปเรื่อยๆ ดูวิว และ หาปู .... ปูตัวนั้น



ปูตัวนั้น...อยู่ไหนเอ่ย...



ปูยังไม่เจอ .. เจอแต่ STARBUCKS รสชาเขียว



เดินกันไปไกล จนคุณ P ชักเริ่มไม่แน่ใจ

คุณ P : “คุณ Put ปูที่คุณ Put หามันไม่ได้อยู่ที่นี่รึเปล่าคะ”

Put : “มันอยู่ที่นี่แน่ๆค่ะ”

คุณ P : “งั้น มันอยู่ถนนนี้รึเปล่าคะ P เห็นมีตั้งหลายแยก”

Put : “Put ก็ไม่รู้อ่ะค่ะ เดินไปก่อนแล้วกัน”

คุณ P : “แล้วถ้าเดินไปจนสุดถนน แล้วไม่เจอล่ะคะ”

Put : “เราค่อยเลี้ยวไปเดินหาถนนอื่นแล้วกันนะคะ”

คุณ P : “....” -_-"

แล้วในที่สุด...นั่นไง....ปูตัวน้านนนนนนนนนนนน.....ที่เราหาอยู่



อ่านในการ์ตูน นึกว่ามันขยับไม่ได้ โอ๊ววววววววว..วววว ตัวจริงขยับขาได้ด้วย ร้านหรูเชียว

ร้านหรูจนไม่กล้าเข้า แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว งานนี้ทุ่มสุดตัว...ในใจนับแบงค์หมื่นที่ยังเหลืออยู่ในกระเป๋าตังค์

นั่งปุ๊ป พี่ผู้หญิงที่เป็นบริกร ในชุดกิโมโน ก็เอาเมนูมาให้ เฮ้อออ...เมนูภาษาญี่ปุ่นอีกแล้ว....แต่คราวนี้รู้แล้ว ว่าขอเมนูอังกฤษได้

เพียงครู่เดียว เมนู อังกฤษก็มา ปัญหาก็คือ เมนูอังกฤษ ไม่มีรูปให้ดู ว่าไอ้ที่เราจะสั่งนี่มันหน้าตาเป็นยังไง

เราสองคนก็เลยย้อนกลับมาดู เมนูภาษาญี่ปุ่นเหมือนเดิม เราสั่งอันนี้ล่ะค่ะ เพราะรู้สึกว่า จะเป็นเมนูพิเศษของช่วงนี้ ราคาก็ไม่ค่อยแพง 3,990 เยน พอจะสู้ไหว ถ้ากินปูยักษ์ทั้งตัวก็ 15,000 เยน -_-“ (ถ่ายโต๊ะชัดจริงๆ ...แต่เมนูถ่ายไม่ชัด)



ตอนแรกนึกว่า สั่งแบบชี้ๆ ไม่ต้องพูดจะจบ ... แล้วพี่ผู้หญิงคนรับ order เค้าก็ถามว่าจะเอาแบบไหน เอาแบบน้ำขุ่นๆมาลวกปู หรือ เอาแบบกระทะมาปิ้งปู

Put ถามเค้าว่า ... น้ำขุ่นๆคืออะไรคะ ... พี่เค้าตอบว่า .... มันคล้ายๆ “ฟองดู” น่ะค่ะ .... แล้ว Put ก็ไม่รู้จัก “ฟองดู” อยู่ดี แต่ Put ก็เลือกอันนี้แหละ เพราะอย่างน้อยมันคงจะมีน้ำซุปให้ซดมั่ง จะได้อุ่นๆ ส่วนคุณ P เลือกแบบกระทะ

เนื่องจากเรากินอาหารมื้อนี้ เป็นมื้อกลางวัน รวบมื้อเย็น

อาหารที่ยกมาให้เป็นจานกระจุ๋มกระจิ๋มอย่างในเมนูน่ะค่ะ ... มีไข่ตุ๋นปู ทาโกะยากิปู วุ้นปู ปูดิบ ซูชิปู ฯลฯ จนถึงอาหารหลัก .... ฟองดูปูยักษ์ อร๊ายยยยยยยยยย ^ ^ แค่คิดก็น้ำลายไหล

ในชุดทั้งฟองดู และ กระทะร้อน ก็เหมือนกัน คือ เนื้อปูยักษ์ เห็ด ผัก

คุณป้าในร้านเป็นห่วงเรา 2 คนมาก เฝ้ามองดูห่างๆ อยู่หลังฉากแทบตลอดเวลา แล้วเมื่อเห็นเรา 2 คน จะกินผิดวิธี ท่านก็จะเดินออกมาแล้วแนะนำ...เป็นภาษาญี่ปุ่น -_-“

ขณะที่ Put กำลังลวกๆๆๆ อยู่ นึกว่าเป็นแบบ...ลวกสุกี้แบบที่ MK

คุณป้าท่านก็เดินมาเลยค่ะ

คุณป้า : “หนูใส่ผักลงไปในกระทะให้หมดเลยนะ” ... ภาษาญี่ปุ่น... พร้อมทั้งทำนิ้ววนๆ บนผัก แล้วชี้ไปที่กระทะฟองดู

Put : “ใส่ไปลงไปหมดเลยเหรอคะ” .... Put พูดภาษาไทย พร้อมทั้งชี้ไปที่เห็ด และ ผัก ทำนิ้ววนๆ แล้วก็ชี้ลงไปที่กระทะฟองดู

คุณป้า : “ใช่จ้ะ ใส่ลงไปหมดเลย”

หลังจากคุณป้าดู Put ว่าเชื่อฟัง ใส่ผักลงไปหมดแล้ว ท่านก็เดินกลับเข้าไปหลังร้านด้วยความสบายใจ

...ฟองดูปูยักษ์....



(รูปไม่ค่อยดีอ่ะค่ะ เพราะเรามัวแต่กินลืมถ่ายรูป พอนึกออก อาหารมันก็พร่องไปกันเยอะแล้ว -_-“)

เนื้อปูยักษ์...ตอนนอนแอ้งแม้งบนกระทะ...โอ้ววววว หอมฉุย



ลักษณะเนื้อปูยักษ์ มันแปลกๆ กว่าปูทั่วไปนิดหน่อย คือ มันจะเป็นเส้นกลมๆ ฝอยๆ เม็ดๆ ยังไงไม่รู้อ่ะค่ะ Put อยากรู้ชะมัดเลย ว่ามันคือตรงไหนของปูยักษ์นะ -_-a

แต่เนื้อปูหวานมากๆเลยอ่ะ แน่นๆ อร่อย ถ้าไปคราวหน้า Put ตั้งใจว่าจะไปกินอีก ^ ^

สำหรับเมนูปูดิบ เราสองคนก็พร้อมใจเอาลงไปแช่ในฟองดู เพื่อให้มันสุกก่อนที่จะกิน คุณป้าที่แอบอยู่หลังฉากข้างๆเรา ก็ขมวดคิ้วทันที แต่ก็ช้าเกินกว่าจะเข้ามาทัดทาน ... อิ...อิ....

หลังจากจัดการของคาวเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงของหวาน

ของหวานที่เอามาเสิร์ฟ คือ ไอติมชาเขียว .... ไม่ใช่ไอติมสีเขียวๆ อย่างบ้านเรานะคะ แต่เป็น ไอติมนมสดสีขาว แล้วราดด้วยชาเขียวเข้มข้น(ขมด้วย)

รสหวานของนม เมื่อเจอรสขมของชา ทำให้ไอติดชาเขียวของเค้ากลมกล่อมทีเดียว



หลังจากเราจัดการอาหารทุกอย่างหมดแล้ว .... ช่างสมกับเป็นอาหารไฮโซ ... คือ ... เราสองคนไม่ค่อยจะอิ่มกันเลย แค่รู้สึกว่ามีอะไรอยู่ในท้องเท่านั้น -_-“

เราก็ออกเดินทาง ซึ่งเป็นเวลาโพล้เพล้ เพื่อซื้อของฝากซึ่งร้อยละ 99 เป็นขนม และ ตามหาป้าย Glico

ระหว่างที่เราตามหา ป้าย Glico กัน เหตุเกิด ณ สี่แยกไฟแดงแห่งหนึ่ง ขณะที่เรา 2 คนกำลังรอสัญญาณไฟเพื่อข้ามถนน

ก็มีชายหนุ่ม หญิงสาว คู่หนึ่ง เดินมายืนข้างๆ แล้วก็มีลมหนาวพัดมาอย่างแรง 1 วูบใหญ่ๆ สาวญี่ปุ่นคนนั้น เธอเบียดตัวเข้ากับชายหนุ่ม เพื่อหลบลมหนาว... ร่างสูงโอบไหล่หญิงสาวเข้ามาแนบกับตัว เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างบาง

Put กับคุณ P ได้แต่หันหน้ามองกัน

เราไม่ได้พูดอะไร แต่ ในใจ Put กรี๊ดดดดดดดด...ด้วยความอิจฉาไปแล้วค่ะ .... อะไรจะโรแมนติคขนาดนี้เนี่ย ^ ^” ไอ้จะให้ Put โรแมนติก กับคุณ P มั่งมันก็ไม่ไหว เลยได้แต่ตาร้อนวาบ...วาบ แดงแข่งกับสัญญาณไฟแดงไปแล้วค่ะ

หลังจาก Put อิจฉาได้นานประมาณ 5 วินาที Put ก็เริ่มมองหาป้าย Glico อีกครั้ง .... เดินแวะซื้อของฝากไป มองหาป้ายไป จนเริ่มค่ำ ร้านรวง 2 ข้างทางเปิดไฟสว่างไสว

เราสองคน เดินหาป้ายกันเกือบจะย้อนมาออกทางเข้าเดิมที่เราเดินเข้ามา เราสองคนเกือบพลาด ถ้าเราไม่เห็นแสงไฟของป้ายที่สะท้อนอยู่ในกระจก ...

เนื่องจาก เค้ามีการก่อสร้าง ปรับปรุง อยู่ ทำให้เราไม่สามารถถ่ายป้ายแบบใกล้ชิดได้



หลังจากได้ป้าย Glico แล้ว ก็นับว่าเป้าหมายในวันนี้ครบถ้วน

เราสองคนเลยหอบของพะรุงพะรังเดินทางกลับที่พักที่เกียวโต ... ขากลับเราไม่ได้นั่งชินกังเซ็นแล้ว แต่นั่งรถไฟธรรมดา ซึ่งแน่นอนว่า ก็ได้จากการถามคนที่สถานีอีกเช่นเดิม ( เฮ้ออออ...กลุ้มตัวเองแท้ๆ )

ก่อนเข้าที่พัก เราแวะร้าน Mini Stop เพื่อซื้อของกิน เพราะปูที่กินเข้าไป หมดตั้งแต่เดินหาป้าย Glico แล้วล่ะค่ะ .... ซื้อนมกับทาโกะยากิ แล้วเราก็เจอกับหิมะ

คุณ P บอกอย่างตื่นเต้น ตอนอยู่ในร้าน

คุณ P : “คุณ Put คะ หิมะตกค่ะ”

Put : “จริงอ่ะ คุณ P”

คุณ P : “จริงๆค่ะ นั่นไงคะ ขาวๆที่เกาะอยู่บนหัวผู้ชายคนนั้นไงคะ” คุณ P พยับเพยิบให้ Put มองไปยังผู้ชายคนนึงที่เดินเข้าร้านมาใหม่

Put : “เออ จริงด้วย” Put พูดอย่างตื่นเต้น หลังจากเพ่งแล้วว่าไอ้ขาวๆนั่นไม่ใช่รังแค

ตอน Put เดินกลับที่พัก Put พยายามเดินยืดหัว เพราะอยากจะโดนหิมะเกาะมั่ง....แฮะ...แฮะ....พอเดินกลับมาถึงที่พักบนหัว Put ก็มีหิมะเกาะนิดหน่อย ดูไฮโซดีในความรู้สึก ^ ^

จะว่าไปแล้ว ร้านค้าไม่รู้เป็นอะไร เวลาซื้อของ เค้าพยายามพูดอะไรกับ Put ก็ไม่รู้ อาจจะเหมือนกับ ... 7-11 บ้านเรา ที่พูดว่า “รับขนมจีบ ซาลาเปาเพิ่มมั้ยคะ” ก็ได้นะ แต่ Put ฟังไม่เข้าใจ เพราะเค้าพูดภาษาญี่ปุ่นกับ Put Put ก็อาศัยความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว คนขายเห็น Put ไม่พูดอะไร เค้าก็ยอมส่งถุงขนมที่ซื้อมาให้แต่โดยดี


เมื่อเราเข้าห้อง ห้องพักที่ K’s Kyoto เป็น 1 ห้อง นอน 2 คน แล้วเมื่อวานก่อน เราก็ไปลุยฝนกัน ทำให้บางชิ้นส่วนเปียกน้ำ

ตอนนี้ชิ้นส่วนเหล่านั้นก็เริ่มส่งกลิ่น ... โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถุงเท้า....อืมมมม....อาจจะเป็นเพราะปัจจัยนี้ จึงทำให้คืนนี้เราสองคนหลับกันได้อย่างรวดเร็ว ^ ^"


Create Date : 01 มิถุนายน 2550
Last Update : 1 มิถุนายน 2550 22:23:35 น. 3 comments
Counter : 2456 Pageviews.

 
อยากบินไปอีกอ่ะคับ
เที่ยวเผื่อด้วยน้า


โดย: Kurt Narris วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:0:59:12 น.  

 
lส่วนใหญ่ถ้าซื้อของกินพวกข้าวกล่อง แซนวิช ขนมปังบางอย่าง เมนจิ ครอกเก้ อะไรประมาณนี้เค้าจะถามว่าให้อุ่นรึเปล่าน่ะค่ะ อ่านแล้วก็อยากไปอีกจัง ไปมั่วๆหลงๆสนุกดีคะ555+


โดย: kwang IP: 203.185.69.125 วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:11:14:01 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณ kwang

ขอบคุณนะคะที่แวะมาเยี่ยมที่ Blog

แล้วถ้าซื้อนมกล่องอ่ะคะ เค้าถามว่าอะไรเหรอ ^ ^a

อยากไปอีกเหมือนกันค่ะ เก็บตังอยู่เหมือนกันค่ะเนี่ย


โดย: แค่ก้อนหินที่อยากบินได้ วันที่: 29 ธันวาคม 2550 เวลา:21:23:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แค่ก้อนหินที่อยากบินได้
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขอมี Blog กับเค้าด้วยคนนะคะ ^ ^

Friends' blogs
[Add แค่ก้อนหินที่อยากบินได้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.