Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
17 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 
ตอนที่ 3 วันที่ 2 นิกโก...สุดอลังการ

ตื่นแต่เช้า ออกจากที่พัก พร้อมกับบรรดาคุณลุงที่ออกไปทำงาน วันนี้อากาศยังคงหนาว นึกขอบคุณเสื้อหนาวของท่านแม่ ....

ขึ้นรถไฟชินกังเซ็น สาย Tohokuไปลงสถานี Utsunomiya แล้วต่อ JR สายนิกโก ไปลงที่สถานีนิกโก

ตอนขึ้นชินกังเซ็น ป่วนเล็กน้อย Put กับเพื่อนหาชานชลาไม่ค่อยจะเจอ แล้วพอเจอชานชลาก็ไม่แน่ใจว่าขบวนไหนกันแน่

อาศัยถามคนใจดีที่ยืนคอยรถอยู่ ทุกคนใจดีมากๆ ช่วยเหลือตลอดเวลา บางคนถึงขนาดเปิด web ในมือถือเช็คขบวนให้เลยก็มี ^ ^



ใช้เวลาไม่นานเราก็ถึงสถานี Utsunomiya แล้วก็ขึ้นรถ Nikko Line

แม้ว่าอากาศข้างนอกจะหนาว แต่ในขวบนรถอุ่นมากๆ มีที่อุ่นใต้ที่นั่ง นั่งไปนั่งมา รู้สึกว่า ก้นเกือบจะสุกแล้ว

บริเวณหน้าประตู ติดแผนที่บอกสถานที่ท่องเที่ยวไว้ด้วย Put ลุกขึ้นไปจด เผื่อว่า ขากลับจาก นิกโก จะได้เที่ยวที่อื่นๆด้วย

เมื่อถึงสถานี นิกโก



Put กับเพื่อนก็ ยืน เก้ๆ กังๆ อยู่หน้าสถานี “แล้วเราจะไปนิกโกกันยังไงเนี่ย”



แล้วก็มีรถบัสคันนึงเล่นเข้ามา Put กับเพื่อนตัดสินใจว่า

“เอาวะ น่าจะใช่ ลองดูแล้วกัน”

ระหว่างที่เรากำลังเก้ๆกังๆ หมุนไป หมุนมาอยู่นั้น คุณลุงกับคุณป้าที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเราบนรถไฟสายนิกโก ก็เข้ามาทัก

คุณลุงกับคุณป้า : “จะไป Toshogu ใช่มั้ย” (เป็นภาษาญี่ปุ่น)

Put เอาข้อมูลนิกโกที่ print ไปจาก //www.japan-guide.com ออกมาให้ท่านทั้ง 2 ดู คุณลุงกับคุณป้า

Put : “ Put จะไปที่นี่อ่ะค่ะ” (เป็นภาษาใบ้ อาศัยชี้ๆเอาค่ะ)

คุณลุงกับคุณป้า : “ใช่ๆ รถคันนี้แหละ ลุงกับป้าก็จะขึ้น ขึ้นด้วยกันซิ” (เป็นภาษาญี่ปุ่น) คุณลุงชี้ไปที่รถคันที่เรากำลังจะมั่วขึ้นไป แล้วท่านก็ขึ้นก้าวขึ้นไป

คุณลุง : “ขึ้นรถเป็นมั้ย” Put ได้แต่ยืนตาโตอยู่ข้างรถ เพราะขึ้นไม่เป็น ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง คุณลุงท่านเลย เดินย้อนกลับมาอธิบายให้ฟัง

คุณลุง : “เห็นกระดาษที่มันออกมาข้างๆนี่ใช่มั้ย” ท่านพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น พร้อมกับหยิบกระดาษสีขาวใบเล็กๆ ที่ไหลออกมาอัตโนมัติจากด้านซ้ายของประตู ก่อนจะยื่นให้ Put

คุณลุง : “มันจะมีเลขอยู่ ค่ารถดูจากบอร์ดที่อยู่หน้ารถนะ ถ้าได้เบอร์ 1 ก็ดูราคาที่ช่องเบอร์ 1 ตอนลงก็จ่ายเท่ากับที่บอร์ดมันโชว์ แล้วก็หยอดเงินลงกล่อง เข้าใจนะ” (เป็นภาษาญี่ปุ่น)

Put : “เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” ( Put ผงกหัวตามไปเรื่อยๆ ตอนฟังแกอธิบายพร้อมทั้งชี้ไม้ ชี้มือประกอบ ก่อนจะพูด อาริงาโตะ )

ระหว่างที่รถแล่นๆไป Put ก็ดูวิวไปเรื่อย สลับกับดูคุณลุงกับคุณป้าไปด้วย เพราะตั้งใจว่า ท่านลงที่ไหน Put ก็ลงที่นั่น

รถก็แล่นขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ถนนค่อนข้างแคบ แล้วก็ถึงป้ายที่คุณลุงกับคุณป้าท่านลง Put กับเพื่อนก็ลงทันใด แต่เป็นป้ายที่คนลงค่อนข้างเยอะ

เดินตามคุณลุงคุณป้าไปห่างๆ ก็ถึงบ้านหลังเล็กๆ ที่เป็นที่ขายบัตรเข้าชม ด้านหลังของบ้านขายตั๋วเป็นวัด Sanbutsudo

ระหว่างที่เรามะงุมมะงาหราอยู่นั้น Put เข้าเดาเอาว่า คุณลุงกับคุณป้า เข้าไปนมัสการพระที่อยู่ในวัดเรียบร้อยแล้ว พอท่านเดินออกมา

เห็นเจ้าเด็ก 2 คนนี่ยังไม่ถึงไหน ท่านก็เป็นห่วงเป็นใย เข้ามาอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นอีกชุดใหญ่

เท่าที่เดาได้ ท่านพยายามอธิบายส่วนต่างๆของ นิกโก ว่าต้องเดินดูอะไรมั่ง ไปทางไหน อะไรเทือกนั้น



ในที่สุดเรา 2 คนก็ตัดสินใจซื้อตั๋ว แบบชุด คือ เที่ยวทั้งหมด 5 ที่ ราคา 1300 เยน

ส่วนแรก อยู่ตรงข้ามกับบ้านขายตั๋ว ... คือ ... สวน ... สวนที่ดูแลเป็นอย่างดี จะสวยมากๆถ้าเราไปช่วงที่มีดอกไม้ ใบไม้เขียวกว่านี้ แต่เท่านี้ก็เรียกเสียง “โอ้โห” จากบ้านนอกอย่างเรา 2 คนได้แล้ว



เราเดินต่อ ตรงไป ผ่านประตู แล้วเลี้ยวขวา เดินขึ้นไปตามทาง

แค่บรรยากาศรอบๆ ก็ทำให้ Put เป็นสุขแล้ว .... ต้นไม้ ต้นสูงงงงงงงงงงงงงงงงงมากๆ รายรอบทางเดิน มอสที่เกาะอยู่ตามหินมีให้เห็นอยู่ทั่วไปหมด เสียงน้ำไหล ...



ถ่ายรูปกับป้ายทางเข้าซะหน่อย



... เดินผ่าน โทริอิ เข้าไป



เดินต่อไปอีกหน่อย ก็ไปเจอโคมหิน หรือ ตะเกียงหินขนาดใหญ่ และเก่ามีมอสเกาะ ตั้งอยู่จำนวนมาก ทำให้นึกถึงเรื่อง Spirit Away ของ Studio Gibli เลย



ถัดจากตะเกียงหิน เราก็ไปยืนดู ศาลาที่เค้าว่าดังกัน ดังตรงรูปแกะสลักข้างบน ที่เป็นรูปลิง ปิดหู ปิดตา ปิดปาก



... 3 ลิง ...



ของฝาก ของที่ระลึก...นักรักจัง ^ ^



แล้วก็เดินลึกเข้าไปข้างใน



คิดว่าน่าจะเป็น รูปปั้นท่านโชกุน โตกุกาว่า อิเอยาสุ คนดัง



เดินเข้าไปด้านใน ...



... ข้างใน อีกมุมนึง บัตรค่าเข้าที่ซื้อมา จะเข้าไปเดินอยู่หลังกำแพงเนี้ยแหละค่ะ แต่เค้าไม่ถ่ายรูปข้างใน เลยได้มาแค่กำแพง



เกี้ยวท่านโชกุน ....



หลังจากเก็บภาพด้านนอกจนจุใจ แล้วก็เลี้ยวเข้าไปชมด้านใน ซึ่งทำจากไม้ อลังการ ( คห. 34 ) ตอนเข้าไปต้องถอดรองเท้า โอ๊วววววววววว....พื้นมันช่างเย็นเยียบ แม้ว่าเค้าจะมีรองเท้าแตะให้เปลี่ยนแล้วก็ตาม

พอเราออกมา เราก็พบญี่ปุ่นมุง เค้ากำลังมุงๆ กลุ่มคนที่มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย พาเด็กอ่อนตัวน้อยมาทำพิธีอะไรบางอย่างที่ศาลเจ้า

เราสองคนก็เข้าไปมุงด้วย ตามประสาไทยมุงที่ดี พยายามถ่ายรูปนักบวชที่เค้าเป็นคนทำพิธีให้เด็กน้อย เหมือนแกจะรู้ว่าเราพยายามถ่าย แกเลยเดินๆ เลี้ยวๆ แกล้งให้ถ่ายไม่ถนัดซะงั้น



ออกมาเราก็จ่ายตังค์เพิ่ม เพื่อเข้าไปดูส่วน “Sleeping Cat” อีก 700 เยน -_-"



Sleeping Cat (น่าจะ)เป็นส่วนที่เป็นสุสานของโชกุน โตกุกาว่า อิเอยาสุ ตลอดทางที่เดินขึ้นเขาไป เราก็ได้สัมผัสกับบรรยากาศต้นไม้สูง ก้อนหินใหญ่ และมอส

ตลอดทางเดิน เป็นทางเดินขึ้นเขา กว่าจะถึงข้างบนสุดก็เรียกเสียงหอบ และ บ่นได้พอสมควร



... สุสาน ...



... ประตูอะไรไม่รู้ สวยดีค่ะ เลยเก็บรูปมาฝาก ...



กลับลงมา เราก็ไปแวะ Taiyuinbyo ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ระหว่างทาง เจอนักท่องเที่ยวฝรั่งค่อยข้างเยอะ เค้าสนใจมอส และ น้ำที่ไหลตามทางน้ำลงมาจากภูเขามาก ถึงกับก้มลงแตะ

เราสองคนเดินไปตามทางที่ไม่ชันมาก แล้วก็ขึ้นบันไดอีกแล้วอ่ะ หลังจากเดินสำรวจรอบๆ เราก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมมันหนาวนักฟะ... หิมะบางส่วนยังละลายไม่หมดเลย และน้ำที่ไหลลงไปข้างล่าง น่าจะเป็นน้ำที่มาจากการละลายของหิมะ



... อลังการ ...



... เดินเข้าไปดูใกล้ๆ ...



...เลี้ยวไปอีกนิดนึง ... ก็เจอกับความอลังการอีก ...



อลังการต่อเนื่อง .... -_-"



... แค่ตะเกียงยักษ์ ก็กินขาดแล้ว ... -_-"



.. ลานตะเกียงยักษ์ ...



หลังจากเดินแวะ ดูนั่น ดูโน่น ดูนี่ จนท้องร้อง จ๊อก..กกก....จ๊อกกก.....กกกก เราเดินย้อนกลับลงมา เป็นเวลาบ่าย 2 กว่าแล้ว

มีร้านค้าเล็กๆ ตั้งอยู่ เราสองคน ลองเดินเข้าไปเผื่อจะมีอะไรให้กินบ้าง



บรรยากาศในร้านอบอุ่นเป็นกันเอง สำหรับคนญี่ปุ่นด้วยกัน มีลูกค้านั่งอยู่แล้ว 1 โต๊ะ เป็นผู้ชายวัยกลางคน ประมาณ 6 – 7 คน กำลัง ทานอาหาร คุยกันเสียงดัง สนุกสนาน ฮาเฮ แต่สำหรับคนที่ฟังญี่ปุ่นไม่ได้ อ่านไม่ออก นับว่าเกร็งไม่น้อย

ในร้านมีพนักงาน ได้แก่ คุณยาย คุณป้า แล้วก็คุณน้า แล้วก็ลูกชายอายุน่าจะซัก 10 กว่าขวบนั่งเล่นประกอบโมเดลหุ่นยนต์อยู่ ...

พอเรานั่งลง คุณน้าก็เดินเอาเมนูมาให้ พร้อมกับชาเขียวร้อนหอมกรุ่น ...

‘แย่แล้วเมนูภาษาญี่ปุ่น’ เรา 2 คนมองหน้ากัน ปรึกษากันว่าเอาอะไรดี ก็ตัดสินใจว่า เลือกมั่วๆไปเฮอะ แต่สุดท้าย คุณน้าแกก็เอาเมนูภาษาอังกฤษมาให้

...เมนู ช่วยชีวิต



อารมณ์ตอนนั้นคือ หิวมาก แล้วก็หนาว อยากได้อะไรอุ่นๆ อยากกินก๋วยเตี๋ยว ตั้งใจจะสั่ง อุด้ง ....

แต่ด้วยความตาลาย เราสองคนสั่งผิดเป็น โอเด้ง... กรรมจริง -_-"



ในชามมีอะไรมั่งนั้น Put รู้จักแค่ ... ปลาแท่งที่มีรูตรงกลาง ที่ชิชิมารุ ชอบกิน กับ วาซาบิ 1 ก้อนที่ป้ายมาให้ข้างชาม ทุกอย่าง ok ยกเว้น เจ้าแผ่นๆ สีเทาๆ นั่น Put ไม่รู้ว่ามันคืออะไร กินแล้วมันดึ๋ยๆ ยังไงไม่รู้ ก็เลยไม่กิน ส่วนคุณ P ทานเกลี้ยงค่ะ

โอเด้งของเค้าก็ ok ราคาชามละประมาณ 400 เยน เราก็จัดการกันจนหมด แต่ยังไม่อิ่ม คุณ P ลองสั่งข้าวราดแกงกะหรี่ มาอีกจานนึง ตกลงว่า เอามาแบ่งกันกิน ส่วน Put ไม่ได้สั่งเพราะกลัวกินไม่หมดเสียดายเงิน เพราะจานตั้ง 500 เยนแน่ะ

ข้าวร้อนๆ ราดแกงกะหรี่รสชาติกลมกล่อม กินแกล้มกับอะไรซักอย่างสีแดงๆ คงจะเป็นพริกดอง อร่อยมากๆ

หลังจากอิ่มแล้ว ... มีแรงเดินต่อ เดินผ่านศาลเจ้าบริเวณใกล้ๆ ก่อนที่จะถึง วัด Rinnoji



วัด Rinnoji เป็นวัดที่อยู่ด้านหน้าสุด เราเข้าไปนมัสการพระพุทธรูปใน Sanbutsudo ท้องฟ้าเริ่มสลัว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมฆ หรือ เพราะมันเย็นแล้วก็ไม่รู้

ข้างในเป็นพระพุทธรูปองค์โต แกะสลักสวยงาม ท่ามกลางบรรยากาศสลัวๆของแสงเทียน งดงามมาก



ก่อนกลับ Put แวะซื้อหนังสือที่ระลึก ของนิกโก 1 เล่ม ราคาเล่มละ 500 เยน ภาพสีสวยมากๆ

พระพุทธรูปใน Sanbutsudo ที่เค้าไม่ให้ถ่ายรูปค่ะ มาจากหนังสือ National Park Nikko



เราออกจาก ศาลเจ้า ............... แล้วปัญหาก็เกิด.... รอรถเมล์ขากลับตรงไหนล่ะเนี่ย ...

ตามหลักที่ใช้ในเมืองไทย ถ้าจะกลับก็ต้องรอฝั่งตรงข้ามกับขามาใช่ป่ะคะ แต่ว่า ฝั่งตรงข้ามมันไม่มีป้ายเลยอ่ะจิ -_-“

เราสองคน เดินวนกันอยู่นาน ... มองคนที่ยืนอยู่ป้ายฝั่งตรงข้าม แต่ตัว ถือกระเป๋าเหมือนจะไปขึ้นรถไฟ

‘เอาวะ...คงใช่ล่ะมั้ง ลองดูก่อนแล้วกัน ไม่ใช่ค่อยเอาใหม่’

คิดได้ดังนั้น เราสองคนก็ไปรอป้ายเดิม กับตอนลง ... แล้วรถเมล์ก็มา เป็นรถ Tobu Line เราก็ขึ้นไป รถก็ขึ้นเขาเข้าไปเรื่อยๆ Put กลัวหลงเหมือนกัน เห็นคนอื่นเค้ายังนั่งนิ่งๆ เลยต้องทำตัวนิ่งๆมั่ง แต่ในที่สุดรถก็ลงจากเขา เข้ามาในเมือง

รถขับผ่านร้านรวงต่างๆ จนกระทั่งมาหยุดที่ป้ายสุดท้าย ก่อนถึงสถานี JR ทุกคนลง เราสองคนก็เลยต้องลงด้วย... แล้วเดินต่อไปนิดหน่อย ก็ถึงสถานี JR เวลาเกือบ 5 โมงเย็น ท้องฟ้าเริ่มสลัวๆ ทำให้แผนที่ว่าจะแวะดูสถานที่ท่องเที่ยวตามเส้นทาง Nikko Line เป็นอันยกเลิกไป

เราปรึกษากันว่า ... งั้นไปดูดอกไม้ตามแผนที่วางไว้เดิมดีกว่า ... เปลี่ยนจาก ... ดูดอกไม้ที่โคราคุเอ็ง ... ไปเป็นที่ ... ศาลเจ้ายูชิม่าเท็นจิน

เนื่องจากขากลับเราไม่ได้จองตั๋วชินกังเซ็นไว้ก่อน เพราะไม่แน่ใจว่าจะกลับตอนกี่โมง ทำให้เราต้องยืนตลอดทางจน ถึง Ueno เลย แล้วดันไปยืนตรงตู้สูบบุหรี่ โอ้โห...คนญี่ปุ่นนี่สูบบุหรี่จัดจริงๆ มวนต่อมวน -_-"



Create Date : 17 พฤษภาคม 2550
Last Update : 22 พฤษภาคม 2550 13:54:25 น. 2 comments
Counter : 1149 Pageviews.

 
บรรยากาศดีจังค่ะ


โดย: la liga fan วันที่: 18 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:51:30 น.  

 
น่าเที่ยวจังคะ


โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 20 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:09:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แค่ก้อนหินที่อยากบินได้
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขอมี Blog กับเค้าด้วยคนนะคะ ^ ^

Friends' blogs
[Add แค่ก้อนหินที่อยากบินได้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.