|
ตอนที่ 8 : ขอให้รักของฉัน อยู่กับเธอตลอดไป เล่ม 1 - 3 โดย ภูระริน

8
พอไปถึงก็พบบิดาและมารดาของปรเมษฐ์กำลังจัดอาหารอยู่ที่ลานหน้าบ้าน ผู้ใหญ่นัดหมายกันไว้ว่าจะมารับประทานอาหารร่วมกัน ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องมา แต่อีกคนจะรู้หรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ ขึ้นไปข้างบนเลยนะลูก หนุ่ม ๆ อยู่กันครบ ไม่ต้องกลัวเหงา คุณแม่ของปรเมษฐ์บอก ท่านดุนหลังภูสิตาขึ้นไปชั้นบน พ่อพยักหน้าแปลว่าท่านอนุญาต ภูสิตาเดินอย่างเบาที่สุดเพราะไม่อยากให้คนข้างบนรู้ตัว เด็กหญิงทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน จะเข้าไปทักเขายังไงดี เมื่อตอนกลางวันเขายังทำเหมือนไม่อยากมองหน้าเธอด้วยซ้ำ กำลังลังเลก็พอดีกับที่ปรมัตถ์เปิดประตูห้องออกมา
บอลมาดูสิ นี่ใครมาเอ่ย ? เขายิ้มให้ภูสิตาอย่างใจดี ก็มีรอยยิ้มของปรมัตถ์เวลานี้นี่แหละที่ทำให้ภูสิตารู้สึกผ่อนคลาย
ใคร ? ปรเมษฐ์พูดเบาแต่ดุชอบกลในความรู้สึกของภูสิตา เขานอนเอกเขนกอยู่ที่พื้นที่มีผ้านวมปูรองอยู่ ผ้าสีนวล ไม่มีลวดลายดูสบายตา เจ้าตัวใส่แค่กางเกงนอนขายาวตัวเดียว พอเห็นหน้าภูสิตาเขาก็รีบลุกขึ้นใส่เสื้อยืดที่ถูกถอดวางอยู่ใกล้มือทันที
ขอโทษ ภูสิตาก้มหน้าลง
ไม่เป็นไร เข้ามาสิ กำลังคิดถึงอยู่พอดี คิดว่าจะไปเที่ยวกับโมรีแล้วมาไม่ได้ แสดงว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเธอต้องมาสินะ
ทำไมคิดว่าไปเที่ยว ? น้ำเสียงของภูสิตาไม่พอใจนัก
ก็โมมันได้เงินจากเราไง ได้รางวัลตอบคำถามเป็นเงินด้วยล่ะ คนพูดทำท่าเหมือนภูมิใจนักหนา ตอบถูกหมดเลย
เบสไปเอาอะไรมาเลี้ยงหน่อย กินข้าวมาหรือยัง ? เขาทั้งสั่งทั้งถามในเวลาเดียวกัน แล้วลงไปนอนเอกเขนกเหมือนเดิม แขนข้างหนึ่งยันตัวเองไว้
กินแล้ว ภูสิตาตอบพลางกัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ
งั้นเอามาทั้งน้ำทั้งอาหารนะ พี่ตาลเขายังไม่ได้กินสักอย่างหรอก คนพูดมองหน้าภูสิตาอย่างผู้ชนะ เขารู้ว่าเด็กหญิงโกหก คนที่จะมางานเลี้ยงไม่มีทางได้กินข้าวมาก่อน เพราะผู้ใหญ่รู้กันล่วงหน้า
ได้ครับ ปรมัตถ์รับคำแล้วเดินออกไป
ปรเมษฐ์ยิ้มให้ภูสิตาอย่างอารมณ์ดี มาหาใคร ? ปรมัตถ์หรือปรเมษฐ์ ? เขาถามพลางทำสีหน้าเอาจริงเอาจัง ภูสิตาหน้าชาขึ้นมาทันที รู้ว่าถ้าพูดอะไรผิดไป เธอเองอาจจะต้องเดินออกจากห้องนี้ไปอย่างไม่มีความสุขเป็นแน่
มาหาเจ้าของปากกา จะมาเอาคืน สายตาสงบนิ่งมองไปที่ดวงหน้าของปรเมษฐ์ เขายิ้มให้เธออย่างมีความสุขทันที ภูสิตารู้สึกถึงความสุขนั้นเช่นกัน
ใครบอก ? ปรเมษฐ์หัวเราะเมื่อถูกจับได้
บอกอะไรใครไปทำไมจำไม่ได้ ?
ไอ้ปูตัวดีมันบอกอะไรตัวบ้าง ?
ก็บอกว่าเจ้าของปากกาคือใครแค่นั้น
ปรเมษฐ์ยิ้มจาง เขาไม่เชื่อในสิ่งที่ภูสิตาบอกหรอก รู้ดีว่าปูนาช่างพูดแค่ไหน เพื่อนของเขาคนนี้จะต้องเล่าทุกอย่าง แม้แต่อาการของเขา แต่อาการของคนตรงหน้านี่สิที่ปรเมษฐ์กลัว เขาลุกขึ้นไปหยิบปากกาด้ามนั้นในกระเป๋านักเรียนออกมา แล้วยื่นให้
เอาไป ถ้าไม่เรื่องมากป่านนี้ก็ได้ไปแล้ว เขานั่งลงเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ภูสิตารู้สึกพอใจกับท่าทางนั้น เพื่อนให้ของเพื่อนไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น
แม้จะรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ภูสิตาก็อยากให้มันเป็นอย่างนี้มากกว่า เรายังเด็กนัก ที่รู้สึกก็ยากจะอธิบาย ปรมัตถ์กลับมาพร้อมกับอาหารหลายอย่าง เด็กทั้ง 3 คนคุยเล่นหัวกันอยู่พักใหญ่ พอภูสิตากินอาหารหมด ปรมัตถ์ก็ขอตัวไปนอนที่ห้องตัวเอง ภูสิตาเองก็ง่วง ลงไปก่อนนะ ดึกแล้ว บอลจะได้เข้านอน พูดจบก็ลุกขึ้นเดิน
เดี๋ยว ! ถามอะไรหน่อย ปรเมษฐ์เงยหน้าขึ้นมาถาม พลางลุกขึ้นนั่ง ดีใจหรือเปล่าที่เจ้าของปากกาคือเรา ? คนรอฟังคำตอบสีหน้าจริงจัง
ดีใจ ภูสิตาตอบอย่างไม่ต้องคิดและรู้สึกสบายใจที่ตอบไปอย่างนั้น
ปรเมษฐ์ยิ้มกว้างไม่ปิดบัง จริงเหรอ ? งั้นอยากได้อะไรในห้องนี้ไหม ? อยากได้อะไร เราให้หมดยกเว้น ถุงมือสีดำนั่น เขาชี้ไปที่ถุงมือสีดำค่อนข้างเก่าที่ถูกแขวนไว้ข้างฝาอย่างเรียบร้อย ของพ่อ ให้ไม่ได้
ไม่มีหรอก ไม่อยากได้อะไร
ปรเมษฐ์ลุกขึ้นยืนบ้าง ไม่เอาอะไรเหรอ ? งั้นเราจะขออะไรได้ไหม ? สายตาคนถามเหมือนเด็กเล็ก ๆ
ได้ อยากได้อะไร
ตัวต้องสัญญา ว่าจะไม่ลืมเรา แค่นี้ทำได้ไหม ?
ภูสิตายิ้มให้อย่างจริงใจ ไม่ลืมหรอก ถ้าลืมให้บอลทวงสัญญาได้ เราจะยอมทุกอย่าง ปรเมษฐ์พอใจกับคำตอบนั้น แล้วเขาก็เดินมาส่งภูสิตาข้างล่าง เด็กชายรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก แน่ใจว่าภูสิตาจะรักษาสัญญาแน่นอน
เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ตอนนี้ทุกคนกำลังขะมักเขม้นกับการเตรียมสอบปลายภาค ภูสิตาสังเกตเห็นว่าปรเมษฐ์ไม่ค่อยพูดจาเล่นหัวกับเธอเหมือนเดิม เขาขยันมากขึ้น วัน ๆ เอาแต่นั่งดูหนังสือแล้วก็กัดปลอกปากกาเป็นว่าเล่น ไม่รู้อร่อยตรงไหน ? ถ้าใครมารบกวนเขาเข้า ก็จะโดนขว้างด้วยปลอกปากกานั่นเอง เขายิ้มให้ภูสิตาบ้างเหมือนกัน เวลาที่บังเอิญมองมา เธอรู้สึกดีแต่ก็ไม่กล้าไปยุ่งกับเขามาก สีหน้าที่จริงจังและแววตาที่ไม่มีความหมายแต่ดูมุ่งมั่นนั้นทำให้ปรเมษฐ์ดูเป็นผู้ใหญ่มาก
พอปิดเทอมภูสิตาก็ไปเรียนพิเศษและไม่ได้ข่าวคราวของปรเมษฐ์อีก ครั้นจะเดินไปหาถึงบ้านก็คิดว่าไม่เหมาะสม รู้สึกคิดถึงเขาเหมือนกัน จนวันหนึ่งมีรถยนต์มาจอดที่หน้าบ้านของภูสิตา พอเธอออกไปก็เห็นปรมัตถ์นั่งอยู่ในรถพร้อมกับพี่เข้มที่ทำหน้าที่สารถี เบสกับพี่เข้ม มาทำไมกันคะ ?
เด็กชายยิ้มให้ แต่คนทักก่อนคือพี่เข้ม เป็นไงน้องตาลทำอะไรอยู่ ?
ปรมัตถ์รีบเดินออกมาหาเธอเหมือนคนคุ้นเคย ภูสิตาพยายามมองหาอีกคนเหมือนกัน แต่ดูแล้วก็ไม่มี คุณลุงกับน้านิดอยู่ไหมครับ ?
ไม่อยู่หรอก ไปในเมือง เย็น ๆ ถึงจะกลับ มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ?
บอลให้มารับ ไปได้ใช่ไหมครับ ?
ไปไหน ? ออกจะตกใจไม่น้อยที่ถูกชวนแบบนี้
ไปบ้านพี่ปูนา เขารออยู่ที่นั่นกันหลายคน
ขึ้นรถเถอะน้องตาลสนุกนะ พอดีพี่ยืมรถเขามาอีกที ต้องรีบไปทำงานต่อ ปลอดภัยหายห่วง ผู้ใหญ่ที่บ้านปูนาอยู่ครับ
ทำไมเขาไม่มาเองจ๊ะเบส ?
เปียก ! เขาเล่นน้ำกันอยู่ แต่เบสไม่เล่น ไปเถอะครับกำลังสนุกกันเลย เด็กชายไม่รอคำตอบ แต่จูงมือพี่สาวออกเดิน ภูสิตาขอไปปิดบ้านก่อนแล้วจึงออกเดินทางกัน
พอไปถึงบ้านปูนา ต้องเดินอ้อมไปอีกทางไม่ไกลจากสวนดอกไม้มากนัก เสียงคนกระโดดน้ำตูมตามดังมาแต่ไกล คงจะอยู่กันหลายคน เสียงหัวเราะของเด็กผู้ชายดูเหมือนจะดังมากกว่า เอกรินทร์และกรกฎกำลังหยอกล้อกันในสระน้ำอย่างสนุกสนาน สระที่ถูกขุดไว้ใช้ในบ้านกว้างพอสมควรแต่ดูเหมือนจะไม่ลึก เพราะทั้งสองคนยังยืนได้ น้ำใสสีสวย หน้าหนาวแบบนี้แดดจ้านัก แต่ลมเย็นก็พัดมาเป็นระยะ ภูสิตามองเห็นปูนาและโมรีกำลังปอกผลไม้ ที่มีทั้งแตงโมและสับปะรดอย่างขะมักเขม้น พอเห็นภูสิตาทุกคนก็ยิ้มให้และทักทาย มาแล้วเหรอตาล โทษทีไม่ได้บอกล่วงหน้า อยากให้แปลกใจ โมรีอธิบาย ท่าทางเพื่อนเหมือนผู้ใหญ่เช่นเคย
ปรมัตถ์ยืนโบกมือลาพี่เข้มอยู่ พอเสียงรถจากไปแล้ว เด็กชายจึงมาสมทบกับสองสาว ปรมัตถ์ทำตัวน่าเอ็นดู เรียบร้อยและดูสุภาพมาก ช่วยงานขันแข็ง ผิดกับเจ้าตัวพี่ที่กระโดดน้ำตูม ๆ ว่ายน้ำข้ามฝั่งไปมาอย่างสนุกสนาน
ปรเมษฐ์ไม่ใส่เสื้อ ใส่แต่กางเกงขาสั้นตัวเดียว คงจะเล่นน้ำอยู่นานแล้ว ผิวเริ่มมีสีแทนสวย พอเห็นเธอเขาก็ยิ้มให้เหมือนเด็ก ๆ ลงมาเร็ว นี่อำภาก็อยู่นี่ ! เด็กชายตะโกนบอก อำภาที่กำลังเกาะมะพร้าวแห้ง 2 ลูกที่ผูกโยงไว้ด้วยเชือกเส้นใหญ่ ลอยตัวอยู่ในน้ำอย่างเอาเป็นเอาตาย ตาลมาเร็ว ! มาฝึกว่ายน้ำกัน อำภาเรียกเธอและว่ายตีน้ำกระเด็นเป็นวงกว้าง เด็กหญิงสำลักน้ำเพราะลูกมะพร้าวไม่ไปตามสั่ง ต้องดึงเชือกกลับมาเพราะผูกทิ้งช่วงห่างกันเกินไป ภูสิตารู้สึกสนุกหากแต่ส่ายหน้า
ไม่ไหวหรอกหนาวจะแย่
หนาวที่ไหน ร้อนจะตาย ให้เวลา 5 นาทีถ้าไม่ลงมาจะหาว่าไม่เตือน ปรเมษฐ์ตะโกนขึ้นมาขู่ ภูสิตามองหน้าปูนาเพื่อขอความเห็น ลงไปเถอะ นี่เราก็พึ่งขึ้นมา เดี๋ยวมีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนลงเถอะ ปูนาชวนพลางก้มดูตัวเอง เธอก็เปียกอยู่ น้ำยังไหลออกจากเสื้อผ้าอยู่เป็นทาง ผมเผ้าถูกมัดไว้เรียบตึง จะได้ไม่รุงรังเวลาเล่นน้ำ
ไปสิจ๊ะ เดี๋ยวเราก็จะลงนะ โมรีเสริม
หมดเวลา พอภูสิตาหันมาหาเจ้าของเสียง ปรเมษฐ์ก็ยืนอยู่ข้างหลังเธอแล้ว เขาดึงแขนเธอแล้วฉุดให้กระโดดลงไปในสระพร้อมกัน ทั้งคู่จมหายไปในสระไม่นานก็ลอยตัวขึ้นมา คนอื่น ๆ หัวเราะกันใหญ่ ภูสิตาไม่ทันระวังตัว จึงกินน้ำเข้าไปเยอะเหมือนกัน เธอไม่โกรธไม่กลัวเพราะเธอว่ายน้ำเป็น เด็กหญิงหัวเราะออกมาเสียงดัง ใครจะรู้ว่าเธอเองก็คิดถึงทุกคนไม่น้อย โดยเฉพาะคนตาสวยยิ้มสดใสคนนี้
นานแค่ไหนแล้วที่ไม่เห็นเขายิ้มและหัวเราะแบบนี้ ปรเมษฐ์คนที่มีพลังแห่งความสุขฉายออกมาทุกครั้งเวลาที่เขายิ้มหรือขยับตัว เพื่อนอยู่ตรงนี้แล้วอยู่ข้างหน้าเธอ ถ้าเขารู้ว่าเขาสำคัญแค่ไหน เขาจะว่ายังไงนะ ?
พอทุกคนลงมาเล่นน้ำกันหมดก็ยิ่งสนุก โมรีก็ว่ายน้ำเป็นแต่เธอกลัวดำ จึงเอาทั้งผ้าและร่มลงไปในน้ำด้วย แม้เปียกปอนไปตาม ๆ กัน แต่ก็ยังยืนยันว่าจะกางร่มไว้
ถ้าจะบ้า ไอ้โมแกจะมากางร่มว่ายน้ำตลอดไปเลยหรือไง ? เอกรินทร์ทัก
ช่างฉัน ! อย่ามายุ่ง ปล่อยนะไอ้เอก เอาร่มคืนมา ! พอร่มถูกแย่งไปโมรีก็ยังเหลือผ้าผืนใหญ่ไว้คลุมตัว แต่ผ้าก็พองขึ้นกลายเป็นลูกโป่ง แทนที่จะกลายเป็นร่มเงาให้เธอ โมรี เธอนี่ทำอะไรแปลก ๆ กรกฎทั้งขำทั้งสงสัย แต่เห็นสีหน้าและรอยยิ้มสดใสของโมรีแล้วก็รู้สึกพอใจ ตัวเขาทั้งเชยและเงียบขรึม ตัวก็ดำ ผิดกับโมรีที่ทั้งสดใสและมีชีวิตชีวา เขาเองก็พึ่งรู้ว่าโมรีก็น่ารักเหมือนกันเวลาที่เธอทำอะไรเปิ่น ๆ
ปรเมษฐ์ดำน้ำลงไปแล้วโผล่ขึ้นมาตรงหน้าภูสิตา สนุกไหม ?
ขอบใจที่ให้เบสไปรับ ยังคิดว่าไม่ได้เจอกันแน่ ๆ
คิดถึงเหรอ ? คนตาสวยถามพลางยิ้มกว้าง
ภูสิตาพยักหน้ารับแต่โดยดี หัวใจคนรอฟังพองโตแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขายิ้มแล้วก็ดำน้ำลงไปอีก พอโผล่ขึ้นมาเขาก็จับมือทั้งสองข้างของภูสิตาในน้ำ มีอะไรบางอย่างอุ่น ๆ มาเคลือบมือทั้งสองของเธอไว้ ปรเมษฐ์จ้องหน้าเธอไว้มั่น ภูสิตาก้มลงไปดูที่มือของเธอ มือทั้งสองข้างของทั้งคู่ถูกเคลือบไว้ด้วยดินเหนียวสีเข้ม แรงบีบจากมือนั้นแน่น อุ่นไหมหายหนาวหรือยัง ? ปรเมษฐ์ยิ้มสวย ตาของเขาบอกอะไรบางอย่าง แต่เธอบอกไม่ถูกว่ามันแปลว่าอะไร
ตาลร้อนแล้วเหรอ หน้าแดงแล้วขึ้นไปข้างบนไหม ? เสียงปูนาร้องทัก มือนั้นคลายออก เปลี่ยนเป็นช่วยเธอล้างโคลนที่เปื้อนอยู่ออกแทน
ไม่จ้ะ ภูสิตาตอบพลางหัวเราะ
ยุ่งจริง ๆ ปูนาเนี่ย แล้วปรเมษฐ์ก็ว่ายน้ำออกไปหาเพื่อนผู้ชายเสีย เขาวักน้ำสาดขึ้นไปใส่ปูนาที่ขึ้นไปนั่งพักอยู่ข้างบนแล้ว
อะไรล่ะบอล ก็แค่ถามนี่นา ?
เด็ก ๆ เล่นน้ำกันอยู่จนเย็น ฟ้ามืดเร็วเพราะเป็นหน้าหนาวจึงได้รีบขึ้นจากน้ำกัน เพราะกลัวว่าพ่อแม่จะเป็นห่วง ทุกคนสนุกสนานกันมากและดีใจที่ได้พบกันอีก
พอถึงบ้านปรเมษฐ์ก็นอนแผ่ที่เตียงอย่างมีความสุข
มีความสุขจังนะ ปรมัตถ์พูดเมื่อเดินผ่านเตียงที่พี่ชายกำลังนอนอยู่
ใช่ ทำไม ? ปรมัตถ์ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร ปรเมษฐ์ชำเลืองมองน้องชายที่ยืนนิ่งแล้วหลับตาลง เบสบอกแม่ด้วย พี่ไม่กินข้าวนะ ง่วงนอน ปิดประตูห้องให้ด้วย
ปรมัตถ์จ้องหน้าพี่ชายแล้วก็ก้มหน้าลงทันที ครับเบสจะไปบอกแม่เดี๋ยวนี้ เด็กชายหยิบหนังสือการ์ตูนที่โต๊ะของพี่ชายออกไปด้วยเล่มหนึ่ง เขาหยุดอยู่ที่หน้าประตูก่อนจะค่อย ๆ ปิดประตูห้องให้พี่ชาย ปรเมษฐ์มองไปที่ประตูเมื่อน้องชายออกไปแล้ว อะไรของมัน ? เขานึกอยู่ในใจ
วันเปิดเทอมใหม่ภูสิตารู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยเพราะตั้งแต่ไปเล่นน้ำที่บ้านปูนาวันนั้น เธอและเพื่อน ๆ ก็ไม่ได้พบกันอีกเลย ภูสิตาเลยเดินไปที่โรงอาหารเพื่อหาขนมกิน ยังไม่เอากระเป๋าไปเก็บ ใครบางคนเดินเข้ามาหาแล้วทัก มาแต่เช้าเลยนะ
ดวงหน้าสดใสของปรมัตถ์ทำให้ภูสิตาอดทึ่งไม่ได้ เจ้าตัวกำลังนึกถึงอีกคน แต่อีกคนกลับมาอยู่ตรงหน้าแทน จ้ะ กินขนมไหม ?
เบสไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ไม่กินขนมหรอก เห็นพี่บอลหรือยังครับ ?
ภูสิตากลั้นยิ้มไว้ นึกเอ็นดูปรมัตถ์ขึ้นมาอีกครั้ง ยังไม่เห็นใครเลย
งั้นเหรอ นี่เขารีบมาก่อนเบสอีกนะ คงรออยู่ในห้องแล้วมั้ง เด็กชายพูดพลางมองไปรอบ ๆ ตัว ไปนะ แล้วเจอกัน ปรมัตถ์พูดแล้วก็เดินจากไป
รอทำไม ? รอใคร ? ตัวโตไวดีแฮะคนบ้านนี้ ภูสิตานึกในใจ
พอเดินไปถึงห้องเรียน เจ้าตัวดีก็นั่งเอาขาพาดโต๊ะรออยู่แล้ว ภูสิตามองแล้วก็เดินตรงไปที่โต๊ะของตัวเอง แต่เก้าอี้ของเธอมีกระเป๋านักเรียนวางอยู่แล้ว ภูสิตาหยุดคิดด้วยความสงสัย มานั่งตรงนี้ ! นั่นไอ้เอกมันนั่ง ปรเมษฐ์บอกเหมือนออกคำสั่ง
ก็นี่โต๊ะเรา ภูสิตายืนยันพลางชี้ที่โต๊ะประจำของเธอ
ตอนนี้ไม่ใช่ ตัวไม่รู้เหรอว่าวันแรกใครมาถึงก่อนก็ได้นั่งก่อน เป็นแบบนี้ทุกเทอม เขาพูดหน้าตาเฉย
งั้นเราก็นั่งที่อื่นได้ มีที่ว่างอีกเยอะแยะ เธอตอบพลางเดินไปที่โต๊ะอื่น
มาช้าไปมั้ง ดูโน่น ! เขาลุกขึ้นยืนชี้ไปที่กระดาษที่ทำเป็นแผนผังติดไว้ข้างฝา ที่นั่งมีชื่อทุกคนกำกับไว้แล้ว เลขที่ 13 เด็กหญิงภูสิตานั่งกับเลขที่ 26 เด็กชายปรเมษฐ์ เขาอ่านให้ฟังเสียงดังฟังชัด ไม่ใช่ทุกคนเลือกหรอก อาจารย์จัดนะ เข้าท่าไหมล่ะ ? เขายิ้มให้อย่างผู้ชนะเพราะรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร ภูสิตาชักไม่ชอบรอยยิ้มแบบนี้เสียแล้วและทำไมรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยกว่า รู้สึกว่าหมอนี่สูงขึ้น ! ภูสิตาเดินเข้ามาหาเขาอย่างเสียไม่ได้ ผมที่ยาวขึ้นถูกมัดรวบไว้ ท่าทางหงุดหงิดนั่นน่าดูเชียวล่ะ ปรเมษฐ์กลั้นยิ้มไว้แล้วนั่งลงข้าง ๆ ไม่เห็นต้องอารมณ์เสีย ใครจะทำอะไรตัว ?
ก็คงไม่ปล่อยให้ใครทำอะไรง่าย ๆ หรอก
งั้นดี ค่อยน่าสนุกหน่อย คนพูดอารมณ์ดียิ้มอย่างพอใจ
Create Date : 23 ตุลาคม 2563 |
Last Update : 23 ตุลาคม 2563 11:40:25 น. |
|
0 comments
|
Counter : 41 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]

|
คนเขียน..เป็นคนธรรมดา เราเขียนทุกอย่างเพราะอยากเขียนเท่านั้นเอง เป็นงานอดิเรก...ไม่ใช่มืออาชีพ ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ ขอบคุณที่แวะมาค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
|
|