"ความรู้" คู่ "ความงาม"
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2554
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
22 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
[PuPe's Story] เพราะ 'ความสุข' สร้างได้... กับวิธี 'ปลดปล่อย' ตัวเองจากความเหนื่อยล้า


วันนี้ปูเป้จะมาพูดถึงปัญหาที่หลายคน หรืออาจจะทุกคนต้องประสบ นั่นคือปัญหาความ "เหนื่อยล้า" ทั้งกาย ทั้งใจ ลามไปจนทำให้ผิวรู้สึกเหนื่อยล้าตามไปด้วยเลย... เพราะท่ามกลางชีวิตที่แสนแออัด ยุ่งเหยิง ของสังคมเมือง ทุกคนต่างแข่งขัน เร่งรีบ...


(ใครอยากฟังปูเป้มานั่งเม้าท์หัวข้อนี้แบบเปิดอก ก็ชมในรูปแบบวีดีโอได้เลยครับ)


เจ้าความ "เหนื่อยล้า" นี้ครอบงำได้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย เด็กหรือวัยรุ่นสมัยนี้เข้าเรียน 8 โมงเช้า อาจต้องแหกขี้ตาตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อที่จะมาเข้าเรียนให้ทัน รถก็ติด มลพิษก็หนัก รถเมล์ รถไฟฟ้าคนก็แออัดแน่นเอี๊ยดเป็นปลากระป๋อง ผู้ใหญ่เดินทางไปที่ทำงานถ้าไม่กลุ้มเรื่องงานก็หนักใจเรื่องเจ้านายไม่ก็เพื่อนร่วมงาน มีแฟนดีไม่ดีก็ทะเลาะมีปัญหาพาให้เครียดหนักกว่าเดิม... พูดมาถึงขนาดนี้แล้วเราคงปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าทุกวันนี้เราไม่ "เหนื่อย"



ปูเป้เองต้องพบเจอกับควาามเหนื่อยทั้งกาย ทั้งสมอง ทั้งใจเยอะแยะมากมาย โดยเฉพาะในช่วงหลัง ๆ มานี้มีสิ่งที่เป็นสัญญาณที่ร่างกายร่ำร้องบ่งบอกว่า "ฉันไม่ไหวแล้ว" ก็คืออาการท้องอืด ลมตีขึ้นบ่อยมาก อาหารเป็นพิษและท้องเสียได้ง่าย ซึ่งเป็นอาการที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนสุดท้ายก็ได้ทราบว่าเป็น "โรคเครียดลงกระเพาะ"



แม้ไม่อยากจะเชื่อว่าจากที่เคยเป็นคน ชิล ๆ ไม่กังวลอะไร กลับสั่งสมความเครียดและความเหนื่อยล้าต่าง ๆ มากมายจนร่างกายส่งเสียงโอดครวญขนาดนี้ แต่ก็ต้องยอมรับล่ะว่าตอนนี้ตัวเรามีปัญหา และการยอมรับว่าตัวเรากำลังมีปัญหานี่แหล่ะ จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาในขั้นต่อไป...





สร้าง "เวลา" ให้ตัวเอง...


การแก้ไขปัญหาและยกความเหนื่อยล้าทั้งกายใจ (รวมถึงผิวพรรณ) ออกไปเนี่ย มันมีอยู่เยอะแยะเต็มไปหมดและพวกเราน่าจะเคยได้ยินได้ฟังกันบ้างแล้วว่าให้ลองเล่นโยคะ ออกกำลังกาย พักผ่อน ไปสปา ไปเที่ยวนอกบ้าน หากิจกรรมที่ชอบทำ



แต่... พวกเราก็มักจะมีคำที่มักจะพูดติดปากว่า "ฉันไม่มีเวลา" "ฉันไม่ว่าง" "ยุ่งมาก มีเรื่องที่ต้องทำอีกล้านแปด" มาคอยตัดโอกาสในการทำกิจกรรมที่ว่าเหล่านี้ (ซึ่งตัวปูเป้เองก็พูดคำนี้เหมือนกัน) ทว่ามีเพื่อนคนหนึ่งได้เตือนสติให้ปูเป้ได้คิดว่าจริง ๆ แล้วเรามี "เวลา" อยู่กับตัว ทุกคนมีเวลาวันละ 24 ชั่วโฒงเท่ากัน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะบริหารหรือใช้เวลาได้อย่างมี "คุณค่า" ซึ่งเพื่อนคนนี้ได้ยกตัวอย่างที่สะกิดใจปูเป้มาก ๆ ว่า

"วันนึงเธอเอาเวลาไปสนใจกับเรื่อง 'ไร้สาระ' นานสักเท่าไหร่? นั่นแหล่ะคือ 'เวลา' ที่เธอมีเอาไว้สำหรับทำเรื่องที่มีประโยชน์ให้กับตัวเอง"

เรื่องไร้สาระในที่นี้จะเป็นอะไรก็ได้ แค่นั่งเหม่อเลยปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉย ๆ หรือไปสนใจคำพูดคนนู้นคนนี้ว่าเขาพูดถึงนินทาเรายังไง... สมมุติว่าเราใช้เวลา 30 นาทีไปกับเรื่องเหล่านี้ เท่ากับว่าในวันหนึ่งเราเสียเวลาถึง 30 นาทีโดยเปล่าประโยชน์ ในหนึ่งสัปดาห์จะเสียเวลาอันมีค่าไปถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง ในหนึ่งเดือนเป็น 15 ชั่วโมง และในหนึ่งปีเท่ากับเราเสียเวลาไปเกือบ 8 วันกับเรื่องที่ไม่ก่อประโยชน์อะไร ซ้ำร้ายยังอาจทำให้ชีวิตเราย่ำแย่ลงไปอีก... เวลาที่เคยเอาไปใช้อย่างไร้ค่านี่แหล่ะคือ "เวลา" ที่เราสามารถเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง





"Slow Life" ใช้ชีวิตให้ 'ช้า' ลงบ้าง...


คือไปอ่านเรื่องนึงที่เขามีทฤษฏีว่า ปัจจุบันนี้ชีวิตของเราทุกคนดำเนินไปอย่างรีบเร่ง ทุกอย่างต้องเร็ว อาหารก็ต้อง Fast food ทำงานก็ต้องแข่งกับเวลา แข่งกับตัวเอง แข่งกับคนอื่น ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะต้องรีบต้องเร่งไปซะหมด ซึ่งสิ่งนี้นี่แหล่ะเป็นตัวที่สร้าง "ความเครียด" และ "แรงกดดัน" ให้เราเหนื่อยล้าโดยบางทีที่เราเองก็ไม่รู้ตัว...



จึงเกิดแนวคิดของ Slow Life ขึ้นมา คือให้ใช้ชีวิตช้าลงบ้างเถอะ มีเวลาให้ชิลบ้างเถอะ แต่บางคนก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ ชั้นไม่มีเวลาจะไปนั่งชิลหลายชั่วโมงหรือทั้งวันหรอก ซึ่งปูเป้จะบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเยอะขนาดต้องลางาน 7 วันไปพักตากอากาศต่างประเทศหรอก แค่เอา "เวลา" ที่เราเอาไปละลายทิ้งกับเรื่องไร้สาระต่าง ๆ เหล่านั้น มาทำให้ชีวิตของเรา "ช้า" ลงกับกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งที่เราจะโฟกัสมันเป็นพิเศษ... ปูเป้ทดลองมากับตัวเองแล้วครับ ขอบอกว่าได้ผลอย่างมาก ;D





ใช้ "เวลา" กับตัวเอง


หลังจากเราได้ "เวลา" มาแล้ว เราก็ต้องเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง (และถ้าได้ประโยชน์ไปถึงคนรอบข้างด้วยก็จะดีมาก) และเมื่อพูดถึงความเหนื่อยล้า ปูเป้จะนึกถึง 3 สิ่งคือ "ร่างกาย" กับ "จิตใจ" และ "ผิวพรรณ" เพราะทั้งสามสิ่งที่ว่านี้ส่งผลซึ่งกันเหมือนกับโดมิโน่ ถ้าอันใดอันหนึ่งล้มไปมันก็จะกระทบให้อย่างอื่นล้มตาม และเช่นกัน... ถ้าเราสามารถทำให้อันใดอันหนึ่งกลับดีขึ้นมาได้ มันจะช่วยฉุดให้อันอื่นดีตามขึ้นมาไปด้วยได้เหมือนกัน


For our precious body..


งานหลัก ๆ ของปูเป้ถ้าเป็นส่วนของการเขียนบทความก็ต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ถ้าไปออกงานข้างนอกบางทีก็ต้องเดินสายจาก Event นี้ไปอีกงานหนึ่ง ทั้งเมื่อย โดนแดด มลภาวะทั้งวัน ซึ่งเดิมปูเป้จะเป็นคนที่ใช้เวลานานมากกับการอาบน้ำ (ไม่เคยต่ำกว่า 30 นาที) แต่ปัจจุบันเหลือไม่ถึง 10 นาที บางทีแค่ 5 นาทีก็ออกมาแล้วเพราะ กลับมาบ้านก็เหนื่อยมาก อยากล้มตัวลงนอนบนเตียงให้เร็วที่สุด ไม่ได้ "ละเมียดละไม" กับตัวเองเหมือนแต่ก่อน แต่พอนอนก็นอนหลับไม่สบาย รู้สึกเหมือนร่างกายไม่ได้พักผ่อนอีก

วันนั้นลองเอาเวลา 30 นาทีที่เราหามาได้ มาบวกเพิ่มไปจากปกติ เป็น 40 นาที แล้วก็ไปขุดเอาสครับขัดตัวกลิ่นแอปเปิ้ลที่ชอบ บอดี้โลชั่นกลิ่นหอมที่ซื้อเอาไว้กะเอาไว้ใช้ในวันพิเศษ (ที่ไม่เคยได้หยิบมาใช้ซะที) อาบน้ำ ชำระล้างสิ่งสกปรกออก และเริ่มขัดผิว... ที่ไม่ได้ขัดลวก ๆ แบบขอให้เสร็จไปทีนะครับ แต่ให้ขัดอย่างละเอียด แผ่วเบา ไล้ไปทั่วร่างกาย ล้างออก... และสัมผัสผิวตัวเองอย่างช้า ๆ

เอ๊ะ...

ผิวของเราเนียนได้ขนาดนี้เลยหรอ..

มันช่างลื่นและนุ่ม...

รู้สึกดีจริง ๆ...


ความรู้สึกดี ๆ นี่แหล่ะครับคือหัวใจสำคัญ ให้เราเก็บและซึมซับความรู้สึกดี ๆ อันนั้นเอาไว้ ความรู้สึกนี้ที่เราหลายคนหลงลืมไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้...

ต่อมาก็ซับผิวให้แห้งและทาโลชั่นกลิ่นหอมผ่อนคลายที่ก็ไม่ได้ทาลวก ๆ ขอให้เสร็จ ๆ ไปอีกเช่นกัน แต่ให้เอาโลชั่นมาวอร์มบนฝ่ามือจนได้อุณหภูมิเดียวกับผิวของเรา ก่อนจะไล้ลูบไปตามขา... ลำตัว... แขน... และในขณะที่เริ่มนวดจนถึงไหล่และต้นคอ... ผมสัมผัสได้เลยว่ามันแข็งมาก รับรู้ได้เลยว่าร่างกายนี้ได้ผ่านอะไรมา มันแบกรับอะไรเอาไว้บ้าง มันเหนื่อย มันล้าขนาดไหน แต่เรากลับไม่เคยใส่ใจหรือใยดีมันเลย...

ก็ถึงคิดได้ว่า "เราคงต้องมี 'เวลา' ที่โอบกอดตัวเอง รักและปลอบประโลมตัวเองบ้าง เวลาที่บอกกับร่างกายของเราว่า "ฉันรู้นะว่าเธอเหนื่อย... ตอนนี้เธอพักซะนะ... แล้วพรุ่งนี้เราจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับพลังที่เราจะสู้กับวันใหม่ไปด้วยกัน..."

สรุปว่าวันนั้นหลับเป็นตายเลยครับ รู้สึกดีกับตัวเองมาก ร่างกายเหมือนได้รับการปลดเปลื้องจากความเหนื่อยล้า ผ่อนคลาย วันรุ่งขึ้นตื่นมาสดชื่นมาก ไม่งัวเงีย รู้สึกว่ามีพลังเต็มเปี่ยมทีเดียว


for our complicate mind...


เวลาเพียง 10 นาทีก็เพียงพอกับการทำให้จิตใจของเราผ่อนคลายได้ด้วยการ "นั่งสมาธิ" ซึ่งในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องถึงขนาดเข้าฌาน บรรลุธรรม หรืออะไรขนาดนั้น (เพราะส่วนตัวก็ยังทำไม่ได้เหมือนกัน) แต่เป็นการทำสมาธิที่ง่ายมากและใคร ๆ ก็ทำได้อย่างแน่นอน

การทำสมาธิจะทำเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ แต่เวลาที่ปูเป้เลือกทำจะเป็นเวลาก่อนเข้านอน เพราะถ้านอนทั้งที่จิตยังสับสนก็จะนอนไม่หลับ หรือบางทีหลับก็หลับไม่สนิท ฝันทั้งคืน ร่างกายก็เหมือนจะไม่ได้พักผ่อน หลังจากอาบน้ำ ทาครีม เตรียมเข้านอนแล้วก็ให้ "ปิด" ทุกสิ่งที่เป็นแหล่งกำเนิดแสงและเสียง นั่งด้วยท่าที่เราสบายที่สุด อย่างปูเป้จะนั่งขัดสมาธไม่ได้นาน ตะคริวกินทุกทีก็เลือกที่จะนั่งบนขอบเตียง เท้าวางแตะถึงพื้น หลังตรง ไม่เกร็งไหล่ และหลับตา

โฟกัสไปที่การหายใจเข้าและออกให้สุด โดยไม่ต้องฝืนสูดหายใจแรง ๆ ให้เต็มปอด แต่ให้หายใจตามปกติแค่ให้สุดอย่างช้า ๆ และค่อย ๆ ผ่อนออกให้สุดเช่นกัน ระหว่างหายใจเข้าก็ให้รับรู้ถึงลมหายใจตัวเอง หายใจก็รับรู้ว่าหายใจออก การหายใจนี้จะช่วยให้ร่างกายแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้เต็มที่ และช่วยให้จิตใจสงบขึ้น ทำให้หลับสบายและนำพาไปสู่การหลับลึกให้ร่างดายได้ผ่อนคลาย การทำสมาธิทำให้จิตใจและสมองปลอดโปร่งซึ่งเมื่อสมองเราโล่ง มันก็จะมีพื้นที่ให้สำหรับความคิดดี ๆ ได้เกิดขึ้นมา


For our dilicate skin...


ผิวได้รับแรงกดดันทั้งจากร่างกายและจิตใจของเราส่วนหนึ่ง และอีกส่วนเกิดขึ้นมาจาก "ความเครียด" จากสภาพแวดล้อมภายนอก ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะ รังสี UV และการระคายเคือง การดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน เหมาะกับสภาพผิวเป็นประจำ ทายากันแดดเพื่อปกป้องรังสี UV รวมถึงปฏิบัติกับผิวอย่างอ่อนโยนในทุก ๆ ขั้นตอน นอกจากจะสร้างสภาวะที่เหมาะสมแก่การเสริมสร้างเยียวยารักษาตัวเองให้กับผิวแล้ว หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ส่วนผสมที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ หรือเสริมสร้างพลังงานให้กับผิว ก็จะช่วยให้ผิวของเรามีสุขภาพแข็งแรงขึ้นด้วย

หากคุณคิดว่าทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก น่าเบื่อ หรือเสียเวลา น่าเบื่อ อยากทำให้มันเสร็จ ๆ ไป... ปูเป้อยากให้คุณลองปรับมุมมองว่าการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวก็เหมือนกับการที่คุณได้เติมความรัก เป็นช่วงเวลาที่คุณจะได้โอบกอดและให้ความอบอุ่น ความรัก ที่เรามักลืมให้กับตัวเอง...







มีวิธีอีกมากมายที่จะทำให้ร่างกาย จิตใจ และ ผิวพรรณ ของเราฟื้นคืนพลังได้ และหลายๆ วิธียังช่วยสามารถช่วยให้เรามีความสุขกับตัวเอง มีความสุขกับการใช้ชีวิต รวมถึงมีความคิด ทัศนคติที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ผมเชื่อว่าแต่ละคนก็มีวิธีการต่าง ๆ อยู่แล้วในใจ ปูเป้แค่อยากชี้ให้ใครต่อใครที่มักทำร้ายตัวเองด้วยคำว่า "ฉันไม่มีเวลา" ได้ตระหนักว่าจริงๆ แล้ว "เวลา" เป็นสิ่งที่เราเราสามารถหามาได้แค่เลิกใส่ใจสิ่งไร้สาระที่ไม่ก่อประโยชน์กับตัวเราเท่านั้นเอง...

แล้วทุกคนล่ะ...มีวิธีการบำเรอ ปรนเปรอ ให้ความรักและโอบกอดตัวเองกันอย่างไร? เอามาแชร์กันบ้างนะครับ :)



เห็นว่า Blog นี้มีประโยชน์ ก็ช่วยกันกดปุ่ม มุมขวาล่างเป็นกำลังใจให้ให้ปูเป้ด้วยนะคร้าบ



Create Date : 22 สิงหาคม 2554
Last Update : 19 กันยายน 2554 8:54:54 น. 13 comments
Counter : 8632 Pageviews.

 
เป็นข้อคิด และ คำแนะนำ ที่ยอดเยี่ยมเลยค่ะ

จะเริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้เลย

(นั่งทำงานไป หายใจลึกๆ 55)

ขอบคุณพี่ปูเป้ สำหรับข้อคิดดีๆ ค่ะ ^_^


โดย: Nu'Ying IP: 58.10.171.121 วันที่: 22 สิงหาคม 2554 เวลา:10:35:02 น.  

 
เข้าBlogคุณเป้ทุกวันติด มาตลอด3เดือนที่ผ่านมา จนคุณพ่อบ้านถามอย่างแปลกใจทุกครั้ง ว่านั่งอมยิ้มอะไรอีก เข้าBlog pupe_so_sweet อีกแล้วเหรอ ?? เพราะเราจะมีอะไรไปแชร์ให้เค้าฟังใหม่ๆทุกๆวัน มีกิจกรรมที่ใช้เวลาร่วมกันเยอะขึ้น จนทุกวันนี้ลูกสาวน้องแด๊นกับน้องแองเจิ้ลอยากเจอตัวจริงคุณเป้ยิ่งกว่าพี่อั้มอีกค่ะ พวกเราเป็นแฟนคลับคุณเป้กันทั้งบ้านเลยค่า !!!


โดย: Danceangel IP: 171.97.13.128 วันที่: 22 สิงหาคม 2554 เวลา:16:38:22 น.  

 
ชอบมากเลยครับ


โดย: แบง IP: 180.180.155.206 วันที่: 22 สิงหาคม 2554 เวลา:17:01:32 น.  

 
เป็นคำแนะนำที่ดีมากๆเลยค่ะ พี่ปูเป้

แต่ไม่ค่อยได้ทำเล๊ยยย~ เช่น บวกเวลาอาบน้ำ

ตอนเช้าทำไม่ได้ ตอนเย็นไม่ได้อาบ ง่วง

ออกแนวซกมกนะเนี่ย 5555


โดย: Kani Kani IP: 124.122.56.145 วันที่: 22 สิงหาคม 2554 เวลา:23:16:55 น.  

 
เมื่อฝึกสมาธิระยะนึงแล้วอยากให้เพื่อนๆ ลองหัดเจริญสติ เจริญปัญญาอ่ะคับ ( หมายความว่าพยามสร้างความรู้สึกตัวในอารมญ์ที่กระทบอ่ะคับ กระทบที่ไหนก็รู้ตามนััน ) นั่งอยู่ก็รู้ว่ากำลังนั่ง พอได้ยินเจ้านายเรีัยกก็รู้ตามเสียง พอลุก ก็รู้ว่ากำลังลุกยืน ค่อยๆทำ ทีละนิด ๆเวลาคิดก็ให้รู้ว่ากำลังคิดไม่ปรุงแต่งความคิดนั้นๆ แต่ทำแบบสบายๆ ความรู็สึกตัวนี้มันเกิดแค่แป๊ปๆ แบบว่าไวมากๆ แล้วมันก็จะหายไป แบบว่า อย่างเวลาเราคิดพอรู้สึกตัวว่ากำลังคิด ความคิดนั้นจะหยุดแล้วก็จะมีอารมญ์ทางอื่นเกิดขึ้นต่อ เราก็ตามรู้ไปเรื่อยๆ ( ตามรู็แบบสบายๆ เบาๆ ไม่ต้องคิดว่าจะทำให้มาก ให้คิดว่าเราทำเรื่อยๆ ตามกำลังอ่ะคับ )เค้าเรียกว่าการเจริญปัญญา หรือ วิปัสนา จ้า ทำวันละนิดวันละหน่อย แล้วพอเกิดความชำนาญหรือเคยชิน เพื่อนๆก็จะปล่อยวางอารมญ์ที่เกิดกระทบกับกายหรือใจได้ ทำได้ตลอดนะจ๊ะไม่จำเป็นต้องไปวัดก็ได้ถ้าไม่มีเวลา แต่ถ้าว่างๆก็ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปวัดไปบำรุงภิกษุ ไปบำรุงพระศาสนาให้งดงามก็เป็นการดีนะจ๊ะ

ปล.ในทางพระศาสนาการทำแบบนี้เป็นบุญอันสูงสุดเลยทีเดียว จะเรียกได้ว่าเป็นมรรค ( ทางอันชอบ) ที่จะนำไปสู้ความพ้นจากทุข คือแม้ว่าจะอยู่ในทุข ( ในโลก) อันวุ่ยวาย เราก็จะมีความสุขที่หาประมาณไม่ได้เลยทีเดียว ส่วนตัวเราลองทำดูแล้ว ใจสบายขึ้นมากคับ มากๆ เลยทีเดียว ^^a

ขอบคุณปูเป้ที่คอยแชร์เรื่องดีๆกับเพื่อนๆนะคับ บ๊ายบาย จุ๊บบุบุ จุ๊บบบุ


โดย: love Pupe_มากมาย ^^a IP: 115.87.158.157 วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:12:02:11 น.  

 
อนุโมทนาบุญ กับ comment #5 และคุณปูเป้ด้วยค่ะ

เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วฝนตก รถติดอยู่บนถนน 3 ชม. เครียดแทบร้องไห้ เลยรู้สึกว่าเราต้องจัดการอะไรสักอย่างกับตัวเองแล้ว ตัดสินใจฝึกสมาธิวันละ 1 ชม. แค่ไม่กี่วันรู้สึกว่าจิตใจเราผ่อนคลายและไม่ดึงอะไรเข้ามาเป็นความทุกข์ให้ตัวเองอีก นอนหลับลึก แทบไม่ฝันอะไรเลย ลองดูนะคะ ถ้าทุกคนได้ฝึกฝนและทำสมาธิจนเป็นนิสัยแล้ว ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองและสังคมจะน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ


โดย: อีฟ IP: 203.147.16.4 วันที่: 31 สิงหาคม 2554 เวลา:10:05:13 น.  

 
ขอบคุณค่ะคุณปูเป้

บทความนี้โดนจริงๆ
ตัวเล็กกำลังรู้สึกว่า ชั้นอยากพักผ่อน..แต่ชั้นไม่มีเวลา ชั้นอยากไปเที่ยว..แต่ชั้นไม่ว่างเลย ชั้นอยากออกกำลังกาย จะได้หุ่นดีๆ..แต่ไม่มีเวลาเลย
เพิ่งรู้ ว่าเอาเวลาไปหมดกับเรื่องไร้สาระ ละเลยการดูแลตัวเองไปมาก มากจริงๆ

ต่อไปตัวเล็กจะพยายามกลับมาดูแลตัวเอง หาเวลาให้ตัวเอง และทำสมาธิก่อนนอนตามแบบที่คุณเป้แนะนำค่ะ
ขอบคุณอีกครั้ง และเป็นกำลังใจให้เขียนบทความดีดี ต่อไปค่ะ^-^


โดย: ตัวเล็ก IP: 10.182.255.60, 203.144.240.232 วันที่: 31 ตุลาคม 2554 เวลา:10:46:41 น.  

 
อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลยค่ะ ขอนำไปใช้บ้างนะคะ
ที่สำคัญเราต้องขอบคุณร่างกายของเราด้วยที่ให้เราได้ยืมใช้ตลอดชีวิตของเราค่ะ ^^

ร่างกายเรายืมมาจากโลก จากธาตุทั้ง4 ยืมมาแล้วก็ต้องใช้ให้คุ้มในทางที่ดี แต่ก็ต้องใช้อย่างทะนุถนอมและบำรุงอย่างที่คุณปูเป้แนะนำเป็นวิธีที่ดีมากค่ะ ไม่งั้นร่างกายเราก็จะเสื่อมเร็ว เหมือนเครื่องจักรที่ขาดการบำรุงซ่อมแซม ไม่ได้หยอดน้ำมันก็จะพังเร็วกว่าอายุใช้งานปกตินั่นแหละค่ะ


โดย: Mira IP: 58.11.76.165 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2554 เวลา:11:53:55 น.  

 
อ่านบล็อกที่ปูเป้แล้วรู้สึกดีจริงๆ เวลาที่เท่ากัน เพียงแค่เราตัดเรื่องไร้สาระในชีวิตออก อย่างละนิดละหน่อย แค่นี้เราก็เหลือเวลาของเราได้อีกมากมาย เพียงแค่ละเลยทีจะทำมัน (เป็นหนึ่งในนั้นหมือนกันค่ะ)
อ่านแล้วมีกำลังใจทำอะไรอีกเยอะเลย ขอบคุณพี่ปูเป้และทุกคอมเม้นที่มาร่สมกันแชร์ค่ะ


โดย: noongngosung IP: 27.130.205.204 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:23:52:12 น.  

 
โดนใจ


โดย: Micky Mook IP: 14.207.198.95 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:11:19:57 น.  

 
รู้สึกดีขึ้นจริงๆค่ะ...^^


โดย: NoOn NooNny IP: 192.168.182.133, 180.183.112.188 วันที่: 10 มีนาคม 2555 เวลา:14:09:31 น.  

 
รู้สึกดีจริงๆ


โดย: TUuu IP: 110.49.225.146 วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:20:52:35 น.  

 
เพิ่งได้มีโอกาสเข้ามาอ่านค่ะ

จากแค่จะไปทะเลเลยต้องการเสิชข้อมูลดูว่า ผลิตภัณฑ์ทากันแดดตัวไหนที่ดี เปิดดู Review มาเรื่อย

จนมาเจอเว็บนี้ที่มีการ Review ละเอียดและเยอะดี

เลยตั้งใจเปิดอ่านตั้งแต่ต้น จนมาเจอบทความนี้..

เลยอยากพิมพ์ขอบคุณคุณปูเป้มากเลยนะคะ

ที่พิมพ์แบ่งปันความรู้ดีๆให้ทุกคนได้อ่าน

พออ่านแล้วคิดได้ว่าจริงเลยค่ะ กับการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ

รู้สึกเหนื่อย และก็ทำอะไรลวกๆจริงๆ

ปากก็บอกไม่มีเวลาก็จริง 55

จนตอนนี้คงเป็นโอกาสที่ดีที่ได้มาอ่านบทความนี้

คงถึงเวลาที่จะต้องปรับปรุงตัวเองเสียใหม่สักทีค่ะ

ขอบคุณคุณปูเป้จากใจเลยค่ะ ^______________^


โดย: Tiffee IP: 115.67.128.173 วันที่: 3 มิถุนายน 2555 เวลา:19:38:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

PuPe_so_Sweet
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1829 คน [?]




Advertisement


About Pupe_so_Sweet
Pupe_so_Sweet on facebook
Pupe_so_Sweet on Youtube
vr AHA project


หากมีคำถามหรือต้องการคำปรึกษา
สามารถทิ้งคำถามไว้ได้ที่หน้า Wall ของ Facebook ครับ



Web Counter


Counter Start on 29 September 2008


Search by Google

ค้นหาข้อมูลและรีวิวผลิตภัณฑ์ที่ต้องการภายในBlog ของปูเป้ได้ไม่ยากด้วย Google Search Box ด้านล่างนี้เลยขอรับ

Custom Search

Friends' blogs
[Add PuPe_so_Sweet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.