Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
2425262728 
 
28 กุมภาพันธ์ 2556
 
All Blogs
 
สิ้นสุดเสียที กับ 17 ปี ที่ผ่านมา (ตอน ฉะเชิงเทราทำเราร้องไห้)

เมื่อวันก่อนค่ะ (7 ก.พ. 2556) ได้มีโอกาสกลับไปทำธุระที่จังหวัดบ้านเกิดของตัวเองที่ฉะเชิงเทราในช่วงเช้า ก็นึกถึงภารกิจที่สำคัญอย่างหนึ่งว่า ถ้ามีโอกาสจะติดตามหาคุณครูประจำชั้นตอนเรียน ป.6 (ปี 2539) แหมก็ตั้งนานแล้วเนอะ แต่ในใจก็คิดว่ายังไงก็ต้องลองสักตั้ง 
ต้นเรื่องก็มีอยู่ว่า  (ยาวหน่อยนะคะ) เราถูกย้ายมาเรียนโรงเรียนประถมชื่อดังของอำเภอ ตอนอยู่ ป.4 เพราะแม่เรากลัวว่าเราจะเกเร โดดเรียน เลยต้องย้ายให้ไกลบ้านออกไป คุณครูประจำชั้นแต่ละคนในชั้น ป.4 – 5 ท่านก็ดีกับเรานะคะ ตั้งใจถ่ายทอดวิชาการให้อย่างเต็มที่ แต่สำหรับคุณครูที่เราตามหานี้ ท่านนี้เป็นครูประจำชั้นเราตอน ป.6 ค่ะ ท่านเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ เรารู้สึกว่าเราผูกพันกับท่านมาก จะไม่ผูกพันได้ยังไงก็ถูกทำโทษอยู่ทุกวัน ถูกตีจนกระทั่งคุณครูท่านสงสารกลัวว่าจะเจ็บมือ (ท่านพักโทษให้ค่ะ ไปทำโทษในวันต่อไปแทนค่ะ) ท่านทำให้เราอยากเรียนวิชาภาษาอังกฤษทั้ง ๆ ที่เราไม่ค่อยชอบเลย ท่านต้องทำเหมือนกับว่าท่านดุ แต่จริง ๆ แล้วท่านใจดีค่ะ เราไม่ค่อยกลัว แต่ก็เกรงใจท่านมาก 

         ท่านสอนภาษาอังกฤษแบบเพื่อนช่วยเพื่อน คือแบ่งนักเรียนทั้งห้องออกเป็นกลุ่ม ๆ แล้วตั้งหัวหน้ากลุ่มขึ้นมา เพื่อให้สมาชิกในกลุ่มไปท่องคำศัพท์ให้หัวหน้ากลุ่มฟัง มีการจดใส่สมุดคำศัพท์ ตามด้วยการคัดลายมือ เพื่อทวนความจำ แต่ถ้าไม่ทำหัวหน้ากลุ่มจะรายงานทุกเช้าเลยว่า ใครไม่ทำอะไรบ้าง ท่านก็จะทำโทษโดยการตีที่มือ คำศัพท์ละ 1 ที  (สำหรับเราท่านจะไม่ถามหัวหน้า แต่ท่านจะเรียกถามเราทุกเช้าเลยว่า “ยัยทัศ ทำการบ้านรึยัง” )ท่านเอาใจใส่กับการสั่งสอนและคอยจ้ำจี้จ้ำไชในเรื่องการเรียนของลูกศิษย์มาก เราก็เรียนอยู่ในเกณฑ์ปานกลางไปทางดี (นักเรียนเกือบ 40 คน เราสอบได้ไม่เกิน 15 ค่ะ) ก่อนเรียนจบท่านเคยเรียกเราไปพบแล้วบอกว่า “ครูอยากให้เราตั้งใจเรียนมากกว่านี้ เดี๋ยวจะไม่จบนะ” เราก็เลยตั้งใจเรียนมากขึ้นเพราะสงสารท่าน ท่านคงจะเหนื่อยกับเรามามากแล้ว พอวันประกาศผลสอบ ท่านประกาศผลการสอบตามลำดับเลขที่ของเพื่อนทุกคน พอถึงเราท่านข้ามชื่อเราไป ทำให้เรากังวลจนจะร้องไห้อยู่แล้ว สุดท้ายท่านจึงประกาศว่า “เจ้าทัศเป็นคนเดียวในห้องที่ครูกลัวว่าจะเรียนไม่จบเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ แต่วันนี้ทัศทำได้ ทัศสอบได้ที่ 3 นะ วันนี้ครูภูมิใจในตัวเราที่สุด” หลังจากที่ท่านอาจารย์พูดจบ เราก็คิดในใจทันทีว่าที่เราทำได้ในวันนี้ก็เพราะมีท่านอาจารย์เป็นครูประจำชั้นนั่นแหละ ถ้าท่านไม่จ้ำจี้จ้ำไช เราคงทำไม่ได้เช่นนั้น ส่วนวิชาที่ทำคะแนนได้ดีที่สุดคือวิชาภาษาอังกฤษ เราทำได้ถึง 93 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน 

         เราเคยคิดว่าถ้าหากมีโอกาสเป็นครู เราจะยึดท่านเป็นแบบอย่างในการสอนหนังสือ ที่ทุ่มเทเอาใจใส่ในการสอน ทำให้คนที่ไม่ค่อยขยันเรียนอย่างเราอยากจะเรียนวิชาของท่านได้ ท่านมักจะติดปากชอบเรียกเราว่า “ไอ้ทัศ” หลังจากเรียนจบก็คิดว่าถ้ามีโอกาสจะกลับมากราบท่านที่โรงเรียน จนแล้วจนรอดก็ไม่มีโอกาสเลย จนกระทั่งทำงานแล้วก็เถอะ จนเมื่อประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เรามีโอกาสเข้าไปที่โรงเรียนฯ แล้วสอบถามจากฝ่ายบริหารของทางโรงเรียนเพื่อขอข้อมูลของท่าน ทำให้ทราบว่าเราทิ้งเวลาให้นานเกินไปในการที่จะติดตามท่าน ท่านอาจารย์เกษียณอายุราชการไปแล้ว อาจารย์ที่เคยสอนด้วยกันตอนนั้นได้แจ้งว่า ทราบเพียงว่าท่านมีบ้านอยู่ที่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เรามีเพียงข้อมูลเท่านี้ ก็พอดีนึกขึ้นได้ว่า มีลูกศิษย์คนหนึ่งทำงานอยู่ที่จังหวัด จึงขอข้อมูลตามบัตรประชาชนของท่าน ก็เลยได้ข้อมูลที่อยู่เพิ่มขึ้นมา

           พอดีมาทำธุระที่ฉะเชิงเทรา ก็เลยคิดว่าถ้าทำธุระเสร็จเร็วจะออกไปติดตามหาบ้านหลังนี้ แล้วสอบถามชื่ออาจารย์ ก็เลยคุยกับเพื่อนบอกให้เข้าเฟสบุ๊คแล้วเอาที่อยู่ให้ พอธุระเสร็จก็เริ่มปฏิบัติการ โทร.สอบถามกับเพื่อนอีกคนที่ทำงานที่แปดริ้ว ถามถึงถนนเส้นนี้ว่าเริ่มจากไหนไปถึงไหน (มันก็บ่นว่า รู้ที่อยู่แค่นี้จะไปตามหา คงจะเจอหรอก) ก็เลยนั่งวินมอเตอร์ไซด์ไป พี่ที่ขับวินเป็นผู้หญิงก็ถามว่าไปไหน ก็เลยแจ้งความประสงค์ว่าจะไปตามหาที่อยู่นี้ พี่วิน(ร่วมชะตากรรม) ก็เลยจัดให้ ขับรถไปตามถนนเทพคุณากร ก็ขับช้า ๆ แล้วก็มองดูบ้านเลขที่ไปเรื่อย เพราะตามที่อยู่  xxx ถ.เทพคุณากร เราเลยมั่นใจว่าต้องอยู่ติดถนนแน่นอน (แต่ก็แอบขอพรหลวงพ่อโสธรด้วยว่า “ขอให้ลูกเจอคุณครูประจำชั้นด้วยเถอะ...”) ขับไปเรื่อย ๆ จนเกือบสุดถนน ก็เลยวนกลับมาอีกรอบ แต่ก็มีปัญหาว่าบางบ้านมีเลขที่ บ้าน 2 เลขที่ (ก็เลยคิดว่าเป็นเลขที่เก่าและใหม่) จนจะถอดใจใจแล้ว พอพี่วินขับรถมาเรื่อย ๆ ก็บังเอิญเห็นเลขที่ ที่กำลังตามหาอยู่ ก็เลยบอกให้พี่วินหยุดรถก่อน พี่วินก็แนะนำว่าให้สอบถามข้าง ๆ ดูก่อน เพราะบ้านเหมือนไม่มีใครอยู่ ก็สอบถามจากข้าง ๆ เค้าก็บอกว่ามีคนอยู่ ก็เลยจะถามจากร้านรองเท้าที่อยู่ข้างหน้า เรียกแล้วก็ไม่มีคนตอบรับ เลยเดินเข้าไปตามช่องแคบ ๆ ในร้านก็เลยเห็นว่าด้านหลังร้านถูกเชื่อมต่อกับบ้านที่เราตามหาอยู่ ก็เลยตะโกนถาม แล้วก็มีสุภาพสตรีค่อนข้างมีอายุเดินออกมาจากบ้านหลังนี้ 

         วินาทีนั้นคิดเลยว่าหน้าช่างคล้ายท่านอาจารย์มาก แต่เพื่อความมั่นใจ ถามก่อนดีกว่า “อาจารย์........... ใช่ไหมคะ” ท่านก็บอกว่า “ใช่ค่ะ” พอท่านพูดจบ เราน้ำตาร่วงเลย ท่านก็ดูจะงง ๆ ว่าร้องไห้ทำไม แล้วพอเราแนะนำตัวกับท่าน ท่านก็ให้เราเข้ามานั่งคุยภายในบริเวณบ้าน เป็นลักษณะบ้าน 2 หลังหันหน้าเข้าหากันมีบริเวณห้องครัวเชื่อมต่อกัน ด้านข้างจะเป็นคล้าย ๆ กับสวนเล็ก ๆ มีต้นมะเฟืองปลูกอยู่ด้านหน้า ดูร่มรื่น เราก็เล่าเรื่องตอนที่เราเป็นเด็กในปกครองของท่าน (ปี 2539) ให้ท่านฟัง ในเรื่องความเกเร ความไม่ตั้งใจเรียน ท่านฟังไปก็ดูหน้าท่านจะยิ้มแย้ม บางจังหวะแอบเห็นท่านขยับแว่นเพื่อปาดน้ำตา ท่านก็แนะนำให้เราเรียนต่อโท ซึ่งจริง ๆ แล้วเราก็อยากเรียนต่อแต่เวลาไม่ลงล็อคเท่าไหร่ และก็แนะนำให้เป็นครูไปเรื่อย ๆ ตั้งใจถ่ายทอดวิชาความรู้ อย่าท้อในการทำหน้าที่ครู อาจารย์ท่านหลังจากเกษียณอายุราชการท่านก็มาพักอยู่ที่นี่ เนื่องจากท่านไม่มีครอบครัว มีน้องชายและหลานสาวอยู่ด้วยกัน 3 คน ท่านก็เก็บเอาสุนัขจรจัดที่เดินผ่านหน้าบ้านท่านมาเลี้ยงดู เพราะว่าสงสารมัน กลัวว่าจะอดตาย จากตัวผอม ๆ กลายเป็นหมูตัวอ้วน ๆ เกือบ 20 ตัวได้ แมวอีก 8 ตัว (เราเห็นแต่น้องหมาเดินไปทั่วบริเวณบ้าน แมวจะอยู่ในบ้านเลยไม่เห็น) คุยกันประมาณ 2 ชั่วโมง ท่านก็เกรงว่าเราจะหิวข้าว เลยชวนออกมาทานอาหารข้างนอก ถัดจากบ้านท่านมา 2-3 หลัง  เมื่อทานเสร็จท่านส่งเรานั่งรถกลับ แต่เราเองก็ไม่ลืมที่จะขอเบอร์โทรศัพท์ท่านไว้ ท่านก็บอกว่าถ้าแวะมาที่แปดริ้วอีก ก็แวะมาหาครูบ้าง วันนี้เรามีความสุขมาก ๆ ค่ะ และเราก็คิดว่าอาจารย์ท่านก็คงมีความสุขเช่นกัน ดูสีหน้าท่านสดชื่นมาก ๆ 

           ยาวไปหน่อยแต่ก็ประทับใจเล็ก ๆ ค่ะ กับเรื่องราว 17 ปีที่รอคอย (เกินครึ่งชีวิตเราอีกนะคะ) กว่าจะได้พบกันมันยากมากกว่าเจอกัน แต่เราก็สัญญากับตัวเองว่า ทุกครั้งที่กลับมาที่แปดริ้ว เราจะแวะมาที่นี่ค่ะ อาจารย์ท่านนี้เป็นแรงบันดาลใจของเรา ทำให้เราอยากเป็นครูตั้งแต่เรายังเรียนไม่จบ ป.6 เลยด้วยซ้ำ ขอบคุณที่อ่านจนจบบรรทัดสุดท้ายนะคะ หวังว่าทุกคนคงมีความสุขกับเรื่องราวแห่งความปิติยินดีครั้งนี้นะคะ



Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2556 10:19:21 น. 4 comments
Counter : 451 Pageviews.

 
สวัสดีคะ
เข้ามาอ่านเรื่องราวน่าประทับใจค่ะ :)
ตั๊กก็มีคุณครูหลายท่านที่รักแล้วก็ระลึกถึงอยู่จนทุกวันนี้
แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมท่านสักทีคะ
อ่านแล้วทำให้นึกถึงคุณครูเลยคะ


โดย: Nepster วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:11:09:54 น.  

 
อ่านแล้วน้ำตารื้นเหมือนกันค่ะ


โดย: ป้าไฮเทค วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:11:18:35 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ตามมาอ่านเรื่อง เพราะเป็นคนแปดริ้วเหมือนกัน
เป็นเรื่องที่น่ายินดีและมีความสุข ทั้งครูและลูกศิษย์นะคะ


โดย: pantawan วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:19:53:51 น.  

 
เป็นเรื่องราวที่นุ่มละมุลมากๆเลยค่ะ


โดย: เงาชีวิต วันที่: 8 มีนาคม 2556 เวลา:8:45:14 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

sudteeruk
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add sudteeruk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.