Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
13 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 

I am a new diver

“ใครว่าดำน้ำง่าย” เพื่อนอัพเดตเฟซบุคไว้แบบนี้ค่ะ หลังกลับจากเรียนดำน้ำด้วยกัน ที่จริงเราเห็นว่าไม่ยากและสนุกมากด้วย แต่ก็แหละ ต่างคนก็เห็นต่างกันไป คิดว่าการดำน้ำต้องใช้ความกล้าและต้องมีสติค่ะ เพราะเรากำลังหาความสนุกจากการลงไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะกับธรรมชาติของเรา ดูเผินๆแล้ว ยังไงๆก็เกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ หายใจในน้ำก็ไม่ได้ แช่น้ำนานๆก็ไม่ได้ เดี๋ยวเป็นไฮโปเธอเมีย หรืออาการอุณหภูมิของเลือดลดต่ำลงจนเป็นอันตรายกับสัตว์เลือดอุ่นอย่างเรา ไหนจะความกดดันที่สูงมากใต้น้ำอีก ที่อาจทำให้ปอดเราฉีกขาดถ้าเผลอขึ้นจากน้ำเร็วเกินไป หรือทำให้แก้วหูแตกได้ง่ายๆ ไม่รวมถึงว่า เรารู้เรื่องใต้น้ำน้อยมากถ้าเทียบกับความรู้เรื่องบนบก มีอะไรอยู่ใต้นั้นอีกบ้างที่เรายังไม่รู้จัก จำได้ไหมคะว่ามนุษย์เราแปลกใจมากแค่ไหนที่ได้เห็นซีลาคาน ปลาที่ครั้งหนึ่งเราเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว และเรารู้จักมันจากซากฟอสซิล ใต้น้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งใต้ทะเล จึงเป็นสถานที่ลึกลับที่มนุษย์ยังต้องศึกษาและทำความเข้าใจอีกมาก ถ้าเป็นคนไม่กล้าและตกใจ สติแตกง่าย จะดำน้ำได้ไหม ขอตอบว่าถ้าสอบผ่านก็ดำได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ก็เป็นคุณเองนั่นแหละที่รู้ว่าตัวเองชอบกิจกรรมนี้หรือเปล่า

ว่าแต่ ตัวเองเป็นนักดำน้ำมือใหม่ค่ะ เพิ่งอัพเดตเฟซบุคไปว่า “I am a new diver” เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อประกาศว่าเราพร้อมดำน้ำแล้วนะ ^_^

พฤษภาคม 52, มีโอกาสได้ไปเที่ยวเกาะนางยวน พักที่เกาะนางยวน 3 คืน น้ำใสมาก เล่นน้ำแถวๆที่พักจะเห็นปลาสีสวยๆว่ายอยู่ใกล้ ประทับใจมาก แต่ที่ลืมไม่ลงเลยคือการไปดำที่ผิวน้ำรอบๆเกาะเต่า หรือที่เราๆท่านๆเรียกทับศัพท์ว่าไปสนอร์คเกิ้ลนั่นแหละ (จะให้ถูกไวยากรณ์ต้องบอกว่าไปสนอร์คกลิ้งนะ สนอร์คเกิ้ลมันแปลว่าท่อหายใจเฉยๆ) เกิดมาเพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรก ตื่นเต้นค่ะ แต่พอก้มหน้ามองใต้ทะเล ความเงียบ ความใส ปลาแหวกว่าย ประการังรูปร่างแปลกๆ ทำเอานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วก็บอกตัวเองว่า ไม่พอแล้วล่ะ เราต้องทำมากกว่านี้แล้ว วันนั้นดำไป 4 จุดค่ะ ขานั่งเรือกลับที่พัก นั่งกันเงียบๆ ก่อนเพื่อนที่ไปด้วยกันจะทำลายความเงียบว่า ต้องไปดำน้ำลึกแล้วล่ะ จำได้ว่าร้องตอบพร้อมกับชี้หน้าเพื่อนว่า “ใช่!” ต่อไปต้องลงไปดูใต้ทะเล ดูข้างบนแค่นี้ไม่พอ...

กลับมาจากเที่ยวก็เริ่มหาข้อมูลทันที ถ้าอยากดำน้ำต้องเรียนแล้วก็ได้ใบอนุญาตก่อน เหมือนกับเราจะไปเรียนต่อเมืองนอก เขาก็กำหนดว่า จะเรียนคณะนี้ต้องได้คะแนน IELST 6.5 หรือได้ Toefl 230 นั่นแหละ เวลาเราไปเที่ยวตามเกาะ จะเห็นมีโฆษณา ดำน้ำหนึ่งวันเท่านั้นเท่านี้บาท ถ้าเราสนใจ เขาก็จะขอดูใบอนุญาตดำน้ำของเราก่อน ซึ่งใบอนุญาตจะมีอยู่ 2 สถาบันที่ดังๆ คือพาดี้ (PADI) กับนาอี้ (NAUI) โอเคล่ะ เรียนก็ได้ คำถามถัดไปคือเรียนที่ไหนดี ก็ต้องสถาบันที่เชื่อถือได้ แนะนำว่าวิธีที่ดีที่สุดคือถามจากคนรู้จักว่าเคยเรียนกันที่ไหนกันบ้าง แล้วก็ไปเรียนที่เดียวกับเขานั่นเอง

สิงหาคม 52, ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนร่วมงานว่า งานท่องเที่ยวที่ศูนย์สิริกิร์ตมีบู้ธดำน้ำด้วย เสาร์ถัดมาก๊วนเกาะนางยวนของเราก็ได้ไปชมงาน บู้ธของมารีนไดฟ์ (Marine Dive) หาไม่ยาก ด้านหน้ามีคำว่า 12th anniversary ติดอยู่ด้วย ดีเลยค่ะ หนึ่งในการวิธีที่จะบอกว่าสถาบันน่าเชื่อถือคือเปิดมานานแค่ไหนแล้ว เราตัดสินใจเดินเข้าไปในบู้ธ และบอกเจ้าหน้าที่คนสวยว่า สนใจเรียนดำน้ำค่ะ เธอถามเรากลับว่าโอเพ่นวอเตอร์ใช่ไหมคะ? อืม... ทุกวงการมีจาร์กอน (jargon) หรือศัพท์เทคนิค ว่ากันว่าถ้าอยากกันคนนอกออกไปจากวงสนทนา ให้คุยกันด้วยจาร์กอน แต่เราจะเรียนให้ได้เลยถามต่อว่า น้องว่าอะไรนะคะ? เขาเลยถามว่าเคยเรียนมาก่อนไหม สำหรับคนไม่เคยเรียนต้องเริ่มที่โอเพ่นวอเตอร์ เธอตอบพร้อมกับผายมือไปที่โปสเตอร์ที่แปะในบู้ธ เขามีแผนผังคอร์สการดำน้ำของสถาบันพาดี้เป็นขั้นๆเลยค่ะ ถัดจาก Open Water ก็จะเป็น Advance บลาๆ ไปจนถึงการเรียนเป็นครูสอน การดำน้ำในตอนกลางคืน การถ่ายรูปใต้น้ำ การช่วยชีวิต... สรุปว่าวันนั้นเราจองไป 2 ที่สำหรับ 4 คน พอดีเขามีแพ็คเกจพิเศษแบบจ่าย 1 แต่พาเพื่อนมาเรียนด้วยได้ โดยปกติเท่าที่สอบถามมา สนนราคาค่าเรียนดำน้ำของพาดี้ในเมืองไทย จะอยู่ที่ประมาณ 8,000-12,000 บาทแล้วแต่ที่เรียน และขึ้นกับว่าทางสถาบันจะพานักเรียนดำน้ำไปสอบที่ไหน ส่วนของเรา มารีนไดฟ์ให้เราจ่าย 9,000 สำหรับ 2 คน ไม่รวมค่าสอบที่พัทยาอีกคนละ 3,000 เบ็ดเสร็จก็ตกคนละ 7,500 บาทถือว่าโอเคเลย
ก่อนกลับน้องที่บู้ธบอกว่า ตอนเรียนจะมีสอบว่ายน้ำ 200 เมตรและสอบการลอยตัว 10 นาทีนะคะ หัวใจหล่นตุ๊บเลยค่ะ ว่ายน้ำไม่เท่าไหร่หรอก แต่ลอยตัวตั้ง 10 นาทีจะทำได้ยังไงกัน?

ตุลาคม 52, ถึงเวลานัดหมายไปเรียนแล้ว ตามข้อกำหนดของพาดี้ นักดำน้ำทุกคนต้อง ผ่านการทดสอบภาคทฤษฎี ผ่านการฝึกภาคปฏิบัติในสระว่ายน้ำ และผ่านการทดสอบภาคปฏิบัติที่ทะเล ตารางการเรียนของเราเป็นดังนี้ค่ะ วันเสาร์เรียนทฤษฎีและสอบ วันอาทิตย์ฝึกภาคปฏิบัติที่สระว่ายน้ำ ส่วนการไปสอบที่ทะเลจริงทางสถาบันจะแจ้งให้ทราบอีกที แต่เราโชคร้ายค่ะ ที่สัปดาห์ที่ต้องไปเรียน สระว่ายน้ำของโรงเรียนน้ำเขียวอื๋อ เลยได้เรียนแค่วันเสาร์วันเดียว
เนื้อหาการเรียนทฤษฎีมีอะไรบ้าง ก็ได้เรียนเรื่องอุปกรณ์ในการดำน้ำ เครื่องหายใจหรือเรกูเลเตอร์มีสายอะไรบ้าง ดำๆไปแล้วน้ำเข้าหน้ากากจะไล่น้ำออกจากหน้าการได้อย่างไร การใช้ภาษามือ เวลาดำน้ำต้องไปเป็นคู่ๆเรียกว่าบั๊ดดี้ คู่บั๊ดดี้ต้องสื่อสารกันด้วยภาษามือ เรียนเรื่องการเจ็บป่วยที่อาจเกิดจากการลงไปใต้น้ำ เช่นเจ็บหูจะทำให้หายเจ็บยังไง (จาร์กอนเขาเรียกว่าการเคลียร์หู) ทุกคนที่ลงใต้น้ำต้องเจ็บหู 2-3 เมตรก็เริ่มรู้สึกแล้ว เพราะใต้น้ำแรงดันสูงจะดันแก้วหูให้โค้งเข้าไป วีธีเคลียร์หูก็คือดันลมออกทางหู ให้แก้วหูคืนตำแหน่งเดิม นอกจากเจ็บหูแล้วก็มีการเป็นโรคเบนด์ (bend) หรือโรคที่เจ็บซ่าๆตามข้อต่อซึ่งเกิดจากฟองไนโตรเจนเข้าไปในเลือดมากเกินไป เป็นต้น จากเรื่องการเจ็บตัวก็มาถึงวิธีการดำน้ำให้ปลอดภัย มีกฎนะคะว่าอยู่ใต้น้ำต้องหายใจตลอดเวลา มีสูตรคำนวณด้วยนะว่าลงลึกเท่านี้เมตร อยู่นานเท่านี้นาที ต้องพักที่เรือกี่นาทีก่อนลงดำอีกครั้ง เพื่อลดปริมาณไนโตรเจนในเลือด
เรียนจบแล้วก็สอบค่ะ พวกเรา 4 คนที่ไปด้วยกันผ่านหมด ข้อสอบง่าย ตั้งใจเรียนหน่อยผ่านแน่นอน

14 พฤศจิกายน 52, กว่าจะได้ฝึกภาคปฏิบัติในสระว่ายน้ำก็ล่วงเลยมาเป็นเดือนเลยค่ะ วันนี้จะมีสอบว่ายน้ำและการลอยตัวด้วย แต่ไม่ตื่นเต้นแล้ว เพราะได้รู้จากวันที่เรียนทฤษฎีแล้ว ว่าการลอยตัว อนุญาตให้ใส่เว็ตสูตได้ เว็ตสูต(wet suit) เป็นชุดที่นักดำน้ำใส่ดำน้ำค่ะ มีทั้งแบบบางและแบบหนา คนขี้หนาวก็ใส่แบบหนาๆ แต่ต่อให้ไม่ขี้หนาวก็ควรจะใส่ทุกครั้งเวลาดำน้ำ เพราะหน้าที่ของเว็ตสูตคือป้องกันไม่ให้ร่างกายเราสูญเสียความร้อนจนกลายเป็นไฮโปเธอเมียได้ ข้อดีอีกอย่างของเว็ตสูตคือจะทำให้เราลอยตัวง่าย ก็เลยสบายไปเวลาสอบลอยตัว
เวลาฝึกภาคปฏิบัติในสระ ก็ใส่อุปกรณ์ครบเซตดังนี้
เสื้อกั๊กบีซีดี BCD ซึ่งย่อมาจากคำว่า buoyancy control device แปลว่าอุปกรณ์ควบคุมการลอยตัว เสื้อบีซีดีจะมีท่อดูดลมเข้าและปล่อยลมออกจากเสื้อค่ะ เวลามีลมในเสื้อมาก ตัวเราก็ลอย เวลาเสื้อไม่มีลม เราก็จมลงไป ด้านหลังของบีซีดีจะมีที่ยึดถึงอากาศไว้ ท่อหายใจหรือเรกูเลเตอร์ มีสายเสียบเข้ากับถังอากาศและบีซีดี จากนั้นก็หน้ากาก ซึ่งเหมือนกับที่ใช้ในการดำที่ผิวน้ำ ฟินหรือตีนกบ ใส่ช่วยเพิ่มแรงเตะไปข้างหน้า อุปกรณ์สุดท้ายที่ถ้าไม่มาเรียนก็คงไม่รู้ว่าต้องใช้ คือเข็มขัดตะกั่ว เจ้าตัวนี้เอาไว้เพิ่มน้ำหนักตัวให้เราจมลงไปใต้น้ำได้ ใส่เว็ตสูตลงน้ำทะเลจะไม่จมค่ะ ลอยคออยู่บนผิวน้ำนั่นแหละ
เวลาฝึกทำอะไรบ้าง? ก็ทั้งหมดที่เรียนทฤษฎีมา เอาน้ำออกจากหน้ากาก ถอดหน้ากากแล้วใส่ใหม่ ขอใช้ท่อหายใจสำรองของเพื่อน การเคลียร์หู การลงน้ำจากเรือยาง และอื่นๆ แต่ที่ยากมากๆสำหรับมือใหม่คือการลอยตัวใต้น้ำ เวลาเราอยู่ใต้น้ำ ถ้าถูกต้องแล้วเราต้องหยุดนิ่งๆได้ ไม่จมลงไป หรือลอยขึ้นมา ซึ่งยากมาก ส่วนใหญ่แล้วเวลาให้ลองดำก็จะคลานกันอยู่ที่ก้นสระ
วันนั้นลงสระตั้งแต่สิบโมง พักเที่ยง แล้วลงอีกถึงห้าโมงเย็น หนาวและเหนื่อยมากๆ แต่ยังคึกอยู่ และตั้งตารอวันไปสอบภาคปฏิบัติที่พัทยา เราจะไปสอบกัน 2 วันค่ะ 4 ไดฟ์ (ไดฟ์คือลักษณะนามของจำนวนครั้งที่ลงดำน้ำ)

21 พฤศจิกายน 52 ถึงเวลาสอบจริงแล้ว วันนี้นัดกันที่พัทยา ที่ท่าบาลีไฮตอนแปดโมงครึ่ง แต่กว่าจะพร้อมและได้ลงเรือจริงก็เก้าโมงกว่า เราลงเรือชื่อ Banzai นอกจากพวกเรา 4 คนแล้ว ยังมีเพื่อนใหม่มาสอบด้วยอีก 2 คน เราไปสอบกันที่เกาะล้านค่ะ ระหว่างนั่งเรือก็เรียนเรื่องสุดท้ายคือการใช้เข็มทิศด้วย จะมีการสอบใช้เข็มทิศบนผิวน้ำและใต้น้ำเพิ่มเข้ามาด้วยค่ะ พอไปถึงที่หมาย เรือทอดสมอแล้ว ครูก็สรุปให้ฟังว่าจะสอบอะไรบ้าง เช้านี้มีแค่ 3 อย่าง คือทดสอบการทำเรกูเลเตอร์หลุดจากปาก แล้วกลับมาคาบใหม่ ทดสอบการไล่น้ำออกจากหน้ากากและการถอดหน้ากาก จากนั้นก็แยกย้ายไปประกอบอุปกรณ์กันชั้นล่าง เราลงน้ำกันตอน 11 โมงที่ท้ายเรือ ตามที่ครูบอกคือเราจะว่ายไปหัวเรือก่อนแล้วดำลงไปตามสายสมอเรือ ทันทีที่ลงน้ำทะเล พอคลื่นซัดโดนหน้า อาการตื่นก็เกิดขึ้นค่ะ หน้ากากก็เหมือนไม่แน่น เหมือนน้ำจะเข้าได้และจะเลื่อนหลุดอยู่ตลอดเวลา เลยตัดสินใจคาบเรกูเลเตอร์ตั้งแต่ยังอยู่ที่ผิวน้ำ จากนั้นก็รู้สึกว่าหายใจไม่เต็มปอด เหนื่อย หวิวๆ แต่บอกตัวเองว่าต้องอดทน พอทุกคนไปถึงและจับสายสมอแล้ว ครูก็ให้สัญญาน ให้ปล่อยลมจากบีซีดีได้ ตอนนี้แหละเราก็จะเริ่มจมลงจมลง เรารอให้เพื่อนๆลงกันก่อน เราถึงเริ่มปล่อยลมบ้าง พอเริ่มจมก็เห็นเพื่อนคนนึงพุ่งพรวดขึ้นมาจากใต้น้ำพร้อมครู เราเลยขึ้นตาม นัยว่าขอฟังด้วยว่าเป็นอะไรเหรอ ที่จริงตัวเองก็กำลังตื่นอยู่เหมือนกัน สุดท้ายได้ความว่าเพื่อนคนนั้นตกใจมาก ทำสัญญานมือบอกครูว่าอากาศหมด ครูเลยดุให้ อากาศจะหมดได้ไงเพิ่งลงไปเอง ครูเลยปล่อยให้เพื่อนคนนั้นจุ่มหน้า หายใจใต้น้ำซักพัก ให้หายตื่นเต้นก่อน จากนั้นพวกเราจึงค่อยๆดำลงไปด้วยกัน แต่พอลงได้ครึ่งทาง ก็มีคนขึ้นมาอีก ตอนหลังก็รู้ว่าเพื่อนคนหลังบอกว่าแสบคอมาก เพราะต้องหายใจทางปาก ต้องขึ้นมาขอกินน้ำ

สรุปพอลงไปถึงพื้น นักเรียนดำน้ำก็ล้มกันระเนระะนาด ยืนที่พื้นก็ไม่ถนัด พื้นไม่เรียบ หอยเม่นก็เยอะ ฝุ่นคลุ้งมองอะไรไกลๆก็ไม่เห็น ได้อารมณ์ดีแท้ แต่สุดท้ายด้วยความทุลักทุเลกับไดฟ์แรก เราก็สามารถทดสอบผ่านได้ทั้งหมด
ระหว่างกินข้าวเที่ยงบนเรือครูเล่าว่าพวกเราดำลงไป 9 เมตร อยู่นาน 45 นาที เหมือนนานนะคะ แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าแป๊บเดียวเอง

ไดฟ์ที่สองตอนบ่าย สอบการใส่บีซีดีที่ผิวน้ำ ใส่เข็มขัดตะกั่วที่ผิวน้ำ ส่วนใต้น้ำสอบการใช้เรกูเลเตอร์สำรองของบั๊ดดี้และทดสอบการลอยตัว ไดฟ์ที่สองนี้เวลาดำลงไป ไม่เกาะสายสมอเรือแล้วค่ะ แต่เป็นแบบฟรีฟอล คือปล่อยลมจากบีซีดีแล้วดิ่งลงไปเลย มือใหม่จะหล่นไวค่ะ มีเรื่องเล่าขำๆจากครูว่ามีนักเรียนหล่นลงไปนั่งทับหอยเม่น แล้วพอจะใช้มือยันพื้นขึ้นมา มือก็ไปยันหอยเม่นเข้าอีก มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการลอยตัวด้วยนะคะ ว่ากันว่ามือใหม่ เวลาดำน้ำตัวจะไม่ลอยขนานไปกับพื้น แต่ตัวจะตั้งๆเอียงๆ ลอยไปลอยมาแบบม้าน้ำ เวลามือใหม่ดำไปด้วยกันเขาก็จะเรียกว่าฝูงม้าน้ำมาแล้ว ^^
การทดสอบในไดฟ์ที่สองนี้ก็ผ่านฉลุยค่ะ

22 พฤศจิกายน 52, วันรุ่งขึ้นก็จะเป็นการสอบวันที่สอง เก็บตกที่เหลือทั้งหมดในไดฟ์ตอนเช้า แล้วตอนบ่ายก็จะเป็นการดำเที่ยว การไปเที่ยวดำน้ำเขาเรียกว่าฟันไดฟ์นะคะ (fun dive) วันนี้มีข่าวแจ้งจากครูว่าเพื่อนที่รู้สึกแสบคอไม่มาสอบในวันที่สองแล้ว คงจะตื่นก็เลยกลัว ส่วนตัวเองวันนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ และได้รับคำชมว่าตอนดำเที่ยวเราลอยตัวได้ดีมาก เลยแอบคิดเอาเองว่าเราคงไม่เหมือนม้าน้ำ ฮ่าๆ

ดำเที่ยวสนุกมากค่ะ ทะเลยพัทยาแถวๆเกาะล้านนอกจากพวกเราที่มาสอบแล้ว ก็มีนักท่องเที่ยวมาดำกันพอสมควร ในไดฟ์ที่สี่นี้ ตัวเองเริ่มมองไปรอบๆ หลังจากคอยมองแต่ฟินครูในช่วงแรกๆ ดำตามครูต้อยๆ เห็นปลาเยอะนะคะ ปลาผีเสื้อ ปลาตัวเล็กๆเป็นฝูง กัลปังหาต้นโตๆ สภาพใต้น้ำที่สูงๆต่ำๆเหมือนภูเขา ให้อารมณ์เหมือนเรากำลังชมสวนสวยเงียบๆ เห็นแล้วก็นึกถึงสุรินทร์สิมิลันที่ติดอันดับท็อปเท็นสถานที่ดำน้ำที่ดีที่สุดในโลกจากหลายสถาบัน สวนใต้น้ำมันที่นู่นจะสวยแค่ไหนนะ อีกความรู้สึกหนึ่งที่ได้รับตอนดำน้ำคือ ตัวเรารู้สึกเบาเหมือนไม่มีน้ำหนัก จะเลี้ยว จะหมุน จะกลับหัวกลับหาง ทำได้ง่ายๆสบายๆ ทำให้นึกอยากได้กล้องมาถ่ายท่าทางแปลกๆใต้น้ำด้วย
สรุปว่ามีอะไรที่เราอยากได้ อยากทำอีกเยอะหลังจากการไปเรียนหนนี้ สมแล้วที่เขาบอกว่า เรียนดำน้ำแล้วแพง ค่าเรียนไม่เท่าไหร่ใช่ไหมคะ แต่กิเลสที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นล่ะมั้งที่เขาพูดถึง อยากไปที่ดำน้ำดังๆ อยากได้อุปกรณ์ดำน้ำดีๆเป็นของตัวเอง ส่วนตัวเองตอนนี้ก็เริ่มจ่ายเบาะๆ 9,500 บาทสำหรับฟันไดฟ์แรกที่เกาะกูด จะไปสิ้นเดือนมกราคมปีหน้า...




 

Create Date : 13 ธันวาคม 2552
2 comments
Last Update : 13 ธันวาคม 2552 19:33:34 น.
Counter : 1621 Pageviews.

 

โห..ขั้นตอนเยอะจัง..

เพิ่งรู้ว่าการดำน้ำต้างมีใบอนุญาติ..เหมือนขับรถเลยเนอะ

ยากๆ..สู้ๆนะคะ...ถ่ายรูปใต้น้ำมาดูมั่งนะคะ

 

โดย: ยัยเป๋อ (ลายมือยุ่งๆของคนไม่มีเวลา ) 13 ธันวาคม 2552 23:57:00 น.  

 

น่าสนุกจังเลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกอยากจะดำน้ำบ้างจัง แต่ขั้น

ตอนเยอะมาก ๆ แต่ก็นะเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

ดำน้ำให้สนุกนะค่ะคุณปุ๊ก

แวะมาเยื่ยมค่ะ

 

โดย: nok IP: 125.27.207.107 14 ธันวาคม 2552 19:19:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


hs3puk
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add hs3puk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.