Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
30 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 

ข้องใจ The Fast-5 Diet

แอบไปเที่ยวบ้าน สาวๆๆชาว Diet ก็ไปเจอ ปฏิบัติการมา อีก 1 อย่าง คือ "The Fast-5 Diet" นั่ง งง มา 3 วัน มันคืออะไรหว้า.... วันนี้มีเวลา เลยนั่งหาข้อมมูลดู ได้มาดังนี้ อะค่ะ ไม่รู้ว่า เข้าใจถูกเหรอเปล่า พี่ทอยผู้เต็มไปด้วยข้อมูล ชี้แจงด้วยนะค่ะ ถ้าผ่านมา

ฟาสต์ไฟว์ (The Fast-5 Diet) และวิถีชีวิตแบบฟาสต์ไฟว์ (The Fast-5 Lifestyle) คือวิธีการลดและควบคุมน้ำหนักทางเลือกใหม่ที่ทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก ฟาสต์ไฟว์ใช้หลักการพื้นฐานเดียวกับ Atkins และ South Beach คือ ควบคุมระดับฮอร์โมนอินซูลินเพื่อให้ร่างกายนำไขมันที่เก็บสะสมไว้ไปเผาผลาญใช้เป็นพลังงานหลักในการดำรงชีวิตประจำวัน แต่ต่างกันที่ฟาสต์ไฟว์ไม่ใช้วิธีจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตแบบรุนแรง แต่ใช้วิธีที่ง่ายกว่าโดยการขยายช่วงเวลาการอดอาหารประจำวันของเราออกไปแทน วิธีปฏิบัติของฟาสต์ไฟว์นั้นง่ายมาก ง่ายจนคุณสามาถทำได้ไปตลอดชีวิตเพื่อการควบคุมน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพ ฟาสต์ไฟว์ไม่มีการจำกัดปริมาณและประเภทของอาหาร คุณสามารถกินอะไรก็ได้ที่ต้องการจนอิ่มเต็มที่ ไม่มีการนับแคลอรี ไม่มีการชั่งตวงวัดปริมาณอาหาร ไม่มีการใช้ยา ไม่ต้องเสียเงินค่าสมาชิก ไม่ต้องซื้ออาหารเสริม ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างหักโหม

แนวคิดของฟาสต์ไฟว์มาจากหลักการพื้นฐานง่ายๆ นั่นก็คือ หากเราต้องการให้เซลล์ไขมันปลดปล่อยไขมันที่เก็บสะสมไว้เพื่อให้ร่างกายนำไปเผาผลาญใช้เป็นพลังงาน เราก็จำเป็นต้องปิดสัญญาณพื้นฐานที่บอกให้เซลล์ไขมันเก็บสะสมไขมัน สัญญาณที่ว่านั้นก็คือฮอร์โมนอินซูลินนั่นเอง วิธีการลดและควบคุมน้ำหนักอย่าง Atkins และ South Beach ลดระดับอินซูลินโดยการจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตในอาหารอย่างรุนแรง แต่ฟาสต์ไฟว์ทำได้โดยการขยายช่วงเวลาการอดอาหารประจำวันออกไปด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ ทำได้ง่ายและสะดวกอย่างไม่น่าเชื่อ ฟาสต์ไฟว์แก้ไขที่ต้นตอของปัญหาอย่างแท้จริง นั่นก็คือ การช่วยฟื้นฟูและนำระบบพลังงานสมดุลย์ตามธรรมชาติของร่างกายกลับมาใช้ใหม่ ทำให้กลไกการเผาผลาญไขมันของร่างกายเพื่อนำมาใช้เป็นแหล่งพลังงานหลักได้ทำงานและยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง

วิธีปฏิบัติ

เรื่องใหญ่เรื่องเดียวที่ฟาสต์ไฟว์ขอให้คุณทำก็คือ ให้ขยายช่วงเวลาการอดอาหารประจำวันออกไปเป็นเวลา 19 ชั่วโมง คุณอย่าเพิ่งตกใจเมื่อเห็นคำว่าต้องอดอาหารเป็นเวลานานถึง 19 ชั่วโมง เพราะโดยปกติคนเราจะมีช่วงเวลาการอดอาหารประจำวันกันทุกคนอยู่แล้ว ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นช่วงเวลากลางคืน โดยเริ่มนับตั้งแต่เวลาที่อาหารเย็นที่มีแคลอรีคำสุดท้ายตกถึงท้อง บวกกับเวลาที่นอนหลับ และไปสิ้นสุดเมื่อเวลาที่อาหารเช้าที่มีแคลอรีคำแรกตกถึงท้องในเช้าวันรุ่งขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น สมมุติว่าคุณกินอาหารเย็นที่มีแคลอรีคำสุดท้ายตอน 1 ทุ่ม แล้วหลังจากนั้นคุณก็ไม่ได้กินอาหารที่มีแคลอรีอีกเลยจนเข้านอน (ยกเว้นน้ำเปล่าและเครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรี) และเมื่อตื่นนอนในเช้าวันรุ่งขึ้น คุณกินอาหารเช้าที่มีแคลอรีคำแรกตอน 7 โมงเช้า รวมช่วงเวลาการอดอาหารประจำวันได้ 12 ชั่วโมง ฟาสต์ไฟว์ขอให้คุณขยายช่วงเวลาการอดอาหารดังกล่าวออกไปเป็น 19 ชั่วโมง ซึ่งก็หมายความว่า คุณจะสามารถกินอาหารเช้าที่มีแคลอรีคำแรกได้ตอนบ่าย 2 โมงของวันรุ่งขึ้น โดยช่วงเวลาการอดอาหาร 19 ชั่วโมงนี้ยาวนานเพียงพอที่จะทำให้กลไกการเผาผลาญไขมันของร่างกายเพื่อนำมาใช้เป็นแหล่งพลังงานหลักในการดำรงชีวิตประจำวันได้ทำงานและยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง แต่ขณะเดียวกันช่วงเวลา 19 โมงนี้ก็ไม่ยาวนานเกินไปจนเข้าขั้นสุดโต่ง

เมื่อนำเอาหลักการที่กล่าวไปมาสร้างเป็นตารางเวลาที่แน่นอนเพื่อให้ง่ายต่อการปฏิบัติ เราก็จะได้สูตรฟาสต์ไฟว์ที่ทำได้ง่าย 2 ข้อดังนี้

1. ใน 1 วันที่มี 24 ชั่วโมง ให้คุณกินอาหารได้แค่ช่วงเวลาเดียวเท่านั้น เริ่มตั้งแต่ 5 โมงเย็นจนถึง 4 ทุ่ม เป็นเวลา 5 ชั่วโมง
2. อีก 19 ชั่วโมงที่เหลือ เริ่มตั้งแต่ 4 ทุ่มของวันนี้จนถึง 5 โมงเย็นของวันพรุ่งนี้ ให้คุณงดอาหารทุกชนิดโดยเด็ดขาด ดื่มได้แค่เฉพาะน้ำเปล่าและเครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรีเช่น ชา กาแฟดำ เท่านั้น

ถามว่าทำไมต้องกินอาหารเฉพาะตอน 5 โมงเย็นจนถึง 4 ทุ่ม คำตอบคือ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษในช่วง 5 ชั่วโมงนี้ แต่เนื่องจากเวลาตั้งแต่ 5 โมงเย็นจนถึง 4 ทุ่มเป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่เลิกงาน เลิกเรียน หมดสิ้นจากภาระหน้าที่การงานประจำวัน ดังนั้นนี่จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีในการกินอาหาร การพักผ่อนกับครอบครัวและเพื่อนฝูง แต่สิ่งสำคัญที่สุดของฟาสต์ไฟว์ก็คือ ช่วงเวลาการอดอาหาร 19 ชั่วโมงที่คุณต้องอดจริงๆ ห้ามกินอาหารที่มีแคลอรีอย่างเด็ดขาด จึงจะได้ผล

อนึ่ง เมื่อพูดถึงการอดอาหาร (Fasting) เราก็มักจะคิดไปถึงการทรมานตนและความสุดโต่งรุนแรง แต่การอดอาหารแบบฟาสต์ไฟว์ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการทรมานตนและความสุดโต่งรุนแรง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับความเชื่อในเรื่องศาสนาและจิตวิญญาณ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิธีลดน้ำหนักที่เน้นให้อดแต่อาหาร (Starvation Diet) เพราะเมื่อถึงเวลากิน คุณก็สามารถกินอาหารได้จนอิ่มเต็มที่ แต่หากการอดอาหารแบบฟาสต์ไฟว์มีพื้นฐานมาจากผลการทดลองของวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ในเรื่อง Calorie Restriction (CR) และ Intermittent Fasting (IF) และความรู้ทางด้านมานุษยวิทยา เมื่อร่างกายคุณเริ่มปรับตัวได้และกลไกการเผาผลาญไขมันของร่างกาย (Fat-Burning Machinery) เริ่มทำงานและยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของคุณจะได้รับพลังงานจากไขมันอย่างสม่ำเสมอ ช่วยบรรเทาความรู้สึกหิวให้น้อยลงๆ จนปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตแบบฟาสต์ไฟว์ได้อย่างสมบูรณ์ในที่สุด

ที่มาของข้อมูลค่ะ(//topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2007/03/L5259256/L5259256.html)
แล้ว ก้ออันนี้ข้อมูล แน่น เลย //www.fast-5.com/
อ่านๆดูแล้ว เหมือน หลังเพลแล้วไม่หม่ำ อะไรเลย จน ครบ กำหนด 19 ชม. หรืออีกนัยหนึ่ง คือ การ อดอาหารเย็น ประมาณนั้นน่าจะใช่ ก้อคล้ายๆๆกับการเข้าใจในการพิชิตไขมันเราแรกๆๆเลย แต่ตอนเริ่มแรก ไม่ได้นับ เวลาว่าผ่านไปกี่ ชม. ตะบะแตกไปซะงั้น อิอิ แต่ถ้าสาวๆๆคนไหนทำได้ ก็ดีเลยทีเดียว ตอนนี้มาลุยสูตรพี่ปลา พร้อมกับอ่านความรู้จากพี่ทอยแล้ว สวยไปพร้อมๆๆกัน นะค่ะ สู้ๆๆ ค่ะ

ว่าแล้ว วันนี้เรามาหาอะไรหม่ำมื้อเย็นดีกว่า ค่ะ
วันนี้เอาใจสาวๆที่มีปัญหา ลำบากหน่อยนะค่ะ

ต้มส้มปลาทูสด


เครื่องปรุง (สำหรับ 2-3 คน)

ปลาทูสด น้ำหนักตัวละ 150 กรัม 2 ตัว
น้ำสะอาด 2 ถ้วย น้ำซุปผักเราก้อได้นะค่ะ
ชิงอ่อนซอยเส้นยาว ๆ ¼ ถ้วยตวง
ต้นหอมหั่นเป็นท่อนยาว 1 นิ้ว 2 - 3 ต้น
น้ำมะขามเปียก 1 1/2 ถ้วยค่ะ(ตัวช่วยระบาย) น้ำปลา เกลือป่น น้ำตาลนิดหน่อย
ผักชีเด็ดเอาแต่ใบ และพริกชี้ฟ้าแดงหั่นเป็นเส้น ๆ สำหรับตกแต่ง
พริกไทยเม็ดขาว 10 เม็ด ปุ๊เปลี่ยนเป็นพริกไทยดำ 10 เม็ด นะค่ะ
หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ
กะปิ 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1. โขลกพริกไทย หอมแดง และกะปิเข้าด้วยกันให้ละเอียด ตักใส่ถ้วยพักไว้
2. ล้างปลาทู ตัดหัวพร้อมกับควักไส้ออกจนหมด ล้างอีกครั้งให้สะอาด จึงบั้งตัวปลาทั้งสองด้าน หั่นครึ่งตัว โรยเกลือป่น ¼ ช้อนชา ใส่จานพักเอาไว้
3. ต้มน้ำในหม้อด้วยไฟกลางจนเดือด ใส่เครื่องแกงที่เตรียมไว้ คนให้ละลายดี พอน้ำเดือดอีกครั้ง ให้ใส่ปลาทู ปิดฝา ต้มต่อจนปลาทูสุก ปรุงรสด้วย น้ำตาลน้ำปลา น้ำมะขามเปียก ตามด้วยชิงซอย คนเบา ๆ ให้ทั่ว ชิมรสให้ออกเปรี้ยว เค็ม หวาน ก่อนปิดไฟใส่ต้นหอม
4. ตักใส่ชาม ตกแต่งด้วยใบผักชี และพริกชี้ฟ้าหั่นเป็นเส้น เสิรฟ์ร้อน ๆ

ที่มา//www.pantown.com/market.php?id=8521&name=market6&area=&topic=11&action=view

มาต่อเมนู 2 เลย ดีกว่า
ต้มส้มปลาเนื้ออ่อนกับยอดมะขามและใบชะมวง


ส่วนผสม
ปลาเนื้ออ่อน 2 ตัว
ใบมะขามอ่อน 1/2 ถ้วย (ตัวช่วยระบาย 1))
ใบชะมวง 4-5 ใบ ( ตัวช่วยระบาย 2แต่หายากหน่อย)
หอมเล็กบุบ 4 หัว
ตะไคร้ 1 ต้น
ใบแมงลัก 1/2 ถ้วย
พริกขี้หนู 5-8 เม็ด
น้ำปลาประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือเล็กน้อย
น้ำซุปผัก 2 ถ้วยตวง

วิธีทำ
นำหม้อใส่น้ำขึ้นตั้งไฟจนเดือดใส่หอมเล็ก ตะไคร้ รอจนเดือดใส่ปลาเนื้ออ่อน เกลือและน้ำปลา เมื่อเดือดอีกครั้งจึงใส่ยอดมะขามอ่อน ใบชะมวง พริก ต้มนานประมาณห้านาที ชิมรส ก่อนตักขึ้นใส่ใบแมงลัก รับประทานร้อนๆ

ที่มา Health & Cuisine ค่ะ

ไปธุระก่อนค่ะ เดี๋ยวกลับมาค่ะ


ก๊าก...ไปธุระมาแล้ว ตั้งนานแล้วแต่ไม่อัพอะค่ะ กิกิ
เมื่อคืนคุยกะพี่ปลาเรื่อง สาวๆ ไม่ค่อยออก พี่ปลาเลยฝาก ไปหาสูตร เกี่ยวกับลูกสำรองมาดัดแปลงให้สาวๆ มาหม่ำกัน พี่ปลาบอกว่าคุณสามีพี่ปลาทำวุ้นลูกสำรองให้หม่ำ อากาศร้อนๆๆเอาออกมาจากตู้เย็นมาหม่ำชำปอดไปเลย ความหวานไม่ต้องพูดถึงเพราะหวาน sweet กันอยู่แล้ว (ตาร้อนเลยเวลาคุย) มาดูสูตรกันเลยค่ะ เริ่มจากน้ำสำรอง หรือใครมีสูตร ก้อเอามาแบ่งกันดูบ้างนะ

น้ำสำรอง


ส่วนผสม

ลูกสำรอง 10 ลูก ต่อ น้ำ 1 ลิตร นะค่ะ
น้ำเปล่าสำหรับต้ม 1 ลิตร
ใบเตย 3-5 ใบ
หญ้าหวาน1/2 ถ้วย (เอามาให้ความหวานแทนน้ำตาล) แล้วแต่ชอบหวานมากน้อยด้วยนะคะ
ถุงตาข่าย หรือถุงผ้าขาวบางก้อได้นะค่ะ

วิธีทำ
1.แช่ ลูกสำรองไว้ในน้ำ 4-5 ชม ลูกสำรองจะพองเป็นเนื้อวุ้น . แล้วแยก เม็ด และเปลือกมันออก ตักเนื้อวุ้นใส่ ถุงตาข่าย บีบเอาแต่เนื้อเอากากทิ้งไป
2.ตั้งน้ำใส่หญ้าหวาน แล้วแต่ชอบหวานมากน้อยด้วยนะคะ
ถ้าไม่ชอบก้อไม่ใส่ก็ได้ค่ะ ใส่ใบเตยลงไป พอเดือด ใส่เนื้อวุ้นสำรองลงไป พอเดือดอีกรอบยกลง รอเย็นก้อตักใส่แก้ว หรือเก็บใส่ขวดเอาไว้ดื่มได้เลยค่ะ ได้เลย ค่ะ

มาทำวุ้นลูกสำรองกันต่อเลย

ส่วนผสม

วุ้นผง 3 ชต.
น้ำ 5 ถ้วย
เนื้อวุ้นสำรอง 1-2 ถ้วย
หญ้าหวาน
ใบเตย 2-3ใบ
วิธี ทำ

1. เทวุ้นใส่กระทะทองหรืออ่างสแตนเลส ใส่น้ำ ลงคนด้วยพายไม้ให้วุ้น ละลาย ประมาณ 10 นาที ค่ะ
2. ใส่หญ้าหวานลงไป ใบเตยลงไป
3.ใส่เนื้อสำรองลงไป เคียวต่ออีก 1 นาที
4. ตักวุ้นใส่พิมพ์ให้เต็ม พักไว้ให้เย็นจึงแคะออกจากพิมพ์

- สามารถใส่กลิ่นและน้ำหวานสีต่างๆ เพื่่อให้ได้วุ้นหลายสี หลายกลิ่น ได้

มาแถมอีกหน่อย วุ้นแมงลัก ค่ะ เค้าว่า ก็ช่วยระบายเหมือนกัน

ส่วนผสม
วุ้นผง 3 ชต.
น้ำ 5 ถ้วย
เมล็ดแมงลัก 2 ชต.
น้ำสำหรับแช่ 2 ถ้วย
หญ้าหวาน
ใบเตย 2-3ใบ

วิธี ทำ

1.เทวุ้นใส่กระทะทองหรืออ่างสแตนเลส ใส่น้ำ ลงคนด้วยพายไม้ให้วุ้น ละลาย ประมาณ 10 นาที ค่ะใส่หญ้าหวานลงไป ใบเตยลงไป
2. แช่เม็ดแมงลักกับน้ำจนเมล็ดแมงลักพองดี ปรมาณ 5 นาทีเทใส่กระชอนเทน้ำทิ้งไปให้เหลือแต่เมล็ด
3.เทแมงลักที่แช่ไว้แล้วใส่ลงในวุ้น เคี่ยวต่ออีก 1 นาที
4. ตักวุ้นใส่พิมพ์ให้เต็ม พักไว้ให้เย็นจึงแคะออกจากพิมพ์ หม่ำได้เลย

- สามารถใส่กลิ่นและน้ำหวานสีต่างๆ เพื่่อให้ได้วุ้นหลายสี หลายกลิ่น ได้

หวังว่าคงช่วยระบายได้นะค่ะ
ปอลิง...พี่ปลาบอกให้ใช้น้ำตาลเทียมชนิดที่ ทนความร้อนได้ แต่ปุ๊ไม่รู้ไปซื้อที่ไหนปาดดดดไปเห็นหญ้าหวานเลยเอามาลองใช้ดู อุ้ย....เข้ากันได้ไม่น่าเชื่อ รสชาดพอไปกันได้ ลองดูนะค่ะ

จึ๋ย......หญ้าหวานซื้อที่ไหน ถ้าแถวบ้านปุ๊ก็มีร้านสมุนไพรอะค่ะ ในกรุงเทพ หรือต่างจังหวัด ก็น่าจะมี ร้านแนวสมุนไพรน่าจะมีนะ ใครมีเพื่อนอยู่ทางเชียงใหม่กาดหลวงเลยค่ะ ถุงเยอะมาก 100-200 บาท. ในเวปก็น่าจะมีนะค่ะ คิดออกแล้วจตุจักร ตลาด อตก. หรือร้านที่เค้าขายชา น่าจะมีนะค่ะ ลองๆๆดู (เกือบไม่รอด ตรู)




 

Create Date : 30 สิงหาคม 2552
14 comments
Last Update : 1 กันยายน 2552 23:28:10 น.
Counter : 3086 Pageviews.

 

เข้า blog นี่ทีไร ความรู้ได้กลับมาเต็มๆทุกทีเลย เจ้าของบล๊อกน่ารักจัง เอามาอัพให้ทุกคนได้รู้

สู้ๆค่ะ

 

โดย: Moo.Ni 30 สิงหาคม 2552 16:07:47 น.  

 

นั่นซีนะแล้วจาได้คุยกันไหมคะเนี่ย เจ้าปุ๊เอ๋ย

 

โดย: peepa2009 30 สิงหาคม 2552 19:14:24 น.  

 

มาบล๊อกนี้ได้ทั้งความรู้แล้ว เมนูอาหารเลย เข้าใจถูกต้องแล้วค่ะ เรื่อง fast -5 ลองดูสิค่ะ แรกๆ ก็ทรมานนิดๆ ทำไปเรื่อย เดี๋ยวก็คงจะชินไปเอง สู้ๆนะค่ะ

 

โดย: สวรรค์บันดาล 31 สิงหาคม 2552 8:25:26 น.  

 

โอย...น่ากินทั้งนั้นเลย จดสูตรไปนะคะ

 

โดย: เด็กอ้วนน่ารัก 31 สิงหาคม 2552 14:14:43 น.  

 

ยังไม่เคยลอง Fast-5 คะ แต่อ่านแล้วน่าสนใจเหมือนกันนิ ^^

แถมสูตรอาหารน่ากินทั้งนั้นเลย

ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ ว่าแต่หญ้าหวานเนี่ยซื้อได้ที่ไหนคะ

 

โดย: amy_pia 31 สิงหาคม 2552 20:31:09 น.  

 

เคยลองทำแต่ไม่สำเร็จ เหอะๆ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

 

โดย: nakamaky 31 สิงหาคม 2552 21:23:58 น.  

 

อุ้ยย เห็นอันนี้แล้วหวั่นไหว
ต้มส้มปลาเนื้ออ่อนกับยอดมะขามและใบชะมวง หิวเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ
และจะเป็นกำลังใจให้เช่นกันค่ะ

 

โดย: Gryffin 31 สิงหาคม 2552 22:19:46 น.  

 

กำลังอยากกินวุ้นเม็ดแมงลัก อยู่เลย แล้วหญ้าหวานจะไปหาซื้อได้ที่ไหนอ่ะค่ะ ส่วนลูกสำรอง เดี๋ยวคงต้องไปซื้อที่เค้าทำเป็นเนื้อสำรองแบบสำเร็จรูปมาทำ อยากกินแล้ว อดใจจะไม่ไหวอยู่แล้วง่ะ ขอบคุณสำหรับสูตรนะค่ะ ขอให้สวยวันสวยคืนเลยนะจ๊ะ



คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: สวรรค์บันดาล 31 สิงหาคม 2552 22:26:54 น.  

 

เมนูน่ากินทั้งนั้นเลยค่ะ
เอากำลังใจมาส่งให้นะคะ สู้ๆค่ะ

 

โดย: HidaYa 31 สิงหาคม 2552 22:46:40 น.  

 

มาอีกรอบ ฮ ี่ๆ

มาเห็นเมนู ณ เวลานี้

เหอๆๆ -*- ยั่วน้ำลายมากๆ

 

โดย: nakamaky 31 สิงหาคม 2552 23:40:30 น.  

 

 

โดย: อิ่ม_Aim 1 กันยายน 2552 4:42:54 น.  

 

วุ้นแมงลักน่าหม่ำที่ซู๊ด กลับไทยคราวหน้าพี่จะไปซื้อเม็ดแมงลักกลับมาเป็นผู้ช่วยลดอ้วนให้ได้ อิอิ

F5 พี่เคยลองหนนึง ไม่เข้ากับชีวิตประจำวันพี่อ่ะจ้ะ ก็เลยไม่ได้ศึกษาข้อมูลเท่าไหร่ อิอิ แต่พี่ขอแนะนำอย่างนึงถ้าเข้า F5 อย่าไปคิดว่าเรากินอะไรได้ทุกอย่างนะจ้ะ ไม่งั้นกินเกินที่ร่างกายต้องการอีกก็อ้วนเหมือนเดิม เพราะดูๆ แล้วโอกาสที่จะหม่ำนอกเวลาสุงมากๆ ฉะนั้นต้องระวังวันที่จะแตกด้วยค่ะ ไม่งั้นอ้วนอีกแน่นอน f5 เนี่ยะเป็นการไดเอทที่เสี่ยงต่อการหลุดสูงค่ะ (สำหรับพี่นะ คนอื่นพี่ไม่รู้จ้ะ อิอิ)

ปล. คนลำปางงามขนาดแต้ๆ เลยเจ้า...เอ๊ะ...คุ้นๆ ว่าน้องปุ๊เองก็คนลำปางเหมือนกันนี่กะเจ้่า

 

โดย: ToY (tiny ) 1 กันยายน 2552 10:37:08 น.  

 

ต้มปลาทูสด น่ากินโฮกกกก

 

โดย: DolphinRoll 1 กันยายน 2552 18:07:56 น.  

 

แม่ครัวคนเก่งเรารวดเร็วทันใจดีทำได้ดีนะคะ และฉลาดทันสมัยนะคะ ใช้หญ้าหวานแทน ดีมาก ๆ ค่ะ พี่ปลาก็ไม่ได้นึกนะ เลิศค่า รูปวุ้นน่าทานสุด ๆ จ้ะ

 

โดย: peepa2009 1 กันยายน 2552 22:32:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


pawantee
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add pawantee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.