|
|
| | 1 | 2 |
| 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
| 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
| 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
| 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
| 31 | |
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
มีใครสนใจ The Fast-9, Fast-8, Fast-7, Fast-6 Lifestyle บ้างครับ
ผมว่า มันน่าจะเหมาะสำหรับคนที่ชอบการคุมอาหาร (ผมเข้าใจว่า บางคนคุมอาหารได้ดี จนติดเป็นนิสัย) เหมาะสำหรับคนที่ชอบออกกำลังกายจนติดเป็นนิสัย หรือผู้ชายที่อยากสร้างกล้ามเนื้อ หรือผู้ที่ชีวิตประจำวันต้องใช้พลังงานมาก (แต่มันยังไม่ดีพอที่จะทำให้เขาหรือเธอลดน้ำหนักได้) เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้มีน้ำหนักเกิน แต่แค่อยากหาวิธีควบคุมน้ำหนัก หรือเหมาะสำหรับคนที่อยู่ในช่วง Maintenance ของ Fast-5
และที่สำคัญ มันน่าจะเป็นวิธี adjustment ที่ดีได้อีกด้วยครับ
แม้ผมจะชอบ Fast-5 แต่บางครั้งผมก็คิดว่า วิธีของ Fast-5 มันมากเกินไปสำหรับบางคน การงดอาหารวันละ 19 ชั่วโมง และกินได้แค่ 5 ชั่วโมง มันโหดเกินไปสำหรับบางคน เพราะคนเราไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะทำได้โดยไม่มีปัญหา (เช่นผม และหลายคนในนี้) แต่บางคนก็ทำไม่ได้ บางคนก็ต้องพยายามฝืนทำ ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข ต้องมาทุกข์ทรมานกับการงดอาหารเป็นเวลานานๆ วิถีชีวิตต้องเปลี่ยนแบบมากเกินไป ต้องเสียสุขภาพจิต คุณภาพชีวิตก็ได้รับผลกระทบ ฯลฯ เพียงเพราะแค่การลดน้ำหนักด้วยวิธีของ Fast-5 ดังนั้น Fast-9 แบบที่บอกไปนี้ ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับหลายๆ คน หรืออาจจะใช้เป็นการ adjustment สำหรับ Fast5 ก็ได้
อยากให้ลองอ่านและช่วยเสนอแนวคิดที่ดีกว่านี้ หรือหากเห็นข้อบกพร่อง ก็ช่วยบอกด้วยครับ เพราะถ้ามันทำได้จริงและได้ผลจริงในทางปฏิบัติ ผมว่า Fast-5 น่าจะทำได้ง่ายกว่านี้ น่าจะเข้าถึงผู้คนในวงกว้างได้มากกว่านี้ครับ
แนวคิด
คุณคงเคยรู้ว่า มีคนมากมายที่ลดน้ำหนักได้สำเร็จ ด้วยวิธี ควบคุมอาหาร (บ้าง) และออกกำลังกาย ร่วมกับการงดอาหารมื้อใหญ่หลัง 13.00 เป็นต้นไป บางคนก็งดหลัง 15.00, 16.00, 17.00 หรือ 18.00 เป็นต้นไป และเท่าที่ผมรู้ ส่วนใหญ่คนเหล่านี้ก็ไม่ได้งดอาหาร แบบศูนย์แคลอรีเหมือน Fast-5 แต่ก็ยังกินผลไม้ กินนม กินโน่นกินนี่นิดๆ หน่อยๆ ในช่วงงด แต่น้ำหนักก็ยังลด
ดังนั้น ถ้าผมจะบอกว่า หากคุณงดอาหารแบบศูนย์แคลอรีตามแบบ Fast-5 สัก 15-18 ชั่วโมง รวมกับการควบคุมอาหาร (บ้าง) และออกกำลังกายตามแบบที่คุณเคยทำมา แบบนี้มันก็มีความเป็นไปได้ ที่น้ำหนักจะลดได้เหมือนกัน แถมยังลดได้แบบไม่ทรมานมากด้วยครับ และข้อดีอีกหลายอย่างของวิธีนี้ก็คือ
1. ช่วยให้ชีวิตคุณเครียดน้อยลง สบายขึ้น ไม่ต้องทนหิวโหยมากเกินไป เพราะคุณไม่ต้องงดอาหาร 19 ชั่วโมง ไม่ต้องกินได้แค่ภายใน 5 ชั่วโมง ซึ่งอาจเหมาะกับวิถีชีวิตของ วัยรุ่น (หญิง 18+/ชาย 21+) นักศึกษา นักเรียน คนทำงานบางประเภท ฯลฯ ซึ่งทำให้สามารถกินอาหารได้วันละหลายมื้อขึ้น ไม่จำเป็นต้องไปกระจุกอยู่ใน 5 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้คุณไม่ต้องกลายเป็นคนแปลกแยกมากเกินไป
2. ช่วยรักษาความพยายามในการลดน้ำหนักของคุณให้คงอยู่ต่อไป เพราะมันไม่ขวาสุดหรือซ้ายสุด แต่มันอยู่กลางๆ อาจทำให้คุณหลุดน้อยลง จะได้ไม่ต้องมาเครียด มาเสียสุขภาพจิต
3. เป็นการเตรียมพร้อมร่างกายและจิตใจของคุณสำหรับ Fast-5 อย่างเต็มรูปแบบ (5/19) หากคุณคิดจะใช้มันในอนาคต แต่ถ้าคุณชอบ Fast-9 และมันได้ผลดีกับคุณ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ Fast-5
4. คุณไม่จำเป็นต้องกินอาหารวันละ 1 มื้อ ซึ่งในบางคนอาจทำให้กินอาหารได้น้อยเกินไป จน metabolism ต่ำ ทำให้ลดน้ำหนักยาก หรือได้รับแคลอรีน้อยเกินไป จนสร้างกล้ามเนื้อยาก (สำหรับคนที่ชอบออกกำลังกาย) และคุณไม่ต้องพยายามกินแหลกเมื่อถึง EW ที่มีแค่ 5 ชั่วโมง เพราะบางคนมีปัญหา คือไม่สามารถกินอาหารเข้าไปทีละมากๆ ได้ภายใน 5 ชั่วโมง หากฝืนทำ ก็อาจจะทำให้เกิดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย อาการกรดไหลย้อน ฯลฯ แต่ด้วยวิธีนี้ คุณสามารถกินอาหารมื้อเล็กๆ ได้ตลอด 8-9 ชั่วโมง
แต่การทำแบบนี้มันก็ต้องมีได้มีเสีย ไม่มีใครได้ทุกอย่างและเสียไปทุกอย่าง กล่าวคือ
คุณจำเป็นต้องใช้การควบคุมอาหารบ้าง ตามแบบที่คุณเคยทำ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเคร่งครัดมากเกินไป เอาแบบพอดีๆ และก็ไม่ใช่กินตามใจปากตลอด 9-8 ชั่วโมงแบบไร้ระเบียบวินัย และการมี EW นาน 8-9 ชั่วโมงแบบนี้ ก็ไม่น่าจะมีการหลุดกินนอก EW อีกต่อไป เพราะมันก็เกือบจะเหมือนชีวิตของคนทั่วไปที่กินกันได้ทั้งวันแล้ว ถ้าใครหลุดอีกก็ควรพิจารณาตัวได้แล้ว ว่ายังอยากจะลดน้ำหนักต่อไปอีกหรือไม่ และที่สำคัญอีกอย่างคือ คุณจำเป็นต้องออกกำลังกายด้วย หากอยากลดน้ำหนักได้พร้อมทั้งมีสุขภาพดี คุณจะขาดการออกกำลังกายไปไม่ได้เลย แต่ผมเชื่อว่า คนที่สนใจ Fast-5 ส่วนใหญ่ก็จะเคยพยายามลดน้ำหนักด้วยการ "ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย" กันอยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องยาก ที่คุณจะควบคุมอาหาร (บ้าง) พร้อมกับออกกำลังกายต่อไปเรื่อยๆ
การนำ Fast-9 ไปช่วย adjustment
ให้คุณใช้ Fast-9 (กินได้ 9 ชั่วโมง งดแบบศูนย์แคลอรี 15 ชั่วโมง) จนร่างกายและจิตใจเริ่มชินก่อน จะนานเท่าไหร่ก็แล้วแต่ จากนั้นจึงเริ่มบีบ (ลด) จำนวนชั่วโมง EW ลงทีละ 1-2 ชั่วโมง เป็น Fast-8, Fast-7, Fast-6 หากลดแล้วไม่ไหวก็ให้เพิ่มขึ้นอีก 1-2 ชั่วโมง จนเมื่อเริ่มชินก็ลด EW ลงไปอีก จนสามารถใช้ Fast-5 ได้ในที่สุด หรือหากคุณใช้ Fast-8, Fast-7, Fast-6 แล้วน้ำหนักลดได้ดี ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ Fast-5
วิธีปฏิบัติ
หากคุณเลือก EW ที่ 17.00-22.00 ก็ให้คุณตั้งหลักที่ 22.00 แล้วนับย้อนมาอีก 8-9 ชั่วโมง (ในที่นี้ผมจะใช้ที่ 9 ชั่วโมง แต่คุณจะใช้ 8-7 ชั่วโมงก็ได้ตามใจชอบ หรือเพิ่มเป็น 10 ชั่วโมงก็ได้ เพื่อจะได้กินอาหารเที่ยงด้วย เพราะผมคิดว่า มีคนมากมายที่สามารถงดอาหารจากเช้าถึงเที่ยงได้เลย) ดังนั้น EW ของคุณก็จะอยู่ที่ 13.00-22.00 โดยคุณสามารถเริ่มกินอาหารได้ตั้งแต่ 13.00 เป็นต้นไปจนถึง 22.00 ส่วนคุณจะกินหรือไม่กิน จะกินตอนไหน จะกินจนถึง 22.00 เลยหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของคุณ และคุณก็สามารถออกกำลังกายได้ในช่าง 13.00-22.00 นี้เช่นกัน ส่วนจะออกตอนไหน ก็ตามแต่สะดวก ซึ่งผมคิดว่า พลังงานที่คุณได้จากการกินอาหารใน 8-9 ชั่วโมงนี้ คงทำให้คุณสามารถออกกำลังกายได้ตามปกติครับ
แต่สิ่งสำคัญคือ หลัง 22.00 เป็นต้นไป จนไปถึง 13.00 ของอีกวัน คุณต้องงดอาหารแบบ "ศูนย์แคลอรี" ตามแบบของ Fast-5
เมื่อคุณใช้ Fast-9 ไปได้ระยะหนึ่ง อาจจะ 1-2 สัปดาห์ 1 เดือน หรือมากกว่านั้น และพบว่า ร่างกายและสภาพจิตใจของคุณเริ่มชินกับวิถีชีวิตแบบนี้แล้ว และหากคุณพอใจอยากทำ คุณก็ลด EW ลงอีกทีละ 1-2 ชั่วโมงไปเรื่อยๆ เช่น 14.00-22.00, 15.00-22.00 จนกลายเป็น EW 17.00-22.00 ในที่สุด แต่ถ้าคุณใช้ Fast-9, Fast-7 แล้วน้ำหนักลดได้ดี ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ Fast-5
ส่วนน้ำหนักจะลดหรือไม่นั้น ปัจจัยสำคัญคือ คุณต้องงดอาหารให้ได้แบบ "ศูนย์แคลรี" นอก EW ให้ได้จริงๆ ร่วมกับคุณภาพอาหารและการออกกำลังกาย หากคุณคุมอาหารได้ดีพอสมควร และออกกำลังกายแบบถูกต้องเหมาะสม (ไม่ใช่ทำแบบเหยาะแหยะๆ) ผมว่าแบบนี้น้ำหนักก็น่าจะลดแล้วครับ
ที่มา //www.myfast-5.com/forums/index.php/topic,552.msg4390.html#msg4390
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ
ตอนนี้เราก็ไปด้วยดีกับ FAST-5 นะคะ น้ำหนักตอนนี้ก็แอบชั่งเรื่อยๆ ค่ะ เป็นที่น่าพอใจ ใช้ F5 ดีตรงที่ไม่ว่าจะชั่งน้ำหนักบ่อยแค่ไหน มันก็ไม่มีผลต่อการกินค่ะ เพราะมันจะหมดเวลากินไปแล้ว 5555 มันเป็นความเคยชินของเราเลยนะคะ ที่ไปชั่งน้ำหนักทีไร ชั่งเสร็จมักจะเดินไปหาของกินแถวโต๊ะอาหารอยู่เรื่อย นี่ดีนะคะ มี F5 เป็นตัวช่วย ไม่งั้นก็คงจะได้สวาปามเข้าไปอีกแน่ๆ ค่ะ^^"
ผ่านไป 2 อาทิตย์แล้วสำหรับการอยู่กินกับFAST-5 ช่วงข้าวใหม่ปลามันนี่ก็มีความสุขดีเหมือนกันนะคะ คิกๆ เขาช่วยให้เราไม่กินกาแฟเย็นทุกวันได้แล้วค่ะ โดยที่เขาก็ไม่ได้มาบังคับอะไรเราเลยนะคะ เขาได้แต่บอกว่า คุณอยากกินอะไรก็กินนะ แต่ควรจะนึกถึงคุณภาพนิดนึงเพื่อตัวคุณเอง
ซึ่งเราก็เชื่อเขาค่ะ เพราะชอบทานของดีๆ มีประโยชน์อยู่แล้ว(จนทำให้ลืมนึกถึงกาแฟเย็นที่เคยต้องทานบ่อยๆไปเลย) ส่วนอาหารที่มีไขมันสูงๆ ก็ทานบ้างนะคะ แต่ไม่ทุกวันอ่ะค่ะ ไม่รู้สึกว่าอยากทานทุกวันด้วยน่ะค่ะ ตั้งแต่อยู่กับเขามา ระบบขับถ่ายที่เป็นปกติอย่างไร ตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีสักวันที่จะท้องผูกหรือท้องเสีย เพราะในแต่ละวันได้ทานผักและผลไม้อย่างมีความสุขค่ะ
แล้วเราจะมาเล่าความคืบหน้าให้ฟังกันอีกนะคะ ขอให้ทุกคนมีความสุขค่ะ
| Create Date : 09 มกราคม 2553 |
| Last Update : 9 มกราคม 2553 9:32:04 น. |
|
5 comments
|
| Counter : 555 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: LiLLa_JoY  วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:23:48:52 น. |
|
|
|
| โดย: bobolink (potjanee ) วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:13:29:52 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ทำ ดี ได้ ดี 
ขอให้แฟนใหม่กะคุณเพื่อนรักกันจนน้ำหนักลด คิคิ 
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
กินกันได้ทุกวี่ทุกวัน เจอกันก็กิน ไม่เจอกันก็โทรหาชวนกันกิน
แล้วอีกสิบวันพี่ก็จะกลับเมืองไทยแล้วก็เลยจะแค่ประคองน้ำหนักให้ไม่อวบไปกว่านี้
สุมหัวกันกินทีไรพี่ก็จะงดข้าวในมื้อนั้นไปเลย คือพยายามกินแบบโลว์คาบก็ยังดี