Timeline เจาะเวลาผ่าจักรวาล (New Version) ตอนที่ 1 (2)
ประมาณ 1,000 ปีที่แล้ว ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าการที่ถูกเรียกตัวมาในวันนี้องค์กษัตริย์ทรงประสงค์สิ่งใดไม่แน่ใจแม้กระทั่งวันนี้จะเป็นวันที่รุ่งโรจน์หรือวันชะตาขาดแต่สิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มเชื่อมั่นเป็นอย่างมากคือกษัตริย์เหนือหัวของเขา ตั้งแต่ยังเด็ก เขาได้ยินมาว่าองค์เหนือหัวสุริยวรมันที่2นั้น ไม่ค่อยพอพระทัยที่จะให้ชาวบ้านอย่างเขา เข้าเฝ้านัก หรือถึงแม้ว่าจะยอมก็จะต้องมีพิธีรีตองค่อนข้างมาก แต่ครั้งนี้ทุกอย่างกลับดูง่ายดายและชายหนุ่มอย่างเขาแทบจะไม่ต้องใช้เวลาตระเตรียมในการเข้าเฝ้าวันนี้เลย เมื่อพิษณุมาถึงพระราชวังอันใหญ่โตโอฬารทหารทั้งฝ่ายนอกฝ่ายในจำต้องตรวจสอบตัวเขาหลายด้าน เพื่อให้แน่ใจว่าเขาคือพิษณุชายหนุ่มที่พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 โปรดให้เข้าเฝ้าเป็นกรณีพิเศษคือยอมให้เข้าเฝ้า ณ ราชฐานชั้นใน ซึ่งเป็นที่ส่วนพระองค์มากๆ พิษณุตื่นเต้นมากและยังไม่แน่ใจว่าองค์เหนือหัวต้องการอะไรจากเขาดูไม่มีเหตุผลเลยที่เขาได้รับความสนใจถึงเพียงนี้ และแล้วเขาก็มาถึงหน้าห้องพระสำราญของพระเจ้าสุริยวรมันที่2และนี่ก็คือสิทธิพิเศษของชาวบ้านอย่างเขาที่กำลังจะได้เห็นโลกส่วนพระองค์ของพระเจ้าสุริยวรมันที่2 เพราะสำหรับการเข้าเฝ้าของพิษณุแล้ว พิธีรีตองหลายๆอย่างได้ถูกทลายลงซึ่งทำให้ฝ่ายในทั้งหมดถึงกับแปลกใจไปตามๆกัน เมื่อมหาประตูได้เปิดออกสิ่งที่พิษณุได้เห็นอยู่ตรงหน้าคือสิ่งที่น้อยคนนักจะได้เห็น พระเจ้าสุริยวรมันที่2กำลังทรงพระสำราญกับสนมนับสิบ พระองค์ทรงไม่สวมเสื้อ และทรงแย้มพระสรวลอย่างผ่อนคลายซึ่งจะไม่มีใครจะเคยเห็นพระองค์ในลักษณะนี้มาก่อน พอพระองค์ทรงเห็นพิษณุก็ทรงไล่สนมทุกนางออกไปทางประตูลับ และนี่น่าจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่พระเจ้าสุริยวรมันที่2 เจ้าเหนือหัวแห่งเมืองพระนครจะอยู่ลำพังสองต่อสองกับชายหนุ่มชาวบ้านที่ไม่สลักสำคัญอะไรเลย ตอนนั้นพิษณุตื่นเต้นจนลืมหายใจแต่กษัตริย์หนุ่มทำให้เขาผ่อนคลายโดยการเชิญให้นั่งและงดพิธีรีตองทุกอย่างรวมทั้งการใช้ภาษา ทำให้พิษณุสงสัยมากจึงถามพระองค์ไปตรงๆพระองค์ตรัสตอบมาอย่างเรียบง่ายว่า ก็เจ้าคือคนสำคัญของข้าน่ะสิ พิษณุยังงงอยู่กษัตริย์หนุ่มทรงทราบดีจึงตรัสต่อว่า ข้าจะมอบตำแหน่งนายกองทำงานอย่างหนึ่งให้ข้าเจ้าจะได้ทรัพย์สินเงินทองมากมายและจะสบายไปทั้งชาติ พิษณุยังงงอยู่ จึงถามพระองค์ไปด้วยความยำเกรง งานใดหรือท่านเจ้าเหนือหัว พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2ทรงแย้มพระสรวลและตรัสตอบว่า เป็นนายกองคอยดูแลเรื่องการสร้างมหาปราสาทให้กับข้า ค.ศ. 2014 วัฒน์และตั้มเข้ามาคุยกับภันดรเหมือนเคยภันดรเป็นอาจารย์หนุ่มที่สอนปรัชญา แต่เขาก็สนใจหลายเรื่องวัฒน์กับตั้มจึงชอบเข้ามาคุยกับเขาเพราะนักศึกษาสองคนนี้ก็สนใจหลายเรื่องไม่แพ้กัน วันนี้ทั้งสองคนเข้ามาคุยโดยพกโปสเตอร์กำเนิดเอกภพของแถมจากนิตยสาร National Geographic ฉบับที่ 153 เมษายน 2557 มาด้วย วัฒน์เริ่มถามขึ้นก่อนอาจารย์คิดว่าเอกภพจะมีจุดสิ้นสุดใหม่ครับหรือมันจะขยายตัวไปเรื่อยๆ ถ้าถามผมตอนนี้เหรอผมว่าน่าจะมีจุดสิ้นสุดนะ ภันดรตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ตั้มถามบ้างทำไมอาจารย์คิดว่ามันต้องมีจุดสิ้นสุดด้วยอ่ะครับ ภันดรยิ้มก่อนจะตอบว่าผมมีสมมติฐานว่าทุกอย่างในเอกภพต้องมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดรวมทั้งตัวเอกภพเองด้วย ทั้งสองคนหยุดนิ่งไปชั่วครู่ก่อนที่ตั้มจะถามขึ้นมาอีกอาจารย์เชื่อเหรอครับที่นักวิทยาศาสตร์บอกว่าเอกภพเกิดมาจากบิ๊กแบงซึ่งเป็นจุดเล็กๆแค่นั้นเอง เชื่อสิครับ วัฒน์ถามขึ้นบ้าง ทำไมถึงเชื่ออ่ะครับมันแปลกมากๆเลยนะครับ หลักฐานคืออะไรเหรอครับ หลักฐานก็คือคุณสองคนไงล่ะ ภันดรอมยิ้ม ทั้งวัฒน์และตั้มทำสีหน้างงงวยก่อนที่ตั้มจะถามขึ้นว่า ยังไงครับอาจารย์ ภันดรยิ้มอีกครั้งก่อนจะตอบคุณสองคนก็เกิดมาจากจุดเล็กๆหลังจากการปฏิสนธิ มันก็เหลือเชื่อเหมือนกันนะเพียงแต่ทุกคนเคยชินกับการเจริญเติบโตของมนุษย์แล้วก็เลยไม่มีใครรู้สึกทึ่งกับกระบวนการนี้ ทั้งวัฒน์และตั้มมีสีหน้าที่คลี่คลายขึ้นภันดรจึงพูดต่อว่า และคุณสองคน รวมผมด้วยต่างมีจุดสิ้นสุดผมจึงคิดว่าเอกภพก็ต้องมีจุดสิ้นสุดเหมือนกัน วัฒน์ถามต่อเพราะเครื่องกำลังร้อน แล้วเวลาล่ะครับมีจุดกำเนิดไหมมันกำเนิดมาพร้อมกับบิ๊กแบงรึเปล่าครับ ก็ประมาณ 13,000 ล้านปีมาแล้วนั่นแหละเวลาเกิดขึ้นมาในตอนนั้น หลังจากเกิดบิ๊กแบงได้ไม่นาน ตั้มยิงคำถามเด็ดและก่อนบิ๊กแบงคืออะไรครับ ภันดรนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะตอบว่าก่อนหน้านั้นมันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ เพียงแต่ว่าผมก็ยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร วัฒน์พูดขึ้นอีกว่าอาจารย์ดูไพ่ยิปซีให้ผมหน่อยได้ไหมครับ ภันดรยิ้มก่อนจะตอบว่าหมดเวลาแล้วครับนักศึกษา เพราะแฟนผมมาคอยแล้ว ทั้งวัฒน์และตั้มหันไปมองด้านหลังพวกเขาเห็นสาวสวยคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังประตูกระจก เธอคือแพทอาจารย์สอนวิชาสรีรวิทยาระบบประสาทในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับภันดรหลังจากนักศึกษาทั้งสองออกจากห้องไปแล้ว แพทก็ชวนภันดรไปกินข้าวแล้วก็ถามว่าวันนี้วัฒน์กับตั้มชวนคุยเรื่องอะไร ภันดรก็สาธยายโดยละเอียด แพทจึงพูดขึ้นว่าเดี๋ยวนี้นักปรัชญาเขามาสนใจเรื่องฟิสิกกันแล้วเหรอคะ ภันดรยิ้มก่อนจะตอบว่าจริงๆแล้วต้องพูดว่านักปรัชญาและนักฟิสิกสนใจปัญหาเดียวกันมาช้านานแล้วหรือถ้าจะพูดให้เคลียร์กว่านั้นก็ต้องพูดว่าสมัยอียิปต์และกรีกหลายคนก็เป็นทั้งนักปรัชญาและนักฟิสิก คุณฉลาดตอบเสมอนะ ภันดร แพทยิ้มอย่างมีความสุขแพทเองก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงมาหลงรักผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่สนใจปรัชญาประวัติศาสตร์ ตำนานเทพ และไพ่ยิปซี ทั้งๆที่ตัวเธอเองเป็นนักวิทยาศาสตร์เต็มตัวเธอเริ่มชวนภันดรคุยเรื่องตำนานเทพที่เธอชอบฟัง จนภันดรเริ่มเอะใจจึงถามขึ้นว่า นักวิทยาศาสตร์ที่เก่งๆอย่างคุณทำไมถึงมาสนใจสิ่งที่มองไม่เห็นนะ แพทตอบว่า ถ้าโลกนี้ไม่มีกล้องจุลทรรศน์เราก็มองไม่เห็นเชื้อโรคนะ มีหลายสิ่งในโลกมากๆเลยที่เรามองไม่เห็นแต่ใช่ว่ามันจะไม่มี ภันดรยิ้มและชอบใจคำตอบของแพทมากเขากับแพทคุยกันไปอีกสักพัก ภันดรจึงพูดขึ้นว่า เดี๋ยวผมต้องไปทำธุระสำคัญในที่ๆนึงคุณไปเป็นเพื่อนผมหน่อยนะแพท ค.ศ. 3014 โรเบิร์ตรู้สึกกลัวเหมือนกันแต่ยังไงเขาก็ต้องไป ปีเตอร์บอกเขาว่าปีเตอร์อยากพบเขาเพราะมีเรื่องสำคัญจริงๆแต่ที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือโรเบิร์ตต้องเอาเพนดูลัมมาด้วย เพนดูลัมจะคล้ายๆสายสร้อยเส้นเดียวที่เวลาเราถือปลายสายสร้อยมันจะมีลูกตุ้มถ่วงอยู่ตรงปลายอีกข้างหนึ่ง เพนดูลัมมีประโยชน์หลายอย่างทั้งใช้แกว่งตามหาของหาย แกว่งตรวจหาโรค แกว่งทำนายอนาคตรวมทั้งใช้ในการติดต่อสื่อสารกับเทพ อีกอย่างที่โรเบิร์ตแปลกใจมากๆคือสถานที่นัดพบเพราะมันคือลอนดอนอาย โรเบิร์ตนึกไม่ออกว่าทำไมปีเตอร์จะต้องนัดพบเขาบนลอนดอนอายอีกอย่างที่แปลกคือเขายอมส่งรูปให้ปีเตอร์เห็นหน้าเขาแต่ปีเตอร์ไม่เคยส่งรูปสักใบมาให้เขาดู แต่จะอย่างไรก็ตามโรเบิร์ตก็ยังไว้ใจปีเตอร์มากๆ เพราะปีเตอร์คือสมาชิกคนสำคัญของ BritishSociety of Dowser องค์กรนี้มีบทบาทในสังคมโลกมากขึ้นหลังจากเกิดสงครามโลกครั้งที่สาม เพราะคนในองค์กรมีส่วนในการทำให้สงครามยุติ โรเบิร์ตเป็นคนสกอตแลนด์เขาเกิดและเติบโตที่เกาะ Unst ดินแดนประหลาดที่มีเรื่องเล่ามากมายเขาเองสามารถเอาตัวรอดอยู่บนเกาะที่แทบจะไม่มีอะไรเลยได้และเขาก็ไม่อยากเดินทางเข้ามาที่ลอนดอน แต่เพราะปีเตอร์นัดเขา เขาเลยต้องจำใจมา ถึงแม้เวลานี้การเดินทางจากเกาะ Unstมาลอนดอนจะสะดวกมากๆ แต่เขาก็เลือกเดินทางอย่างประหยัดโดยนั่งรถมาลงเรื่องเฟอร์รี่เพื่อข้ามไปยังเกาะ Yell แล้วก็นั่งรถจากเกาะ Yellข้ามไปยังแผ่นดินใหญ่ เพราะทั้งเกาะ Unst และเกาะ Yell เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะShetland พอข้ามไปถึงแผ่นดินใหญ่ของหมู่เกาะ Shetland เขาก็มุ่งตรงไปที่เมืองLerwick เพื่อจะรอนั่งเรือเฟอร์รี่อีกประมาณ 10 ชั่วโมงเพื่อไปยังเมือง Aberdeenของสกอตแลนด์ พอมาถึงเมือง Lerwickหลังจากเดินเล่นในเมืองสักพัก เขาก็เข้ามานั่งพักที่ Viking Bus Stationเพราะกว่าเรือเฟอร์รี่จะออกก็อีกนาน ระหว่างที่เขากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่นั่นเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าเริ่มมีคนสะกดรอยเขา และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ณ สรวงสวรรค์แห่งโบม ขณะที่พระศิวะกำลังสนทนาอยู่กับพระวิษณุเทียนกง และซุสที่สเฟียร์ใหญ่ของโบม เจ้าแม่กวนอิมก็ได้ปรากฏตัวขึ้นเทพเหล่านี้มีกำเนิดของตน ไม่ได้กำเนิดตามวรรณกรรมที่มนุษย์เขียน แต่หลายองค์ก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ตามวรรณกรรมนั้นจึงสมมติชื่อของตัวเองตามชื่อวรรณกรรมของมนุษย์ และทุกองค์อยู่ในสเฟียร์ส่วนตัวไม่ใช่อยู่ในวิมาน โบมเป็นสวรรค์มิติหนึ่ง สวรรค์ไม่ได้มีหลายชั้นเหมือนกับขนมชั้นแต่มีหลายมิติซ้อนๆกันอยู่ เจ้าแม่กวนอิมนำเรื่องสำคัญบางเรื่องมาปรึกษาเหล่าเทพและเรื่องเริ่มต้นกำเนิดมาจากเทพพยากรณ์ เทพพยากรณ์เป็นเทพที่สามารถสื่อสารกับเทพได้ทุกองค์และทุกมิติไม่เคยมีเทพใดเคยได้เห็นเทพพยากรณ์ และมักจะมีข่าวลือว่าเทพพยากรณ์มาแต่เสียงไม่มีตัวตน เจ้าแม่กวนอิมได้กล่าวว่าเทพพยากรณ์ได้เพ่งจิตมาบอกข้าว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในจักรวาลที่ 76 เทพหลายองค์แปลกใจมากเพราะจักรวาลที่ 76 เป็นจักรวาลที่เทพในโบมผูกพันด้วย พระศิวะถามเจ้าแม่กวนอิมว่าแล้วเรื่องราวเป็นอย่างไรหรือท่าน น่าแปลกมากที่ครั้งนี้แทบไม่มีรายละเอียดในหัวข้า ข้าจึงนำเรื่องมาแจ้งท่าน ศิวะเพราะท่านเป็นเทพใหญ่ในโบม พระศิวะลองเพ่งจิตถึงเทพพยากรณ์พระองค์เริ่มรู้ข้อมูลบางอย่าง หลังจากรู้แล้ว พระองค์ก็พูดให้เหล่าเทพฟัง ตอนนี้เริ่มมีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นแล้วแต่ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะจักรวาลที่ 76 เท่านั้นแต่เกิดในมิติอื่นด้วย คำพูดของพระศิวะฟังดูประหลาดและคลุมเครือแต่เทพแห่งโบมเข้าใจได้ว่า มันต้องเป็นเรื่องที่ซับซ้อนแน่ๆขนาดเทพพยากรณ์และพระศิวะยังต้องช่วยกันแกะ แต่ที่พระศิวะแปลกใจมากๆคือทำไมเทพพยากรณ์ถึงไม่สื่อสารกับเขาโดยตรงแต่เลือกที่จะไปสื่อสารกับเจ้าแม่กวนอิมแทนทั้งๆที่รู้ว่าเจ้าแม่กวนอิมจะสนใจแต่เรื่องของมนุษย์โลกในจักรวาลที่76มากกว่าจะสนใจเรื่องที่เกี่ยวกับมิติอื่นด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พระศิวะจะต้องเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อีกประมาณ 300,000 ปีข้างหน้า ประตูลิฟท์กำลังจะเปิดออกตอนนี้รอนตื่นเต้นมาก เพราะเขาจะได้มีโอกาสไปเยือนโลก รอนเกิดและเติบโตบนดวงจันทร์เมื่อไม่นานมานี้ รอนมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระราชินีวิคตอเรียพระนางเป็นราชินีที่ปกครองอาณาจักรวิคตอเรีย ซึ่งประกอบด้วยชุมชนบนดวงจันทร์ชุมชนบนดางอังคาร ชุมชนบนดวงจันทร์บริวารของดาวเสาร์ ชุมชนบนสถานีอวกาศอีก 13 แห่งและชุมชนบนโลกที่ยังเหลืออยู่ ระบอบการปกครองของอาณาจักรวิคตอเรียเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์หลังจากระบอบอื่นๆในหลายๆประเทศล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าเมื่อมีการสถาปนาอาณาจักรวิคตอเรียขึ้นมา อาณาจักรนี้จึงได้ใช้ระบอบนี้เพราะคิดว่าดีที่สุด เพียงแต่ระบอบกษัตริย์ของวิคตอเรียไม่ได้มีการสืบสันตติวงศ์เพราะหลายฝ่ายไม่เชื่อว่าการปล่อยให้ทายาทของคนดีมาปกครองแล้วเขาจะดีจริง ระบบที่วิคตอเรียใช้วิธีคัดเลือกโดยให้โหราจารย์7คน พร้อมทั้งราชบัณฑิตอีก 7 คนช่วยกันเลือกเฟ้นและตรวจสอบคุณสมบัติราชินีวิคตอเรียเป็นกษัตริย์ลำดับที่ 4 ของราชวงศ์วิคตอเรียพระนามเดิมคือแมรี่ ราชินีวิคตอเรียเป็นผู้ที่หลายคนชี้ว่ามีบุญญาบารมีมากพอรวมทั้งมีความสามารถและเป็นคนดี พระนางเองยังมีความเชี่ยวชาญในการค้นพบวิธีดูดพลังงานจากแหล่งอื่นเอามาเก็บไว้ที่ดวงจันทร์ทำให้ไม่มีใครหาญกล้าจะมาโค่นล้มราชบัลลังก์ของพระองค์ เพราะความรู้ความสามารถของราชินีวิคตอเรียยังคงเป็นความลับ และไม่เป็นที่เปิดเผย ในปัจจุบันอาณานิคมต่างๆต้องพึ่งขุมพลังงานของพระองค์ พระราชวังของราชินีวิคตอเรียอาจไม่ใหญ่โตมากนักแต่ออกแบบได้อย่างน่าอัศจรรย์นับเป็นพระราชวังใต้ดินบนดวงจันทร์ที่มีความโดดเด่นทางศิลปกรรมเป็นอย่างมากพระราชวังนี้มีขุนนางระดับสูงอยู่แค่ 11 คน รอนเป็น 1 ในนั้น รอนมีความสามารถมากๆนอกจากเขาจะเป็นวิศวกรด้านอุตสาหกรรมอวกาศที่มีชื่อเสียงแล้วเขายังเป็นนักประวัติศาสตร์โลกและจักรวาล และยังเป็นนักปรัชญาอีกด้วยรอนมีส่วนในการพัฒนายนตรกรรมด้านการเดินทางข้ามเวลาโดยการบุกเบิกครั้งแรกจะมาจากขุนนางของวิคตอเรียในกษัตริย์พระองค์ก่อนที่ได้คิดค้นด้านยนตรกรรมพร้อมกับมีการตรวจพบรูหนอนในมุมหนึ่งของจักรวาล 2 รูหนอนด้วยกัน จากการศึกษาเกี่ยวกับรูหนอนจึงพบว่ารูหนอนที่ชื่อไกเซอร์น่าจะเป็นรูหนอนที่สามารถเดินทางไปยังอนาคตได้ส่วนรูหนอนอีกอันที่เรียกกันว่ารูฟัส สามารถที่จะเดินทางย้อนเวลาไปยังอดีตได้แต่กษัตริย์องค์ก่อนยังไม่มีพระบรมราชานุญาตให้สามารถเดินทางข้ามเวลาได้ จวบจนรัชสมัยของพระนางวิคตอเรียพระองค์ทรงสนพระทัยเรื่องนี้มาก โหราจารย์แนะให้พระองค์ทรงสามารถทดลองเองได้เพราะพระองค์ทรงมีบุญญาบารมี พระองค์จึงทรงทดลองโดยการเดินทางย้อนอดีตไปยังจีนโบราณทำให้ซินแสที่พระองค์พบเชื่อว่าพระองค์คือเทพจากดวงจันทร์ หลังจากนั้นตำนานการไหว้พระจันทร์ก็เกิดขึ้นและกระจายความเชื่อบางอย่างไปทั่วโลกจนอเมริกาคิดโครงการอยากไปเหยียบดวงจันทร์ขึ้นมาจริงๆ ตอนขากลับนั้นเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตของพระองค์แต่ด้วยบุญญาบารมีทำให้พระองค์สามารถเดินทางกลับมาได้และพระองค์สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างจึงเรียกอาณาจักรวิคตอเรียนี้ว่าอาณาจักรที่ 2 เพราะพระองค์บอกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป หลังจากนั้นพระองค์ได้สร้างทฤษฎีส่วนพระองค์ที่ซับซ้อนมากแต่จะขออธิบายง่ายๆว่า เวลานั้นไม่มีอดีตปัจจุบันและอนาคตทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนแท่งดินสอถ้าจะอธิบายให้ง่ายกว่านั้นคือทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนกับคลิปยูทูป คือพอคลิปโผล่มามันก็จะมีเส้นสีเทานำร่องไปก่อน ก่อนที่จะมีสีแดงตามมาและเราสามารถดูได้ timelineจริงๆก็เป็นแบบนี้ เส้นสีเทาเป็นเส้นแห่งกรรมที่กลายเป็นทางนำร่องส่วนเส้นแดงคือชีวิตจริงๆของมนุษย์ การย้อนอดีตก็กลายเป็นการไปปรับเส้นแดงใหม่ส่วนการเดินทางไปในอนาคตก็เหมือนการไปแอบดูเหตุการณ์ของเส้นสีเทา หลังจากภารกิจของราชินีวิคตอเรียแล้วมีการเดินทางข้ามเวลาเกิดขึ้นอีกสองครั้ง ครั้งที่ 2 เป็นการเดินทางไปยังอนาคตโดยขุนนางท่านหนึ่ง แต่ท่านไม่สามารถกลับมาได้ ครั้งที่ 3 เป็นการเดินทางย้อนอดีต ของขุนนางคนหนึ่งแต่ก็กลับมาไม่ได้เหมือนกัน การเดินทางข้ามเวลาของรอนจะถือเป็นการเดินทางข้ามเวลาครั้งที่4แต่เป็นการย้อนอดีตครั้งที่ 3 ด้วยเขามีภารกิจบางอย่างที่ราชินีวิคตอเรียมอบหมายให้ทำแต่ต้องไปทำในอดีต ก่อนออกเดินทาง หลังจากเข้าเฝ้าพระราชินีวิคตอเรียแล้วรอนขออนุญาตไปเยือนโลกเพื่อชื่นชมบางอย่างที่ยังเหลืออยู่ หลังจากโลกผ่านวิกฤตทางธรรมชาติมานับครั้งไม่ถ้วนปัจจุบันเนื้อที่บนโลกน้อยลง และมีคนอาศัยอยู่แค่บางส่วนเท่านั้นบางส่วนถูกจัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดมหึมาช่วงก่อนที่โลกจะเข้าสู้วิกฤตด้านสภาวะอากาศขั้นรุนแรงผู้นำโลกมีเงินที่จะรักษาสิ่งมหัศจรรย์ของโลกเอาไว้ แค่ 10อย่างเท่านั้น เพราะการรักษาต้องใช้งบมโหฬารมาก พีระมิด สโตนเฮนส์และนครวัดถือเป็น 3 ในสิบของสิ่งเหล่านั้น ที่ยังคงหลงเหลืออยู่และมีการพยายามอนุรักษ์ให้สืบต่อกันมาอย่างน่าอัศจรรย์และก็เป็นสามสิ่งที่รอนอยากเห็นกับตาก่อนที่เขาจะเดินทางย้อนเวลา ขณะที่เขากำลังลงลิฟท์จากดวงจันทร์เพื่อไปยังโลกเขาก็คิดถึงแต่สามสิ่งนี้ที่เขายังไม่เคยเห็นด้วยตาของตัวเอง และมีบุคคลหนึ่งที่เขาอยากพบมากก่อนที่จะเดินทางย้อนเวลาบุคคลนั้นคือชายหนุ่มที่จะกลายเป็นพระศรีอริยเมตไตรยในอนาคต โปรดติดตามตอนต่อไป
Create Date : 05 สิงหาคม 2557 |
Last Update : 5 สิงหาคม 2557 8:47:49 น. |
|
0 comments
|
Counter : 606 Pageviews. |
|
|