I call it Destiny You call it Love...
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
8 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
Make a plan to love me (รักนี้ มีแผน 2) #6






Make a plan to love me (รักนี้ มีแผน 2)



…6... When falling in love ..???



แดดแรง ๆ ที่ลอดผ่านม่านหน้าต่าง เป็นนาฬิกาชั้นดีบ่งบอกให้รู้ว่า ตอนนี้ เป็นเวลาสายมากแล้ว เฮซองขยับร่างกายของเค้านิดหน่อย ปวดหัว เมื่อยตัวไปหมด เค้าดึงเอามือหนึ่งที่พาดอยู่กับเอวของตัวเองออก วางมันเบา ๆ ก่อนพยายามชันตัวลุกนั่ง แต่แรงขยับ ทำให้อีกคนรู้สึกตัวทันที

“ตื่นแล้วเหรอฮะ ปวดหัวมั้ย” น้ำเสียงอบอุ่นและอ่อนโยนของคนข้างๆ เอ่ยขึ้น

“นิดหน่อยน่ะ สายแล้ว ยังไม่ได้ทำมื้อช้าให้แอนดี้เลย” เฮซองพูดอ้อมแอ้ม ก้มหน้าหลบสายตาตัวเองหนีห่างจากสายตาของอีกคนที่มองมาเหมือนจะเอ็กซเรย์ร่างเค้าทั้งร่างงั้นแหละ

จอนจินดึงให้ร่างบางนั้นให้ซบลงมาตรงอกเค้าพอดี สองแขนกำยำของเค้าโอบกอดร่างนั้นไว้หลวม ๆ

“น้องคงไปแล้วล่ะฮะ สายป่านนี้แล้ว ออมม่า .... เอ้ย! คุณไม่ต้องห่วงหรอก”

“นายเรียกชั้นว่าออมม่าอย่างเดิมก็ได้นี่”


“ก็แล้วเมื่อคืนใครล่ะที่ห้ามไม่ให้ผมเรียกออมม่าน่ะ” เพียงแค่พูดเฉียดๆ เรื่องเมื่อคืน ใบหน้าเฮซองก็กลับแดงระเรื่อขึ้นอีกครั้ง

แม้จะเมาจนแทบจำอะไรไม่ได้ แต่ภาพเหตุการณ์เหล่านั้นมันยังคงเลือนลางอยู่ในหัวของเค้าเหมือนหนังที่เล่นกรอกลับไปกลับมารอบแล้วรอบเล่า ภาพบนรถนั่น รอยจูบอันเร่าร้อน และอะไรต่อมิอะไร คิดแล้วอยากจะหนีออกไปให้ไกลจากคนตรงนี้ซะจริง ๆ อะไรดลใจให้ทำแบบนั้นนะ


“ รู้มั้ย เมื่อคืนกว่าผมจะอุ้มออมม่ามานอนในห้องได้น่ะ เล่นเอาเกือบตาย คราวหลังอย่าเมาอย่างนี้แล้วนะ”

“ก็ใครไปสั่งให้นายอุ้มกันเล่า”
“ก็ใครกันล่ะ ส่งเสียงเรียก จอนจิน จอนจิน อยู่ได้ เสียงหวานแบบนั้นผมจะใจดำให้นอนในรถได้ลงคอเหรอ”

“ไอ่บ้า ชั้นไปเรียกนายแบบนั้นเมื่อไหร่” ด่าไปทีก่อนซุกหน้าลงตรงอกเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายหนีอาการเขิลซะงั้น


“ขอค่าแรงที่อุ้มด้วยนะฮะ” .. ว่าแล้วก็เชยคางของคนที่เอาแต่มุดหน้าหนีให้ขึ้นมาสบตาใกล้ๆ ยิ้มหวานที่สุดในโลกส่งให้ด้วย กะลังคิดจะก้มหน้าลงไปลิ้มรสปากบางนั้นเป็นของแถมอีกต่างหาก ถ้าไม่เห็นดวงตาดุ ๆ คู่นั้นที่ส่งมาห้ามไว้ซะก่อน


“งั้น .... เดี๋ยวทำอะไรอร่อย ๆ ให้กิน ดีมะ”

“โกหก อะไรอร่อย ๆ ของออมม่าน่ะ หนีไม่พ้นบะหมี่อยู่ดีแหละ”

“งั้นอยากกินอะไรบอก”

“อืม ... งั้นกินออมม่านี่แหละ ได้ป่ะ” ว่าแล้วก็มุดตัวหายลงไปในผ้านวมผืนโตที่ห่อหุ้มร่างเฮซองไว้โดยปราศจากเสื้อผ้าปกปิดร่างกายซักชิ้น

“เฮ้ย! จอนจิน อย่านะ จั๊กกะจี้ ปล่อยสิ ไอ่บ้า ปล่อย”

“ไม่ปล่อย บ้าใช่มั้ย..” .........


แม้จะหาสาเหตุไม่ได้ว่าเรื่องเมื่อคืนมันเกิดขึ้นเพราะอะไร แต่ตอนนี้จอนจินก็ยังอยู่ตรงนี้ และเวลานี้เค้าก็มีความสุขมาก แม้จะมากจนความกลัวแล่นขึ้นมาจับใจก็ตาม..


เอาเถอะ อย่างน้อยที่สุด อากาศวันนี้มันก็เย็นสบายชวนให้ไม่น่าลุกจากเตียงจริงๆ นะเนี๊ยะ






................






“คุณเอริคคะ แฟ้มทั้งหมดนี่ ขอด่วนนะคะ”

“โห เยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ” เอริคมองเอกสารปึ๊งย่อม ๆ ตรงหน้า พาลเอาอ่อนใจ

“ค่ะ ก็คุณเอริคไม่ได้เซ็นต์แฟ้มมา 2 วันแล้วนี่คะ”

“เอ่อ ครับ ๆ เดี๋ยวผมจะรีบจัดการให้” เอริคทำหน้าหน่าย ๆ นิดหน่อย มองไปยังร่างที่จุ้มปุ๊กห่างออกไปไม่ไกลนัก เรยเกิดอยากแหย่คนเล่น

“แอนดี้ แผนการตลาดที่ชั้นให้นายเมื่อเช้าน่ะ อ่านเสร็จแล้วเหรอ” ทำเสียงดุด้วยแหะ

“เอ่อ ก็ยังไม่เสร็จฮะ แต่เกือบและ”

“เวลาตั้ง 2 ชั่วโมง แฟ้มบางนิดเดียวนายนั่งหลับเหรอถึงยังไม่เสร็จน่ะ เร็วสิ ต้องเอาคืนฝ่ายด้วยนะ”

“ฮะ ๆ ๆ” แอนดี้หน้างอปากยื่นจนคนลอบมองได้แต่แอบขำ ก่อนตีสีหน้าเป็นปกติอีกครั้ง

“ซูยองครับ เอาเป็นว่าถ้าเสร็จผมจะบอกนะ ไปทำงานก่อนก็ได้ ไม่ต้องรอหรอก”

“ค่ะ” เลขาสาวโค้งให้ ก่อนหมุนตัวกลับออกไป

“อ่ะ เดี๋ยวครับ ถ้าใครโทรมาหาผม ให้ฝากข้อความไว้นะครับ แล้วผมจะโทรกลับ วันนี้ผมรู้สึกไม่สบายนิดหน่อย”

“ได้ค่ะ”

ทันทีที่ประตูปิดตามหลังเลขาคนสวยของเค้าแล้ว เอริคลุกขึ้นย่องไปยังร่างที่ยังฮึดฮัดฟึดฟัดอยู่กะแฟ้มเอกสารนั่นอย่างเบา ๆ

“แอนดี้…”

“อะไรอีกล่ะฮะ นี่งัย กำลังอ่านอยู่นี่ อีกแป๊บเดียว” แอนดี้ทำเสียงประชดประชัน

“อ่านทำมัยอ่ะ แผนการตลาดไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย” พูดพลางสวมกอดอีกคนจากทางด้านหลัง ซุกหน้าตัวเองลงกับซอกคอขาว ๆ นั่น

“ก็แล้วเมื่อกี๊ใครล่ะที่บอกให้อ่านเร็ว ๆ น่ะ แล้วก็ช่วยเอาจมูกพี่ออกไปห่าง ๆ แก้มผมด้วย รำคาญ เดี๋ยวอ่านแฟ้มนี้ไม่จบ ผมจะโดนว่าอีก”

“นายเนี๊ยะน๊า นิสัยอย่างนี้สิ มันถึงน่า..” เอริคหัวเราะเบา ๆ เอี้ยวตัวดึงแฟ้มออกจากมือแอนดี้ แล้วโยนมันไปไว้ไกลๆ อีกด้าน

“เที่ยงนี้กินไรกันดี แล้วเย็นนี้ล่ะ นายอยากไปไหนมั่งมั้ยแอนดี้”

“อืม กินอะไรเหรอฮะ เอาอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่พิซซ่า” แอนดี้เอนตัวพิงอกเอริคในท่าสบาย ๆ มือเล็กดึงเอามือเรียวข้างหนึ่งของอีกคนขึ้นมาเขี่ย ๆ เล่น

“ชั้นพานายไปกินพิซซ่าแค่หนเดียวเองน๊า เบื่อแล้วเหรอ”

“หนเดียวแต่ 2 คน 3 ถาดนี่มันก็ไม่ไหวนะฮะ คงเลี่ยนไปอีกนาน”

“ก็นายอยากท้าชั้นเองนี่น่า ช่วยไม่ได้” ว่าแล้วก็ก้มหน้าลงหอมแก้มใส ๆ นั่นอีกทีด้วยความหมั่นเขี้ยว นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่ที่ทำงานนะ..

“ก็ใครมันจะไปคิดว่าพี่จะตะกละได้ขนาดนั้นเล่า … เลิกหอมซะทีสิฮะ เดี๋ยวใครเข้ามาทำงัยอ่ะ”

“เลขาชั้นเค้ารู้ใจเจ้านายดี ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าชั้นไม่รับโทรศัพท์ แสดงว่าชั้นไม่อยากให้ใครรบกวน”

“งานพี่ยังไม่เสร็จเลยนะ ไปทำงานก่อนสิ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าผมมาทำให้พี่เสียเวลางาน”

“โธ่ ใครมันจะคิดแบบนั้นกันเล่า อ่ะ ! งั้นไม่หอมก็ได้ ขอจูบเรียกกำลังใจอีกหน่อย เดี๋ยวเซ็นต์แฟ้มนั้นหมด เราไปหาไรกินกันดีกว่านะ”



“ไม่ยักรู้แหะ ว่าความรักมันทำให้กอริลลาล่ายักษ์ขี้หงุดหงิดมีพัฒนาการที่ดีขึ้นได้”

เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นหน้าประตูทำเอาเอริคและแอนดี้ผละออกจากกันแทบไม่ทัน แต่พอหันไปมองที่มาของเสียง ค่อยโล่งอกไปหน่อย

“ทำมัยไม่เคาะประตูวะ” เอริคทำเสียงเครียดใส่

“อย่าถามหามารยาทจากใคร หากว่านายไม่เคยหยิบยื่นให้เค้า” มินอูยิ้มสะใจ

“ไอ่นี่ กวนประสาทกันแต่วันเลยนะ”

“มะเช้ากินกาแฟใส่น้ำตาลไปกระสอบนึงเหรอ ดูสิ ห้องนายมดยั้วเยี๊ยะไปหมด”

“มีอะไรรีบ ๆ พูด” เอริคพูดเสียงหงุดหงิดที่โดนไอ่เพื่อนตัวดีขัดจังหวะ เค้าลุกจากที่นั่งกลับไปยังเก้าอี้ของตัวเอง ส่วนแอนดี้ก็แก้เขิลด้วยการหยิบแฟ้มที่เอริคโยนไปตะกี๊กลับมาก้มหน้าอ่านต่อ

“ระวังนาเว้ย ใครเข้ามารู้มาเห็น เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่ ทำอะไรดูสถานที่มั่ง” มินอูก้มลงไปกระซิบกับเอริคให้ได้ยินกันแค่สองคน

“เออ รู้น่า บริษัทนี้ก็มีแค่นายนั่นแหละ ที่ล่องหนเข้ามาในห้องชั้นได้น่ะ บอกได้ยังว่ามีไร”

“เรื่องจินนี่น่ะ เอาเป็นว่า เย็นนี้ค่อยคุยกันก็ได้ ไม่อยากทำลายบรรยากาศแสนหวานของนายตอนนี้”

“เย็นนี้น่ะเหรอ”

“เออ ทำมัย หรือไม่ว่าง ..”

“เปล่า” เอริคตอบน้ำเสียงราบเรียบ

“ไม่เป็นไร ให้เสร็จธุระนายก่อนก็ได้ เรื่องน้องชายชั้นน่ะ ชั้นรอได้” น่าน เจอประชดไปอีกดอก


…........

RRRRRRRRRRRRRRRR

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นปลุกให้คนที่ยังจมอยู่กับความคิดวุ่น ๆ ดึงตัวเองออกจากภวังค์แทบทันที หน้าจอมือถือไม่มีชื่อปรากฏว่าเป็นใคร

“ฮัลโหล ดงวานพูดครับ”

(หมอ นี่ผม...มินอูนะ)

“อ่าว มินอูเองเหรอ มีอะไรรึเปล่าครับ”

(แหะๆ ๆ มาหาเพื่อนทานข้าวเย็นอ่ะ หมอว่างมั้ยครับ เย็นนี้)

“เย็นนี้เหรอครับ น่าจะว่างนะ”

(ว้าว!!! โชคดีจริง ๆ งั้นที่เดิมนะครับ ผมจะพาไอ่ริคไปด้วย)

“มีอะไรเกี่ยวกับจอนจินใช่มั้ยครับ”

(...โห หมอเก่งจังครับ รู้ด้วยเหรอ แหม! งี้ถ้าไม่มีใครขอผมแต่งงานภายในครึ่งปี ผมพิจารณาหมอคนแรกเรยนะเนี๊ยะ)

“พอเหอะครับ เข้าเรื่องเหอะ”

(อ่ะ เข้าเรื่องก็ได้ ...ผมคิดว่าคงได้เวลาพาตัวเจ้านั่นออกมาซะที)
..
.

“เจ้านั่น ??? หมายถึงจะคุณคิดแผนคืนความทรงจำให้จอนจินได้แล้วงั้นเหรอครับ”

(แหะ ๆ จะว่าไปแล้วก็ไม่เชิงหรอกครับ ถึงรอปรึกษาหมอเย็นนี้งัย)

“อ่าว ! เอ่อ ..งั้น..เอาเป็นว่าตกลงครับ เจอกันเย็นนี้ ที่เดิม”

(เอ่อ .. หมอครับ...อีกเรื่องครับ)

…
..
( ....จะเที่ยงแล้ว ทานข้าวให้ตรงเวลานะครับ เป็นห่วง แค่นี้แหละแล้วเจอกัน หวัดดีครับ)

ตื๊ดดดดดดดดดด ~~~~

“อะไรของเค้าวะ” ดงวานบ่นพึมพำกับตัวเองนิดหน่อย หัวสมองที่พาลคิดไปถึงเรื่องนั้น เรื่องที่เค้าเองก็กังวลใจไม่น้อย เห็นหน้าเฮซองวันก่อนจากแผนเดิมที่คิดไว้มันก็ชักจะกลับตาลปัตรเข้าไปทุกที

“เห็นท่าว่ามันจะไม่ง่ายอย่างที่คิดซะแล้วและมั้ง เฮซองรักจอนจิน จอนจินรักแอนดี้ ทำมัยมันช่างวุ่นวายอย่างนี้ได้ว้า”
...

กลับมาที่บ้านแสนสุขของแม่ลูกกันมั่ง

พอความรักสมหวัง อะไร ๆ รอบตัวก็ดูจะมีความสุขไปซะหมด

เฮซองในชุดสบายๆ ที่กำลังนั่งขีด ๆ เขียน ๆ งานของตัวเองอยู่ตรงโต๊ะอาหารภายในครัว กรอบแว่นหนาของเค้าไม่สามารถบทบังแววตาระยิบระยับปี่ยมสุขคู่นั้นได้เลย เสียงจากเกมส์เพลย์ที่เมื่อก่อนเคยคิดว่ามันน่ารำคาญ แต่วันนี้ กลับฟังดูเพลิน ๆ ดีซะอีก

“ทำมัยออมม่าชอบทำงานในครัวจัง” จอนจินเดินฉีกยิ้มมาแต่ไกล

“ทำมัยน่ะเหรอ คงเพราะหยิบอะไรเข้าปากได้ง่ายมั้ง”

“แค่นี้น่ะเหรอ”

“และชั้นก็ชอบกลิ่นห้องครัวน่ะ ไม่รู้สิ นายมีอะไรรึเปล่า เบื่อเล่นเกมส์แล้วเหรอ”

“เปล่าหรอกฮะ แค่เดินเข้ามาดู” จอนจินทรุดตัวลงนั่งยังเก้าอี้ตัวข้าง ๆ กัน ใช้มือท้าวคางมองดูหน้าของคนที่กำลังตั้งใจทำงานอยู่(รึเปล่า) อย่างขะมักเขม้น

“ออมม่าต้องหอบงานกลับมาทำทุกวัน เพราะผมใช่มั้ยเนี๊ยะ”

“ก็ใช่น่ะสิ นายน่ะสำนึกไว้เลยนะ นายติดหนี้ชั้น ทำให้ชั้นต้องลำบาก”

“โอเคฮะ ผมจะสำนึกไว้ตลอดเวลา ผมมาทำให้ออมม่าเหนื่อย” สีหน้าและน้ำเสียงงอล ๆ นั้น ทำเอาเฮซองต้องอมยิ้ม

“ชั้นพูดเล่นหรอกน๊า ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอก ...ว่าแต่อยากออกไปไหนมั้ย”

“ไม่ฮะ แต่อยากทำอย่างอื่น”

“ทำไร บ้าเหรอ”

“ออมม่าคิดไรอยู่อ่ะ แน่ะ หน้าแดงด้วย หื่นนี่น่า ผมหมายถึงอยากให้ออมม่าไปนั่งดูหนังด้วยกันน่ะ ”

เฮ่อ! โล่งอก นึกว่าอะไร เฮซองคิดไปไกลไหนถึงไหนแล้ว จะโกหกไปได้งัยว่าไม่ได้คิดอะไร ก็ตอนนี้สีหน้ามันฟ้องซะขนาดนี้ แดงเป็นตำลึงสุกเลย

“ดูหนังเหรอ ก็ดี แต่ว่าพรุ่งนี้ชั้นคงต้องเข้าบริษัทไปเคลียร์งานซักหน่อย นายอยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย”

“ได้ฮะ งั้นป่ะ เดี๋ยวผมอุ้ม ออมม่าเหนื่อยกะงานมาทั้งวันแล้ว”

“เฮ้ย ไม่ต้องแค่นี้เอง จะบ้าเหรอ เดินไปได้”

“ไม่เป็นไร น๊า อยากช่วยจริง ๆ” ว่าแล้วจอนจินก็รวบเอาร่างอีกคนขึ้นอุ้มเดินไปยังหน้าทีวีทั้ง ๆ ที่ร่างนั้นยังดิ้นพลั่ด ๆ อยู่ในวงแขนเค้า

“เดี๋ยวก็หลุดมือหรอก อย่าดิ้นสิ”

“เฮ้ย! ทีวีอยู่โน่น เดินเลยแล้ว ไหนว่าจะไปดูทีวีงัย มาที่ห้องทำมัยอ่ะ ปล่อยสิจอนจิน”

“ในห้องก็มีทีวีฮะ ไปดูในห้องก็ได้”


สรุป สุดท้ายไม่รู้ว่าหายไปดูทีวีกันอิท่าไหน แต่ซักพัก เฮซองก็อาบน้ำอีกเป็นรอบที่ 2 ของวันนี้

...

ร้านอาหารญี่ปุ่น ในบรรยากาศสบาย ๆ

“มินอู!!!!!! คุณลองพูดช้า ๆ อีกทีซิ”

“ผม-บอก-ว่า-แอนดี้-กะ-เอริค-น่ะ- รัก-กัน” มินอูพูดเสียงเรียบช้าๆ ทีละคำ พลางจิบน้ำชาข้าปากหน้าตาเฉย ไม่รู้ว่าซื่อหรือต้องการกวนอวัยวะเบื้องล่างของอีกคนกันแน่ ทำเอาดงวานต้องเหลือบตามมองอย่างระอา
..
..

((แอนดี้กับเอริครักกัน ตายละวา เพื่อนชั้น เฮซองรักจอนจิน แต่จอนจินแอบรักแอนดี้ แล้วแอนดี้ดันรักอยู่กะเอริค โอ้ว นี่มันเรื่องอะไรกันเนี๊ยะ))

“หมอ ๆ ๆ เป็นไรไปครับ ช็อคเลยเหรอ” มินอูเขย่าแขนดงวานเบา ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปนาน

“แล้วแผนของคุณล่ะครับ แผนเอาตัวจอนจินออกมาน่ะ”

“ผมกำลังคิด ว่ามันพอจะมีทางไหนบ้างที่ทำให้คนความจำเสื่อมกลับฟื้นความจำขึ้นมาได้ เช่น จำเป็นมั้ยที่เค้าจะต้องได้รับความกระทบกระเทือนหรือตกใจสุดขีดอีกครั้ง”

“นั่นก็ใช่ครับ และก็ยังมีอีกหลายอย่าง ว่าแต่คุณจะทำอะไรเหรอ อย่าบอกนะว่า...”

“บางทีผมคิดว่าอาจจะต้องแกล้งขับรถชนเค้าอีกครั้ง หรือทำอะไรให้เค้าตกใจอีกซักหน เอาแบบให้เฮซองเห็นด้วยน่ะ เค้าจะได้ไม่สงสัยอะไร”
..
..

“ตอนนี้ผมก็ชักไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเฮซองยังต้องการให้จอนจินหายเป็นปกติหรือเปล่า” เหมือนจะเป็นคำละเมอออกมาจากปากของดงวานมากกว่า แต่มันก็ทำเอาอีกคนแปลกใจ

“หมอว่าเฮซองไม่ต้องการให้จินนี่มันหาย ทำมัยล่ะครับ”

“เอ่อ คือเปล่าหรอกครับไม่มีอะไร” ดงวานยิ้มกลบเกลื่อน เกือบแย่แล้วมั้ยล่ะ

“ว่าแต่แผนของคุณน่ะ เป็นงัยครับ”

“โธ่ ๆ ๆ ๆ หมอคร้าบบบ จะรีบไปไหนเวลาถมถืด ทานก่อนเถอะ ราเม็งหมอเย็นหมดและ” มินอูจัดแจงหยิบตะเกียบ เลื่อนชามราเม็งไปตรงหน้าอีกคนอย่างเอาใจใส่

“ไหนบอกว่าเอริคจะมางัยครับ”

“คงค่ำ ๆ น่ะ ตอนนี้หมอนั่นคงมีภารกิจ”

“อ่าว แล้วคุณล่ะ ไม่ทานเหรอ”

“ทานอาหารเย็นมันทำให้อ้วนน่ะฮะ ผมกำลังฟิตหุ่นไปประกวดชายกล้ามงามอยู่ แค่เห็นหมอทานเยอะ ๆ ผมก็อิ่มและ”

ดงวานได้แต่ก้มหน้าลงจัดการราเมงของตัวเองเงียบ ๆ เค้าชักเริ่มชินกะคำพูดและรอยยิ้มตาหยีของอีกคนซะละ
...
..

ผ่านไปนานนนนน.. กระทั่งได้เวลาที่เจ้าชายเสด็จซะที

“ไอ่มิน รอนานมั้ย”

“ไม่นาน แค่หมอกินราเมงหมดไป 3 ชาม ส่วนชั้น ซดน้ำชาหมดไป 4 ถ้วย เข้าห้องน้ำแล้ว 3 ครั้ง และกำลังจะย้ายก้นออกไปจากร้านนี้ซะที ก็เท่านั้น” มินอูมองหน้าเพื่อนอย่างเคือง ๆ เอริคน่ะ มันไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรอก เพราะปกติมันไม่ค่อยจะสะกดคำว่า “มารยาท” เป็นอยู่แล้ว

“ขอโทษคุณหมอจริง ๆ ครับ พอดีว่ามีงานด่วนที่บริษัทนิดหน่อย ” เอริคละสายตาจากไปหน้าดุ ๆ ของมินอูอย่างไม่สนใจยัยดี แต่หันไปขอโทษดงวานแทน

“ไม่เป็นไรหรอกฮะ” หมอพูดยิ้ม ๆ “ ถ้าคุณเอริคยังไม่มา ผมก็กะว่าจะสั่งราเมงอีกชาม”

“งานด่วนเนี๊ยะอ่ะนะ แน่ะ ๆ ๆ แหลจิง ๆ นะเมิง” มินอูยังคงตั้งหน้าตั้งตาแขวะเพื่อนต่อ

“เข้าเรื่องดีกว่ารอกันนานและนี่ มีไรว่ามา”

“ความจริงแล้วเรื่องนี้มันก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับนายเท่าไหร่หรอก เพราะว่านายก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวแต่แรกอยู่แล้ว”

“ก็ใช่น่ะสิ ทุกอย่าง นายกะไอ่จินนี่วางแผนกันเองทั้งนั้น”

“แต่เพราะว่าตอนนี้นายดันเข้ามาอยู่ในสมการรักของครอบครัวนี้ด้วย ฉะนั้น ชั้นก็เลยเรียกนายมาเพื่อรับรู้ไว้ เผื่อว่าวันใดวันหนึ่ง แอนดี้เกิดรู้ว่าจอนจินเป็นน้องชายนาย นายจะได้ไหลไปอย่างถูกต้อง ไม่ดูน่าสงสัย”

อืม ไม่บ่อยแหะ ที่เอริคจะคิดว่าเพื่อนคนนี้ มันก็ดูน่าทึ่งอยู่เหมือนกัน

“นี่ถ้าเฮซองกับแอนดี้รู้ว่าผมร่วมมือกับพวกคุณหลอกเค้านะ สงสัยผมคงโดนฆ่า” ดงวานทำหน้าเจื่อน ๆ

“ไม่เป็นไรหรอกฮะหมอ ถ้าถึงวันนั้น ผมจะปกป้องหมอเอง”

((แกรก็เหอะมินอู อย่าหวังว่าจะรอดชีวิต ยังจะไม่รู้ตัวอีก)) ดงวานคิดในใจอีกแล้ว

“เออ แล้วตกลงจะเอางัย จะบอกได้ยังเนี๊ยะ” เอริคนั่งมองมินอูที่ยิ้มหวานให้หมออยู่นานสองนานจนชักเริ่มคันไม้คันมือ อยากเอื้อมไปตบหัวให้ซักป้าบ

“แหมไอ่ริค ชั้นรอแกตั้งนานยังรอได้ แกรอแค่นี้ทำเป็นบ่น”
..
..
“ความจริงมันก็ไม่มีไรมาก ก็แค่เล่นตามแผนเดิม ก็เท่านั้นเอง”

“แผนเดิมเหรอ” ดงวานกับเอริคได้แต่มองหน้ากันงง ๆ ก่อนจะหันไปยังหน้าของอีกคนที่ตอนนี้ได้แต่นั่งยิ้มกับถ้วยชาคนเดียว

“ช่ายและ แผนเดิมแป๊ะ ๆ”
....
..
.
..................


จอนจินเดินวนไปวนมาอยู่บริเวณสนามหน้าบ้านอยู่นานสองนาน คอที่ชะเง้อไปยังรั้วหน้าบ้านบ่อย ๆ จนมันแทบจะยาวเป็นยีราฟเข้าไปทุกที เค้ามายืนตรงนี้ เพื่อที่จะดักรอแอนดี้ ยังมีปัญหาอีกอย่างที่มันยังไม่ได้เคลียร์ให้จบซะที ตอนนี้เฮซองยังคงสาระวนกับการทำกับข้าวอยู่ในครัว ห่วงแต่ว่าแอนดี้จะกลับดึกเหมือนทุก ๆ วันรึเปล่า ขออย่าเป็นงั้นเลย

แล้วก็ไม่ผิดหวัง แอนดี้เปิดประตูรั้วเข้ามา แต่เพียงเห็นแค่หน้าจอนจินที่ยืนรออยู่ ทำเอาคนอีกคนต้องก้มหน้าก้มตารีบสาวเท้าเข้าบ้านโดยเร็ว


“แอนดี้ เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหน คุยกันก่อน” จอนจินรีบฉุดมือนั้นไว้ได้ทันก่อนที่อีกคนจะเดินผ่านเค้าไป

“คุยอะไรฮะ ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่หรอก”

“ถ้าไม่มีอะไรจะคุย งั้นก็แค่ฟัง ขอร้อง แค่ฟัง”

“ผมไม่อยากฟังอะไรด้วย” แอนดี้ยังคงออกแรงดึงมือของตัวเองกลับมา ยื้อยุดกันอยู่อย่างนั้น

“นายอยากให้ออมม่ารู้เหรอ ว่าชั้นจูบนาย เอามั้ย ชั้นจะได้เดินเข้าไปบอกเค้าเดี๋ยวนี้แหละ”

ได้ผล แอนดี้นิ่งลงแล้ว

“งั้นพี่มีอะไรก็รีบพูดมา” แม้จะยอมแต่โดยดี แต่ยังคงมีอาการไม่พอใจในน้ำเสียงนั้นปรากฎอยู่

“ชั้นขอโทษ แต่นายอย่าหลบหน้าชั้นสิ เรามาเป็นเหมือนเดิมกันได้มั้ย ยิ่งนายเป็นอย่างนี้ ชั้นยิ่งรู้สึกผิด” สีหน้าเซียว ๆ สำนึกผิดของจอนจิน เริ่มทำให้แอนดี้ใจอ่อนขึ้นบ้างแล้ว

“ผมเปล่าโกรธพี่นะ ผมรู้ว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจ”

“แล้วนายจะหลบหน้าชั้นทำมัย นายจงใจกลับบ้านดึก ๆ ทุกคืนเพราะไม่อยากเจอชั้น ไม่ใช่เหรอ”


..
..

“ก็.. ก็ผมเขินนี่น่า อยู่ดี ๆ ใครใช้ให้พี่มาจูบผมกันเล่า” แอนดี้เงยหน้าที่เริ่มแดงระเรื่อขึ้นมองอีกคนที่ยังคงจับแขนเค้าไว้ด้วยสายตาค้อน ๆ

“เอาเป็นว่าชั้นสัญญาว่าต่อไปมันจะไม่เกิดขึ้นอีก ยกโทษให้ชั้นเถอะ เรามาดีกันนะ โอเคมั้ย” จอนจินปล่อยแขนของแอนดี้ให้เป็นอิสระ ก่อนยื่นนิ้วก้อยของเค้าออกไปตรงหน้าของอีกคน

“เป็นเพราะว่าผมน่ารักเกินไป ใช่มั้ยฮะ”

“ห๋า! เอ่อ .อืม .. อันนั้นก็ใช่” แล้วก็ไม่อยากจะบอกว่า เพราะไอ่หน้าทะเล้น ๆ แบบตอนนี้ด้วยนี่แหละ

“งั้นมันก็ไม่ใช่ความผิดของพี่จินซะทีเดียวหรอก ทำงัยได้ เอาเป็นว่าผมหายโกรธแล้วก็ได้ ดีมั้ย แล้วเราก็จะลืมเรื่องนี้กัน” ว่าแล้วก็ยื่นนิ้วก้อยตัวเองไปเกี่ยวกะนิ้วก้อยของอีกคนที่ยังคงค้างไว้ตั้งแต่เมื่อครู่ พลางยิ้มสดใสให้อีกฝ่าย

“เข้าบ้านเหอะฮะ พี่เฮซองทำไรอยู่ไม่รู้”

“อืม”

จอนจินยืนมองด้านหลังของแอนดี้ที่หมุนตัวเดินเข้าบ้านไปแล้ว รอยยิ้มที่ยังคงทิ้งร่องรอยไว้ตรงนั้น แววตาใส ๆ คู่นั้น มันสร้างความสุขขึ้นลึก ๆ ในใจ ได้ทุกทีสิน่า

นานแค่ไหนและนะ ตั้งแต่วันแรกบนเครื่องบิน จนตลอดเวลาเกือบเดือนที่เค้าแอบเฝ้าติดตาม และกระทั่งวันที่ได้เข้ามาอยู่บ้านเดียวกัน เค้าได้แต่หวังที่จะครอบครองรอยยิ้มนั้นไว้แต่เพียงผู้เดียว อุตส่าห์กระทั่งลงทุนทำทุกสิ่งทุกอย่าง แต่สงสัยว่าแอนดี้คงไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นของเค้าซะล่ะมั้ง เฮ้อ!!! คิดแล้วก็เหมือนเด็กโดนขัดใจ ได้แต่ยืนน้ำลายไหลมองของเล่นในตู้กระจก แต่ไม่สามารถซื้อมาเป็นของตัวเองได้

กลิ่นหอมของอาหารที่ลอยมาแตะจมูก ทำเอากระเพาะของจอนจินเริ่มปั่นป่วน เค้าสะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดบ้า ๆ ยุ่งเหยิงของตัวเองออกไปก่อนเดินตามแอนดี้เข้าบ้าน


....



หลังอาหารมื้อเย็น จากปกติที่หน้าจอทีวีตรงนี้ต้องมี 2 ชีวิตนั่งประหัตประหารกันด้วยเกมส์อย่างเมามันส์ แต่วันนี้แอนดี้กลับวิ่งจู๊ดเข้าห้องไปหลังจากเสียงมือถือของตัวเองดังขึ้น ซึ่งก็เท่ากับว่าเป็นการเปิดทางสะดวกให้กับอีก 2 ชีวิตที่เหลือได้นั่งซุกตัวกันบนโซฟาอุ่นหน้าจอทีวีได้อย่างสะดวกหน่อย

“นอนเหอะ ดึกแล้ว” เฮซองสะกิดคนที่ทำท่าจะหลับคาตักเค้าให้ลุกขึ้น

“ออมม่าไม่นอนด้วยกันเหรอ”

“บ้าเหรอ แอนดี้ก็อยู่” จอนจินลุกขึ้นอย่างว่าง่าย สีหน้าขัดใจนิดหน่อย ก่อนเดินลากเท้าขึ้นห้องไป

“ไม่จริง ๆ น่ะเหรอฮะ” แน่ะ ยังมีหันมาถาม ทำตาละห้อยอีกต่างหาก

“อืม .. ไม่จริง ๆ”

เฮซองจัดแจงปิดทีวี แล้วก็ลุกตามคนที่เดินคอตกไปตะกี๊ เค้าหายกลับเข้าห้องของตัวเองไป แล้วกลับออกมาใหม่พร้อมหอบเอาชุดนอนของตัวเองที่ซักรีดเรียบร้อยเดินไปให้จอนจินที่ห้อง เสียงเคาะประดูแต่ไร้การตอบกลับอยู่ซักพัก จึงถือวิสาสะผลักประตูเข้าไป จอนจินคงอาบน้ำอยู่ เฮซองวางชุดนอนของเค้าลงบนที่นอน ก่อนเดินไปหยุดตรงหน้าห้องน้ำ

“จอนจิน ชั้นวางชุดนอนไว้ให้นายบนเตียงแล้วนะ”

“คร้าบบบบบบบบบบบ”

เมื่อได้ยินเสียงตอบรับว่าคนด้านในคงรู้แล้วก็หมุนตัวกลับ แต่ก่อนจะก้าวผ่านเตียงที่ตนเองวางชุดนอนไว้เมื่อกี๊ พลันสายตากลับปะทะเข้ากับสิ่งๆ หนึ่ง หัวคิ้วขมวดกันให้ยุ่งเพราะความสงสัย ก่อนเดินไปยังวัตถุประหลาดนั่น

ใต้หมอนของจอนจิน เฮซองคว้าเอาบางอย่างที่สะดุดตาออกมา


“มือถืองั้นเหรอ” ปากบาง ๆ พึมพำอย่างอดสงสัยไม่ได้

“ไม่เห็นจอนจินจะเคยบอกว่าเค้ามีมือถือ”

ใจหนึ่ง คิดที่จะเดินกลับไปยังประตูห้องน้ำ แล้วตะโกนถามอีกคน แต่อีกใจที่ยังคงสงสัยอะไรบางอย่าง กลับกดปุ่มเปิดโทรศัพท์เครื่องบางสีดำนั้น รออยู่ซักครู่ แล้วหน้าจอก็สว่างขึ้น แต่สิ่งที่เห็นทำเอาหัวใจเต้นแรงเข้าไปอีก..

“แอนดี้??? ทำมัย ภาพหน้าจอโทรศัพท์ถึงเป็นหน้าแอนดี้” เค้ายังคงบ่นพึมพำกับตัวเอง หัวสมองเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก

และที่ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากภาพแอนดี้ ยังมีข้อความค้างในเครื่องอีกหลายข้อความ
เฮซองชั่งใจอยู่ซักครู่ เหลือบมองไปยังห้องน้ำ เสียงน้ำที่ยังไหลซู่ บ่งบอกให้รู้ว่าอีกคนในนั้นคงกำลังเพลินกับการอาบน้ำอยู่

มือที่ยังคงจับโทรศัพท์ เริ่มสั่น เค้าเลือกที่จะกดเปิดข้อความเหล่านั้นขึ้นมาอ่าน ทีละข้อความ ทีละข้อความด้วยใจระทึก ...

ข้อความแรก
[ โทรกลับหาชั้นด้วย ---เอริค ] “เอริคงั้นเหรอ”

ข้อความต่อมา
[ ทำมัยหายไปเลย โทรหาด้วย --- มินอู] “มินอู????”

ข้อความถัดมา ส่งมาเมื่อคืน
[ แผนเรียบร้อยแล้ว ถ้าเห็นแมสเสจนี้ โทรกลับหาด่วน ---มินอู ] “แผน??? นี่มันอะไรกัน”

“มินอู เอริค” ชื่ออันคุ้นแสนคุ้น แต่นึกยังงัยก็นึกไม่ออก

“แผน แล้วแผนอะไร??”

ตอนนี้ในหัวแทบระเบิดตัวเอง ไม่เข้าใจ สงสัย สับสน อารมณ์ตอนนี้มันปะปนจนแยกแทบไม่ออก

เสียงฝักบัวเงียบลงแล้ว เฮซองทรุดตัวลงนั่งบนขอบเตียง หลับตานิ่ง ๆ อยู่ตรงนั้น รอคอยเวลาที่จะเอ่ยถามบางคนให้แน่ใจ เค้าเก็บมือถือนั่น ซ่อนมันไว้ในกระเป๋าเสื้อทันทีที่อีกคนเปิดประตูห้องน้ำออกมา

“อ่าว ออมม่า ตกลงว่านอนกับผมใช่มั้ย ดีจัง” จอนจินเดินยิ้มแป้นออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวอวดหุ่นกำยำที่ยังคงมีน้ำเกาะพราวทั้งตัว หากปกติ มันคงทำให้เฮซองหน้าแดงไปแล้ว แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่อย่างนั้น..

“ออมม่า เป็นอะไรฮะ ทำมัยเงียบ”

“แต่งตัวซะ แล้วไปคุยกับชั้นที่ระเบียงหน่อย” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไป ไม่แม้แต่จะหันมองมามองหน้าอีกคน

“ออมม่าฮะ เดี๋ยวสิ” ..

…

ลมภายนอกระเบียงยังคงพัดเย็น อากาศสบาย ๆ ไม่ต่างจากทุกวัน เพียงแต่วันนี้ ทำมัยมันถึงหนาวจับขั้วหัวใจได้ขนาดนี้นะ

ระหว่างนั่งรอจอนจิน อารมณ์อยากรู้อยากเห็นที่มันท้วมท้น มือที่ยังกำแน่นอยู่กับอุปกรณ์สื่อสารเครื่องเล็กนั่น ยังคงมีอาการสั่น ๆ จนยากจะบังคับ เค้าตัดสินใจเลือกกดโทรศัพท์ยังเบอร์ใครซักคน ใครก็ได้ ที่พอจะอธิบายเรื่องต่าง ๆ ให้เค้ากระจ่างซะที


กว่าจะมีเสียงรับสาย หัวใจเค้ากลับเต้นโครมครามจนน่ากลัวว่ามันจะทะลุออกมาด้านนอกแล้วจริง ๆ

(ฮัลโหล จินนี่ ทำมัยเพิ่งโทรมา ชั้นรอนายตั้งนานและนะ นายดีใจได้แล้ว ตอนนี้ชั้นคิดแผนพาตัวนายออกมาสำเร็จและ รอแค่นัดวันเวลาเท่านั้นแหละ)

“...”

(อ่าว ไอ่นี่ จะเงียบทำมัยวะ เป็นไรไปอีก แอนดี้โกรธเอาอีกล่ะซิ)

เฮซองกดปิดโทรศัพท์นั้นทันที ถึงแม้ว่าในหัวเค้าตอนนี้จะมีเครื่องหมายคำถามในหัวเต็มไปหมด แต่เอาเข้าจริง เค้าเองก็ไม่แน่ใจตัวเองเท่าไหร่ ว่าเค้าอยากที่จะรับรู้มันมั้ย

“แผนพาตัวออกมา , แอนดี้ล่ะ แอนดี้มาเกี่ยวอะไรด้วย”

“ออมม่ามีไรเหรอฮะ” จอนจินที่อยู่ในชุดนอนเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามา ทำให้เฮซองต้องรีบซ่อนมือถือนั่นไว้ข้างหลังอีกครั้ง

“นั่งสิ”
…
..
.
“นายเริ่มจำอะไรได้บ้างรึยังจอนจิน” แค่เพียงเริ่มต้นสนทนา จอนจินก็เริ่มจะเห็นเค้าลางไม่ดีอยู่ตรงหน้าเค้าแล้ว

“ทำมัยเหรอฮะ ออมม่าเริ่มเบื่อผมแล้วใช่มั้ย”

“บอกมาเถอะ ตอนนี้เป็นงัยมั่ง” สีหน้าแววตาที่ยังฉายแววเศร้าสร้อย เริ่มทำให้จอนจินสงสัยในพฤติกรรมนั้น

“ก็ยังหรอกฮะ แต่มันก็เริ่มคลับคล้ายคลับคลาอะไรบ้างแล้ว ออมม่าเป็นไรไปรึเปล่า สีหน้าไม่ดีเลย”

…
..
.

..
“ชั้นถามนายจริง ๆ อย่าโกหกซักครั้งจะได้มั้ย ความจริงแล้ว นาย... นายไม่ได้ความจำเสื่อม .. ใช่มั้ย????”

..
..
.

“ออมม่า!!!! ” จอนจินชะงักไปชั่วขณะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น เค้าเองก็ยังคงสับสน ทำมัย???

“บอกมาสิ ว่าเรื่องทั้งหมดนี่ มันเป็นแผนของนาย”

“เอ่อ .. อะไรทำให้ออมม่าคิดอย่างนั้นล่ะฮะ”

แล้วคำถามของจอนจินก็ได้รับคำตอบโดยไม่ต้องรอนาน

“เอาคืนไปสิ มือถือของนายไม่ใช่เหรอ”

เฮซองยื่นมือถือไปตรงหน้าอีกฝ่าย จอนจินพอจะเข้าใจอะไรขึ้นมามั่งแล้ว เค้าเอื้อมมือไปรับมันมา ตอนนี้หน้าจอที่เคยปิดสนิท กลับสว่างขึ้น คงเป็นเฮซองที่เปิดมัน แล้วภาพนั่น เค้าจะบอกคนตรงหน้ายังงัยเล่า จะพูดยังงัยว่าเค้าวางแผนเข้ามาที่บ้านหลังนี้เพื่อต้องการใกล้ชิดแอนดี้ จะพูดออกไปยังงัย



“เอาเป็นว่า แม้ชั้นจะอยากรู้อะไรมากมายแค่ไหน แต่ชั้นจะไม่ถามนายแล้วกัน แต่..นับจากวันนี้ เราคงไม่ต้องเจอกันอีกแล้ว”

น้ำเสียงเรียบ ๆ แฝงไปด้วยความเย็นชานั้น มันทำเอาอีกคนแทบจะหยุดหายใจอยู่กับที่ เค้าอยากให้เฮซองตะโกนใส่เค้า เอะอะโวยวายเหมือนวันแรกที่เจอกันมากกว่าเฮซองที่นิ่งเฉย และเงียบขรึมคนนี้ เพราะความเงียบ มันทำให้เค้ากลัวจับใจ


…
..

.....

สายลมยังพัดเย็นฉ่ำ แต่จอนจินกลับรู้สึกว่าหัวใจเค้าร้อนรุ่มเหลือเกิน หัวสมองที่กำลังคิดหาคำพูดอะไรซักคำที่สามารถคลายบรรยากาศอึดอัดนี้ออกไปซะที แต่ดูว่ายิ่งคิด มันก็ยิ่งเป็นการโกหกเข้าไปอีกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

.
..

“ออมม่าฮะ อย่าทำอย่างนี้เลย ... อย่าเป็นอย่างนี้นะฮะ ผมขอร้อง ออมม่าด่าผมสิ ว่าผมแรง ๆ ก็ได้ ผมจะไม่โกรธซักนิด เพราะผม ... ทุกอย่างเป็นเพราะผมคนเดียว”

“สำหรับนายแล้ว ชั้นเป็นอะไรเหรอจอนจิน”

“... สำหรับผม....”

จอนจินอึ้ง... เค้าจะตอบไปได้ยังงัยในเมื่อเค้าเองยังไม่แน่ใจตัวเอง เฮซองเป็นอะไร คนรักงั้นเหรอ หรือแค่อยู่ใกล้แล้วรู้สึกดี หรือเป็นแค่คนที่เค้ามีความสัมพันธ์ด้วย มันคืออะไร??????????

“เรื่องคืนนั้น ชั้นเป็นคนเริ่มมันก่อนทั้งหมด ฉะนั้น นายไม่จำเป็นต้องแบกรับหรือรู้สึกผิดอะไรเลย”


“ออมม่าฟังผมก่อนสิฮะ”

“และอีกอย่าง นับแต่นี้ต่อไป ชั้นไม่อนุญาตให้นายเรียกชั้นว่าออมม่าอีกแล้ว”

“แต่ ..”

“หวังว่าเช้ามา ชั้นคงไม่เห็นหน้านายในบ้านหลังนี้อีกต่อไป” แม้อยากจะลืมภาพวันนั้นไปแค่ไหน แม้อยากจะลบมันออกไปแทบขาดใจ แต่หัวสมองมันก็คิดถึงแต่เรื่องวันนั้นขึ้นมาแทบตลอดเวลา เค้าก็เริ่มรู้สึกว่ามันผิด มันผิดมาแต่แรก มันผิดที่เค้า วันนั้นหากเพียงแต่เค้าไม่เมา หรือเค้าระงับยับยั้งใจตัวเองได้ มันคงไม่เป็นแบบนี้ และสุดท้าย เค้าก็ได้ลิ้มรสกับความผิดพลาดนั้นจนได้










Create Date : 08 สิงหาคม 2551
Last Update : 14 สิงหาคม 2551 0:53:17 น. 18 comments
Counter : 698 Pageviews.

 
อืมมมมม พูดไม่ออกเลยวุ๊ย

“นายอยากให้ออมม่ารู้เหรอ ว่าชั้นจูบนาย เอามั้ย ชั้นจะได้เดินเข้าไปบอกเค้าเดี๋ยวนี้แหละ” // ไอ่ใจร้ายยยยย ปู้ชายนิสัยไม่ดี

นับจากวันนี้ เราคงไม่ต้องเจอกันอีกแล้ว” // โอยเจ็บปวด!!
อ๊ากกกกก สมควรโดน

ออมม่านิ่งมากอ่ะ นิ่งจนดูน่ากลัว จิงๆแล้วออมม่าโทษตัวเองที่เปนคนเริ่มก่อนก็ไม่ถูกนะฮะ
เพราะออมม่าเมา + อารมย์รักรัญจวน การยับยั้งชั่งใจจึงมีน้อยนิด แต่คนที่มีสติจิ แทนที่จะยับยั้ง แต่กลับเตลิดแถมนำไปไกลริบลับ


ตอนแรกนึกว่าสวรรค์น้อยๆของแม่ลูกตระกูลนกจะยาวนานกว่านี้ (แบบว่าตรูยังไม่หนำใจ 555) แระต่อไปอิลูกจะแก้ไขไงอ่ะ หมอยิ่งน้อยๆอยู่ จะเดินโซซัดโซเซออกจากบ้านแต่โดยดี รึจะแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง (คงไม่เพราะมีที่ปรึกษาชิมิ) แล้วใจตัวเองหล่ะ รัก ชอบ หลง แยกแยะออกมั้ย รู้ใจตัวเองมั้ยว๊า ว่าจะเดินไปหาใคร

ปล. ยาวไปนี๊ด เหอๆๆ รูปนี้ร่าสวยมากเลยอ่ะ มองหน้าออมม่าจิ๊แล้วงี๊หอยจะเดินไปเฉยๆเหรอฮะ


โดย: Tom & Jinny วันที่: 8 สิงหาคม 2551 เวลา:22:48:01 น.  

 
ถ้าเค้าเปนพี่ซาร่าเค้าก้อคงเศร้าเหมือนกันแน่เลย
ยิ่งรูปพี่ซาร่ารูปนี้เข้ากะฟิคมาก อ่านไปมองไป ดูหน้าพี่ซาร่าเศร้าเชียว ลูกนกใจร้าย นิสัยไม่ดีอ่ะ T T

ปูลู..เค้าว่าเค้าอินแล้วนะ แต่คนข้างบนสงสัยอินกว่าเค้าอีก 555 (ล้อเล่นน้าค้าบบ..พี่ทอม ^ ^)


โดย: Bowiie IP: 58.64.81.162 วันที่: 8 สิงหาคม 2551 เวลา:23:08:20 น.  

 
ได้อ่าน FIC ตอน 6 แบบทันใจเลย แต่มัยมันเริ่มเศร้าซะแล้ววว หวีดๆ แป๊ปเดียวเอง แม่นกจะโกรธลูกนกนานมั๊ยอ่ะ แง้ววว ลุ้นๆๆ

ชอบรูปแม่นกรูปนี้เหมือนกันอ่ะ เข้ากับ FIC เลยดี แบบอ่าน FIC ไปดูหน้าแม่นกไป คนอะไรสวยเจงๆ (ว่าแต่นึกถึงลูกนกทีไร หงัยความคิดพี่เก๋ผุดแต่รูปลูกนก 6 pack ซะงั้น )


โดย: kayzila IP: 124.120.148.36 วันที่: 8 สิงหาคม 2551 เวลา:23:33:29 น.  

 
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย
สงสารๆๆๆ สงสารคนชื่อซองค่ะ
เศร้าๆๆๆ

แอบฮามุขลุงกินราเมง อิอิ


โดย: Keiropi IP: 125.26.123.40 วันที่: 9 สิงหาคม 2551 เวลา:1:09:44 น.  

 
ป๋ามีความสุขจริงๆ (รู้สึกหมั่นใส้นิดๆๆ)
สงสารแม่นกจังเลย มารู้ว่าถูกลูกนกหลอกก็รักลูกนกซะแล้ว แล้วที่ปรึกษาของลูกนกจะช่วยแก้ปัญหาได้หรือเปล่า
ต้องติดตาม....

เป็นกำลังใจให้น้องพุดแต่งตอนต่อไปนะคะ



โดย: Pekkiokung IP: 58.8.93.191 วันที่: 9 สิงหาคม 2551 เวลา:1:10:54 น.  

 
อ้ากกกกกก
ทำไมๆ จินเห็นซองเป็นตัวอารายยย
ทำไมทำร้ายจิตใจกันแบบนี้
อ่านแล้วอินค่า
แล้วนี้ เฮียมินกะลุงจะมีบทบาทไรมากกว่าการติดต่อกันแบบนี้ไมคะ
5555

รอตอน 7 ด้วยใจระทึก


โดย: นุ้งนาเลือดพุ่ง IP: 124.120.40.253 วันที่: 9 สิงหาคม 2551 เวลา:1:22:11 น.  

 
หมั่นไส้ค่ะหมั่นไส้... (ไม่ค่อยอินเลยนะค่ะ อิอิ) หมั่นไส้คู่นั้นอะค่ะ หุหุหุหุ


ซองกิน่าสงสารมากกกกก แงแงแง
จินนี่ก็น่าสงสารนะค่ะ แต่ก็รู้อยู่แล้วถ้าเกินก่อเรื่องเองก็ต้องรับผิดชอบ แงแงแงแง



รอนะค่ะพี่พุดข๋า รอสองคนนี้คืนดีกัน หนูละอยากเห็นแม่นกมีความสุข ช้ำตลอดศกดีเชียวนะค่ะ แงแงแงแง



ปล. ชอบแบล็กกราวข้างหลังมากๆๆเลยะค่ะพี่พุดข๋า... ขออนุญาติเซฟนะค่ะ... อิอิ ขอบคุณค่า


มาต่อไว้ๆนะค่ะพี่ข๋า หนูปูเสื่อกินปูรอเลย อิอิ


โดย: praery_za IP: 58.10.170.172 วันที่: 9 สิงหาคม 2551 เวลา:2:28:15 น.  

 


กะซิก กะซิก

สงสารจินซอง

อ๊ากกกกก

จินง้อให้สำเร็จนะจ๊อยเอาใจช่วยย.......


โดย: จ๊อย.... IP: 222.123.185.160 วันที่: 9 สิงหาคม 2551 เวลา:10:48:24 น.  

 
สงสารซอง
ทั้งเศร้าที่โดนหลอก เศร้าที่รู้ว่าจินชอบดี้

สงสารจิน ไม่รู้ใจตัวเอง น่าจ๋งจ๋านๆ


โดย: เจ้านิ วันที่: 9 สิงหาคม 2551 เวลา:21:57:26 น.  

 
สงสารทั้งซอง ทั้งจินเลยอ่า...ง


เศร้าๆๆๆ


โดย: A IP: 58.9.49.128 วันที่: 9 สิงหาคม 2551 เวลา:23:38:50 น.  

 
เศร้าอ่ะ เห็นหน้าซองรูปนี้ยิ่งเศร้า
แต่พี่จะโรคจิตไปป่าว ยิ่งชอบอ่ะ อยากให้ลูกนกอยู่โหมดหาทางงอนง้อนาน ๆ หน่อย เพราะออมม่าเสียจายมาก ๆ จะหายงอนง่าย ๆ ไม่ดีนา

เอ แล้วป๋าจะโดนหางเลขไปด้วยมั้ยเนี่ย
แต่เชื่อว่าด้วยความสามารถของพี่เอ็ม จะต้องกอบกู้สถานการณ์มาได้แน่นอน

สนุกมากจ้า ชอบ ๆ


โดย: พี่อัน IP: 118.174.154.179 วันที่: 10 สิงหาคม 2551 เวลา:0:21:25 น.  

 
โกดนานๆ เลยนะออมม่า อยากจะรู้นักอิลูกนกมานจะหาทางง้อยังไง
ฟันเค้าซะเลือดโชกซ้ำซากขนาดน้าน ยังทำเป็นฉับฉนไม่รู้ความรู้สึกตัวเอง แหม่ๆๆ

ปล. อิตามินอูหยอดคุณหมอดงวานได้ตลอดเวลาสิน่า (เลี่ยนแต่น่ารักมากเรย กริ๊วววว)


โดย: duckie IP: 124.121.27.214 วันที่: 11 สิงหาคม 2551 เวลา:19:18:45 น.  

 
นึกว่าแผนจะไปได้สวยซะอีก

ในที่สุดก็โดนจับได้ (แอบสะใจเล็กๆที่เห็นคู่นี้งอนกัน...เหอๆๆ )

ปูเสื่อรอตอนหน้าด้วยใจจดจ่อ


โดย: พี่จิ๋วจิน IP: 117.47.167.78 วันที่: 12 สิงหาคม 2551 เวลา:8:48:13 น.  

 
อินมากค่ะพี่พุด


ชอบมินๆ55
ปากจัดได้จัยเอ๋มากกกก

กอริลล่า มีพัฒนาการ


ฉากริคดี้น่ารั๊กทุกฉาก
ส่วนจินซอง ทมัยสะเทือนใจยังเง๊

ชั้นควรจะสงสารแกมั้ยเนี่ย จินนี่??


โดย: sushilanla IP: 58.9.20.130 วันที่: 12 สิงหาคม 2551 เวลา:11:05:50 น.  

 
ตอนนี้มีครบทุกรสจริง ๆ สุข เศร้า เคล้าน้ำตา

อย่าโกรธนานน่ะออมม่า สงสารลูกนก


โดย: พี่นา IP: 203.150.219.196 วันที่: 13 สิงหาคม 2551 เวลา:10:55:28 น.  

 
น่าจ๋งจ๋านห้อยอ่ะ

ออมม่า อย่าโกรธนานนะฮะ


โดย: puppi วันที่: 13 สิงหาคม 2551 เวลา:18:45:52 น.  

 
ริคดี้ ริคดี้ ริคดี้
แต่เรื่องนี้แอบชอบซองด้วยที่เข้าหาจินนี่ก่อน (ฮ่าาา) มาต่อเร็วๆ น๊าาาา

ป.ล.เมื่อไหร่พุดจะแต่งฟิคให้เอ็มเป็นพระเอกจ๊ะ..พี่จะรอให้ถึงวันนั้น อิอิ


โดย: andybe IP: 58.9.206.7 วันที่: 13 สิงหาคม 2551 เวลา:21:30:45 น.  

 
เหอ..ลูกนกยักษ์..สมควรโดนแล้ว
เฮซองงี่ฝากสปินคิกใส่ซัก 10 ที


โดย: piyawan IP: 118.172.251.205 วันที่: 23 สิงหาคม 2551 เวลา:1:57:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พุดดิ้งของซอนโฮ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add พุดดิ้งของซอนโฮ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.