เอริคไปอเมริกาแล้ว แต่ละวันผ่านไปสำหรับแอนดี้ แม้จะพยายามทำสีหน้าและแสดงอาการอย่างปกติที่สุดเพียงใด แต่หัวใจมันกลับเหน็บหนาวและเหงาแปลก ๆ ทุกที ที่นอนเดิม ๆ กลับดูกว้างขึ้น โซฟาตัวยาว โต๊ะกินข้าว ระเบียงบ้าน มันช่างผิดที่ผิดทางไปซะหมด เวลาที่มีความสุขที่สุดของเค้า คือเวลาที่ได้คุยโทรศัพท์นาน ๆ กะเอริค เพราะนั่นเป็นเหมือนหยดน้ำเล็ก ๆ ที่พรมลงมาบนผืนทรายอันแห้งผาดในใจให้ชุ่มฉ่ำได้อย่างดีทีเดียว ซึ่งหากให้เดา ตอนนี้ค่าโทรศัพท์ข้ามประเทศของเอริค คงทะลุเพดานยิ่งกว่าราคาน้ำมันเป็นแน่ แต่วันก่อนตอนที่แอนดี้บ่น ๆ เรื่องนี้ ดงวานกลับบอกว่า ช่างมันสิ เอริคมันรวย - -แต่เรื่องดีที่เกิดขึ้นคือการทำงาน ดูจะไม่น่าเบื่อ เมื่อเหล่าสมาชิกก็ต่างพร้อมหน้ากันที่นี่บ่อย ๆ มินอูเป็น co-produce ในอัลบั้มของแอนดี้อัลบั้มนี้ แถมยังคอยเป็นที่ปรึกษาให้ในทุก ๆ เรื่อง ไหนจะฮเยซองที่ต้องตระเตรียมแผนงานสำหรับอัลบั้มที่ 3 ของตัวเอง โดยมีจอนจิน มาคอยให้กำลังใจและคอยรับใช้อยู่ไม่ห่างแทบทุกวัน ดงวานเอง ก็กำลังพิจารณาบทละครอีกซักเรื่องก่อนจะลงมือทำโซโล่อัลบั้มของเค้า แต่ก็ยังมีแวะเวียนมาหาคนอื่นอยู่บ่อย ๆ แอนดี้เดาเอาว่า ดงวานเอง ก็คงกลัวตัวเองจะเหงา ซึ่งน้ำใจของพี่ทุกคน แม้ไม่ได้แสดงออกมาเป็นคำพูด แต่มันล้วนปรากฏอยู่ในสายตาและการกระทำนั่นเองสัญญาที่เคยให้ไว้กับเอริค แม้จะพยายามกลืนเก็บน้ำตาไว้แค่ไหน แต่ยามไม่มีใครข้างตัวอย่างวันนี้ มันก็พาลจะล้นเอ่อออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ในห้องอัดเสียง ที่เคยเห็นเอริคใช้เป็นที่ทำงานบ่อยๆ บางทีก็นั่งทำหน้าเคร่งขรึมแต่งท่อนแร๊พ บางครั้งก็เดินไปเดินมา แกล้งคนโน้น เล่นกับคนนี้ บางครั้งก็หลับฟุบกับโต๊ะตัวยาว ภาพที่เอริคอัดเสียงทั้งที่ปากคาบพิซซ่าเดินไปเดินมา แค่นึกถึงตรงนี้ หัวใจมันก็โหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก แม้น้ำตาจะนองหน้า แต่รอยยิ้ม ก็กลับปรากฏประหนึ่งเห็นอีกคน ยืนยิ้มให้กับตัวเองตรงหน้าตอนนี้จริง ๆ หากแต่เพ่งมองอีกที มันก็มีแค่ความว่างเปล่าเหมือนเดิม จะเป็นไปได้งัย ในเมื่ออีกคน อยู่ไกลกันซะขนาดนั้น และก่อนที่หัวใจจะหดหู่ลงไปกว่านี้ เค้าเลือกที่จะลุกและเดินออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกดีกว่า แอนดี้ผลักประตูห้องนั่งเล่น เห็นฮเยซองกะจอนจิน จึงรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแอนดี้: อ่าว พี่ฮเยซองมาเมื่อไหร่ฮะฮเยซอง : ซักพักนึงและ เห็นนายนั่งทำงานอยู่ เลยไม่อยากรบกวนน่ะแอนดี้ : เหรอฮะ ฮเยซอง: งัย ซึมมาเชียว มานั่งนี่มาฮเยซองดึงมือแอนดี้ให้นั่งลงตรงข้าง ๆ ตนเอง พลางกอดบ่าและตบเบา ๆ เป็นการให้กำลังใจ เนื่องจากสีหน้าของน้องเล็กตอนนี้ มันดูเหมือนคนที่เข้าสู่โหมดเศร้าอีกแล้วฮเยซอง: มินอูบอกว่า อัลบั้มใกล้เสร็จและนี่แอนดี้: ฮะ เหลือนิดหน่อย ฮเยซอง: อืม ก็ดี เหนื่อยรึเปล่า ได้นอนมั่งมั้ยเนี๊ยะ หน้าเซียวเชียว หืม!แอนดี้: ก็ปกตินี่ฮะ หน้าตาผม มันก็ปรือแบบนี้เป็นธรรมชาติและแหละ แอนดี้ยิ้มน้อย ๆ ส่งให้ฮเยซอง ก่อนสายตาจะหันไปเห็นจอนจินหน้าทีวี ที่นั่งมองตัวเองกะฮเยซองตาขวาง ๆ ชอบกล อารมณ์อยากแกล้งคนที่นั่งคิ้วยุ่งไม่พูดไม่จา แอนดี้เลยใช้สองแขนของตัวเอง โอบรอบเอวฮเยซอง ซุกหน้าลงตรงอกส่งเสียงอ้อนให้จินหึงเล่นซะงั้นฮเยซอง: ทำไมเหรอแอนดี้ กอดแบบนี้จะเอาไรแอนดี้: พี่ฮะ วันนี้ไปดื่มกันที่บ้านนะ ไม่มีพี่เอริค บ้านมันเงียบชะมัดเลย นะฮะฮเยซอง: ได้สิ ไม่ได้ไปบ้านนายนานและเหมือนกันนะเนี๊ยะ จิน: แล้วชั้นล่ะแอนดี้แล้วลูกนกก็ลุกขึ้นจากหน้าจอทีวี เดินตรงมายังเก้าอี้ที่ทั้งคู่นั่งกอดกันอยู่ ออกแรงดึงแอนดี้ออกมาให้ไกลจากฮเยซอง ส่วนตัวเอง ก็ทรุดตัวแทรกลงไปนั่งแทนที่ จิน : นายไม่ชวนชั้นด้วยเหรอแอนดี้มองคนตรงหน้าแสดงปฏิกิริยาไม่พอใจตัวเอง ก็ได้แต่หัวเราะชอบใจ แอนดี้ : แหม! ก็ถ้าพี่ฮเยซองไป มีเหรอที่พี่จะไม่ไปอ่ะ เฮ้อ! ไปหาพี่มินอูดีกว่า เมื่อเริ่มสบายใจดีแล้วจากการได้แกล้งคน แอนดี้ก็เดินยิ้มออกไป ปล่อยให้จอนจินมองตามอย่างอาฆาตอยู่ตรงนั้น ฮเยซอง: หลังแอนดี้เหวะหวะหมดแล้วละมั้ง นายจ้องซะยังกะจะกินเลือดกินเนื้อน้องมันงั้นแหละ ฮเยซองพูดขำ ๆ ทำให้สายตาจอนจินที่มองตามร่างของแอนดี้อยู่ เปลี่ยนมาเป็นจ้องมาที่คนข้างๆ อีกคนทันที ฮเยซอง: มองงี้หมายความว่างัยอ่ะ เป็นไรอีกจิน: เปล่านี่ฮะว่าแล้วก็ทำสีหน้าเฉยฮเยซอง : ไม่มีอะไรงั้นก็ดีแล้ว ชั้นไปทำงานนะ นายนั่งเล่น ๆ อยู่ที่นี่ก็ได้ จิน: พี่ฮะ ฮเยซอง : ทำมัยเหรอจิน : เอ่อ ปล่าวฮะ ฮเยซองมองหน้าจอนจินงง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งจินให้นั่งหงอยเป็นลูกนกโดนแม่นกทิ้งซะงั้น .ฮเยซองเสร็จงานก็เมื่อเวลาไปค่ำแล้ว เค้าเดินออกมาจากห้องทำงาน ก็ไม่ปรากฏสิ่งมีชีวิตอื่นใดอยู่ซักคน ทั้งห้องนั่งเล่น และทั่วทั้งบริษัท โทรหาจอนจินก็ไม่รับ นี่คือสาเหตุที่ทำให้เค้าหงุดหงิดหัวใจอยู่ตอนนี้ รถคันหรู บึ่งจากที่ทำงานถึงบ้านแอนดี้ในเวลาอันสั้น หงุดหงิดในความเอาแต่ใจของอีกคนก็หงุดหงิด แต่อีกใจนึกเป็นห่วงมากกว่า จนต้องเหยียบคันเร่งซะมิด ทันทีที่ถึงบ้าน มีเพียงมินอูที่นั่งดูทีวีอยู่หน้าโซฟาตัวใหญ่ และแอนดี้ที่กำลังสาละวนทำกับข้าวอยู่ในครัวเท่านั้น ตาคู่สวย สอดส่ายสายตาหาคนรักอีกคน แต่ก็ไร้วี่แวว ฮเยซอง: มินอู เห็นจินมะ มินอู: เมื่อเย็นมันออกมากะดงวานน่ะ ก็นึกว่าจะมานี่ ลองโทรไปดูสิ บางทีไอ่ดงวานอาจชวนไปซื้อของฮเยซอง : ก็โทรแล้วไม่รับ มินอู: ไอ่จินนี่ไม่รับ นายก็โทรไปเบอร์ดงวานสิวะ หน้าตาไม่น่าจะโง่นะฮเยซองใช้สายตาเหลือกมองมินอูเป็นค่าตอบแทนในการแนะนำ สายตาพิฆาตศัตรูนั้นทำเอาเพื่อนตัวเล็กต้องปิดปากฉับแทบทันที มินอู: แหม ล้อเล่นน่ะว่าแล้วมินอูก็หันกลับไปสนใจรายการทีวีตรงหน้าต่อมือเรียวหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมา ยังไม่ทันจะกด เบอร์ เสียงโทรศัพท์ของตนก็ดังขึ้นก่อน หน้าจอปรากฏชื่อดงวาน (แหม ดีเลย ไม่ต้องเสียเงินเอง กร๊ากกกกก อันนี้คิดแทนฮเยซอง)ฮเยซอง: ว่างัยดงวาน: ชั้นอยู่ที่ผับกะจอนจินน่ะ นายมาได้มั้ยฮเยซอง: ก็นัดกันบ้านแอนดี้ แล้วไปทำอะไรที่นั่นล่ะดงวาน: ก็ตอนแรกนึกว่าจะไปบ้านแอนดี้ แต่จินมันดันขับรถพาชั้นมานี่นี่หว่า ฮเยซอง: ชั้นโทรไปเค้าไม่รับ นี่เค้าอยู่ตรงนั้นป่ะ ขอชั้นคุยหน่อยดงวาน: ไม่อยู่หรอก ไปห้องน้ำ ไม่งั้นชั้นจะกล้าโทรมารึ มันห้ามว่าไม่ต้องโทรไปบอกนายว่าอยู่นี่ ฮเยซอง: งั้นเดี๋ยวชั้นไปเอง นายขับรถจินกลับมาและกัน ดงวาน: เออ ๆ ฮเยซองกดวางโทรศัพท์พร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ นึกใคร่ครวญถึงเหตุการณ์ในวันนี้ ตลอดวันมานี่ เค้าบังเอิญไปทำอะไรให้อีกคนไม่พอใจหรือเปล่า เมื่อเที่ยงก็แค่ตบกะบาลไปที โทษฐานมาแย่งขนมกิน แต่จะโกรธเรื่องแค่นี้เหรอ ไม่น่าจะใช่ เฮ้อ! คิดยังงัยก็คิดไม่ออก มินอู: ว่างัย จินนี่กะดงวานอยู่ไหนอ่ะฮเยซอง : ที่เดิมอ่ะ เด๋วชั้นมานะ บอกแอนดี้ด้วย แป๊บเดียว ระยะทางจากบ้านแอนดี้ถึงผับของพวกเค้า นับว่าไกลพอดูเลย จากที่เคยมาครั้งก่อน ๆ แต่วันนี้ ระยะทางกลับสั้นมาก ยังไม่ทันหายใจทั่วท้อง จะพูดให้ถูก แทบลืมหายใจกันเลยทีเดียว ....ฮเยซองผลักประตูห้องเข้าไปเห็นจอนจิน ที่ตอนนี้นั่งดื่มเหล้าคนเดียว อารมณ์ดูแปลก ๆ เหมือนไม่สบายใจ เห็นภาพคนรักแบบนั้น ความโมโหที่มี ก็ค่อย ๆ หายไป เค้าก้าวช้า ๆ ไปนั่งลงตรงข้าง ๆ อีกคน จินที่กำลังก้มหน้าก้มตา เงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจจิน: พี่มาได้งัยอ่ะฮเยซอง: ก็ขับรถมาน่ะ เป็นไรไปรึเปล่า ก็เรานัดกันดื่มที่บ้านแอนดี้ไม่ใช่เหรอ แล้วทำมัยนายต้องมานั่งดื่มคนเดียวที่นี่ล่ะจิน: คนเดียวที่ไหน พี่ดงวานก็อยู่ สงสัยไปห้องน้ำ ฮเยซอง: ชั้นบอกให้มันกลับไปแล้วตอนนี้สติของจอนจิน ฮเยซองวิเคราะห์ด้วยตา แสดงว่ายังไม่เมามายเท่าไหร่ เพียงแต่สีหน้าเครียด และดูกลัดกลุ้มนั้น ฉายออกมาให้เห็นชัดเจนทีเดียว ฮเยซอง: นายไม่พอใจอะไรชั้นหรือเปล่า... บอกได้มั้ย เป็นแบบนี้แล้วชั้นจะรู้ได้งัย ถ้านายไม่พูดจิน: นั่นสินะ ฮึ ๆๆ (จินหัวเราะในลำคอ จากที่เคยนิ่ง ๆ แต่ตอนนี้มันยิ่งดูกวนอารมณ์ของฮเยซองให้ขุ่นเข้าไปใหญ่)ฮเยซอง: ....จิน: พี่ยังรักแอนดี้อยู่รึเปล่า พี่บอกผมมาตรง ๆ ได้มั้ยจอนจินหันสายตาหมองๆ ของตัวเองมองสบตายังคงงง ๆ ของอีกคน ฮเยซองขมวดคิ้วนิด ๆ พอจะกระจ่างถึงเหตุผลที่ทำให้คนข้าง ๆ ผิดสังเกต ฮเยซอง: เรื่องนี้สินะ ที่ทำให้นายเป็นแบบนี้น่ะจิน: ...ฮเยซอง : ถ้าเป็นเรื่องนี้ ก็ฟังชั้นนะ .... ตอนนี้แอนดี้กำลังทุกข์ใจ ไม่สบายใจ เราควรช่วยปลอบใจน้องมัน ไม่ใช่มาหึงไม่เข้าเรื่องนะจอนจิน ..... ...ชั้นคิดว่านายจะเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ซะอีกจิน: ผมก็รู้แหละ แต่บางที พี่ก็ทำให้ผมคิด ฮเยซอง: .....งั้นนายก็คิดดู ถ้าเกิดว่าใครซักคน อยู่กับเรา ใกล้ชิดกับเรามานาน จนวันนึง เรากลับมารู้ใจตัวเองว่า เค้าคนนั้น สุดท้ายแล้วก็คือคนที่รัก คนที่คิดอยากให้เค้าปกป้องเราตลอดไป คนที่หัวใจนายอบอุ่นทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ แต่แล้วกลายเป็นว่า พอรู้หัวใจตัวเองไม่นาน ความสุขที่ได้อยู่กับเค้ามันสั้นนิดเดียว เป็นนายนายจะแย่มั้ย การรอคอยคนรักมันไม่ใช่เรื่องสนุกนะ และถ้าคนที่ไปคือชั้นไม่ใช่เอริค นายจะรู้สึกยังงัย ห๋า ... จินนิ่งฟังคำพูดของฮเยซอง เค้าก้มหน้าต่ำ ๆ หลีกเลี่ยงสายตาจริงจังของอีกคน จิน: ผมเข้าใจเรื่องนั้น แต่บางครั้งผมก็คิดเอาเองว่า .... ว่าพี่ยังคงรักแอนดี้อยู่หรือเปล่า เพราะการแสดงออกของพี่นั่นแหละ มันทำให้ผมคิดแบบนี้ พี่ไม่ได้สนใจใยดีกับผมมากไปกว่าเดิม พี่ไม่แคร์ผม เหมือนที่พี่แคร์แอนดี้ ผมผิดใช่มั้ย ที่คิดแบบนี้ ฮเยซอง : ชั้นขอโทษที่ทำให้นายเข้าใจผิด ขอโทษที่ทำให้นายต้องคิดมาก......ฮเยซอง : แต่อย่างที่ชั้นเคยบอกแล้ว ว่าเราสนิทกันมากเกินไป นายเคยสัญญาว่าจะให้เวลาชั้นไม่ใช่เหรอจิน: พี่ต้องการเวลาอีกเท่าไหร่ ในเมื่ออีกไม่นาน ผมก็ต้องจากพี่ไปเหมือนกัน แล้วพี่จะเอาเวลาที่มีอยู่ของผมไปหมดเลยมั้ย ท่าทีที่เคยอ่อนลง กลับกลายเป็นเกรี้ยวกราดขึ้นมาอีกหน จอนจินแทบจะเรียกได้ว่าตะโกนใส่หน้าของอีกฝ่ายก็ว่าได้.......ฮเยซองละสายตาจากสีหน้าของจอนจิน ก้มลงมองมือของตัวเอง .... แล้วมันก็ต้องเป็นแบบนี้สินะ มันต้องมีคนเจ็บปวด เค้าเองก็ผิดจริง ๆ แต่จะทำงัยได้ล่ะ ฮเยซอง: นายรู้มั้ย ว่าทำมัยชั้นถึงต้องห่างเหิน นายรู้มั้ยว่าทำมัยชั้นถึงไม่ได้ดูแลเอาใจใส่นายมากไปกว่าแต่ก่อนเลย .....ฮเยซอง: ชั้นไม่อยากสร้างนิสัยเคยชินให้ตัวเอง ไม่อยากใกล้นายมากกว่าที่ควรจะเป็น ....เพราะเวลาไม่มีนายอยู่ ชั้นกลัวว่าชั้นจะรับความรู้สึกเศร้าไม่ไหว ชั้นกลัวว่าเวลาของเราที่มีร่วมกันมันจะเป็นภาพติดตาชั้น และมันจะทำให้ชั้นต้องคิดถึงนายเข้าไปอีก ก็แค่นั้น . นี่แหละ เหตุผลงี่เง่าของชั้นบัดนี้น้ำตาฮเยซองไหลรินอาบแก้ม ทำเอาคนที่อารมณ์พุ่งสุด ๆ ยังตกใจ แต่ความอัดอั้นภายใน ความโกรธเคืองคนตรงหน้ามีมากกว่า แม้อยากจะเอื้อมมือไปซับน้ำตา แต่ใจก็ยังคงค้านเอาไว้ จิน: พี่เป็นคนแบบนี้น่ะเหรอ พี่คิดถึงแต่ตัวเองแบบนี้ทุกครั้งใช่มั้ย แล้วผมล่ะ ผมอยากจะใกล้พี่เข้าไปอีกหน่อย แต่พี่ก็หนีห่างทุกที ผมเองก็อยากมีความทรงจำดี ๆ เอาไว้คิดถึงพี่เวลาที่เราต้องอยู่ไกลกันเหมือนกันนะ .....จิน: ทำมัยพี่จะต้องฝืนตัวเอง ทำมัยพี่ไม่ทำตามใจตัวเอง ...พี่รู้มั้ย .. พี่รู้อะไรมั้ยว่าผมเหนื่อยที่จะต้องมานั่งคิดเองเออเอง ... ทำมัยเหรอ อาการเศร้าเพราะคิดถึงคนรัก มันทำให้พี่เสียเกียรติของตัวเองมากมายใช่มั้ยบัดนี้จอนจินคนที่อยู่ตรงหน้าเค้า เหมือนไม่ใช่จอนจินคนเดิม ฮเยซองได้แต่นิ่ง ที่อีกคนพูดมันก็ถูก ตลอดเวลา สิ่งที่เค้าทำ ล้วนตรงข้ามกับความรู้สึกของตัวเอง เค้าชอบที่จะเก็บความรู้สึกจริง ๆ ของตัวเองมากกว่าที่จะแสดงมันออกมาตรง ๆ ซึ่งเอริคเรียกมันว่า....อาการปากแข็ง.. คงใช่สินะฮเยซอง: มันไม่ใช่อย่างนั้นจิน: ไม่ใช่อย่างนั้นแล้วอย่างไหน พี่รัก พี่ก็เก็บไว้ พี่เกลียด พี่ก็เก็บไว้ ผมไม่ฉลาดพอจะเข้าใจพฤติกรรมของพี่ได้หมดหรอกนะ ฮเยซอง: แล้วนายต้องการอะไร นายอยากให้ชั้นทำอะไร จิน: ก็ทำตามความรู้สึกของพี่ ถ้าพี่เกลียดผม พี่ก็แสดงออกมาเลย ว่าพี่เกลียด ผมคงเข้าใจพี่มากกว่านี้ เพราะผมเองแหละ เป็นคนเรียกร้องให้พี่มารัก พี่ไม่ต้องรู้สึกผิดสำหรับเรื่องนี้ฮเยซอง: ....ชั้นขอโทษ แต่ชั้นไม่เคยเกลียดนายเลยนะ จอนจิน ทำมัยนายถึงไม่เข้าใจนะจิน: ผมว่าป่วยการเปล่า พี่กลับไปเถอะ เดี๋ยวผมตามไป ขอผมอยู่เงียบ ๆ คนเดียวซักพัก ฮเยซองใช้มือปาดน้ำตาบนแก้มตัวเองเบาๆ ลุกขึ้นยืน ฝืนให้ขาที่ไร้เรี่ยวแรงก้าวเดินออกไปจากตรงนี้ และก่อนที่จะทันลับตาคนที่นั่งอยู่เบื้องหลัง จิน: ผมจะปล่อยพี่ไป ... ถ้าพี่ต้องการแบบนั้น ยังงัยซะสำหรับพี่ ผมก็เป็นได้แค่น้องชายคนนึงอยู่แล้ว.................. ......วันแต่ละวันผ่านไปสำหรับฮเยซองช่างทรมาณเหลือเกิน ช่วงก่อนที่เค้าต้องอยู่ญี่ปุ่นนานเกือบปี เค้ายังไม่ทุกข์ทรมาณขนาดนี้ คำพูดทิ้งท้ายของจอนจินวันนั้น เหมือนเป็นการตบหน้าเค้าฉาดใหญ่ มันชา และมันก็เจ็บปวดไปหมด การอัดเสียงดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว เค้ารู้สึกว่าเพลงช้ามันช่างมีอิทธิพลกับตัวเองมากมายก็ตอนนี้ มันทำให้เค้าต้องร้องไห้ทุกครั้ง ในตอนที่อัดเสียง แต่ต้องแสร้งบอกโปรดิวเซอร์ไปว่า เค้าอินกะมันเกินไป วันนี้ก็เป็นอีกวัน ที่ข้างกายไม่จอนจินเหมือนเดิม ใจนึงก็อยากโทรหา แต่อีกใจที่มันแข็งแรงกว่า กลับต่อต้าน นี่เค้าเป็นอะไรไปนะ ตาคู่สวยพริ้มหลับทิ้งตัวเอนลงกะพนักเก้าอี้ ปล่อยความคิดให้ไหลไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ทิศทาง ถึงใครคนหนึ่ง แต่แล้วเสียง ๆ หนึ่ง ก็ฉุดเค้าขึ้นมาจากความคิดของตัวเองแอนดี้: พี่ฮเยซองฮะฮเยซอง: อ่าว แอนดี้ แอนดี้: ง่วงนอนเหรอฮะ เห็นคุณลีบอกว่า พี่อัดเสียงเสร็จแล้ว ทำมัยยังอยู่ในห้องอัดล่ะฮเยซอง: ก็มันเงียบดี เหมือนนายวันก่อนมั้ง แอบมางีบ แอนดี้: ผมเปล่างีบน๊า ผมมานั่งนึกถึงพี่เอริคต่างหากแอนดี้เดินไปลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ ฮเยซอง ดูสีหน้าพี่ชายคนนี้ เหน็ดเหนื่อยชอบกลแอนดี้: พี่เป็นไรไปป่ะฮะ หมู่นี้รู้สึกว่าพี่ซึม ๆ ผิดปกติ ทะเลาะกะพี่จินนี่เหรอฮะฮเยซองได้แต่ยิ้มแทนคำตอบ......ฮเยซอง : นายคิดถึงเอริครึเปล่า แอนดี้แอนดี้: พี่ก็ ถามได้ คิดถึงสิฮะ บางครั้งผมตาลาย เห็นพี่เอริคมายืนตรงหน้าด้วยแหละ แต่พี่เค้าโทรมาทุกวัน ก็ยังดีอ่ะ ช่วยได้เยอะ พี่ถามทำมัยเหรอฮะ คิดถึงพี่เค้าเหรอฮเยซอง : เพื่อนกันก็ต้องคิดถึงอยู่แล้ว แอนดี้สังเกตเห็นรอยยิ้มของฮเยซองที่มันหมองมาหลายวัน เค้าก็พาลไม่สบายใจไปด้วย ทำมัยนะ ความรักมันถึงต้องสร้างความเจ็บปวดด้วย มันน่าจะสร้างความสุขให้คนที่ได้รักไม่ใช่รึแอนดี้: ผมก็ไม่รู้หรอกนะฮะว่าพี่สองคนทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่อีกไม่นานแล้ว ที่พี่จินนี่จะต้องเข้ากรมไป พี่ไม่เสียดายเวลาบ้างเหรอฮะ ดูผมสิ พอพี่เอริคไม่อยู่ ผมกลับเพิ่งมานึกออก ว่าผมยังไม่ได้พูดอะไรกับพี่เค้าตั้งหลายอย่าง เรายังไม่ได้ไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน เรายังไม่เคยไปเดทกันเลย เสียดายจริง ๆ ฮเยซอง: แล้วนายไม่เอ่อ .. ไม่เป็นไรเหรอ เวลาที่คิดถึงเค้ามาก ๆ น่ะ ไม่เศร้าใจเหรอแอนดี้: ก็มีมั่งฮะ แต่มีความสุขมากกว่า มีคนรักให้คิดถึง ดีกว่าไม่มีใครให้คิดถึงเลยนี่น่า แต่ว่าตอนนี้เวลาที่จะได้คิดถึงพี่ริคน่ะ แทบไม่มีและฮะ พี่มินอูน่ะ คุมเข้มผมซะยิ่งกว่าประธานซงซะอีก เดี๋ยวซ้อมร้อง เดี๋ยวซ้อมเต้น เฮ้อ! คนไม่มีความรักในหัวใจก็แข็งกระด้างกันอย่างนี้แหละเนอะ พี่ฮเยซอง ผมกะว่าจะให้พี่ดงวานหาแฟนให้พี่มินอูซักคน พี่เค้าจะได้อ่อนโยนขึ้น น้องน้อยพูดยิ้ม ๆ เสียงเจื้อยแจ้วของคนตรงหน้า ฟื้นอารมณ์เศร้าหมองได้เสมอ ..ฮเยซอง: อย่างมินอูเนี๊ยะไม่อ่อนโยน แล้วใครจะอ่อนโยนอีกล่ะแอนดี้ฮเยซอง: ก็พี่จินนี่งัย อาจดูว่าพี่เค้าเอาแต่ใจตัวเอง หัวรั้น ดื้อ แต่พี่เค้าจะละเอียดอ่อนกับความรู้สึกของตัวเองนะ อย่างน้อยเค้าก็รู้แหละ ว่าตัวเค้าเองต้องการอะไร และเค้าก็ทุ่มเทให้มันเต็มร้อย .... เอ! แต่ว่าอย่างนี้มันเรียกอ่อนโยนหรือป่าเถื่อนนะ 555แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน มีคนให้คิดถึง ดีกว่าไม่มีใครเลย ถ้าคำนี้เป็นความจริง นี่แสดงว่า เค้าทำผิดกับหัวใจตัวเองอีกแล้วใช่มั้ย มีใครบางคน ต้องเจ็บปวดเพราะความเห็นแก่ตัวของเค้า คน ๆ นั้น ... แค่ขอโทษ มันคงไม่พอ..(ฮเยซองได้แต่คิดในใจ)....
ที่บ้านแอนดี้ตอนนี้ มี 2 ชีวิต กำลังสุมหัวกันหน้าทีวีจอใหญ่ และอีกหนึ่งชีวิตที่นั่งทอดอารมณ์จิบเบียร์อยู่ริมระเบียงโน่นมินอูนั่งกินขนม ตาเล็กคู่นั้นกำลังสนใจจอทีวีที่บัดนี้มีรายการเพลง ผิดกะอีกคน แม้จะนั่งหันหน้าให้ทีวี แต่กลับทำหน้าสงสัยมองออกไปนอกระเบียงบ่อย ๆ ก็ไม่ให้สงสัยได้งัย ลูกนกที่หายไปนาน กลับมานั่งทำเอ็มวีอยู่ตรงนี้ดงวาน: มันหายไปไหนมาน่ะ ชั้นไม่เห็นหน้ามันจะชาตินึงและมินอู: ไปจีน (พูดพลางก็ลำเลียงขนมเข้าปากอย่างไม่ขาดสาย)ดงวาน: ไปจีน!! ไม่เห็นบอกกล่าว มินอู : นายเป็นพ่อมันเรอะ มันถึงต้องรายงานน่ะ ดงวาน: เย้ยย !!! แกรนี่เคี้ยวให้หมดก่อนดิวะ ซกมกจริง ๆ (ดงวานส่งเสียงดัง พลางปัดเศษขนมที่ถูกพ่นออกมาจากปากมินอู ซึ่งตอนนี้เลอะเต็มหน้าและเสื้อของเค้าออก) ..ดงวาน: เออ...แล้วมันมาอยู่นี่ได้งัยง่ะ (ยังสงสัยไม่เลิก)มินอู: มันโทรมาให้ไปรับเมื่อเช้า (ตอบแบบเซ็ง ๆ )ดงวาน: เหรอ ว่าแต่ว่ามันเป็นไรวะนั่น (แน่ะ ยังอีก)มินอู: จะไปรู้มันเรอะ ถ้าสงสัยแกรก็เดินไปถามมันสิ (เริ่มมีน้ำโห เมิงจะสงสัยอะไรนักหนาวะ) นี่! รายการนี้ดี้มันร้องเพลงด้วย ชั้นจะดู เข้าใจมั้ย เลิกถามได้แล้วดงวาน : อ่าว แอนดี้ร้องเพลง แล้วนายไม่ไปดูมันเหรอมินอู: ฮเยซองก็ไปด้วย เลยให้ไปกันสองคนน่ะสิ จะถามไรอีกมะ ชั้นจะได้ปิดทีวี แล้วมานั่งตอบคำถามนาย ... เฮ้อ! เป็นไรกันไปหมด พอคู่โน่นดี คู่นี้ก็มีเรื่อง นี่แหละน้า บอกและว่าอย่ามีแฟน ไม่เชื่อกันดีนัก ดงวาน: แน่ใจเหรอที่พูดน่ะ ก็ใครล่ะ เที่ยวเป็นพ่อสื่อให้ชาวบ้านเค้าไปทั่ว นายนั่นแหละ ....ดีและ ต่อไปนี้เบอร์โทรสาว ๆ ก็ไม่ต้องเอา มินอู: เฮ้ย ! ได้งัย ชั้นหมายถึงไอ่พวกนี้ต่างหาก ชีวิตชั้นน่ะ ขาดความรักไม่ได้อยู่แล้ว .. (ว่าแล้วก็เลิกสนใจทีวีตรงหน้า หันมาทำหน้าตาและน้ำเสียงออดอ้อนทันที) ว่าแต่ว่าช่วงนี้ไม่มีใครแนะนำให้ชั้นรู้จักเหรอ ดงวาน: น่าน ทันที ทันที นึกว่าจะแน่ นายน่ะ เลิกดูทีวีได้แล้ว ไปจัดการไอ่จินนี่มันหน่อย เห็นมันเป็นงี้ มันรำคาญใจพิกลมินอู: ทำมัย? ก็ดีออก ปกตินะ มีมันอยู่ ชั้นล่ะปวดหัว ถ้านายไม่ชอบก็ไปจัดการเองดิว่าแล้วก็เลิกสนใจคนข้าง ๆ หันมาสนใจทีวีตรงหน้าอีกครั้ง .ผ่านไปซักพัก .ดงวาน: นี่ ๆ ๆ ๆ (ว่าแล้วก็สะกิดมินอูยิก ๆ อีกที) นายดูหน้ามันสิ เหมือนหมาโดนทิ้งเลย ไม่สงสารมันเหรอวะ มินอูละสายตาจากทีวีชั่วคราว หันมองตามที่เพื่อนบอก ก็จริงนะ ตอนนี้หน้าตาจอนจิน ยิ่งกว่าลูกนกพลัดหลงจากแม่ซะอีกมินอู: ไม่ต้องให้ถึงมือชั้นมั้ง นายนั่นแหละ ไปสิดงวาน: เฮ้ย ! ชั้นไม่ถนัดเรื่องพวกนี้นะเฟ้ยมินอู: เอาน่า ฉลาดนักไม่ใช่เหรอ ถือว่าได้โชว์ฝีมือ ไม่งั้นไปญี่ปุ่นคราวนี้ ชั้นไม่พานายไปกินราเมงดงวาน: ชั้นไปกินของชั้นเองก็ได้นิมินอู: งั้นต่อไปห้ามนายถ่ายรูปพวกชั้นดงวาน: ชั้นถ่ายอย่างอื่นก็ได้ เดี๋ยวนี้ชั้นถ่ายวิวทิวทัศน์สวยกว่าตากล้องมืออาชีพอีก ถ่ายหมูป่าออกมาน่ารักเชียวแหละ มินอู: งั้น .. เลี้ยงข้าว เอาป่ะ เลี้ยง 3 มือเลย ดงวาน: เออ อันนี้ค่อยน่าสน ว่าแล้วดงวานก็หันมายิ้มตีนกา 8 แฉก พอใจในของรางวัลเพื่อน ก่อนลุกขึ้นเดินแบบสเต็ปบายสเต็ปไปหาอีกคนนอกระเบียง ที่ดูเหมือนจะมีแต่ร่าง ไม่รู้ใจลอยไปไหนแล้ว ...แอนดี้: พี่ฮเยซองฮะ มีงานต่อป่ะฮเยซอง: ไม่มี ทำมัยเหรอแอนดี้: ไปบ้านผมมะ พี่มินอูกะพี่ดงวานก็อยู่ แล้ว... เอ่อ..... พี่มินอูบอกว่า พี่จินนี่กลับมาจากจีนแล้วด้วยน้องเล็กพูดเสียงเบาๆ หยังเชิงพี่ชายตรงหน้า ดูว่าอาการจะเปลี่ยนไปหรือไม่ ..แต่ก็เปล่า ฮเยซองยังคงปกติ ฮเยซอง: เหรอ อืม งั้นเดี๋ยวนายกลับบริษัทก่อนมั้ย รถชั้นจอดที่โน้น แอนดี้: ไม่ฮะ ผมจะกลับเลย ไว้ไปเจอกันที่โน่นนะฮะ ผมจะได้กลับไปทำไรให้พี่ ๆ กินกันก่อน เดี๋ยวเจอกันนะฮะ น้องน้อยยิ้มร่าโบกมือให้ ก่อนหันหลังเดินไป ลับตาแอนดี้ไปแล้ว มือเรียวยกขึ้นจับไปยังหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง สิ่งที่อยู่ข้างใน บัดนี้มันเต้นรัวและเร็ว จนเค้าแทบจะได้ยินเสียงมันทีเดียว.. ....รักครั้งแรก เค้าเคยปล่อยให้ตัวเองเจ็บมาแล้ว แต่นั่นเป็นเพราะว่ารู้อยู่เต็มอก ว่าอีกคนไม่ได้มีใจให้ด้วยเลย จึงทำได้แค่ปล่อยมือนั้นไปแต่โดยดีโดยไม่นึกอยากฉุดรั้งอันใด แต่คราวนี้ เค้ายังคงคิดไม่ออกว่าจะจัดการยังงัย เดินเข้าไปตบบ่า ยิ้มให้ แล้วกลายเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันเหมือนเดิม หรือว่า ทำตามความรู้สึกตัวเอง ทิ้งความกังวลและหวาดกลัวทั้งหมดลงแล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ....เค้าจะต้องเลือกข้อไหนนะ..........กว่าที่จะบังคับพวงมาลัยรถพาตัวเองให้มาถึงบ้านแอนดี้ ในหัวสมอง ก็ก่อสงครามกันให้ยุ่งเหยิงไปหมด และทันทีที่รถจอดสนิท สายตาก็สบเข้ากับอีกคนตรงระเบียงด้านนอกพอดี จอนจินยังคงนั่งดื่มเบียร์ สีหน้านิ่ง ๆ ไร้ความรู้สึกเหมือนเดิมทันทีที่ย่างกรายเข้ามาในบ้าน อีก 3 คนที่ยังสุมหัวเล่นเกมส์อยู่หน้าทีวี หันมามองเป็นตาเดียว มินอู: อ่าว ! มาแล้วเหรอแอนดี้: พี่หิวมั้ย ดงวาน : จอนจินรอนายอยู่แน่ะ มิน/ดี้ : เฮ้ย ! ไอ่ดงวาน / พี่ดงวาน ดงวาน : อ่าว ทำมัยเหรอ ตกใจไร ก็จริงอ่ะ ตะกี๊ไอ่จินมันบอกชั้นเองว่ามันรอฮเยซอง ... แล้วมองหน้าชั้นทำมัยกันฟระฮเยซองพยักหน้าให้ดงวานช้า ๆ หันไปมองคนนอกระเบียงอีกที ก่อนจะถอนหายใจยาว ๆ ฮเยซอง: ชั้นขอไปคุยกะจอนจินก่อน ..แอนดี้ ถ้านายหิว นายกินก่อนเลยนะ ว่าแล้วก็หมุนตัวอย่างระหงส์เดินออกไปหาอีกคน ที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ด้านนอก ....ฮเยซองทรุดตัวลงนั่งริมขอบระเบียงข้าง ๆ จอนจิน พลางเอื้อมมือไปคว้ากระป๋องเบียร์ที่จอนจินกำลังจะยกขึ้นดื่มเอาเข้าปากตัวเองซะงั้น .......ยาวนาน ที่ความเงียบครอบคลุมทั้งคู่ไว้ อากาศรอบตัวเย็นลงเรื่อย ๆ แต่เหงื่อมันพาลจะไหล มือไม้ชุ่มน้ำไปหมด ฮเยซอง: ชั้นขอโทษ.... .... และแม้นายจะไม่ให้อภัย ก็ไม่เป็นไร แค่ฟังไว้เฉย ๆ เท่านั้นก็พอ จอนจินยังคงนิ่ง .......ที่ผ่านมา ชั้นรู้ว่าชั้นผิด ชั้นทำไม่ดีกับนายมาตลอดเวลา แต่สิ่งที่นายคิดและนายพูดวันนั้น ชั้นขอบอกนายว่า นายคิดผิดทั้งหมด ..... ความจริงแล้ว ชั้นไม่ได้เกลียดนาย ไม่เลยซักนิด และสำหรับแอนดี้ ตอนนี้ ความรู้สึกที่มีให้เค้า ก็เพียงแค่พี่คนนึงที่รักและเป็นห่วงน้องคนนึง มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ โดยที่ชั้นเองก็ไม่รู้ตัวหรอก แต่มันไม่ใช่อย่างที่นายเข้าใจแน่ ๆ .... ชั้นเลี่ยงนาย เพราะชั้นเห็นแก่ตัว แต่นั่นมันไม่ใช่ความรู้สึกที่แท้จริงของชั้นเลย ไม่เลยซักนิด ทั้งคู่ต่างก้มหน้าเลี่ยงสายตากันและกัน กว่าจะตั้งต้นพูดได้ก็แสนลำบาก แต่เมื่อได้เริ่มพูดมาแล้ว จะให้หยุด คงเป็นไปได้ยาก หลายวันนี้สิ่งที่คอยรบกวนจิตใจฮเยซอง ก็คือการที่ต้องเก็บกักความรู้สึกของตัวเองไว้นี่แหละ มันทำให้เค้าแทบบ้า ตอนนี้ความรู้สึกทั้งหลายได้พรั่งพรูออกไปยังคนตรงหน้า มันกลับทำให้สมองเบาหวิวดีแท้ และที่สำคัญ ...ฮเยซอง : ชั้นรักนาย ... ตอนนี้ชั้นไม่รู้จะพูดอะไรให้นายเข้าใจได้ดีกว่าคำนี้ ทุกอย่างที่ชั้นทำ มันอาจห่างไกลจากคำ ๆ นี้ไปซักหน่อย แต่นี่ คือความจริง ...จอนจิน ชั้นรักนายจริง ๆ ดวงตาเรียวสวย เงยหน้าขึ้นมองอีกคน เป็นจังหวะเดียวกะที่อีกคนก็หันมามองเช่นกัน เมื่อดวงตาทั้งคู่สบกัน แต่ฮเยซองเอง ก็ยังไม่สามารถอ่านความรู้สึกอันเฉยเมยของจอนจินได้ แต่เอาเถอะ ไม่ว่าอีกคนจะยกโทษหรือไม่ ยังงัย ความรู้สึกเค้าก็โดนระบายออกไปหมดแล้ว ผลที่ได้รับ มันก็ขึ้นอยู่กับคนตรงหน้าคนนี้เท่านั้น จิน: พี่ฮะ...ฮเยซอง: ...จิน: พี่รู้อะไรมั้ย ............หน้าพี่แดงมาก ๆ เลยล่ะตอนนี้ ฮ่ะ ฮะ ๆ ๆ ฮเยซอง: นี่ !นายแกล้งชั้นเหรอจิน: ผมเปล่านะ มันแดงมากจริงๆ เสียงหัวเราะของจอนจิน ทำให้อีกคนได้แต่คิ้วขมวด อยากเอามือไปตบกบาลให้แยกก็ทำไม่ได้ ตอนนี้ต้องสำรวมไว้เท่านั้น จิน: ผมน่ะ โกรธพี่ไม่ลงหรอก ไม่ว่าพี่จะทำยังงัยกับผม ความจริงแล้วผมก็มานั่งคิด ๆ ดู ว่าตัวเองก็ผิดเหมือนกัน พี่พูดถูก ตอนนี้คนที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ คือแอนดี้ แต่ผมกลับมาอิจฉาเค้าซะงั้น ฮเยซอง: รู้ด้วยเหรอ นายน่ะจิน: รู้สิฮะ ผมแค่ไป เพื่อจะได้คิดอะไรเรื่อย ๆ และผมก็รู้แล้วว่า เวลาอยู่ห่างพี่นี่ มันทรมาณชะมัดเลย ไม่สนุก กินไม่อร่อย ถ่ายไม่คล่อง ฮเยซอง: ไอ่บ้า!!ฮเยซองคลายยิ้มของตัวเองออกมาได้ซักที หลายวันที่ผ่านมา เค้ากังวลแทบตาย เป็นทุกข์อยู่คนเดียว ห่วงความรู้สึกของจอนจินก็ห่วง แถมยังความรู้สึกของตัวเอง ที่ต้องตีให้แตก ค้นให้เจอซักที แม้ตลอดจนเส้นทางจากบริษัทถึงบ้านแอนดี้ หัวเค้าก็แทบระเบิด ไม่นึกเลยว่า สุดท้าย ก็แค่พูดความรู้สึกตัวเอง มันก็ทำไม่ยากนี่น่าฮเยซอง: นายยกโทษให้ชั้นแล้วใช่มั้ยจิน: ไม่คำปฏิเสธของจอนจิน ทำเอาหน้าสวยหุบยิ้มแทบไม่ทันฮเยซอง: อ่าว แล้วงัยล่ะเนี๊ยะ จิน: คำพูดน่ะ มันเชื่อไม่ได้เท่าการกระทำหรอกฮะ พี่ต้องพิสูจน์ ว่าพี่รักผมจริง ๆ (ยิ้มมีเลศนัย)ฮเยซอง: พิสูจน์อะไรจอนจินไม่พูดอะไร เค้าลุกขึ้นมายืนตรงหน้าอีกคน ใช้นิ้วของตัวเองชี้ตรงปากบอกให้รู้เป็นนัย ๆ ว่า ถ้าอยากพิสูจน์ ก็จุ๊บสิ Kiss me Kiss meฮเยซอง: เรื่องแค่นี้น่ะเหรอ ก็ไม่ยากนี่ แม้จะรู้ตัวว่าขณะนี้ตัวเองหน้าแดงแค่ไหน แต่ฮเยซองก็ใช้สองแขนโอบรอบคออีกคนไว้ ก่อนโน้มตัวให้ปากของอีกคนเข้ามาประชิดปากตัวเอง ....และก่อนที่ริมฝีปากทั้งคู่จะแตะกันฮเยซอง: ชั้นว่า ไปที่อื่นดีกว่า จอนจินหยุดกึก ขมวดคิ้วยุ่งจิน: อ่าว ทำมัยอ่ะพี่ แค่นี้พี่ก็ทำไม่ได้เหรอฮเยซอง: ก็ปล่าวไม่ได้หรอก แต่นายดูโน่นว่าแล้วก็พยักเพยิดให้มองไปทางด้านใน มีอีก 3 ชีวิต ที่ตอนนี้เอาหน้ามาแนบกระจกดูความเป็นไปเพราะความอยากรู้อยากเห็นเต็มที พอเห็นว่าสายตาของคนทั้งคู่ที่อยู่นอกระเบียงหันมาดูตัวเอง ทั้งมินอู แอนดี้ และดงวาน ก็หันหลังกลับ ทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ซะงั้นจิน: แล้วงัยฮะ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย นั่นน่ะ พี่น้องทั้งนั้น ฮเยซอง : นายไม่อาย แต่ชั้นอายนี่น่าจิน: แล้วจะไม่ทำใช่มั้ยจอนจินทำหน้าเหมือนเด็กโดนขัดใจอีกแล้ว ฮเยซองได้แต่มองอย่างเหนื่อยหน่าย ระคนหัวเราะไปด้วย หลายวันผ่านมา เค้าเพิ่งค้นพบตัวเองว่า เค้าชอบนั่งคิดถึงหน้างอ ๆ เสียงอ้อนๆ ของคนตรงหน้าบ่อยแค่ไหน เค้าชินมันเหรอ ไม่ใช่หรอก เค้าชอบมันมากต่างหากจิน: งั้นนับสามนะ หนึ่ง ... สอง...ส ก่อนเลขตัวสุดท้ายจะหลุดจากปาก ฮเยซองชิงรั้งร่างจอนจินเข้ามาประกบปากไว้ได้ทันท่วงที ก่อนจะผละตัวออกอย่างรวดเร็ว แต่...มีหรือที่ลูกนกจะยอม เค้าใช้มือนึงล็อคเอวบางไว้แน่น ไม่ให้อีกฝ่ายหนีได้ตามอำเภอใจ อีกมือก็จับท้ายทอยกดให้หน้าของฮเยซอง ประชิดกับหน้าของตัวเองอย่างไม่มีทางเลี่ยง คนปากแข็งของเรา ได้แต่บ่นอื้ออึงอยู่ในลำคอ ความรักมันก็ต้องแสดงออกสินะ ไม่งั้นให้เดาเอง มันก็ผิดมั่วไปหมด แต่แสดงออกอย่างนี้บ่อย ๆ มันก็ใช่ที่นี่น่า กว่าจอนจินจะถอนริมฝีปากออกได้ รสสัมผัสในปากมันก็เริ่มคุ้นชิน จนฮเยซองเองก็แทบไม่อยากให้อีกคนผละริมฝีปากนั้นออก จิน: นี่คือบทลงโทษฮะ สำหรับคนปากแข็งอย่างพี่ จอนจินยิ้มอบอุ่นส่งผ่านทางดวงตามาให้ฮเยซอง: ถ้างั้น ...เค้าค้างประโยคไว้ แต่กลับใช้สองแขนตัวเอง ดึงอีกคนมากดจูบซ้ำลงไปที่เดิม แต่คราวนี้ ดูจะหวานกว่าคราวก่อนมากมาย เพราะความยินยอมพร้อมใจ หรือเพราะความชำนาญขึ้นก็ไม่รู้ ลิ้นทั้งคู่เกี่ยวกันอย่างคุ้นเคย.... เนิ่นนาน ...กว่าปากทั้งคู่จะยอมละออกจากกันและกันได้ ฮเยซอง: นี่คือบทลงโทษของคนที่ชอบเอาแต่ใจ.....มาดูอีก 3 ชีวิตที่อยู่ด้านในกันดีกว่า ตอนนี้ตะลึงมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาอยู่ตรงหน้ากระจกกั้นระหว่างห้องนั่งเล่นกะระเบียงนั่นแหละมินอู : เฮ้ย! นั่นมันฮเยซองจิง ๆ เหรอวะดงวาน: นั่นสิ ไม่น่าเชื่อแอนดี้: โห ผมนึกว่าพี่เอริคอ่ะ หนาและนะ(หมายถึงหน้าน่ะ) แต่ฮเยซองกะพี่จินอ่ะ ยิ่งกว่าอีก มินอู : ชั้นถามจริง ๆ เหอะ เมื่อบ่ายนายไปพูดอะไรกะจินนี่มันฟระ มันถึงได้เปลี่ยนเร็วขนาดนี้ ดงวาน: ก็ไม่มีอะไร ชั้นก็แค่ถามมันว่า มันเลิกกับฮเยซองแล้วใช่มั้ย มินอู/แอนดี้ : เฮ้ย!แอนดี้ : แล้วงัยฮะดงวาน: ก็มันไม่ว่าอะไร ชั้นเรยบอกมันว่า ถ้านายเลิกกะฮเยซองแล้วจริง ๆ ชั้นจะได้จีบฮเยซองต่อ มินอู/แอนดี้ : เฮ้ย !มินอู : แล้วงัย ดงวาน: มันก็ไม่ว่าไรอีก แค่หันมาเหลือบอย่างกะจะกินเลือดกินเนื้อชั้น เท่านั้นแหละมินอู/แอนดี้ : เฮ้ย!ดงวาน: นี่แกสองคนจะเฮ้ยอีกนานมะ มินอู : เออ ช่างชั้นเถอะว่ะ แล้วงัย ดงวาน: มันไม่พูดไรเลย ชั้นก็เลยบอกว่า อยากให้มันช่วยหน่อย เพราะถ้าไม่ตัดสัมพันธ์กันให้เด็ดขาด มีหวังฮเยซองไม่มองชั้นแน่ ๆ เพราะฮเยซองน่ะ เอาแต่ตะโกนใส่หน้าชั้นว่า มันรักจอนจิน มันรักจอนจิน มินอู/แอนดี้: เฮ้ย! ดงวาน: เฮ้ยอีกที กรูไม่เล่าแล้วจริง ๆ นะ แอนดี้: พี่ฮเยซองทำงั้นเหรอ ไม่ใช่ม้างงงงงงง ดงวาน : ก็ใช่ที่ไหนเล่า หลอกมันอ่ะจิมินอู: แล้วมันว่างัย ไม่พูดไรอีกเหรอ ดงวาน: อืม แค่หันมาทำตาโต ชั้นบอกว่าถ้าไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร ชั้นจะลองพยายามดูเอง แค่นั้นแหละ แล้วชั้นก็เดินคอตกกลับเข้ามา มินอู: แค่นั้นเหรอดงวาน: มันก็ลากคอชั้นไปบอกว่า ผมไม่ยอมเสียพี่ฮเยซองให้พี่หรอก เลิกหวังเหอะ แค่นี้แหละแอนดี้: โห พี่ล้ำลึกมากเลยฮะพี่ดงวาน ดงวาน: ชั้นเก่งใช่มั้ยล่ะ (พูดด้วยความภาคภูมิใจ ) เห็นมะ ชั้นน่ะรักเพื่อนเหมือนกันนะ ไม่เหมือนนายหรอกมินอู เอาแต่สนจทีวี มินอู : ชั้นว่านายเห็นแก่ข้าว 3 มื้อมากกว่าละมั้ง แล้วทั้ง 3 ก็เดินมานั่งหน้าทีวีสนใจเกมส์ตรงหน้าต่อได้อย่างทันที ปล่อยเค้าสองคนมีโลกส่วนตัวกันไปเหอะ ลงเอยด้วยดีได้ ก็ดีโขและ ......แสงแดดยามเช้า เสียงนก และสายลมเอื่อย ๆ ประดับให้เช้าวันนี้สดใสมากกว่าวันไหน ๆ สำหรับจอนจิน เอ แต่คงไม่ใช่หรอก มันน่าจะเป็นคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้าง ๆ เค้าคนนี้มากกว่าที่ทำให้เช้าวันนี้สดใสกว่าเช้าวันไหน ๆ จอนจินขยับตัวเบา ๆ ชันแขนขึ้นมาเพื่อมองหน้าคนที่กำลังหลับใหลให้ชัดขึ้น หลายวันก่อนตอนที่เค้าอยู่เมืองจีน ตลอดเวลาเค้าได้แต่ถวิลหา ริมฝีบางๆ ช่างบ่นของคนๆ นี้ เค้าคิดถึงแต่แพขนตายาว และแก้มใส ๆ แก้มนี้ มันทำเอาเค้าแทบคลั่ง เมื่อคิดว่าต่อไป หากต้องเลิกรากันจริงๆ เค้าจะทนรับความเจ็บปวดนั้นไหวรึเปล่า ประกายตาอบอุ่นที่ส่งไปยังอีกคนตรงหน้าคงมีอำนาจรุนแรงพอที่คนกำลังหลับใหลจะรับรู้ได้ บัดนี้ คนขี้วีนของเรา ขยับตัว กระพริบเปลือกตาถี่ ๆ เพื่อปรับความสว่าง ก่อนลืมตาขึ้นมาเห็นภาพตรงหน้า ภาพแรกรับอรุณ จอนจินกับรอยยิ้มบาง ๆ นั่น จอนจิน: อรุณสวัสดิ์ฮะ ฮเยซองยิ้มรับคำทักทายนั้นนิด ๆ บิดขี้เกียจหน่อย ๆ ก่อนจะขยับตัวเองให้เข้าใกล้อ้อมกอดของคนข้าง ๆ มากยิ่งขึ้น ซึ่งจอนจินเอง ก็เปลี่ยนกิริยาบทมาเป็นกระชับกอดคนตรงหน้าไว้หลวม ๆ มือข้างนึงก็จับปอยผมอีกคนเล่นจอนจิน: เป็นงัยฮะ ลุกไหวรึเปล่า ฮเยซอง: อืม... แต่ยังไม่อยากลุกน่ะ นายตื่นนานและเหรอจอนจิน : ก็ ซักพักและฮะ พี่หิวมั้ย ฮเยซอง: ไม่อ่ะ นายหิวเหรอจอนจิน: เปล่าหรอกฮะ ให้ผมอยู่อย่างนี้ทั้งวัน ไม่ต้องกินข้าวก็ได้ว่าแล้วก็เค้าก็ก้มหน้า ใช้ริมฝีปากจูบลงบนลอนผมสีน้ำตาลอ่อนนั้นเบา ๆ อย่างรักใคร่ ก่อนที่คนในอ้อมกอดจะเงยหน้าขึ้น เป้าหมายเลยเปลี่ยนไปเป็นริมฝีปากบาง ๆ นั้นอีกครั้งแทน จอนจินพรมจูบไปทั่วเรื่อยมาจนถึงใบหู และซอกคอขาว ... แต่แล้วจอนจิน: พี่ฮะ เอ่อ คือว่า จู่ ๆ จอนจินก็ชะงักจูบนั้นซะเฉยๆ ทำเอาคนที่กำลังเคลิบเคลิ้ม ต้องปรือตามองจอนจิน: ผมว่าวันนี้ตอนพี่ไปร้องเพลง พี่ต้องใส่ผ้าพันคอแล้วละฮะ ฮเยซอง: หืม! นายว่างัยนะ จอนจิน: ไม่เป็นไรใช่มั้ยฮะ พี่ก็ใส่ผ้าพันคอออกบ่อย ฮเยซอง: นายอย่าบอกนะว่า..จอนจินยิ้มแหย ๆ ทำหน้าสำนึกผิดส่งให้แทนคำตอบจอนจิน: ผมขอโทษนะฮะ ต่อไปผมจะระวัง และก่อนที่อีกคนจะทันโวยวาย จอนจินชิงกดจูบตรงปากที่กำลังเผยอขึ้นมาเพื่อบ่นตัวเอง ปิดมันไว้ซะอย่างนั้น จะได้บ่นอะไรไม่ได้ มือที่ผลักอกนี่อยู่ ก็จับมันรวบไว้ทั้งสองข้าง จะได้ไม่มีฤทธิ์มาทุบตีเค้าอีก ยังงัยซะมันก็แดงเป็นจ้ำทั่วทั้งตัวและ แดงขึ้นมาอีกนิดจะเป็นไรไป
เศร้าค่ะเศร้า....แงแงแงแง
แม่นกช้ำเพราะตัวเอง สงสารจินนี่ค่ะงานนี้ ดี้พูดถูกสุดๆ อิอิ ใช่เลยค่า..
ลงเอยนะค่ะลงเอย ขอแอบหวานๆๆเลยนะค่ะพี่พุดข๋า....
แม่นกลูกนกสมหวังสักกะที ลุ้นตัวโก่งหมดและค่ะวันนี้ อิอิ
รออ่านต่อนะค่ะ ขอบคุณค่ะ