I call it Destiny You call it Love...
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
24 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 

Shot fic shinhwa .... ก้าวเดียว ...Special Jin-Dy ep.11






ก้าวเดียว Special Jin-Dy ep.11
มันคือบทลงโทษทางอ้อม ...ใช่มั้ยนะ ... (Andy Side)




.
.
.
.


.. การแข่งขันกีฬาผ่านไปแล้ว การซ้อมบอลตอนเย็นจึงไม่จำเป็นเหมือนเมื่อก่อน และหลังจากเกิดเรื่องขึ้น แอนดี้เองก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะคิดออกกำลังกายอะไรทั้งนั้น โครงการซ้อมบอลตอนเย็นมีอันต้องพับไปโดยที่ทั้งคู่ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก แต่เรื่องแบบนี้ต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่ามันควรจะต้องจบลงทำนองนี้จนได้ซักวัน ... มันจะดีกว่าซักแค่ไหน หากไม่มีการซ้อมบอลบ้าบออะไรนั่นเกิดขึ้น
.
.
.
.


ไม่สิ มันจะดีกว่านี้ ถ้าหัวใจของเค้า ไม่อ่อนไหวต่างหาก

แอนดี้เฝ้าแต่โทษตัวเองว่าคนผิดคือเค้า แค่ได้เห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของจอนจินทุกวันก็พาลนึกห่วง น่าแปลกที่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นความกังวลถึงความสัมพันธ์ของรุ่นพี่ทั้งสองมากกว่าความรู้สึกอื่นใด กลัวจับใจหากตนต้องเป็นสาเหตุทำให้ความรักของทั้งคู่สิ้นสุดลง เคยได้ยินเอริคบอกว่าคนทั้งคู่หวานกันจนเว่อร์ทุกวัน สวีทกันได้ทุกแห่งในบริเวณโรงเรียนโดยไม่แคร์สายตาใครซักนิด เค้าแค่อยากให้มันกลับมาหวานแบบนั้นเหมือนเดิม แม้จะต้องแลกด้วยอะไรก็เถอะ


วันนี้เด็กน้อยเดินกลับบ้านเงียบ ๆ หลังจากฟ้ามืดลงแล้วเหมือนในหลาย ๆ วันที่ผ่านมา เอริคโทรมาเมื่อบ่ายบอกว่าจะรอทานข้าว แต่เค้ายังไม่อยากเจอหน้านี่น่า…. หากแต่รู้สึกตัวอีกทีสองขาท่อนสั้นกลับพาตัวเองมาเดินวนอยู่ตรงหน้าห้องพักเอริคจนได้ ไม่น่าเชื่อว่าหลายวันที่ไม่ได้เจอกัน มันจะทำให้เค้าคิดถึงหน้าเจ้ายักษ์จอมหื่นได้ขนาดนี้

เด็กน้อยเงยมองหน้าต่างห้องที่มืดสนิท แสดงว่าเจ้าของคงยังไม่กลับ ว่าแล้วก็ถอนหายใจเดินเอื่อย ๆ ขึ้นบันไดไปเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง ... หากแต่ทันทีที่ผลักประตูเข้าไป ภายในห้องที่ควรจะมืดมิดกลับมีแสงเทียนสว่างจ้าอยู่ใจกลางโต๊ะทานข้าวหลายเล่ม ใบหน้าคมที่คุ้นเคย ส่งยิ้มมาให้ภายใต้แสงเทียนสลัวเหล่านั้น ใบหน้าที่แสนคิดถึง แต่ยิ่งมอง ความรู้สึกผิดก็ยิ่งเกาะกุมจนปวดร้าวไปหมด


“นึกว่าจะกลับดึกกว่านี้ซะอีก นายต้องโดนทำโทษ ข้อหาที่ให้ชั้นรอนาน”

“เห็นห้องมืด นึกว่ายังไม่กลับซะอีก”

“ก็ถ้ามันสว่าง นายจะเดินขึ้นมางั้นเหรอ”

“ห๋า!”

“มานั่งนี่สิ”

แอนดี้จำใจก้าวเท้าเข้าไปช้าๆ เค้าเพิ่งสังเกตเห็นว่าแสงเทียนที่สลัว ๆ นั่น ถูกปักไว้บนเค้กก้อนเล็ก ๆ ก้อนหนึ่ง ความสงสัยทำให้ต้องเงยหน้ามองเอริคอย่างแปลกใจ

“เค้ก?? นายทานเค้กด้วยเหรอ ก็ปกตินายไม่ชอบ”

“นายคงเรียนหนักมากจนสมองเบลอ หรือไม่ก็คิดถึงชั้นมากจนลืมไปล่ะมั้งว่าวันนี้เป็นวันเกิดนายน่ะแอนดี้”

“วันเกิด!! ชั้นเหรอ?......
.
.

…..อ่า~~ ใช่แล้ว วันนี้มันเป็นวันเกิดชั้นนี่นา” มุมปากหนาหยักยิ้มชอบใจ เมื่อเห็นสีหน้าเอ๋อ ๆ ของคนตรงหน้า

“จะยืนอีกนานมั้ย หรืออยากมานั่งบนตักชั้น หืม!”

แอนดี้นั่งลงอย่างว่าง่ายบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้ามกัน บนโต๊ะอาหารไม่ได้มีอะไรมากมาย แต่กระเพาะน้อย ๆ ที่แทบไม่ได้แตะข้าวไปเมื่อกลางวันเริ่มส่งเสียงครวญครางประท้วงทันทีที่เห็นอาหารเหล่านั้น อืม! เพิ่งรู้สึกตัวว่าหิวก็ตอนนี้แหละ

.
.
.
ระหว่างมื้อค่ำที่ดำเนินไปเงียบ ๆ คนทั้งคู่ต่างใส่ใจอยู่กับอาหารตรงหน้าของตนเท่านั้น ความดีใจก่อตัวเล็ก ๆ ในอกที่เอริคยังจำวันเกิดตัวเองได้ เพราะปกติไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เค้ามักต้องคอยบอกคอยเตือน คอยทวงอยู่เสมอ แต่นั่นก็เป็นความดีใจได้อย่างไม่เต็มที่นัก เพราะภายใต้ใบหน้ายิ้ม ๆ อีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ก็ยากจะเดาเหลือเกิน

“เห็นว่านายก็อยู่ด้วย ตอนที่ไอ่ซองมันโดนรถชน” เอริคที่พูดอย่างไม่ใส่ใจนัก ยังคงสูดเส้นบะหมี่เข้าปาก หากแต่อีกคนที่กำลังเคี้ยวอาหารช้า ๆ พลันชะงักงันไปครู่ ว่าแล้วก็พยักหน้าพลางเคี้ยวต่ออย่างปกติที่สุด

“ที่โรงพยาบาล นายคุยอะไรกับพี่เฮซองบ้างเหรอ”

“ตอนไปเยี่ยม หมอนั่นเพิ่งทานยาน่ะ กำลังจะหลับ เลยไม่ค่อยได้คุยเท่าไหร่”
.
.
.
“.....” แอนดี้วางตะเกียบในมือลง ถือจานตัวเองแล้วลุกขึ้น ทำเอาเอริคแปลกใจ


“ทำมัยทานน้อยนักล่ะ หรือว่าไม่อร่อย”
“เปล่า”

“ไม่สบายเหรอ หรือว่านายกินไม่ลง เพราะ... นายกำลังท้อง”

“ไอ้บ้า!!!!!!!! ชั้นเป็นผู้ชายนะ ท้องได้ที่ไหน” แอนดี้หันมาว้ากคนที่หัวเราะจนตัวงอบนเก้าอี้ ก่อนจะเดินลิ่ว ๆ เข้าครัวไป

..
.
“จะกลับแล้ว”

“ไม่นอนที่นี่เหรอ”

“อืม.. จะไปนอนกับแม่”

“คุณน้าโทรมาบอกว่าให้ชั้นช่วยจัดวันเกิดให้นายด้วย เพราะท่านกลับมาไม่ทัน ยังอยู่ที่สิงคโปร์ไม่ใช่เหรอ”

“เอ่อ .. ก็ .. แม่บอกว่าจะรีบกลับมานี่น่า” แอนดี้เริ่มหน้าซีด แต่ใบหน้าเอริคกลับเป็นปกติสิ้นดีจนน่ารำคาญ

“นายลืมอะไรไปอย่างนึงรึเปล่าแอนดี้ นั่งลงก่อนสิ”

“ลืม? … อะไรงั้นเหรอ”

“เค้กไง ยังไม่ได้เป่าเค้ก ชั้นทำซุปสาหร่ายไม่เป็น ฉะนั้นเป่าเค้กแทนละกันนะ”

“อ่อ .. อืม ก็ได้” แต่ละประโยคที่เอริคอ้าปาก ทำเอาคนตัวเล็กใจหายแทบทุกครั้ง เพราะกลัวว่าคำพูดใดคำพูดหนึ่งที่หลุดออกจากปากนั้น มันคือเรื่องที่เค้ากำลังกังวลสุดหัวใจ

คนตัวเล็กทรุดตัวลงที่เดิม หลับตาอธิฐานพึมพำชั่วครู่ ก่อนเป่าเทียนพวกนั้นจนดับ ห้องที่มีเพียงแค่ความสลัววูบไหวจากแสงเทียนเมื่อครู่ พลันมืดสนิทลงทันที ผ่านไปจนกระทั่งสายตาเริ่มชินกับความมืดดีแล้ว แสงสลัวของดวงจันทร์ที่ทอดผ่านเข้ามาภายในห้อง กลับทำให้ใบหน้าคมที่มืดสนิทของคนตรงหน้า ปรากฏเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง

อาการที่นิ่งเงียบของเอริค มันทำให้ดวงใจดวงน้อยเริ่มสั่น บ่อยครั้งที่ตัวเองเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว และบ่อยครั้งที่หูแว่วได้ยินแต่เสียงเรียก โดยที่รอบตัวมีแต่ความเงียบสนิท

“ไม่เปิดไฟเหรอ”

“อย่างนี้แหละดีแล้ว ยังงัยซะนายก็ไม่อยากเห็นหน้าชั้นเท่าไหร่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอแอนดี้”

“เปล่านี่”

เอริคเลื่อนจานข้าวของตัวเองออกไปไกลตัว ยกข้อศอกสองข้างเค้ายันโต๊ะไว้ ปลายนิ้วเรียวปาดครีมบนหน้าเค้กเข้าปากเนือยๆ

ไม่มีเสียงพูด ไม่มีคำขู่ ไม่มีอะไรทั้งนั้น เหมือนคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าไม่มีตัวตนด้วยซ้ำ

แต่ก็เพียงไม่นาน ความเงียบนั้นก็ถูกทลายลงอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ
.
.
.
.
“ไม่ว่านายจะเป็นอะไรนะแอนดี้ ชั้นรู้แล้วว่านายรู้สึกผิดมาก แต่การที่นายคอยหลบหน้าชั้นอยู่อย่างนี้ ไม่คิดเหรอว่ามันจะยิ่งทำให้ชั้นโกรธ”

“ไม่ได้หลบหน้า แต่นายก็กลับดึกทุกวันนี่ ชั้นไม่อยากอยู่ห้องคนเดียว”

“งั้นเหรอ ... โอเค เรื่องนั้นชั้นผิด แล้วนายมีอะไรอยากพูดกับชั้นอีกมั้ย”

เด็กน้อยก้มหน้างุดอีกครั้ง ไม่แน่ใจว่าเหมือนกัน ว่าตัวเองจะทำอะไรดี ระหว่างกินเค้กเงียบ ๆ กับนั่งเฉย ๆ หรือจะลุกเดินออกไปข้างนอกดี ...
.
.
.
.
“ชั้น..ขอโทษ”
.
.
นานทีเดียวที่ประโยคนี้จะหลุดออกจากปาก แม้อยากจะพูดมาหลายวันแต่ก็ไม่กล้า เค้าอยากจะเจอหน้าแค่ไหนแต่ก็กลัว หากแต่วันนี้ทำนบแห่งความอึดอัด ต้องถูกพังทลายลงซักที หัวใจเค้าไม่อาจรับอะไรที่นานเกินไปกว่านี้ได้แล้ว

“เอาเหอะ ลืมมันซะ ชั้นให้อภัย ชั้นไม่อยากเห็นนายทำหน้าแบบนั้นแล้ว”
.
.
.
.

“คือว่า...”

“กินเค้กดีกว่า นายชอบเค้กนี่ ใช่มั้ย” เอริคตัดเค้กชิ้นเล็กใส่จาน เลื่อนมันมาไว้ตรงหน้าเค้า แววตาจริงจังเหมือนต้องการเห็นเค้าตักมันเข้าปาก ไม่งั้นอาจเจอวิธีการป้อนแบบทรมานอีกก็เป็นได้ ...
.
.

คนรักของเค้ามักเป็นแบบนี้เสมอ เวลาที่แอนดี้เผลอทำอะไรผิด เอริคก็คอยแต่จะพูดว่า “เอาเหอะ ชั้นให้อภัย” แล้วก็มักทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สิ่งนั้นมันอาจดีตรงที่ไม่ต้องมาคอยสาธยายความรู้สึกแย่ ๆ ให้ฟังกันอีกครั้ง แต่เอริคคงไม่รู้สินะว่าการทำแบบนั้น มันยิ่งทำให้คนผิดอย่างเค้าจมอยู่ในความสำนึกผิดไปอีกนาน กลาย ๆ ว่าคงเป็นบทลงโทษของคนอย่างหมอนั่น .. บทลงโทษที่ดูเหมือนไม่มีอะไรมาก แต่ก็สาหัส แน่ล่ะ เจ้ายักษ์นั่นมีความสามารถพิเศษที่จะทำให้เค้าสบายใจขึ้น และความสามารถพิเศษอีกอย่างนั้นก็คือ ทำให้เค้ารู้สึกผิดได้อย่างร้ายกาจที่สุด



“มานี่สิ” เสียงทุ้ม ๆ แหวกความเงียบสะกิดให้ร่างเล็กสะดุ้งไปอีกหน แอนดี้ก้มหน้างุด แต่ก็ยังยอมลุกขึ้นตามคำสั่งแต่โดยดี

“ชั้นไม่รู้หรอกนะ ว่ามันเป็นเพราะอะไร หรือสาเหตุอะไรที่ทำให้นายเชื่องเหมือนลูกแมวแบบนี้ แต่นายก็เข้าใจไว้ด้วย ว่าความผิดนั้นมันก็เป็นความผิดของชั้นครึ่งหนึ่ง” มือแกร่งออกแรงดึงให้คนร่างบางตรงหน้า ทรุดตัวลงนั่งบนตัก สองแขนโอบกอดไว้หลวม ๆ ราวต้องการปลอบประโลม แอนดี้ไม่รู้หรอกว่าหน้าตาของตัวเองตอนนี้มันอยู่ในอารมณ์ไหน รู้แต่ว่า หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป น้ำตาของเค้าอาจจะหยดลงมาในวินาทีใดวินาทีหนึ่งก็เป็นได้

“นายรบเร้าอยากฟังคำว่ารักจากปากชั้นใช่มั้ย ทั้ง ๆ ที่นายก็รู้ว่าชั้นไม่ต้องการจะพูดออกมา แต่วันนี้มันเป็นวันเกิดนายนี่นะ เผื่อมันจะช่วยให้นายดีขึ้น”

ราวกับไม่ทันได้ตั้งตัว เอริคฝังจมูกโด่งของตนซุกไซ้ไปกับใบหูนิ่ม ๆ คลอเคลียอยู่ซักพักจนคนตัวเล็กบนตักเริ่มสั่นเทิ้ม ริมฝีปากหนา ๆ เป่าลมหายใจร้อน ๆ ลงไปแผดเผาผิวบางตรงนั้นจนแทบไหม้เกรียมในพริบตา ... รอยจุมพิตเล็ก ๆ ประทับไว้พร้อมคำกระซิบแผ่วเบา แต่หวานล้ำ

“ชั้นรักนาย แอนดี้”
.
.
.
“อ๊ะ~~~”

ไม่หยุดแค่นั้น ลิ้นชื้น ๆ ลากเลื้อยต่อไปยังลำคอขาวเป็นทางยาว ชะงักลงตรงซอกคอขบเม้มให้เกิดรอยแดงเล็ก ๆ ก่อนพร่ำคำพูดแสนหวานนั่นอีกครั้ง

“ชั้นรักนาย แอนดี้”

“อ่า~~ เอ .. ริค พอเหอะ” คำห้ามขาดเป็นห้วงในขณะที่เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ เริ่มซึมตามไรผมจนชื้น มัจจุราชภายใต้ใบหน้าหล่อเหลากระตุกมุมปากยิ้มเย็น ไม่ว่าคำพูดหรือมือไม้ที่ปัดป่ายผลักอกเค้าอยู่ตอนนี้ ก็หยุดเค้าไม่ได้ คราวนี้ร่างสูงดันตัวเล็กขึ้น ผลักให้ครึ่งตัวราบไปกับโต๊ะอาหาร มือแกร่งข้างหนึ่งรวบมือที่ดึงคอเสื้อเค้าไว้ อีกมือก็ปลดกระดุมเสื้อนักเรียนสองสามเม็ดบน แหวกสาบเสื้อจนมองเห็นผิวขาวเนียนและเนินอกราบเรียบ ก้มหน้าใช้ลิ้นตนบรรจงลาก ปล่อยรอยชื้นจากปลายลิ้นไว้เป็นทางยาวจากลำคอจรดยอดอกที่เริ่มแดงระเรื่อ มันเย็นเยียบหรือร้อนเร่าก็ยากจะแยกแยะ อวัยวะที่ไร้กระดูกและนิ่มแสนนิ่มนั้นยังคงทำหน้าที่โดยหมุนวนเป็นวงกลมบรรจงจูบแผ่วเบาลงไปอีกหลายจุด และหยุดชะงักเพื่อสร้างรอยแดงไว้จนทั่วแผ่นอกขาว

“ชั้นรักนาย แอนดี้ ... ชั้นรักนาย ..” ลิ้นร้อนเดินทางมาจนสุดทางของสาบเสื้อ มือข้างหนึ่งเลิกชายเสื้อขึ้นและฝังรอยจุมพิตไว้เต็มหน้าท้อง และเป็นอีกครั้ง ที่คำพูดเพียง 3 พยางค์ ทำเอาคนตัวเล็กแทบขาดใจ

“ชั้นรักนาย ... แอนดี้”

“เอ.. เอริค .. ปล่อย ปล่อยชั้น” ดวงตาปรือหลับปี๋เพราะความเสียวซ่าน หน้าเล็กส่ายไปมาจนผมเผ้ากระจาย ขาที่เริ่มอ่อนแรง หากไม่มีมือแกร่งรั้งเอวบางไว้ คงร่วงหล่นจากโต๊ะไปแล้วเป็นแน่

แค่เห็นเด็กน้อยน่ากินบนโต๊ะอาหารเริ่มออกอาการทุรนทุราย เอริคจึงหยุด ดึงร่างบางขึ้นจับให้นั่งบนตักในท่าเดิม สีหน้าคนตัวเล็กบนตัก แดงแจ๋ราวกับถูกสาดด้วยสี แถมสติก็เหมือนจะหลุดลอย เด็กน้อยก้มหน้างุดคลำทางหากระดุมตัวเองที่โดนไอ้ยักหื่นมันปลดออกอย่างเบลอ ๆ แต่แล้วก็โดนหยุดด้วยการจับข้อมือเค้าไว้ให้อยู่นิ่ง ๆ

“เป็นไง คำบอกรักของชั้น นายคงพอใจนะ” คิ้วแอนดี้เริ่มขมวดเข้าหากัน น้ำคำที่เอ่ยเรียบ ๆ แต่ฟังดูเหมือนประชดกลาย ๆ นั่นมันน่าเอากำปั้นไปฝากไปไว้บนหน้าหล่อ ๆ ซักที หากแต่ตอนนี้เค้าไร้เรี่ยวแรงจะตั๊นหน้าใครทั้งนั้น

“ก็ไม่ได้จะให้พูดพล่อยๆ ออกมาถี่ ๆ แบบนี้หรอกนะ ถ้าไม่อยากพูด ก็ไม่ต้องพูด”

“ฮึ ๆ ไม่พอใจอีกแล้ว เหมือนชั้นชอบทำให้นายหงุดหงิดอยู่เรื่อยเลยว่ามั้ยแอนดี้… นี่! ชั้นพูดไปตั้งหลายครั้งนะ ไม่เห็นนายตอบกลับมาซักครั้ง ปกติเห็นพูดให้ได้ยินบ่อย ๆ พูดเจื้อยแจ้วเหมือนนกแก้วนกขุนทอง”

“ก็ตอนนั้นใครมันจะได้พูดได้กันเล่า ลองให้ชั้นทำกับนายแบบเมื่อกี๊ดูบ้างมั้ย โธ่!” แอนดี้ดึงมือของตัวเองให้หลุดออกจากการเกาะกุม และเอามากอดอกตัวเองไว้ ไม่ใช่รำคาญ แต่แค่กลัวหัวใจมันจะกระโดดออกมาเต้นข้างนอกมากกว่า

เอริคเปลี่ยนกริยาบท ขยับตัวนิด ๆ แล้วดึงขาคนตัวเล็กพาดคล่อมตัวเองไว้ ใบหน้าทั้งคู่หันมาสบตากันชัด ๆ ดันให้แผ่นหลังแอนดี้ติดกับโต๊ะอาหาร มือเรียวดึงมือเล็กข้างหนึ่งขึ้นมา วางทาบไปกับอกข้างซ้ายของตัวเองแล้วนิ่งค้าง แววตาที่แอนดี้เคยคิดว่ามันสามารถประหัตประหารใครก็ตามที่อยู่ใกล้ ส่งประกายเจิดจ้าจนแทบจิ้มลูกตาปรือเล็กของเค้าจนบอด แต่หากว่าจะบังคับตัวเองให้หันหน้าหนี ก็ไม่สามารถทำได้

“นายรู้มั้ยว่าในนี้มีอะไร .. แอนดี้” คนตัวเล็กหลุบสายตามองไปยังบริเวณที่มือของเค้าวางไว้ เสียงหัวใจที่อยู่ภายในนั้นแม้ฟังแทบไม่ได้ยินเพราะหูที่เริ่มอื้อและหัวสมองที่เพิ่งโดนปั่นมาหยก ๆ แต่การสั่นสะเทือนกลับรับรู้ได้ง่ายผ่านมือบางของตน

“ก็มีหัวใจน่ะสิ” ตอบไปก็อายแสนอาย

“แล้วรู้มั้ย ว่าในหัวใจชั้นมีอะไรอีก?”

“หัวใจของนายน่ะเหรอ?? … มันก็ต้องมี ... มี...”

“ในนั้นมันมีนาย ที่มันยังเต้นอย่างทุกวันนี้ได้ ก็เพราะนาย ฉะนั้น นี่คือคำตอบว่าทำไมชั้นถึงไม่พูดคำว่ารัก บางทีบางครั้ง มันก็ไม่จำเป็นสำหรับคนที่รู้สึกแบบนั้นอยู่ตลอดเวลาหรอก หากแต่นายจะรับรู้มันได้ผ่านการกระทำอื่น ๆ ...คำที่ชั้นพูดไปครั้งนึงเมื่อนานมาแล้ว เมื่อไม่มีความรู้สึกอื่นใดมาเปลี่ยนแปลง อยากได้นายรู้ไว้ว่ามันก็ยังเป็นเช่นเดิมอยู่ .. คราวนี้รู้รึยัง”

“..แต่คำพูดก็ช่วยให้เราเข้าใจอะไรง่ายขึ้นนะ ใครจะรู้ วันดีคืนดีนายอาจเบื่อชั้นก็เป็นได้”

“วันที่ชั้นเบื่อนาย คือวันที่หัวใจดวงนี้หยุดเต้นลงแล้ว”

“....” แอนดี้หลบสายตาวูบ ไม่เคยคิดเลยว่าคนทื่อ ๆ อย่างเจ้ายักษ์ขึ้เซาจะพูดอะไรน่าอายแบบนี้เป็นซะด้วย

“ตอนนายป่วย ชั้นไม่กล้าแม้แต่จะกอดนายแรง ๆ ชั้นกลัวว่าชั้นจะทำให้นายเจ็บ ชั้นไม่กล้าจะจูบนายเพราะชั้นกลัวนายหายใจไม่ทัน แต่ตอนนี้นายหายดีแล้ว ชั้นกอดนายแรง ๆ เพราะชั้นรู้สึกได้ว่าชั้นยังมีนายอยู่และจะไม่สูญเสียนายไปอีก ชั้นจูบนายได้แรง ๆ เพราะเวลาที่นายประท้วงเสียงอู้อี้ในลำคอนั่น มันฟังเพราะดีน่ะ”

“นายเป็นซาดิสงั้นสิ”

“งั้นนายก็เป็นมาโซแล้วล่ะ”

“เหอะ ไม่ใช่ซักหน่อย”

“ชั้นก็ไม่ใช่” เอริคสวนทันควัน
“... เอาเป็นว่านายยังคงเป็นคนรัก อย่าคิดเองไปไกลว่านายรักชั้นแค่ข้างเดียวอีก เข้าใจมั้ย”

“...” ไร้คำพูดขานรับแม้เพียงซักพยางค์ คนตัวเล็กได้แค่พยักหน้านิด ๆ เป็นเชิงรับรู้ ก่อนผวาเข้าสู่อ้อมแขนที่แข็งแรงและอบอุ่นที่สุดในโลก ซุกหน้าลงบนอกกว้างที่ยังมีแรงสั่นสะเทือนตามอัตราการเต้นของหัวใจ ใบหน้าร้อนผ่าวราวได้ยินคำรักเป็นร้อยๆ ครั้ง ...เด็กน้อยได้แต่ปล่อยน้ำตาให้ ไหลนองจนชุ่มเนื้อผ้า


.
.

“ชั้นขอโทษ เอริค.. ชั้น” เสียงสะอื้นเล็ก ๆ ครวญครางอย่างน่าสงสาร อ้อมแขนเล็กรั้งร่างสูงเข้ามาแนบชิดเหมือนเด็กน้อยที่กำลังไขว่คว้าหาที่พึ่งหลังจากจมอยู่ในห้วงแม่น้ำลึก เอริคผลักแอนดี้เบา ๆ ออกห่างจากอก บรรจงใช้สองมือซับน้ำตาที่ไหลรินเป็นทางยาวข้างแก้มเบามือ ดวงตาคมเฝ้ามองแพขนตาที่กระพริบปริบและเต็มไปด้วยหยดน้ำอย่างสุดแสนรัก เด็กน้อยสะอึกเล็ก ๆ สูดจมูกเสียงดัง สะกดลมหายใจเพื่อเปล่งให้คำพูดต่อไปชัดเจนที่สุด

“ชั้น... ฮึก ชั้น ไม่ได้ตั้งใจ .. ฮึก .. ชั้นแค่..แค่..”

“แค่พูดออกมาว่านายรักชั้น เรื่องอื่นชั่งมัน..พูดสิ แอนดี้” เด็กน้อยเงยหน้า มองสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา น้ำเสียงจริงจังเหมือนสะกดให้ตัวเองต้องเผยอริมฝีปากอีกครั้ง แทบไม่น่าเชื่อว่า 3 พยางค์จากนี้ไม่มีคำไหนสะดุดติดขัด ตรงกันข้าม มันกลับมั่นคงและฟังดูเข้มแข็งจนน่าตกใจ

“ชั้น รักนาย”

“แค่นี้ก็พอแล้ว” เอริครั้งร่างเล็กในอ้อมแขนเข้ามากดจูบลงไปบนริมฝีปากที่เพิ่งพร่ำคำรักจบลง แอนดี้น้อยอึ้งไปนิด ดวงตาใส ๆ ที่ยังคงมีหยดน้ำคั่งค้างกระพริบทีเดียวก็ปล่อยลงมาอาบแก้มอีกเป็นทาง แต่รสจูบกลับทำให้อาการสะอื้นหยุดลง เอริคบดขยี้กลีบปากบางอีกหลายต่อหลายหนจนแดงช้ำ ก่อนละจากความหอมหวานภายในโพรงปากหันมาพรมจูบเบา ๆ ลงบนเปลือกตาอีกที

“หยุดร้องนะคนดี .. นายร้องแบบนี้แล้วชั้นแกล้งนายไม่ลงเลย รู้มั้ย”

เด็กน้อยซบหน้าลงกับอกกว้างอย่างเขินอาย เสียงสะอื้นหายไปแล้ว น้ำตาก็หยุดไหลแล้ว แต่ความอุ่นวาบในใจ ต่างประเดประดังหลั่งไหลจนล้นเอ่ออยู่ภายในอกนี้ แรงสั่นสะเทือนของก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายของเอริค ดังก้องอยู่ในหูที่แนบกับผิวเนื้อ ฟังดูเพลิน ๆ และไพเราะราวบรรเลงด้วยบทเพลงออเคสตร้าวงใหญ่
.
.
.
.


เต้นไปเถอะเจ้าหัวใจ เต้นให้แรง ๆ นะ เพราะชั้นจะได้รู้ว่าชั้นยังคงมีตัวตนและสบายดีอยู่ในนั้น ....










เห็นหัวเรื่องเป็นงี้ งวดหน้าก็เดาได้ชิมิ ว่ามันต้องเป็นจินไซด์ ..
เฮ้อ!! ถอนหายใจแรง ๆ 1 เฮือก ใกล้และ ใกล้และ ใกล้และ ...




 

Create Date : 24 มีนาคม 2552
16 comments
Last Update : 31 มีนาคม 2552 21:55:26 น.
Counter : 975 Pageviews.

 

อ้า~~~

ป๋าแบบว่าถูกใจมาก~...พูดมาได้ไงว่านายกำลังท้อง

อ้า~~~ โดนใจไปแล้ว~

อ้า..แต่นี่ป๋าตกลงยังไม่รู้เรื่องจินดี้นี่นา

..อืม...เมื่อไหร่ป๋าจะรู้นะ...แล้วถ้ารู้อะไรจะเกิดขึ้น? (ไม่อยากคิด..แต่อยากให้เกิด55+)

อืม..ชอบตอนนี้จัง..ป๋าออกแนวหวานป่าเถื่อนดี55+

อย่างนี้ต้องรอดูตอนหน้าจินจะง้อซองยังไง ...จะร้อนแรงกว่านี้หรือเปล่า55+

อดใจรอไม่ไหวแล้วนะเนี่ย~

ปล.ว่าแต่ใกล้จบแล้วเหรอพี่พุด

อย่าพึ่งเลยนะT-T







 

โดย: wizze IP: 124.121.232.56 24 มีนาคม 2552 21:55:48 น.  

 

เศร้าอะ

 

โดย: ลูกหมูของลูกนก IP: 118.172.132.82 24 มีนาคม 2552 23:19:21 น.  

 

เอ....อ่านแล้วรู้สึกเหมือนป๋าจะรู้แล้วว่า
เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น แต่ก็เพราะรักก็
เลยไม่โวยวายชวนทะเลาะ แล้วใช้วิธี
บอกรักสร้างความมั่นคงในใจให้แทน
ใช่ปะ(หรือคิดไปเอง ก็มันรู้สึกงั้นจริงๆ)
ส่วนซองกี้ก็สมควรโกรธจินนี่อยู่หรอก
ก็เล่นจูจุ๊บกันให้เห็น แถมเป็นริมถนนอีก
ต่างหาก เหมือนจะโชว์ให้คนทั้งโลกรู้
เลยงั้นแหละ ว่าตัวซึ้งใจกะน้องดี้แค่
ไหน แล้วยังมาบอกอีกปาวๆ ว่าไม่ได้
ตั้งใจ โกหกกันเห็นๆเลยนะนั่น แบบนี้
ต้องจิกให้เจ็บ จะได้เข็ด...ว่างั้นมะ....
แล้วจะรอจินไซด์นะ ตามด้วยซองไซด์
กะริคไซด์นะ เรือน่ะ..ปล่อยให้มันลอย
ล่องอยู่ในมหาสมุทรไปก่อนละกันนะ..
ไปล่ะนะ.......................................

 

โดย: JM IP: 116.58.231.242 25 มีนาคม 2552 3:27:15 น.  

 

ป๋าพูดได้ซึ่งมากเลย ๆ พูดได้ถูกต้อง
คำว่ารักไม่จำเป็นต้องพูด
แต่เห็นด้วยกับดี้อ่ะ คำพูดมันฟังเข้าใจง่ายกว่า

แต่ที่ถูกใจสุด ๆ ต้องประโยคนี้ "นายกำลังท้อง" ป๋าอาจจะหมายถึงท้องอืดก็เป็นได้ แต่ว่าหนูมั้นใจว่าหมายถึงตั้งครรภ์ ซึ่งถ้าดี้เป็นผู้หญิงคงท้องไปนานแล้วละหุหุ

 

โดย: ket_dd IP: 202.151.41.53 25 มีนาคม 2552 8:44:35 น.  

 

“ไม่สบายเหรอ หรือว่านายกินไม่ลง เพราะ... นายกำลังท้อง”
กรั่กๆๆๆ ป๋าอยากมีลูกล่ะซี่ถึงแซวไปยังงั้น แม่ออกน่ารักเลยอยากรู้ว่าลูกออกมาหน้าเป็นไง เหอๆ

เข้าเรื่องดีกว่า ป๋าคงรู้สึกได้ว่าแอนกะลัง
มีอะไรในใจ แต่เลือกที่จะไม่รับรู้ดีกว่า คงเห็นว่าแฟนตัวเองเสียใจขนาดนั้น ก็เลยเนียน บอกรักด้วยวิธีแบบว่า เอิ่ม...
เป็นไงล่ะแอน ซึ้งมะ

"แต่นายก็เข้าใจไว้ด้วย ว่าความผิดนั้นมันก็เป็นความผิดของชั้นครึ่งหนึ่ง"
อ่า~~ป๋าแม้นแมน

“วันที่ชั้นเบื่อนาย คือวันที่หัวใจดวงนี้หยุดเต้นลงแล้ว”
โอย จะมีมั้ยเนี่ยปู้จายหยั่งเงี้ยะ

รอตอนหน้าจินไซด์ พี่พุดอย่าลืมนะฮะว่าออมม่ายังอยู่โรงบาล เหอๆ



 

โดย: โบ_andyholic IP: 119.31.20.243 25 มีนาคม 2552 22:26:23 น.  

 

พี่พุดดดดดดดดดดดดดด TT ><
ทั้งน้ำตาจะไหล ทั้งซึ้ง ทั้งเขิน ทั้งใจสั่น ทั้งหวิว โอ้สสส เกินจะบรรยายย

สงสารดี้จับจิต
แต่...
ป๋าเท่ห์ เท่ห์มากกกกกกกกกกกกก กรี๊สสสสสส >w<"
แล้วพอนึกภาพดี้ท้อง แล้วป๋าคอยป้อนของดองให้กินก็ 555555

รอจินไซด์ค่า ^^

 

โดย: da friday child 26 มีนาคม 2552 2:07:48 น.  

 

ตอนนี้ซึ้งมากเลยน้องพุด เล่นเอาน้ำตาคลอเลย อ่านไปก็ลุ้นไปว่าป๋ารู้รึยัง ป๋าจะพูดเมื่อไหร่ แต่ป๋าเจนทั่ลแมนมากๆ คิดว่าป๋าคงสงสัยและอยากรุ้จากปากดี้ว่าเกิดรัยขึ้น และทำไม แต่ป๋ารักดี้มาก ห่วงความรู้สึกดี้มากกว่าตัวเอง ใช้ความเข้าใจ และให้อภัย โดยไม่ถามหาคำอธิบาย สงสารดี้อ่ะ ร้องไห้ตาบวมแน่ๆเลย เฮ้อ....โทษฐานของการสมยอม..มันก้อเจ็บนะนั่น (แล้วเจ้าคนก่อเรื่องล่ะ จะโดนหนักขนาดไหนเนี่ย)

“แค่พูดออกมาว่านายรักชั้น เรื่องอื่นชั่งมัน.. /// .....ป๋าเท่ห์คอดดดดดด ถึงจะเป็นยักษ์ขี้เซา (หื่น) แต่บทจะเท่ห์ ก้อนะ....เท่ห์ได้ใจชิงๆ

ก้อแฮปปี้เอนดิ้งไปคู่แระ โรแมนติกดีด้วยอ่ะ พี่ชอบ รอลุ้นอีกคู่ ถ้าจบไม่ลงในตอนเดียวมะเปนไรนะน้องพุด (ยังไม่อยากให้จบเลยอ่ะ) ฮ่าๆๆ ฉาก NC พี่เชื่อว่าน้องพุดแต่งได้....น้องพุดไฟท์ติ้ง...

 

โดย: ไอ้หนูลูกพ่อ IP: 155.140.255.113 27 มีนาคม 2552 13:07:52 น.  

 

หืมม...ป๋าเป็นแบบนี้น่ากัวอ่ะ แบบสงครามประสาทมากๆ ชักสงสารนุ้งดี้


แต่...ไม่รู้สิ...อ่านแล้วรู้สึกได้ว่านี่แหละ..เอริค


กางมุ้งรอตอนหน้านะค๊าบ

 

โดย: แม่ยกชูงแจ 27 มีนาคม 2552 16:16:20 น.  

 

ชอบตอนนี้จัง ป๋าอ่อนหวานชะมัด “วันที่ชั้นเบื่อนาย คือวันที่หัวใจดวงนี้หยุดเต้นลงแล้ว”

ตอนนี้ พี่เก๋อ่านแบบเกือบจะลืมหายใจเลยย อ่านจบต้องรีบหายใจเฮือกๆๆๆ หัวใจเต้นอย่างเร็ว รูู้้สึกเหมือนกำลังตกหลุมรักป๋า เอาแล้วงัยยย ป๋าโรแมนติคง่ะ อยากเป็นนุ้งดี้ซะเองเลยช๊านนน

-----------------------------------

รอกรี๊ดตอนนี้ต่อ จินไซด์ เหอๆๆ

 

โดย: kayzila IP: 124.120.158.64 28 มีนาคม 2552 10:28:06 น.  

 

อ่านแล้วคิดว่า "ริครู้แต่ทำเป็นไม่รู้"

เพราะว่าอะไรก็ไม่สำคัญเท่า "ไอ เลิฟ ยู" แต่ก็มีบทลงโทษกลายๆ นะ

เอ... หรือว่าไม่รู้เรื่องอะไร แต่ไม่น่าจะไม่รู้นะ เพราะแอนทำตัวผิดจากที่เคยมาก คอยหลบหน้า นี่เป็นสิ่งที่น่าคิด...


 

โดย: jenney IP: 58.8.227.121 28 มีนาคม 2552 11:16:44 น.  

 

T__T พี่ป๋ารู้ พี่ป๋าเท่ค่อดๆ

“วันที่ชั้นเบื่อนาย คือวันที่หัวใจดวงนี้หยุดเต้นลงแล้ว”
^
^
อ๊ากกกกกก อ่านแล้วอยากจิลงไปนอนดิ้นพราดๆๆๆๆ
รู้สึกเหมือนใครเอาน้ำผึ้งผสมมะนาวมาราดรดลงกลางใจซ้อ T_T

 

โดย: duckie IP: 124.121.27.207 29 มีนาคม 2552 21:31:01 น.  

 

พี่ป๋า โค-ตะ-ระ เท่ห์ เลย

อ่านแล้ว เห็นหน้าหล่อๆของป๋าลอยมาเลย

ดี้เอ๊ย...มีแฟนดีจิงๆ หล่อ เก่ง รวย เท่โคด ชักอิจฉา


 

โดย: piyawan IP: 118.172.244.217 29 มีนาคม 2552 22:17:40 น.  

 

มาเม้นแล้ว

หมั่นไส้อิป๋าอ่ะ แต่ว่าก็ชอบนะที่ออกมาเป็นแบบนี้ ดูฉลาดดี
แต่ว่าสามารถกดดันให้ดี้รู้สึกผิดจนต้องขอโทษนี่มันก็ใจร้ายกะดี้จังนะ

เอ๊ะ ตกลงเชียร์ใครกันแน่เนี่ย

 

โดย: an IP: 118.172.97.64 29 มีนาคม 2552 22:32:34 น.  

 

ฮี่ๆ เด๋วนี้ชอบมาปิดท้าย

พี่ป๋าอาจระแคะระคาย ไม่ก็เล็งเห็นความเปลี่ยนแปลงหรือเหม่อลอย หรือห่างเหินของอีกฝ่าย ก็เลยใช้วิธีแบบนี้เพื่อที่สถานการณ์จะได้ไม่เลวร้ายและรุนแรง แถมน้องดี้ยังสำนึกรู้สึกตัวว่าผิดด้วยตัวเองอีกแนะ

ว่าแต่รู้หรือไม่รู้เนี่ย

คู่นี้บนโต๊ะอาหาร แล้วอีกคู่จะไปไหนดีอ่ะ กะลังรอลุ้นอีกคู่อ่ะ

 

โดย: Orange Rose 30 มีนาคม 2552 18:18:14 น.  

 

T^T น้ำตาไหลพรากกกก

พี่พุดข๋า... โมเม้นป๋าที่หนูเคยรู้สึกมันกลับมาอีกแล้วค่ะพี่ เอิ๊กกกกก

ผู้ชายแบบนี้ในโลกหาได้ที่ไหนค่ะ หนูอยากมีใครเข้าใจแบบนี้สักคน อิอิ

มองตาก็เข้าใจ ไม่ต้องบอกความในผ่านคำพูด แค่เข้าใจกันและกันก็พอแล้วนะค่ะ ดีแล้วละค่ะ ดีนะค่ะที่ป๋าเข้าใจ แล้ว ... แหมๆๆๆ พอดีโต๊ะตัวนั้นหนูเข้าไปแอบใต้โต๊ะไม่ทันอะค่ะ เขารีรันอีกสักรอบได้หรือเปล่าค่ะพี่ (กร๊ากกก... มันไม่ค่อยหื่นเลยนะเนี่ย)


รออ่านแม่ลูกต่อนะคะ สงสารออมม่าที่สุดดด กร๊ากกก ปรับความเข้าใจเลยนะค่ะจินนี่ เอาแบบหนักๆให้เข้าใจกระจ่างไปเลย กร๊ากกก (ไม่ไหวแล้วคะพี่ หนูชักจะเปิดเผยตัวเองมากไป เอิ๊กกกก )

ไปและค่ะ ขอบคุณนะคะพี่พุด.. หนูรออ่านต่อนะค่ะ Fighting!!!

 

โดย: praery_za IP: 58.10.170.113 30 มีนาคม 2552 22:31:43 น.  

 

“แล้วรู้อะไรมั้ย ว่าในหัวใจชั้นมีอะไร?”

“หัวใจของนายน่ะเหรอ?? … มันก็ต้องมี ... มี...”

“ในนั้นมันมีนาย ที่มันยังเต้นอย่างทุกวันนี้ได้ ก็เพราะนาย

ป๋าจ๋า ป๋าจะน่ารักไปถึงไหน
แค่นี้ น้องดี้ ก็หนีไปไหนไม่รอดแล้ว

ตอนนี้ อยากเป็นน้องดี้ที่สุดเลย


น้องพุด ไม่ต้องรีบจบนะจ๊ะ
รอตอนต่อไปจ๊า สู้สู้

 

โดย: Pekkiokung IP: 58.8.95.224 31 มีนาคม 2552 21:26:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


พุดดิ้งของซอนโฮ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add พุดดิ้งของซอนโฮ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.