|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
Shot fic shinhwa .... ก้าวเดียว ...Woo-Dong ep.1
ก้าวเดียว อูด้ง ep.1 ดวงดาว...ดวงที่นายไม่เคยมองเห็น
ยังไม่ทันทุ่มเลย มองเห็นดาวบนฟ้าแล้ว ตั้งสองดวงแน่ะ นายดูสิ
อืม!...
.. .
แต่ความจริงน่ะ มันก็อยู่ตรงนั้นของมันเสมอแหละ กลางวัน หรือกลางคืน เพียงแค่นายมองไม่เห็นมันเองต่างหาก
งั้นเหรอ
ใช่ ... .. . น่าแปลก...ที่หมอนั่นจะรู้อะไรแบบนั้นด้วย ไอ้พวกเคร่งตำรา ตลกฝืดไปวัน ๆ อย่างเจ้าดงวานนั่นน่ะนะ แม้ว่าเมื่อก่อนมันจะชอบดูดาวก็เถอะ แต่นั่นก็นานมากแล้วนี่ ...
และก็ยิ่งน่าแปลก...ที่แววตายามเหม่อมองดวงดาวสองดวงนั่น เวลาที่นายพูดคำพวกนั้น มันช่างรู้สึก....เจ็บปวดสิ้นดี
น่าแปลก...
.. . แม้อาจจะงง ๆ อยู่ซักหน่อย
..แต่เรา...ก็รู้ความหมายของมันจนได้ ...
ถึงจะสายไปก็เถอะ
.. .
เคยรู้สึกเหมือนทำบางสิ่งบางอย่างหายไปมั้ย
ใจโหวงเหวง ทั้งที่มันก็ยังคงมีเลือดสูบฉีดและเต้นด้วยจังหวะปกติ
เจ็บปวด อย่างไร้ซึ่งสาเหตุ
ถ้าเคยนะ
นั่นแหละ...
ตอนนี้...ที่ตรงนี้มีใครบางคนกำลังรู้สึกอย่างนั้น
.................
ทุกวันสำหรับเรา ทุกอย่าง ยังคงดำเนินไป...
ทุกวัน ยังคงเดิมเสมอ
แม้หินที่ขว้างไปไกลแค่ไหน... ก้อนแล้วก้อนเล่า..ยังไร้ซึ่งเสียงสะท้อนกลับก็เถอะ...
เมื่อตอนอนุบาล ..
เราสูงกว่านาย ฉะนั้น เราต้องเป็นพี่นายสิ
ได้งัย เราอยู่ชั้นเดียวกันนะ นายเป็นพี่เราไม่ได้หรอก เราเป็นเพื่อนกัน
แต่เราสูงกว่านี่
เราอายุเท่ากันนะ
แต่เราอยากเป็นพี่
งั้น..ก็ได้ นายเป็นพี่แล้วกัน เด็กน้อยยิ้มอย่างใจดี
แต่แค่ต่อมาอีกไม่นาน ทั้งคู่ก็สูงไล่กัน และผู้เป็นน้องนำไปนิด ๆ ด้วยซ้ำ
หน้าขายหน้าชะมัด
บอกแล้วว่าให้กินผัก ชอบยัดเยียดผักให้เรากินอยู่เรื่อย
แล้วทำไมไม่ปฏิเสธล่ะ
เห็นนายไม่ชอบ เราไม่อยากฝืนใจ
เห็นมั้ย เพราะนายนั่นแหละ เราถึงสูงได้แค่นี้ กินผักแทนเราทุกที
อ๊ะ! นี่เราผิดงั้นเหรอมินอู
ช่าย
....
เมื่อตอนประถม .. .
วิ่งไปก่อนสิ ดงวาน เดี๋ยวนายก็ฟาล์วหรอก
นายไหวมั้ย เดี๋ยวช่วยกินหนม
เฮ้ย! ไม่ได้ แข่งกินวิบากที่ไหน เค้าช่วยกันกินได้เล่า ไปเหอะ เดี๋ยวได้แพ้ทั้งคู่
แต่นาย..
ไปสิ..จะไปไม่ไป
นายเหมือนจะแย่ ๆ นะ ขืนกินต่อ...มีหวัง
เรื่องของเราน่า เราไม่ยอมแพ้หรอก
แต่..
.. .
สุดท้ายแล้ว ..
ใครบอกให้นายแบกเรามาห้องพยาบาลน่ะ
ก็นายจุกจนเดินไม่ไหวนี่
ไม่เห็นต้องทำแบบนั้นเลย เห็นมั้ย แทนที่สีเราจะชนะ ดันแพ้ซะได้ นายเนี๊ยะ บื้อชะมัด
แต่นายกำลังหายใจไม่ออกนะ หน้าเขียวขนาดนั้น ขืนปล่อยไว้ละก็
เลิกห่วงเราแบบไร้เหตุผลเหอะน่า
นี่เราผิดเหรอ
ใช่สิ นายน่ะผิด
... - -
.. .
เมื่อมัธยมต้น..
ชมรมถ่ายภาพเหอะ มินอูยังคงยืนทำหน้าเง้างอด อ้อนวอนดงวานอยู่กว่า 10 นาทีแล้ว แต่มันก็ยังไร้ผล
แต่เราอยากดูดาวนะ ถ้าไม่ดูดาว ก็ต้องดนตรี นี่ก็ใจอ่อนไปกว่าครึ่ง แม้ว่าหลายต่อหลายครั้งที่เหตุผลจะไม่เคยเอาชนะสีหน้าของเพื่อนอีกคนเลยก็ตาม
ดูดาวมันน่าสนใจขนาดที่นายจะทิ้งเราเลยงั้นเหรอ มินอูเริ่มเหนื่อย
แยกกันก็ได้ เราชอบดูดาวจริง ๆ เราอยากเล่นกีต้าร์เป็นด้วย
ไม่อ่ะ
งั้นพานายไปสมัครก่อน เสร็จแล้วเราค่อยมาสมัครของเรา
ไม่ เราไม่รู้จักใครเลย
ไม่มีใครรู้จักกันหรอก เพิ่งปีแรกนะ
.. . และสุดท้าย ..
อดเข้าดาราศาสตร์เลย จากสีหน้าธรรมดา ๆ เปลี่ยนเป็นเซงบ้างแล้ว
เสียดายเหรอ คนนี้จากเซง กลับกลายเป็นลิงชอบใจ
ก็นายน่ะ บังคับเราทำไมล่ะ เราถ่ายรูปไม่เก่งเหมือนนายนะ
ก็แค่บังคับ นายเขียนชื่อลงไปเองทำไมล่ะ
แต่ ..
นายนั่นแหละผิด .. ไม่ต้องพูดเลย ดงวานได้แต่มองเพื่อนอย่างอ่อนใจ ไม่มีคำพูดใด ๆ พอจะเป็นเหตุผลให้หลุดออกจากปากได้ดีกว่าปิดปากเงียบ ๆ อีกแล้ว
ไปขอพ่อซื้อกล้องดีกว่า
จริง ๆ ขึ้นม.ปลายเมื่อไหร่ ค่อยฝึกเอาก็ได้ ยังคงบ่นปอดแปดไม่เลิก
เฮ้ย! ของแบบนี้น่ะ อยากเป็นมืออาชีพต้องฝึกไว้แต่เนิ่น ๆ สิ
แต่เราก็อยากดูดาวนะ อยากเล่นกีต้าร์ด้วย
ไว้เราพาไปดูหน้าบ้านเรา ดาวก็สวยเหมือนที่อื่นนั่นแหละ
หน้าบ้านนายน่าสนใจตรงไหน
ทำไมล่ะ
ก็หน้าบ้านนายมันติดกับหน้าบ้านเรา
เออ! ช่าย งั้นไว้วันที่เราต้องไปถ่ายภาพดาวตก เราจะพานายไปดูดาวด้วย
เหรอ
อืม
งั้นก็ไม่แย่เท่าไหร่...สัญญาแล้วนะ ...
อืม.. สีหน้าที่ยังคงหงอยเมื่อครู่ กลับกลายเป็นสดใสขึ้นมาทันทีที่นิ้วก้อยของอีกคนยกขึ้นมาเกี่ยวนิ้วก้อยตนที่ทิ้งค้างไว้ แทนคำสัญญานั่น .. ... .. . แล้ววันนั้น มันจะมาถึงเมื่อไหร่ล่ะมินอู...
นายจะให้เราคอยไปนานแค่ไหน
... .. .
มัธยมปลายแล้ว..
บางทีการที่หัวใจมันเจ็บปวดนิด ๆ มันก็สร้างความหฤหรรษ์ให้ชีวิตได้เหมือนกัน แต่พอนานวันเข้า ... ความสุขบนรอยเจ็บรอยเล็ก ๆ เหล่านั้น มันก็ทำเอาทรมานได้เหมือนกัน
เจ็บ..แต่ร้องไม่ออก.. และยังหยุดตัวเองไม่ได้
เจ็บ แต่ยังคงต้องการรักต่อไป ... นี่ใช่มั้ยนะ สิ่งที่เรียกว่าความรัก ..
ก็เคยบอกแล้ว ว่ายัยเอมมี่น่ะ เค้ามีแฟนเป็นรุ่นพี่ปี 3 คนนั้นงัย.. นายจำไม่ได้เหรอ วันที่นายกะเราไปดูเค้าคัดนักบาสน่ะ คนที่เป็นหัวหน้าทีมเองัย
แต่เธอบอกว่าเลิกกันแล้วนี่หว่า
ก็งี้แหละ เฮ้ย! อย่าเศร้าสิวะ กินข้าวไม่ลงเลยดูสิ ดงวานวางกล่องข้าวตัวเองลงข้าง ๆ ตัว ก่อนกลับมานั่งชันเข่ามองดูเพื่อนข้าง ๆ ทำหน้าเศร้าต่อ
แล้วนี่โดดเรียนมากับเราทำไม มินอูเห็นดงวานมองหน้าตัวเองอยู่นาน ชักเริ่มแปลก ๆ
ก็ใครชวนวะ ...นักเรียนดีเด่นของโรงเรียนโดดเรียนเพราะเพื่อนอกหัก รู้ถึงไหน อายถึงนั่น
เปล่าชวน แค่ถาม
ไอ้บ้านี่ ยิก ๆ ให้ปีนกำแพงหนีมา ยังมีหน้ามาถามว่าใครชวนมา เดี๋ยวตรูก็ตบหน้าฟ่ำกะกล่องข้าวให้หายใจเอาเม็ดข้าวเข้าปอดแทนอ็อกซิเจนซะนี่ .. ดงวานคิดด้วยความหมั่นใส้เหลือเกิน
เหมือนกันแหละ คาบหน้ามีคณิตด้วย
คณิตน่าสนใจตรงไหน
ทุกสิ่งบนโลกมันน่าสนใจทั้งนั้นแหละ สิ่งอัศจรรย์ต่าง ๆ มักแฝงอยู่กับอะไรที่มองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา
ไม่เข้าใจว่ะ อย่าพูดมากสิ ขอเงียบซักพัก
กินข้าวก่อน อ่ะ
ไม่อ่ะ เราอกหักนะ ไม่เห็นเหรอ
เออ! รู้ แต่อกหักก็ต้องกินข้าวนะ หรืออยากกินหญ้าให้ยัยนั่นซ้ำเติมเอาอีก เอามั้ย? ยอมลงทุนไปถอนมาป้อน
หุบปากไปเลย มินอูยิ่งหน้าบึ้งกว่าเดิม
... .. .
เดี๋ยวมันก็จะหายไป นายเชื่อเราเหอะ หายไปจนเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดอะไรขึ้นเลย จู่ ๆ ดงวานก็พูดแทรกความเงียบหลายนาทีนั้นขึ้นมา สายตาเหม่อมองไปยังแม่น้ำที่นิ่งสงบเบื้องหน้า ..
นายรู้จักมันงั้นสิ ..งั้นบอกเรามาสิว่าความรักของนายมันเป็นงัย
ฮึๆ ความรักของเราน่ะเหรอ ...แม้รักของเราจะยิ่งใหญ่จนคับฟ้าทั้งฟ้า เสียงดังราวระเบิดยามเกิดสงครามก็เหอะ.. นายก็จะไม่มีวันได้รู้ได้เห็นหรอก เชื่อเถอะ สีหน้าแบบนี้อีกแล้ว .. มินอูยิ่งมอง ก็ยิ่งประมวลผลได้ยาก
ขอไปลองถ่ายตรงโน้นนะ เดี๋ยวเอามาคืน ว่าแล้วก็แย่งกล้องในมือของคนที่ยังงงกะประโยคแปลก ๆ นั่น แล้ววิ่งลงทางลาด ๆ ไปยืนถ่ายรูปแม่น้ำถ่ายปลา ยกกล้องขึ้นถ่ายฟ้าถ่ายพระอาทิตย์ไปเรื่อย ๆ หาได้สนใจสายตาอีกคู่ที่มองดูอยู่ไม่
อย่าทำกล้องพังนะ เย็นนี้จะไปถ่ายไอ่ซองมัน มินอูตะโกนบอกคนด้านล่าง ที่ชักเริ่มจะสนุกจนลืมไปแล้ว
แหม! เราก็เคยอยู่ชมรมถ่ายภาพนะ ...ว่าแต่นายไม่อยากถ่ายเราบ้างเหรอ อีกคนก็ตะโกนกลับมาเสียงดังไม่แพ้กัน
นายดังเท่าหมอนั่นหรือเปล่าล่ะ
ไม่ดังหรอก แต่เราก็เป็นเพื่อนนาย นายน่าจะเก็บรูปเพื่อนไว้ซักรูปสิ ใช่มั้ย
ไว้ก่อนเหอะ ..เวลาถมถืด
คนที่ยังคงยิ้มกับผีเสื้อปีกสวยเบื้องหน้าตน มือที่กำลังพร้อมกดชัตเตอร์นั้นพลันชะงักงันไปชั่วครู่ แต่อาการนั้นมันเกิดเพียงเล็กน้อย เล็กน้อยจนมองแทบไม่ออก
เหมือนจะรู้ตัวเอง ... ว่ามันก็เท่านี้ คำว่าเพื่อนแม้ยิ่งใหญ่เกินจะหาสิ่งมีค่าใดมาขอแลก .. แต่บางทีมันก็เหมือนซี่ไม้แหลม ๆ ซี่เล็ก ๆ ที่คอยค้ำคอเค้าอยู่ ... จะดึงออกก็ไม่ได้ จะก้มหน้าลงไป มันก็แทงเอาอีก
มินอูจะรู้มั้ย ...
..ไม่รู้ หรือบางทีอาจรู้ แต่แกล้งทำไม่รู้นะ...
เรื่องบางเรื่อง ไม่ใส่ใจก็ง่ายนิดเดียว ...
แต่กับบางเรื่อง บังคับให้เลิกตอแย สะกดใจให้เลิกมอง หักดิบโดยไม่แยแส แต่ก็ยังทุรนทุราย ..
ทำไมนะ...
..................
เปิดเทอมใหม่ปีนี่หัวใจซาบซ่ามากกว่าปีไหน เพราะว่าปี 2 ก็เลื่อนขึ้นมาเป็นปี 3 พี่ใหญ่สุดในโรงเรียนได้ซักที ดงวานได้เป็นประธานนักเรียนด้วยคะแนนเสียงที่ท่วมท้นซะจนอันดับ 2 ไม่ติดฝุ่นดังคาด นั่นก็เพราะบุคลิกใจดี ยิ้มง่ายของเค้า (ยกเว้นบางโอกาสหรอกนะ ที่ปีศาจหางแหลม มีปีกสีแดงถือง่ามกับรอยยิ้มโหด ๆ จะเข้าสิงเค้าซักที) ส่วนมินอูนั่นเหรอ นอกจากเก่งทักษะรอบด้าน กิจกรรมโดดเด่นเกินส่วนสูง แต่คารมและความละเอียดอ่อน ก็ติดศูนย์พอ ๆ กะเพื่อนซี้เค้านั่นแหละ..
ไอ่ริคโดนทำโทษ เพราะนอนหลับในห้อง แล้วนายล่ะมินอู หรือชอบนั่งคาบไม้บรรทัดทำเท่ส์ตรงสนามดีกว่าทนนั่งเรียนคณิตในห้อง
ก็แค่ลืมทำการบ้าน
ก็เอาสมุดให้ยืมแล้วงัยเมื่อวานน่ะ
มันลืมน่ะ มัวแต่ไปถ่ายรูปไอ่จินอยู่น่ะสิ ... เอาน่า เรื่องแค่นี้ เราไม่มีอารมณ์มาใส่ใจนักหรอก
รายงานก็ใส่ชื่อไปให้ การบ้านรีบทำแต่เย็น ก็ใส่กระเป๋าให้เอาไปลอก เหลือก็แค่จะทำให้เสร็จสรรพแล้ว ดงวานบ่นไปพลาง มือก็เก็บกวาดเอาอุปกรณ์อะไรต่อมิอะไรของมินอูเข้ากระเป๋าไปด้วย
ก็ทำให้ดิ ได้งั้นจะขอบใจหลาย ๆ
ไม่.. รู้มั้ยขืนทำอย่างนั้น มันจะเป็นการทำให้นายน่ะนิสัยเสีย ปี 3 แล้วนะ ...แล้วนี่จะไปไหน
ไอ้ซองให้ไปช่วยตีกลองน่ะ
อีกและ
เหอะน่า แลกกะยืนเป็นแบบให้เราถ่าย คุ้มจะตายไป
อยากเก็บเงินเยอะๆ เอาไปทำไรอ่ะ ถามจริง
อยากได้กล้องตัวใหม่น่ะ
ขอพ่อสิ
อยากซื้อด้วยตัวเองมากกว่า
ถึงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าหมอนี่นิสัยแย่แค่ไหน แต่ก็ยิ่งปฏิเสธไม่ได้เข้าไปอีกว่า ความฝันมัน แม้จะเรื่องเล็กเรื่องน้อยก็เหอะ แต่แววตาที่แน่วแน่นั้นกลับทำให้เรื่องเล็ก ๆ ช่างดูยิ่งใหญ่เหลือเกิน ... และมินอูเอง เมื่อตั้งใจกะอะไรซักอย่างแล้ว ไม่มีเลยที่เค้าจะทำไม่สำเร็จ แม้แต่เรื่องความฝันที่อยากเล่นดนตรีของดงวานเองตั้งแต่เด็ก จนเริ่มโตขึ้น เค้าก็ทำมันให้เป็นจริงไม่ได้ แล้วดูไอ้คนบ้ากล้องอย่างมินอูสิ มันเล่นดนตรีเป็นทุกอย่าง แถมเก่งน้อยกว่าใครในโรงเรียนที่ไหนล่ะ
คิดแล้วสงสารตัวเองชะมัด ...ดงวานเอ๋ย
เอาน่า อย่างน้อยเค้าก็เรียนเก่งแหละว้า
เย็นนี้ไปถ่ายรูปให้หน่อยนะ ชั้นอยู่บนเวทีอ่ะ จับแต่เฮซองก็พอ ทำได้ใช่มั้ย
แต่..
ขอบใจมาก นี่กล้อง ... ไปและ เดี๋ยวเจอกันนะ
มินอูดึงกระเป๋าตัวเองที่ดงวานถืออยู่แล้วยัดเยียดกล้องในมือเค้าไว้แทน ก่อนจะโบกมือและวิ่งตัวปลิวออกไป ส่วนคนที่เหลืออีกคนมองกล้องในมือตัวเองนิ่ง ๆ ความคิดที่จะปฏิเสธเหยียบเบรกแทบหัวทิ่ม .. ว่าแล้วก็ยิ้มแห้ง ๆ ให้กับตัวเองอีกที
ใกล้สอบชิงทุนแล้ว นายจะยังใช้แรงงานเราอีกนะ เฮ้อ!
....
หลาย ๆ ครั้งที่วงดนตรีของโรงเรียนต้องโชว์การแสดงตามที่ต่าง ๆ นั่นก็เพื่อสั่งสมประสบการณ์และยังถือเป็นการฝึกตัวเองไปด้วย การประกวดร้องเพลงหรือแสดงทุกครั้งมักมีนักเรียนสาว ๆ แฟนคลับของวง (เรียกให้ถูกคือแฟนคลับเฮซองมากกว่า) ต่างก็ยังส่งเสียงเชียร์กันแน่นทุกทีไป
แต่ไม่บ่อยหรอก ที่มินอูจะยอมมานั่งตีกลองให้กับวงนี้ แม้ว่าเค้าจะมีทักษะด้านนี้มากโขอยู่ แต่เค้าก็ชอบที่จะเป็นตัวสำรองเวลาใคร ๆ ไม่พร้อมมากกว่าจะเป็นตัวจริงในทุกสนามแข่งขัน... เหมือนเช่นวันนี้ นั่นเพราะเฮซองขอร้องให้มาหรอกนะ
วันนี้คืองานประกวดวงดนตรีระดับมัธยมปลายของคลื่นวิทยุรายการหนึ่ง
ดงวานประจำที่เดิม มือจับแน่นอยู่กับกล้อง นิ้วพร้อมกดชัตเตอร์ดังเช่นทุกทีที่โดนขอร้องด้วยคำพูดของคน ๆ นั้น และเค้าเองก็ไม่เคยจะปฏิเสธได้ซักที ให้ตาย และวันนี้คนค่อนข้างแน่นขนัด แม้จะเบียดเด็กสาวๆ หน่อย แต่ก็อบอุ่นดีไปอีกแบบ
จับภาพเฮซองชัด ๆ นะ คำนี้ได้ยินจนเริ่มชิน .. ลำกล้องส่งตรงถึงบุคคลรูปร่างสูง มีเสน่ห์ ที่กำลังส่งเสียงครวญเพลงอันทรงพลังจากบทเพลงเร็ว ๆ เพลงหนึ่ง แต่สายตาดงวานมันกลับมองเลยไปด้านหลังยังใครอีกคนที่ตั้งใจกะการใช้สองมือกระหน่ำบนกลอง โยกหัวไปตามจังหวะดนตรีอย่างเมามันส์นั่นต่างหาก นี่แหละ ภาพแสนวิเศษสำหรับเค้า เสียงกรี๊ดที่ดังข้าง ๆ หูเมื่อจบบทเพลงลง ดึงสติให้กลับมายังที่เดิม แล้วเริ่มรู้สึกตัวได้ว่า ตัวเองเพิ่งถ่ายภาพเฮซองไปได้ไม่ถึง 5 ภาพด้วยซ้ำ
เอทำไมเพลงมันสั้นงั้นวะ สงสัยไม่วายต้องฟังมินอูบ่นอีกรอบ
เฮ้อ!
ผลการตัดสิน คงเดากันไม่ยากเพราะเป็นไปตามโพล วงของเฮซองได้รับรางวัลชนะเลิศเหมือนทุกครั้งอยู่แล้ว ดงวานยืนยิ้มให้กับภาพนั้นซักครู่ กดชัดเตอร์เก็บรูปสุดท้ายไว้ ก่อนจะถอยออกมาจากกลุ่มแฟนคลับเฮซองที่กรี๊ดกันจนหูเค้าเริ่มจะอื้อเข้าไปทุกที .. เดินเล่น ๆ ออกไปด้านนอกเพื่อไปรอเพื่อน ๆ
แม่ม เส้นรึเปล่าวะ ไอ่นักร้องนำน่ะ มันก็ลูกหลานคนใหญ่คนโตถึงได้กวาดรางวัลทุกงานเลย ประโยคนั้นทำเอาดงวานที่กำลังนั่งปล่อยอารมณ์เพลิน ๆ ต้องนิ่งจนแทบลืมหายใจ ผู้ชายกลุ่มนึงประมาณ 3 คน เดาดูก็รู้ว่าคงเป็นเพื่อนของนักดนตรีโรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่ง กำลังยืนคุยกันโดยไม่มีท่าทีว่าจะกลัวใครผ่านมาได้ยินคำพูดสุนัข ๆ นั้นเลยซักนิด
เล่นให้แม่มร้องเพลงไม่ได้ตลอดชีวิตเรยดีมั้ยวะ หนึ่งในกลุ่มกล่าวขึ้น ท่าทีกวนอวัยวะเบื้องล่างของมัน ทำเอาดงวานอยากเข้าไปฝากหมัดไว้ที่ปากซักที
มันสวยน๊า นายไม่เห็นเหรอ แม้จะเป็นผู้ชายก็เหอะ เสียงหวาน ๆ แบบนั้นน่ะ ทำแค่เอาให้มาครางใกล้ ๆ หูไม่ดีกว่าเหรอ ไม่ผิดแน่แล้ว ผู้ที่เป็นหัวข้อกระทู้อยู่นั่น คงหนีไม่พ้นเฮซองแน่นอน
คืนนี้เลยเป็นไง คอยดู จะส่งไปให้ถึงสวรรค์เชียว
หยุดนะ เสียงหนึ่งที่ดูว่าไม่ได้มาจากปากเพื่อนในกลุ่มคนใดคนนึงแน่นอนโพล่งขึ้นมากลางวง ทำเอาสายตาทั้ง 6 ข้าง 3 คู่ หันมองโดยพร้อมกันทันที
แพ้แล้วทำไมไม่ยอมรับในความพ่ายแพ้วะ เล่นงี้มันพาลนี่หว่า ดงวานตีหน้าขรึมใส่ แม้เค้าและเฮซองจะไม่ใช่เพื่อนรักเพื่อนสนิทที่สุด แต่เค้าทั้งสองก็เป็นเพื่อนห้องเดียวกันมา 3 ปีแล้ว เมื่อรู้ว่าเพื่อนกำลังได้รับอันตราย ไม่มีทางที่เค้าจะนั่งฟังเฉย ๆ โดยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับคำทุเรศ ๆ ที่หลุดออกจากปากสวะ ๆ อย่างไอ้พวกนี้ได้เป็นอันขาด
ไอ้บ้านี่มันใครวะ
ชุดนักเรียนแบบนี้ ก็เด็กโรงเรียนเดียวกะหมอนั่นแหละว่ะ ไอ้หน้ากวนโอ้ยที่ปล่อยประโยคเสียงครางข้างหูเมื่อกี้พูดขึ้น
ทำไม หรืออยากมาร่วมวงด้วย หรือแค่อยากเจ๋ออย่างเดียว ทั้งหมดย่างสามขุมเข้าหาดงวาน สีหน้าประหนึ่งอยากหาเรื่องใครเพื่อระบายอารมณ์ซักคนอยู่พอดี และดงวาน ก็บังเอิญผ่านมาเป็นเหยื่อ
ตัวกระเปี๊ยกเดียว ทำเก่งนะนาย
ลูกผู้ชาย แพ้ก็ต้องมีน้ำใจนักกีฬาสิเว้ย หรือนาย 3 คนเป็นผู้หญิง ยังปากดี แววตาไม่กลัวอะไรทั้งสิ้นเหมือนเดิม แม้ในใจนึกหวั่นอยู่ลึก ๆ ถ้าให้มันหมาหมู่เข้ามาจริง เค้ารึจะสู้ร่างถึก ๆ ของมันสามตัวได้
มินอู เมื่อไหร่จะออกมาซะทีน้า แม้แต่คิดในใจ ยังไม่กล้าคิดดัง เพราะกลัวไอ้คนตรงหน้าจะจับผิดความถึงความวิตกนั้นออก ยิ่งร่างทั้ง 3 ก้าวเข้าใกล้ เค้ายิ่งถอยไปทีละนิดจนหลังแทบจะติดกำแพงอยู่แล้ว (ไม่ได้กลัวนะ แค่ไม่อยากอยู่ใกล้แค่นั้นเอง จริง จริ๊งงงงงง) เมื่อถอยจนชักจะรู้สึกว่าถอยไม่ไหว ดงวานเงยหน้าสูดลมหายใจขึ้นมาจ้องเขม็งที่ไอ้พวกปากหมาขี้แพ้ ร่างกายอาจไม่ชนะ นาทีนี้ ต้องใช้สติ ผู้คนด้านใน คงกำลังฟังเพลงรอบสุดท้ายที่ผู้ชนะบรรเลงอยู่ จึงมีเพียงแค่บางส่วนเดินออกมาแล้วเท่านั้น
ไปซะดีกว่า อย่ามีเรื่องกันเลย เพื่อนนายแพ้ครั้งนี้แล้วมันไม่ได้หมายความว่าครั้งหน้านายจะแก้ตัวไม่ได้ซักหน่อยนี่ ใช่มั้ย
หึ! ดูมันพูดเข้า ครั้งหน้าพวกนายก็ต้องวิ่งเต้นใช้เส้นกวาดรางวัลอีกล่ะสิ ทำพูดดีไป อะโธ่
ไม่ใช่นะเว้ย เราชนะที่ความสามารถ ทีมนายมันแพ้เพราะความสามารถสู้ไม่ได้เองต่างหาก
อ่ะ! ไม่รู้ว่าจะดีขึ้นหรือเปล่า รู้แค่สีหน้าไอ้สามคนนั้นเลือดเย็นลงเห็น ๆ ใครคนนึงก้าวมาตรงหน้าดงวาน กระชากกล้องที่คล้องกับคอเค้าอยู่ให้หลุดอย่างแรง ก่อนจะปล่อยให้มันหล่นลงพื้นทั้งที่หน้าตายังคงจับจ้องอยู่กับตนเองด้วยสีหน้าเรียบเฉย มองแล้วขนลุกพิลึก ดงวานตะครุบคว้าเอากล้องไว้ก่อนที่มันจะทันตกพื้น แต่ ...
เพล้งงงงงงง~~~~~~
นั่นมันสุดเอื้อมมือเค้าจริง ๆ
นานราวอึดใจที่ทุกคน รวมทั้งดงวานชะงักไปชั่วครู่ กล้องอันนั้นล่วงสู่พื้นและแตกกระจาย แต่คงยังไม่หนำใจ เพราะไอ้หน้าเรียบเฉยคนเดิม มันยังเอาเท้ามาเหยียบ ๆ ๆ ให้ส่วนใหญ่ ๆ ที่ไม่เหลือดีนั้น แหลกละเอียดไปอีก
ไปบอกไอ้เพื่อนนายด้วยนะ ถ้าแน่ ก็มาเจอกัน แต่ถ้าไม่แน่ ก็หดหัวไปซะ ...
เฮ้ย! ไปดีกว่า คนเริ่มเยอะแล้ว สีหน้ายิ้มเยอะที่มองมาจากสายตา 3 คู่มันช่าง ... แต่ดงวานยังนิ่งเหมือนช็อค หัวสมองขาวโพลนนึกอะไรไม่ออก หน้าชาประหนึ่งโดนหมัดเข้าเต็ม ๆ ซักหมัด กล้องนั่น .. กล้องของมินอู
ก่อนที่อันธพาลทั้งสามจะก้าวไปไกลกว่านี้ ดงวานวิ่งไปกระชากไอ้ตัวการใหญ่ให้หันหน้ามา หมั่นขวาปล่อยไปอย่างจังตรงเข้าใบหน้านั้นโดยไม่ผิดเป้าหมายซักนิด และคงเต็มแรง ร่างนั้นถึงได้เซถลาและล้มลง มุมปากมีเลือดสีแดงฉาดหยดเล็ก ๆ ไหลออกมา แม้ความสูงและรูปร่างของเค้าและอีกคนมันจะแตกต่างกันจนน่าหวั่น แต่ชั่วโมงนี้ เค้าซึ้งกับคำว่า เลือดขึ้นหน้า ได้ดีทีเดียว
ไอ้พวกเลว ชดใช้มาเดี๋ยวนี้นะ
ไอ้บ้านี่ มาคนเดียวยังไม่รู้ตัวอีก ไว้ชีวิตยังไม่สำนึกหรืองัยวะ ผู้ที่โดนประทุษร้ายด้วยหมัดเพียว ๆ เมื่อครู่ เอื้อมมือมาฉุดเพื่อนตนที่ทำท่าจะพรวดเข้าหาดงวานไว้ ก่อนจะชันตัวลุกขึ้นและเดินนิ่ง ๆ ตรงมายังดงวานที่หอบหายใจรัวเร็วด้วยโทสะที่พุ่งปรี๊ดถึงขีดสุด
รอยยิ้มจากปากหนา ๆ กระตุกนิด ๆ เหมือนจะเย้ยหยันอะไรซักอย่าง มือหนา ๆ ใช้หลังมือปาดเลือดที่ยังซึมอยู่ตรงมุมปาก ก่อนใช้มือข้างนั้นกำแน่นและปล่อยตรงลงมายังใบหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่ทันรู้ตัว ร่างดงวานเซถลากระแทกกำแพงอย่างจัง ก่อนจะทรุดลงไปกองอยู่ที่พื้น ...
ดาวขึ้นก่อนหนึ่งทุ่ม เป็นงี้นี่เอง
ดงวานสะบัดหัวไปมาไล่ความมึนงงชั่วครู่ แต่แววตานั้น ยังคงอาฆาตแค้นไม่หาย
เหอะ จริง ๆ นายไม่ได้มีส่วนกับเรื่องนี้ แต่นายทำให้ชั้นอารมณ์เสียสุด ๆ เลยว่ะ ไอ้หน้าจืด ถ้าฆ่านาย ก็แค่ตาย เสียเวลา เปลืองพลังงาน ยังงัยซะก็กลับไปบอกเพื่อนนายด้วยว่า ถ้าแน่จริง ก็นัดมาเลย เวลา สถานที่ไหน ชั้นพร้อมเสมอ .. ไปเว้ย กลับ
พี่ทำไมไม่เอามันให้หนักอีกล่ะ
คนเริ่มออกมาแล้ว แหกตาดูสิ เดี๋ยวเป็นเรื่อง ไปเหอะ หาเหล้ากินดีกว่า
ทั้งสามเดินห่างออกไปแล้ว นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เค้าต่อยหน้าคน และก็ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่โดนคนต่อยหน้าเหมือนกัน ปกติเวลามีเรื่อง มินอูจะเข้ามากันเค้าไว้เสมอ และคนที่หน้าเยินกลับบ้านให้ต้องปฐมพยาบาล ก็เป็นมินอูทุกที
ผ่านไปอีกชั่วครู่ที่เด็กหนุ่มสาวอีกกลุ่มใหญ่เริ่มทยอยออกมาด้านนอก ดงวานรีบกวาดเศษกล้องแตก ๆ เหล่านั้น ใส่กระเป๋าเป้ของตัวเอง แม้แต่เศษที่เล็กที่สุด เค้าก็ไม่ปล่อยทิ้งไว้ ...
คราวนี้ก็ต้องหาคำแก้ตัวกับมินอู .. ถ้าขืนบอกความจริงไป เชื่อได้เลยว่าหมอนั่นต้องบุกถึงโรงเรียนไอ้ 3 ตัวนั้นแน่ ๆ และเค้าก็ไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด
....
เมื่อวานทำไมกลับไม่บอกกันล่ะ เราเดินหาซะทั่ว โทรเข้ามือถือก็ไม่รับ
เหนื่อยน่ะ เบียดกับคนเยอะ เสียงกรี๊ดทำเอาเราหูอื้อไปทั้งคืนเลย
เหรอ ...กลับถึงบ้านก็เห็นห้องนายปิดไฟแต่หัวค่ำเลยไม่กล้าไปหา ..นี่! เป็นอะไรไปรึเปล่า ไม่สบายเหรอ
เปล่า ดงวานยังคงก้มหน้าอยู่กับตำราเรียน เหมือนหนังสือเล่มนั้นเป็นเล่มที่น่าสนใจที่สุดในโลกซะอย่างงั้น ทำเอามินอูเริ่มสงสัยในความแปลกประหลาด วันนี้คนตรงหน้าทำไมไม่ร่าเริงเหมือนทุกวัน
กล้องล่ะ ถ่ายรูปไอ่ซองได้เยอะมั้ย
คือว่า .. เรา .. เราทำกล้องนายพังน่ะ หน้าเวทีคนเบียดกันเยอะมากเลย แล้วมันก็เลยตก .. ไม่ต้องห่วง เราจะชดใช้ให้ ประโยคแสนยาว แต่ดงวานก็ยังคงก้มหน้าอยู่กับหนังสือในท่าเดิม
นี่! เป็นไรถามจริง เวลาพูดอาจารย์ไม่สอนเหรอว่าให้มองหน้าคนฟังน่ะ
สอน แต่เรื่องเล็กน้อยแบบนั้นเราจำไม่ได้หรอก
เหอะ สูตรคณิตยาวเป็นหน้า ๆ ท่องได้ไม่ผิดเพี้ยน กะแค่เรื่องวิธีพูดยังงัยให้สะกดใจผู้ฟัง แค่นี้ทำลืมนะ นายเนี๊ยะ บื้อจริง ๆ ว่าแล้วก็หัวเราะขำ ๆ กับท่าทีประหลาด ๆ ของเพื่อน จนดงวานชักจะฉุน เมื่อไหร่จะไปนั่งที่ตัวเองซะทีวะ
นี่! เรื่องกล้องตกลงว่ามันเรื่องจริงหรือนายล้อเราเล่นอ่ะ
ขอโทษนะ เราจะใช้ให้ ..
ช่างมันเหอะ มันเป็นอุบัติเหตุ .. มินอูเริ่มเงียบบ้าง
ดงวาน เราหงุดหงิดว่ะ นายช่วยเงยหน้าขึ้นมาหน่อยดิ ไม่ทันสิ้นประโยคให้ได้ทันเอียงหน้าหลบ มือของมินอูก็ยื่นมาเชยคางให้คนที่ก้มหน้าอยู่เงยขึ้นอย่างไม่ตั้งตัว และทันทีที่เห็นถึงความผิดปกติบนใบหน้านั้น...
ไปโดนไรมาน่ะ
เปล่านี่
ปากแตกสีคล้ำแบบนั้น ยังจะบอกว่าเปล่าอีกเหรอ
ก็ .. ก็ตอนที่กล้องมันหล่น เราก็.. ก้มคว้ากล้องไว้งัย แล้ว . . แล้ว พอดี ไอ้คนข้าง ๆ มันยกเข่าขึ้นมาพอดีงัย มันก็เลยชนปากเรา
เฮ้ย! พอดีแบบนั้นเลยเหรอ
อืม! คิดออกมาได้แค่นี้แหละ เมื่อคืนที่ซ้อม ทำไมมันไม่ตะกุกตะกักขนาดนี้หว่า
นายเนี๊ยะนะ บื้อชมัด มินอูเริ่มหัวเราะจนหยุดไม่อยู่ ไม่ได้สนใจคนที่นั่งคิ้วขมวดด้วยความโมโหอยู่กับที่ (คำก็บื้อ สองคำก็บื้อ เฮ้อ!) เมื่อหัวเราะจนพอใจ และสายตาที่ส่งอานุภาพทำลายล้างมานั้น มันก็ดูน่ากลัวนิดหน่อย (แม้จะน่าขำมากกว่าก็เหอะ) ทำให้เค้าต้องจำใจหยุด
เรื่องกล้องน่ะ ช่างมันเหอะ เพราะงัยก็ตั้งใจจะซื้อตัวใหม่อยู่แล้ว นายไม่เป็นไรก็ดีแล้วแหละ
... .. .
อึ้ง ... .. . ...อึ้งยิ่งกว่าอึ้ง มินอูเป็นห่วงเราเนี๊ยะนะ เข้าใจผิดไปเองรึเปล่า หรือมันพูดอะไรที่ไม่ใช่คำนี้ แต่หัวสมองกลับประมวลผลแบบเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียวได้เป็นวรรคเป็นเวรกันแน่นะ
ในขณะที่สมองก็กำลังคิดโน่นนี่ นักเรียนในห้องก็ทยอยเข้ามาในชั้นกันมากขึ้น รวมทั้งซุปเปอร์สตาร์ต้นเหตุแห่งรอยมุมปากของเค้าก็วิ่งหน้าตาตื่นมาอีกด้วย ...
เฮ้ย! ดงวาน เป็นบ้างวะ ไอ้พวกนั้นทำไรนายรึเปล่า จู่ ๆ เฮซองก็ทักขึ้นด้วยคำพูดอะไรที่มันฟังดูประหลาดได้ขนาดนี้
อะไรของนายวะ ไอ่ซอง มินอูเงยหน้ามองเพื่อนผู้มาใหม่อย่างงง ๆ
ก็ไอ้โรงเรียน H น่ะ ไอ้พวกขี้แพ้ชวนตี เมี่อวานพวกมันขู่ชั้นว่า เชื่อเหอะ ว่าชั้นจะไม่ได้มาร้องเพลงในการแข่งขันครั้งหน้าแน่ ๆ เชอะ อย่างกะชั้นจะสนมัน
ก็แล้วดงวานมาเกี่ยวไรด้วยวะ ไอ่ซอง
ก็แฟนคลับชั้นน่ะสิ เค้าก็รู้ว่าพวกนั้นไม่ค่อยพอใจ เมื่อเช้าเข้ามาบอกชั้นหน้าโรงเรียนว่าเจอพวกนั้นข้างนอก รุมนายอยู่คนเดียวหลังประกาศผลเมื่อวาน
ดงวานเริ่มอ้าปากกะลังจะห้าม แต่มันก็ไหลมาจนหมดเปลือกจากปากบาง ๆ นั่น หันมองสีหน้าของมินอูที่คิ้วเริ่มขมวดยุ่ง ๆ ยิ่งกลุ้มใจเหลือเกิน
เรื่องจริงเหรอ ใครวะที่มันทำแบบนั้น
คงเป็นเพื่อน ๆ กลุ่มนั้นแหละ
นี่! พอเหอะ ไม่มีอะไรหรอกน่า ดงวานเบรกเพื่อนทั้งสอง สถานการณ์กำลังเข้าสู่สภาวะไม่ปกติเมื่อมองเห็นไอเดือดปุด ๆ เริ่มลอยมาจากด้านหลังของมินอูมากขึ้นทุกทีแล้ว
ไม่มีอะไรงั้นเหรอ งี้แสดงว่าแผลที่ปากนาย แล้วกล้องชั้นอีก นายปิดอะไรไว้งั้นเหรอดงวาน
ก็...เปล่าหรอก.. ก็แค่
แค่อะไร
. มินอูตะโกนเสียงดังจนทุกสายตาในห้องเริ่มหันมามองเป็นตาเดียว และดงวานเองก็เริ่มตกใจ ส่วนเฮซอง ยังคงงง.. ต่อไป
ดงวานผละสายตาจากคนที่จ้องมาเหมือนจะฆ่ากันให้ตาย ไปหาใครอีกคนที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่
เฮซอง นายน่ะระวังตัวหน่อย พวกนั้นเหมือนจะพุ่งเป้ามาที่นาย ยังไงช่วงนี้ก็กลับบ้านเร็ว ๆ ล่ะ
ชั้นเนี๊ยะนะ เหอะ ! กลัวตายล่ะ
เอาเหอะ อย่างน้อยก็ระวังตัวไว้ก่อน แต่นายคงกลับบ้านพร้อมจอนจินใช่มั้ย ยังงัยก็บอกจอนจินไว้ด้วย หมอนั่นน่ะเพื่อนเยอะ ช่วยกันระวัง คงไม่เป็นไร
อืม! ว่าแต่นายล่ะ ไม่เป็นไรใช่มั้ย
ไม่หรอก
มินอูที่เงียบฟังบทสนทนาอยู่นานจนเริ่มทนไม่ไหว เค้าคว้าเอาข้อมือดงวานที่ยังคงหลบสายตาตนเองอยู่กับที่ให้ลุกขึ้นฉุดออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
หลังตึกค่อนข้างเงียบซักหน่อย มินอูจึงได้ปล่อยมือของอีกคนให้เป็นอิสระ
ว่างัย ... ก้มลงคว้ากล้องงั้นเหรอ โดนเข่างั้นเหรอ ทำไมต้องโกหกเราด้วย แค่เริ่มต้นสนทนา ดงวานก็ทำหน้าไม่ถูกแล้ว
เราไม่อยากบอก เพราะเราไม่ต้องการให้นายไปจัดการพวกมันน่ะสิ ลืมๆ ไปเหอะ บอกแล้วว่ากล้องน่ะ เดี๋ยวเราชดใช้
มันไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก ... นายน่ะ บื้อมากเหรอ ห๋า~! นึกว่าเก่งล่ะซิ ทำไมไม่บอกเรา..
นายเผชิญหน้ากับมันขนาดนั้น นายต้องรู้ใช่มั้ยว่ามันชื่ออะไร อย่าบอกนะว่านายไม่ได้มองชื่อมัน
... ดงวานยังเงียบต่อ
จะบอกรึไม่บอก ... ถ้าไม่บอก นายคงเชื่อใช่มั้ยว่าแค่หาไอ้พวกนั้นน่ะ เราทำได้อยู่แล้ว
เลิกแล้วต่อกันเหอะ อย่าไปมีเรื่องกันเลย เราขอ นะมินอู
ขอเหรอ นายดูหน้านายสิ เป็นแบบนี้แล้วจะให้เราทำไง นายไม่เจ็บไม่แค้นบ้างรึงัยน่ะห๋า
ไม่หรอก ก็ไม่เท่าไหร่ .. เราไม่อยากให้นายไปมีเรื่องมากกว่า งานก็จบไปแล้ว พวกนั้นก็แค่บ้า ๆ อยู่ซักพัก เดี๋ยวมันก็หาย
.. . ก็ถ้านายไม่บอกเราก็ดี เราก็จะจัดการของเราเอง
เดี๋ยวสิมินอู ไหนนายบอกว่าไม่เป็นไรงัย นายกำลังจะซื้อกล้องใหม่พอดีแล้วนิ ใช่มั้ย..
ก็บอกแล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องนั้น ..
เป็นดังที่คาดไว้ว่าถ้าบอกมินอูไป มันก็คงไม่จบ เลยคิดหาข้อแก้ตัวทั้งคืน แล้วดูสิ
มินอูหันหลังกลับเดินไปยังทางที่ผ่านมาเมื่อครู่ด้วยสีหน้าที่มองตาเปล่าก็รู้แล้วว่าโมโหแค่ไหน
มินอู หยุดนะ ถ้านายขืนเดินต่ออีกก้าว เราจะฟ้องอาจารย์จริงๆ ด้วย ฝีเท้าหนัก ๆ นั้น หยุดกึกลงทันทีที่จบประโยค เค้าหันหน้ากลับมาช้า ๆ ... สีหน้ายังคงน่ากลัวเหมือนเดิม
ฟ้องอาจารย์งั้นเหรอ มีสิทธิ์ไรทำแบบนั้นล่ะ นายน่ะ อย่ามายุ่งดีกว่า อยู่แบบอ่อนแอให้เพื่อนรังแกแบบนายก็ไม่วายมีแต่คนอยากรังแก
เราไม่ได้เป็นไรมากซักหน่อย เห็นมั้ย ยังเดินได้ พูดคุยกับนายได้ปกติ ก็แค่แผลที่ปาก แต่ถ้านายต้องไปเอาคืนพวกนั้นจริงๆ น่ะ นายอาจไม่เหลือชีวิตกลับมาก็ได้ เข้าใจมั้ย
มันเจ็บใจโว้ยยย รู้มั้ย.. ถ้าอยากฟ้องอาจารย์ก็เชิญ แต่เราไม่หยุดหรอก จนกว่าจะเจอไอ้คนที่มันต่อยนาย เราจะเอาเท้านายไปแนบหน้ามัน ไม่งั้นเราคงนอนไม่หลับแน่
ถ้าทำแบบนั้นเพื่อเราจริง ๆ เราก็ขอ .... ขอให้นายเลิกทำ ...เราขอนะ มินอู
ดงวานเริ่มเหนื่อยที่จะต้องตะโกนห้าม ตะโกนขอร้อง เค้าเหนื่อยที่ความโกรธของมินอู ดูจะไม่ลดลงเลยซักนิด เค้าเหนื่อย เมื่อต้องคิดถึงฉากต่อยตีกัน แล้วไอ้พวกโรงเรียนนั้น ก็ได้ชื่อว่าเกเรสิ้นดี หากมันร้ายแรงกว่าแค่ชกหน้าเค้าหมัดเดียวล่ะ มันจะคุ้มกันมั้ย..
อย่ามาหยุดเรา .. บอกแล้วว่าต่อให้เป็นอาจารย์ก็หยุดเราไม่ได้หรอก.. มินอูหันหลังกลับอีกครั้งอย่างไม่รีรอ แม้สายตาอีกคู่ที่มองมาจะมีแววแห่งการอ้อนวอน ขอร้อง ถ้าก้มคำนับได้ก็คงทำไปแล้ว แต่เค้าก็ยังเฉยเหมือนไม่ใยดีในการกระทำนั้นซักนิด
มินอู!!!! หยุดเถอะ นายไม่รู้เหรอว่าถ้านายเป็นอะไรไปแล้วชั้นจะเสียใจแค่ไหน นายไม่รู้ใช่มั้ยว่านายสำคัญกับชั้นแค่ไหน ... ไม่รู้ใช่มั้ยว่านายสำคัญกับชั้นมากกกกกกกกน่ะ มินอู!!!!!!.. สองเท้าที่ห่างไปมาก แต่ก็ยังคงไม่ไกลพอ ข้อความทั้งประโยคจึงเหมือนบ่วงบาศโยนมาคล้องเค้าไว้อีกครั้ง คราวนี้มินอูค่อย ๆ หันหน้ามา คิ้วหนาขมวดเป็นปมจนดูยุ่ง และสีหน้าที่แสดงอาการสงสัยในสิ่งที่ได้ยิน มันกลับทำเอาดงวานเริ่มชา .. จากใบหน้า ลงมาที่แขน และเค้าก็เป็นอัมพาตครึ่งตัวไปแล้ว
สำคัญ.. งั้นเหรอ
พะ .. พูด .. พูดออกไปแล้ว ฉิบ! มินอูจะรู้อะไรมั้ย มันแตกต่างกันรึเปล่านะ ระหว่างคำว่าคนสำคัญกับคำว่าเพื่อน หวังว่าหมอนั่นคงจับผิดในเสียงอันสั่นเคลือ ตีความเหงื่อบนหน้าผากกับสีหน้าที่วิตกกังวลอย่างชัดเจนนี้ไม่ออกหรอกนะ .. หมอนั่นไม่ละเอียดอ่อนขนาดนั้นหรอก .. ใจเย็น ๆ เถอะดงวาน .. แล้วอีกอย่างเค้าก็ยืนห่างมาตั้งไกล ยกเว้นแต่ว่า ...
มินอูเดินก้าวกลับมาช้า ๆ นี่แหละ คือสิ่งที่ดงวานกำลังกังวล จนระยะห่างระหว่างทั้งคู่มีไม่ถึงถึงเมตรด้วยซ้ำ แต่มินอูก็ยังนิ่ง เหมือนกำลังใช้ความคิดกับประโยคนั้นอย่างกะกำลังงมหาสมการซับซ้อนหลายชั้นออกมาตีให้แตก
แม้หัวใจของดงวานจะเต้นโครมครามจนน่ากลัวว่าคนแถวนั้นอาจฟ้องศาลเรียกค่าเสียหายในเสียงที่ดังจนถึงขั้นสมองจะได้รับอันตราย แต่ดงวานก็พยายามอย่างสุดกำลังที่จะสะกดมันไว้นิ่ง ๆ
นิ่ง .. ให้เหมือนถูกสต๊าฟ
ลืม .. กระทั่งจำไม่ได้ว่าร่างกายคนเรา ต้องหายใจเอาอ็อกซิเจนเข้าปอด 12-20 ครั้งต่อนาที
.. .
สิ่งที่เก็บเอาไว้ จนมันกลายเป็นความเคยชิน แม้จะทรมานบ้าง แต่มันก็ยังมีความสุขดี แต่เมื่อวันหนึ่งสิ่งที่เคยอยากให้อีกคนรู้ กลับกลายเป็นไม่อยากให้รู้ อยากฝังมันเอาไว้สุดใจกลางโลกอยู่อย่างนั้น
เก็บและเจ็บเล็กน้อย เหมือนที่เป็นอยู่ทุกวัน มันคงดีกว่าบอกไปแล้วอะไรบางอย่างต้องเปลี่ยนแปลง .. ไม่ใช่หรือ
พระเจ้า หากว่าผมพอมีความดีอยู่บ้างซักนิด สิ่งที่สู้อุตส่าห์ซ่อนไว้ภายในดวงตาของผมคู่นี้มานานแสนนาน ขออย่าต้องให้ใครอีกคนตรงนี้มองเห็นมันเลย .. ขอร้องเถอะ จงฝังมันไว้เหมือนเดิมที... เก็บมันไว้จนลืมไปเลยก็ได้
นายหมายความว่าไง คนสำคัญ ประโยคคาดหมายมาแล้ว ..
ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก เราเป็นเพื่อนกัน นายก็คือคนสำคัญของเรา... แค่นี้
แค่นี้งั้นเหรอ ....
ใช่ แค่นี้แหละ
.. หึ! ..ถ้าแค่นี้จริง งั้นนายก็ไม่มีสิทธิ์จะมาวุ่นวายกับชีวิตของเราขนาดนี้ จำไว้ด้วย ..
... .. . สะอึก .. บ่อยไปนี่ ไม่แปลก
แต่ทำไม .. ทำไมนะ
มันกลับรู้สึกเหมือนโดนกระชากวิญญาณให้หลุดออกจากร่างตามคนที่เดินหันหลังจากเราไปตรงหน้า
แล้วไอ้ร่างที่ยืนอยู่ตรงนี้ มันคืออะไรล่ะ .. ความว่างเปล่างั้นเหรอ ...
น้ำตา .. จู่ ๆ ก็ไหลมาอย่างไม่ต้องร้องขอ ..
นายคือคนสำคัญ .. ที่เรารักสุดหัวใจน่ะสิ ... ถ้าไม่รู้ ก็จงรู้ไว้ ..มินอู ถ้าพูดได้ ก็คงพูด แต่เพราะพูดไม่ได้เลยต้องเคี้ยวคำ ๆ นั้นให้ละเอียดทั้งประโยค กลืนให้มันลงคอ และย่อยให้สลายอยู่ในกระเพาะตัวเองนี่แหละ
..
หัวใจพูดได้ หัวสมองบัญชาการได้ .. แต่ปากยังคงเม้มสนิท ดวงตาที่มีน้ำตาใส ๆ คลออยู่ตอนนี้ ทำได้ดีก็แค่ส่งคนตรงหน้าลับหายไปช้า ๆ
จากนี้ไป... อะไร ๆ มันคงไม่เหมือนเดิม ใช่มั้ย ... การเปลี่ยนแปลงที่กลัวจับใจมาตลอด ถึงเวลาที่เค้าต้องเผชิญหน้ากับมันซะที ... ใช่มั้ย..
เพราะอิทธิพลจากการบริโภคนิยายอินเตอร์เน็ตแบบรักข้างเดียวมากเกินไป อูด้งเรยกลายเป็นดราม่าซะงั้น เหอ ๆ
ลองดูละกันนะฮะ ชอบไม่ชอบยังงัย ยินดีรับฟังเหมือนเดิม..
Create Date : 10 มกราคม 2552 |
|
19 comments |
Last Update : 10 มกราคม 2552 19:13:48 น. |
Counter : 1027 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: keiropi IP: 125.26.127.122 10 มกราคม 2552 19:55:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: kayzila IP: 124.120.158.59 10 มกราคม 2552 20:40:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: ไอ้หนูลูกพ่อ IP: 58.8.248.86 10 มกราคม 2552 21:47:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: จ๊อย IP: 222.123.125.184 11 มกราคม 2552 12:01:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่อัน IP: 118.172.60.166 11 มกราคม 2552 23:29:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: piyawan IP: 118.172.246.202 12 มกราคม 2552 14:44:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: keiropi IP: 125.26.125.155 12 มกราคม 2552 14:58:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: KoYoJunG IP: 203.144.130.176 12 มกราคม 2552 17:14:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: duckie IP: 124.121.19.76 12 มกราคม 2552 19:54:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: Pekkiokung IP: 61.90.7.4 12 มกราคม 2552 21:02:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: carina_jeab IP: 61.90.79.143 12 มกราคม 2552 22:48:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: ekada IP: 203.146.146.130 14 มกราคม 2552 16:29:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่ตาล IP: 124.121.0.254 14 มกราคม 2552 17:15:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: JM IP: 116.58.231.242 15 มกราคม 2552 0:54:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่จิ๋วจิน IP: 58.147.74.4 15 มกราคม 2552 16:19:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: โบ_andyholic IP: 115.67.113.34 15 มกราคม 2552 22:26:41 น. |
|
|
|
|
|
|
|
อยู่ๆเข้ามาบล็อกพี่พุดเลยเจออัพตอนใหม่ซะงั้น (เหมือนมีพรายกระซิบให้มาซะงั้นค่ะ อิอิ)
ขอปูเสื่อจองก่อนนะคะ เดี๋ยวจะมาคอมเม้นท์ค่ะ