|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Make a plan to love me (รักนี้ มีแผน 2) #17
Make a plan to love me (รักนี้ มีแผน 2)
17.. Star - Wind - Moonlight and Love ...
เสียงฮัมเพลงเบา ๆ อย่างสบายอารมณ์ ลอยละล่องมาจากห้องครัว ชายร่างเล็กกับผ้ากันเปื้อนสีสดใส ที่กำลังตั้งใจกับการหั่น ๆ ๆ และผัด ๆ ๆ อย่างคล่องแคล่ว ดูแล้วก็น่ารักไปอีกแบบ
มินอูครับ .. มินอู++ เสียงเรียกชื่อตัวเองด้วยคีย์สูงดังมาจากอีกมุมหนึ่งของห้องชุดหรู ทำให้มือที่กำลังบรรจงกับอาหารต้องชะงักลงชั่วคราว
ครับผม เค้าตะโกนตอบออกไปพร้อมหันมาเบาแก็สที่เตา เดินเร่งฝีเท้าเลี้ยวไปตามทางถึงห้องที่มาของเสียงเรียกนั้น
ว่างัยครับหมอ อ่าว! ทำมัยยืนตัวสั่นงั้นล่ะ
ก็..น้ำมันเย็นมากเลย ...ผมคิดว่าเครื่องทำน้ำอุ่นคงเสีย .... เอ่อ..ผมหาชุดนอนของมินอูไม่เจอ ดงวานพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ร่างกายสะท้านด้วยความหนาว ทำเอาคนมองต้องอมยิ้ม
เปล่าเสียหรอกครับ ขอโทษที แต่สงสัยผมคงเปิดปุ่มน้ำเย็นไว้ บางครั้งผมก็อาบน้ำเย็นน่ะ มันทำให้สดชื่นดี
น้ำเย็นในหน้าหนาวแบบนี้อ่ะนะ
ครับ อาบน้ำเย็นแล้วแข็งแรงนะ
แข็งตายล่ะมากกว่า ดงวานมองค้อนกลับมาให้
หมอมานั่งนี่ดีกว่า มินอูเดินไปจูงมือดงวานมายังเตียงนอน ให้อีกคนนั่งลงตรงขอบเตียง ก่อนดึงผ้านวมผืนใหญ่ขึ้นมาห่อหุ้มร่างที่หนาวเย็นนั้นไว้ทั้งร่าง และนั่งลงข้าง ๆ กัน
ห่มนี่ไว้ก่อน เดี๋ยวได้เป็นหวัดพอดี .... .....ค่อยยังชั่วมั้ยครับ
ก็ ...ดีขึ้นครับ สายตาอ่อนโยนพร้อมยิ้มบาง ๆ ของมินอู ทำเอาคนที่สั่นเพราะความหนาว เริ่มมีอาการผิดปกติจนต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง
เอ่อ ผมว่าผมได้กลิ่นหอมใหญ่ มินอูกำลังทำอะไรเหรอ
ออ ผมซอยหอมใหญ่ใส่ในซอสสปาเก็ตตี้น่ะครับ หมอไม่ชอบกลิ่นหอมใหญ่เหรอ
ก็ไม่เชิงหรอกครับ ดงวานตอบโดยแสร้งเบือนหน้าตัวเองเงยขึ้นมองหลอดไฟ มองกระจก มองประตูโน้นนี่ เลี่ยงการสบสายตาที่พาลเอาใจอ่อนยวบนั้น ... และแล้วความเงียบ ...ก็กลับมาครอบงำบรรยากาศรอบตัวของทั้งคู่ไว้
มินอูขยับตัวเค้ามาใกล้ ๆ เอื้อมสองมือโอบกระชับเอาร่างนั้นไว้ผ่านผ้านวมผืนหนา ก่อนค่อย ๆ เลื่อนหน้าตัวเองเข้าไปใกล้ ๆ ใกล้จนแทบได้ยินเสียงหัวใจ ใกล้จนสัมผัสถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของอีกฝ่ายได้
เอ่อ มินอู กลิ่นหอมใหญ่มันแรงมากเลยนะ ริมฝีปากที่ห่างกันแค่เซนติเมตรของมินอู กลับต้องหยุดชะงักทันที
ทำมัยเหรอครับ ทีผมยังยอมรับราเมงได้เลย นี่ก็แค่หอมใหญ่
แต่
มินอูชิงปิดปากนั้นไว้ก่อนที่จะทันให้อีกคนได้ปฏิเสธ ซึ่งดงวานเอง ก็คงเตรียมใจไว้อย่างดีแล้วเหมือนกัน ..เพียงชั่วครู่ รอยจูบแผ่วเบา ก็ผละออกจากกันอย่างอ้อยอิ่ง แต่อ้อมกอดนั้นก็ยังคงกระชับร่างสองร่างไว้อย่างแน่นหนาเหมือนเดิม
ผมได้กลิ่น ดงวานทำสีหน้าแปลกๆ อีกแล้ว
กลิ่นอะไรอีกครับ
คราวนี้ไม่ใช่กลิ่นหอมใหญ่นะ
สปาเก็ตตี้ไม่ได้ใส่แค่หอมใหญ่อย่างเดียวซักหน่อย ไม่แปลกหรอก ที่หมอจะได้กลิ่น ..หมอไม่ต้องหาทางซะให้ยากหรอก ที่เชจู ผมยอมปล่อยให้ แต่คราวนี้ ผมจะไม่ยอมหมอแล้วนะ
และคงเป็นเพราะไม่ทันตั้งตัว จูบคราวนี้ ดงวานเลยปล่อยให้ลิ้นร้อนๆ ของอีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามาในโพรงปากของตัวเองอย่างง่ายดายเหลือเกิน เค้าเพียงแต่หลับตาพริ้มและปล่อยทุกอย่างให้อีกคนนำพาให้ใจล่องลอยไปอย่างเคลิ้มเคลิ้ม
มินอูคลายอ้อมกอดของตัวเองออก ก่อนดันให้ร่างของอีกคนนอนลงไปบนที่นอนนุ่ม เค้าถอดผ้ากันเปื้อนที่สวมไว้ออก โยนไปยังมุมหนึ่งของห้อง ดึงผ้านวมผืนหนาตวัดคลุมร่างของเค้าไว้ทั้งคู่ ก่อนจะก้มตัวลงสะสางภารกิจเมื่อครู่ต่อ เริ่มจากริมฝีปากเดิมที่ยังมีรสหวานเจือจางอยู่ภายในปากเค้า คราวนี้สัมผัสระหว่างทั้งคู่เนิ่นนานและรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
จนกระทั่งมือของคนใต้ร่าง ที่ตีเบา ๆ ตรงแขนตัวเองเหมือนจะทักท้วงอะไรซักอย่าง มินอูจำต้องถอนริมฝีปากตัวเองออกมามองหน้าอีกคนอย่างสงสัย
หมอมีไรอีกครับ
ผมว่า ผมได้กลิ่น
หมอครับ กลิ่นอะไรอีกล่ะคราวนี้
มินอูไม่ได้กลิ่นเหรอ กลิ่นเหมือนอะไรไหม้
อะไรไหม้!?? ...เอ่อ! สงสัยจะซอสสปาเก็ตตี้ของผมแน่เลย
อ่าว แล้วงี้ทำงัยอ่ะครับ
ช่างมันเหอะครับหมอ ยังงัยมันก็ไหม้ไปแล้ว เรามาต่อกันดีกว่า
ไปปิดแก๊สก่อนไม่ดีเหรอ ดงวานยังคงท้วงไม่เลิก
โอเค ก็ได้ครับ มินอูผุดลุกขึ้นยืน
หมอรอผมแป๊บนะ ว่าแล้วก็วิ่งออกไปด้านนอกทันที กลิ่นขนาดนี้ มันคงจะกินไม่ได้แล้วล่ะมั้ง ดงวานมองตามร่างเล็กนั้นอย่างขำ ๆ
แล้วสุดท้าย ทั้งคู่ก็คงได้หม่ำบะหมี่แทนสปาเก็ตตี้สีดำ แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นบะหมี่มื้ออร่อยเหาะที่สุดสำหรับคนสองคนที่ความรักกำลังเบ่งบานเต็มที่ในตอนนี้
................
คืนที่ดาวสุกสกาวอยู่เหนือท้องฟ้ากลางกรุงโซล เอริคยืนชื่นชมลูกเล่นของแสงสีของท้องฟ้ายามค่ำคืน พร้อมกับเบียร์กระป๋องหนึ่งในมือ แต่เพราะเสียงเกมส์ที่ดังมาจากหน้าจอทีวีด้านในนานสองนานโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทำเอาเค้าต้องหันกลับมามองร่างเล็กอีกร่างในห้องก่อนจะเดินเข้ามาหยุดตรงโซฟาหน้าจอทีวี ใครอีกคน ดูท่าว่ากำลังสนุกเพลินเพลินจนไม่ใส่ใจสิ่งรอบตัวเอาซะเลย
ยังไม่อาบน้ำอีกเหรอ แอนดี้
ผมขอเล่นเกมส์ย่อยอาหารแป๊บก่อนนะฮะ แล้วค่อยอาบ
แล้วมันจะย่อยได้มั้ยนั่น .... .. .. .เออ... วันก่อนนายบ่นอยากกินไอศกรีมใช่มั้ย ชั้นซื้อมาไว้ในตู้เย็นแล้วนะ
หืม ไอติมเหรอฮะ ได้กินตอนนี้ก็ดีเลย
ไหนตะกี๊บ่นอิ่มพุงจะแตก
แหม ไอติมมันไม่หนักหนาซะหน่อย มันสามารถซึมเข้าสู่กระเพาะผมได้สบาย ๆ อยู่แล้ว
โอเค งั้นรอแป๊บ
ขอบคุณฮะพี่ริค แอนดี้ยิ้มหวานส่งให้ เอริคจำต้องวางกระป๋องเบียร์ลงบนโต๊ะ ก้าวยาว ๆ เดินเข้าไปในครัว แล้วกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกระติกไอศกรีมในมือ
อ่ะ ได้และ
ผมเล่นเกมส์อยู่ พี่ป้อนให้สิ
ป้อนเหรอ!.. โอเค ได้ แต่ต้องป้อนด้วยปากนะ
อ๊ะ! งั้นไม่เอา กินเองก็ได้
ล้อเล่น มา! ป้อนก็ป้อน ทันทีที่เค้าทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาแอนดี้กลับเอนตัวลงมาพิงไหล่กว้างของเค้าทั้ง ๆ ที่มือก็กดเกมส์ ตาก็ยังคงจ้องมองจอทีวีเหมือนเดิม เรียกรอยยิ้มเล็ก ๆ ให้ใบหน้าคมได้ทันที
นายจะอ้อนชั้นไปถึงไหน
เปล่าน๊า อ้อนที่ไหน แค่เมื่อย พิงหน่อยไม่ได้เหรอฮะ ไหล่ของพี่ก็คือไหล่ผมนั่นแหละ
ก็เปล่าบอกว่าไม่ได้ ...นี่ รู้มั้ย ..ทุกอย่างในตัวชั้นน่ะ เป็นของนายทั้งหมดนั่นแหละ...
.... แล้วนายล่ะ แอนดี้ ..หืม!
ทุกอย่างในตัวของผม ก็เป็นของพี่เหมือนกันฮะ ถึงประโยคนี้ เอริคตัดสินใจวางไอศกรีมในมือลง ดึงจอยส์ในมือแอนดี้ออกวางไว้บนโต๊ะตรงหน้า ก่อนหันมาคว้าไหล่บางของอีกคนให้หันมาสบตากับตนตรง ๆ
แน่ใจนะ ว่าทุกอย่าง
แน่ใจสิฮะ แอนดี้เงยหน้าสบสายตาคม ๆ สายตาคู่นี้ที่เค้าหวงแหน อยากเก็บไว้มองแต่เพียงผู้เดียว เพราะกลัวจับใจ ว่าวันใดที่ตนต้องอยู่ห่างออกไป จะมีใครบางคน เผลอหลงเสน่ห์และแย่งมันไปจากเค้า
งั้น ... ปากของนายก็ต้องเป็นของชั้น ใช่มั้ย เอริคก้มหน้าลงกดจุมพิตเบาๆ ลงบนริมฝีปากที่แสนหวานของอีกคน
และแก้มนาย ก็เป็นของชั้นเหมือนกัน คราวนี้เค้าซุกไซ้จมูกโด่ง ๆ ของตัวเองกดหนัก ๆ ลงบนแก้มกลมใสนั่นอีกที เคราสาก ๆ จากร่องรอยการโกนหนวด เมื่อมาคลอเคลียกับแก้มใส กลับเรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากอีกคนได้เลยทีเดียว
ตาคู่นี้ด้วย อย่ามองใครล่ะ รู้มั้ย เพราะว่าชั้นหวง เอริคเชยคางของคนที่กำลังหลับตาพริ้ม จุมพิตมันเบา ๆ ลงบนเปลือกตาคู่นี้ ดวงตาที่เค้าเหมือนต้องมนต์เสน่ห์เพียงแค่แรกเห็น ... ก่อนจะดึงร่างบางเข้ามาสวมกอดไว้หลวม ๆ
พี่ริคฮะ
หืม
เหมือนนิยายเลยเนอะ ผมกับพี่เคยเจอกันมาก่อน ไม่น่าเชื่อ
นายเชื่อในพรหมลิขิตรึเปล่าล่ะ .. มีคนกำหนดไว้แล้ว ว่าเราต้องได้เจอกัน
พรหมลิขิตเหรอ
อืม พรหมลิขิต
ฟังดูดีจัง .. หวังว่าใครคนนั้น คงจะเก็บรักษาพรหมลิขิตของเราเอาไว้นาน ๆ นะฮะ
แน่นอนอยู่แล้ว ...ถ้ามีใครมาแย่งมันไป ชั้นจะปกป้องมันเอง ..
อ่ะ แอนดี้ไอศกรีมละลายหมดแล้ว ไม่อยากกินแล้วเหรอ
เดี๋ยวสิฮะ กำลังสบาย อย่าเพิ่ง เอริคกำลังจะดึงตัวแอนดี้ออก แต่อีกฝ่ายกลับกระชับสองแขนรอบคอดึงให้ร่างทั้งคู่แนบแน่นกว่าเดิม
นายเนี๊ยะนะ ชั้นอุตส่าห์จะป้อนให้
กำลังอุ่นดีเลยอ่ะ อีกแป๊บนะฮะ เสียงเริ่มสั่นเคลือ อาการสั่นไหวของไหล่บาง ๆ และหยดน้ำตาที่เริ่มซึมเข้าสู่เนื้อผ้า ลงบนผิวหนังที่ไหล่ แค่นี้เอริคก็รู้ถึงอาการของร่างเล็ก ๆ ได้ดี แอนดี้กำลังร้องไห้อีกแล้ว คนรักเค้า เปราะบางแบบนี้เสมอ เค้าอยากจะจูบซับน้ำตา ใช้หัวใจของตัวเอง ปกป้องและดูแลคน ๆนี้ตลอดไปเหลือเกิน..
แอนดี้
ฮะ
อยากอุ่นนานกว่านี้มั้ย หืม
อะไรนะฮะ เอริครวบร่างของคนในอ้อมกอดขึ้นบ่าพร้อมลุกขึ้นยืนโดยไม่ทันให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว ก่อนจะเดินช้า ๆไปยังห้องนอนของตัวเอง
ขายาวเดินมาหยุดตรงเตียงกว้าง ก่อนจะบรรจงวางร่างบนบ่าลงบนที่นอนนุ่ม คราวนี้เค้าเห็นใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตานั้นชัดเจนทีเดียว เอริคทรุดตัวลงคล่อมร่างเล็กอีกร่าง จูบเบา ๆ เพื่อซับรอยน้ำตานั้นให้จางหายไป เอริคเอื้อมมือของเค้าข้างนึงขึ้นลูบไล้บริเวณหน้าผากมน ดวงตากลม ๆ สายตาที่จับจ้องกันนานหลายนาที ทำเอาร่างเล็กเริ่มประหม่า ..
พี่ริคฮะ..
หืม
ถ้าผมไม่อยู่ พี่อย่าไปมองใครแบบนี้นะ รู้มั้ย
ทำมัยล่ะ แอนดี้
ผมกลัวว่าเค้าจะหลงเสน่ห์พี่น่ะสิ
มันช่วยไม่ได้นะ เพราะว่านายมีแฟนหล่อ นายต้องทำใจ
พี่ริคอ่ะ
แอนดี้เริ่มงอล
ล้อเล่นน่า...ชั้นไม่มีสายตาไว้มองใครแล้วแหละ นายเชื่อใจได้เลย หรือนายจะควักลูกตาชั้นออกแล้วไปเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวกันล่ะ..หืม
ไม่หรอกฮะ ให้มันอยู่กับพี่แบบนี้แหละดีแล้ว .. ผมเชื่อในความรักของพี่ ..และผมก็เชื่อในพรหมลิขิตของเรา
โห แฟนชั้นน่ารักนะเนี๊ยะ ... อย่างนี้งัย ชั้นถึงไปไหนไม่ได้ .. เพราะนาย..
เอริคก้มหน้าประทับจูบลงบนริมฝีปากที่ยังเปื้อนยิ้มอยู่ของอีกคน ปลายจมูกแหลม หยอกเย้าไปกับรูปหน้า เคล้าเคลียใบหูขาว ๆ แผ่วเบา ชวนเคลิ้มเคลิ้ม ..
ท้องฟ้าข้างนอก ดวงดาวยังคงระยับ อวดแสงแข่งขับดวงจันทร์ดวงกลมโตสีนวล และสายลมก็ยังคงพลิ้วไหว ..
ความรักที่มาพร้อมความเข้าใจ ย่อมเป็นรักที่ยืนยาวต่อไปไกล ... แสนนาน...
.....
เสียงเพลงเบา ๆ ภายใต้ดวงไฟสลัว ๆ หลากหลายดวง มีใครบางคนกำลังก้มหน้าก้มตาเทเหล้าเข้าปากอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง กระทั่งใครคนหนึ่งในกางเกงสเล็คสีดำสนิท เสื้อเชิ้ตพับแขนขึ้นไปกว่าครึ่งเดินมาหยุดและทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างกัน
ออมม่าเป็นอะไรรึเปล่า เสียงและสรรพนามคุ้นเคย ดึงให้ใบหน้าสวยที่ตอนนี้ระเรื่อแดงเพราะแอลกอฮอล์หันมามองอย่างงุนงง
จอนจิน มาได้งัย
พี่หมอโทรบอกให้ผมมารับออมม่ากลับ ทำมัยถึงมานั่งดื่มคนเดียวฮะ อยากดื่มทำไมไม่บอก
แล้วทำมัยชั้นต้องบอกนายด้วยล่ะ ชั้นไม่อยากให้ใครอึดอัดกับชั้น
นี่ผมทำอะไรให้ออมม่าไม่สบายใจอีกรึเปล่า
ไม่นี่ เฮซองไม่สนใจคำถามนัก เค้าจับแก้วของตัวเองเทเหล้าเข้าปากอีกระรอก แต่คราวนี้มีมือของคนข้าง ๆ มาหยุดไว้ จอนจินจับแก้วเหล้าในมือนั้น ดึงออกจากมือเรียวของอีกฝ่าย แล้วดื่มมันหมดเสียเอง
พอเหอะฮะ เมามากแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ทำงานไม่รอดหรอก กลับบ้านนะ ผมไปส่ง
เดี๋ยวสิ กำลังจะหมดอยู่แล้ว
ถ้าขืนหมดขวดจริง ๆ ผมคงต้องแบกออมม่ากลับแน่ ๆ
ทำมัยล่ะ กะแค่แบก ถ้าไม่เต็มใจเดี๋ยวชั้นโทรตามไอ่หมอก็ได้
ฮึ ๆ ออมม่าเนี๊ยะ บางทีก็ทำตัวเป็นเด็กจนน่าแปลกใจเลย เอาเหอะฮะ จะดื่มก็ดื่มไป เดี๋ยวแบกกลับก็ได้ พอใจมั้ย จอนจินหันไปหยิบแก้วที่บริกรนำมาวางไว้ตรงหน้า เทเหล้าให้ตัวเอง และนั่งจิบเป็นเพื่อนไปเรื่อย ๆ
เวลาผ่านไปอีกนาน กว่าที่เหล้าในขวดจะพร่องลงไปเกือบหมด และตอนนี้สภาพของเฮซอง ก็เรียกได้ว่าแทบไม่มีสติเท่าไหร่ แม้เจ้าตัวเองจะยังดึงดันว่าไหว แต่เพียงแค่ลุกขึ้นยืน สองขาก็เป๋ไปเป๋มา ยากจะทรงตัว สุดท้าย ไม่วายต้องให้จอนจินแบกขึ้นบ่าจนได้
ตลอดทางตั้งแต่เดินออกจากร้าน ไปยังรถยนต์ที่จอดค่อนข้างไกล เสียงโวยวายจากปากบาง ๆ ดังขึ้นเป็นระยะ สองมือเรียว ๆ เดี๋ยวทุบเดี๋ยวตีลงบนแขนของจอนจินจนเจ็บไปหมด
ออมม่า ผมเจ็บนะ จะตีผมทำมัยเนี๊ยะ
นายว่าชั้นใจร้ายงั้นเหรอ ไอ่ลูกเป็ดบ้า
ลูกนก ไม่ใช่ลูกเป็ดซักหน่อย บอกกี่ครั้งแล้ว
นายมันคือลูกเป็ดต่างหาก ลูกเป็ด ๆ ๆ ๆ
งั้นออมม่าก็คือออมม่าเป็ดน่ะสิ
ไม่เอา ชั้นไม่เป็นออมม่าเป็ดหรอก
แล้วจะเถียงทำมัยเนี๊ยะ ผมก็ไม่ยอมเป็นลูกเป็ดเหมือนกันแหละ
แม้ตลอดทางจอนจินจะอายแสนอาย เพราะมีสายตาผู้ผ่านไปมา ต่างหัวเราะคิกคัก ชี้ชวนให้มองมายังทั้งคู่ ภาพที่เค้าแบกคนเมา แถมเถียงกันจะเป็นจะตายเรื่องเป็ดเรื่องนกดังลั่นถนน แต่ทำงัยได้ล่ะ นี่ถ้าเฮซองหายเมา แล้วรู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป สงสัยมีหวังต้องเอาปี๊บคลุมหัว
และกว่าจะเดินมาถึงรถของตนได้ เล่นเอาหมดแรง เหลือไหลซึมทั่วตัว เค้าใช้มือปาดเหงื่อลวก ๆ ที่ไหลเต็มหน้าผาก พลางยืนมองคนที่เริ่มสงบลงบ้างแล้วในรถอย่างนึกขำ ก่อนจะอ้อมไปนั่งประจำที่คนขับ รัดเข็มขัดให้คนข้าง ๆ และตัวเอง ก่อนจะสตาร์ทรถออกไป
และเป็นอันต้องทุลักทุเลกันอีกรอบ เมื่อต้องแบกร่างบางเข้าบ้าน อาการสงบนิ่งในรถเมื่อครู่ ดูจะหายไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เหมือนกับเฮซองที่ช่างโวยวายคนเดิมกลับมาสิงร่างนี้ไว้อีกครั้ง
ออมม่า จะนอนในรถเหรอ
จอนจิน นาย .. จอนจิน
อะไรล่ะฮะ ผมทำมัย..
นายคิดว่าชั้นใจร้ายงั้นเหรอ
โธ่! โอเค พรุ่งนี้เราค่อยลุกขึ้นมาเถียงกันเรื่องนี้ใหม่ แต่ตอนนี้ไปนอนก่อนดีกว่านะฮะ
เค้าพยายามอุ้มร่างที่เอาแต่ขัดขืน แม้ว่าสุดท้าย จะพาร่างที่ดิ้นไปดิ้นมาไม่หยุดของเฮซองมาวางไว้บนที่นอนนุ่มได้ แต่นั่น ก็หมดแรงและเสียเวลาไปโขทีเดียว
ขอบคุณพระเจ้า
จอนจินทรุดตัวลงนั่งริมขอบเตียง เค้าดึงเอาผ้าห่มมาคลุมตัวอีกคนไว้ ก่อนจะก้มหน้ากดริมฝีปากตัวเองลงบนหน้าผากที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อเบา ๆ แทนการบอกราตรีสวัสดิ์ แต่ก่อนที่ริมฝีฝากจะได้สัมผัสกับผิวขาวนั่น
ทำมัยนายถึงไม่เข้าใจ ทำมัย....
...จอนจิน... นายไม่รักชั้นเลยใช่มั้ย ทำมัย ๆ ๆ..
เหมือนเป็นถ้อยคำที่เพียงแค่ละเมอหลุดออกมาจากปากมากกว่า หรือเพราะมันคือสาเหตุของการเมามายในครั้งนี้กันแน่เค้าเองก็ชักไม่มั่นใจ
..ใช่สินะ รู้แล้วใช่มั้ย ว่าการที่หัวใจตัวเองมันต้องถูกพลัดพรากไปไกลน่ะ มันเจ็บปวดแค่ไหน.. จอนจินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเดินไปหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้เฮซอง จู่ ๆ แขนสองข้างของคนที่กำลังจะหลับใหล กลับคว้าหมับเอาข้อมือของเค้าไว้
นายจะไปไหน
ผมจะไปเอาผ้ามาเช็ดหน้าให้ออมม่างัยฮะ จะได้สบายขึ้น ดีมั้ย
ไม่ .. นายอย่าไปไหนนะ
ออมม่าฮะ ผมไม่ไปไหนหรอก
เดี๋ยวผมมา รอแป๊บนะ
จอนจินเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ กลับมาอีกครั้งพร้อมผ้าขนหนูหมาด ๆ ในมือ เค้าซับมันเบา ๆ ลงบนใบหน้าของคนที่เอาแต่นอนกระสับกระส่ายไปมา อย่างไม่สบายตัว
ออมม่า อึดอัดเหรอฮะ ลุกขึ้นอาบน้ำมั้ย
ไม่
อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวเช็ดหน้าให้
คนเมายังคงเอามือปัดป่าย เบี่ยงหน้าหลบซ้ายหลบขวา จนอีกคนชักจะเริ่มโมโห
จอนจิน ชั้น ... ชั้น..
ทำมัยฮะ
ชั้น ..คลื่นใส้
อ่าว! งั้นผมอุ้มออมม่าไปห้องน้ำนะ
จอนจินยกร่างบางทั้งร่างใช้เท้าผลักประตูห้องน้ำและวางคนในอ้อมแขนของตนลงบนพื้นหน้าชักโครก ส่วนตัวเองก็เดินไปหน้ากระจกรองน้ำใส่แก้วมายืนรอไว้ ..
เมื่อสิ่งที่ทำให้รู้สึกพะอืดพะอมถูกขับออกมาจากจากร่างกายเกือบหมด บวกกับน้ำกลั้วคอ 1 แก้วและผ้าเช็ดหน้าเย็น ๆ ตอนนี้คนเมาก็รู้สึกดีขึ้นมาก ..เฮซองนั่งพิงผนังห้องน้ำ สายตาเหม่อมองไปยังแผ่นหลังกว้างดูอบอุ่นของคนที่กำลังซักผ้าขนหนูผืนเล็กอยู่หน้ากระจก
จอนจิน..
ฮะ แป๊บนะฮะ
ชั้นถามอะไรนายซักอย่าง ... ได้มั้ย
ได้สิฮะ เค้าตอบโดยที่ยังไม่ได้หันหลังกลับมา
ตอนนี้เราสองคนเป็นอะไรกัน
ประโยคนี้ ทำให้ต้องชะงักมือ หันหลังกลับมามองสีหน้าที่ดูแย่ ๆ ของคนเมา เหมือนว่าอาการเมามายจะดีขึ้นแล้ว.. แต่ทำมัย..
ทำมัยออมม่าถึงถามแบบนั้นล่ะ
ชั้นรูสึกว่าความสัมพันธ์ของเรามันเปราะบางเหลือเกิน พอมีอะไรซักอย่างมากระทบกระทั่ง..แม้เพียงนิดเดียว มันก็ทำให้ชั้นรู้สึกเจ็บ และนายก็เจ็บ มันเป็นแบบนี้บ่อยจนชั้นก็กลัว ..ชั้นทำอะไรผิดไปใช่มั้ย ร่างสูงที่หน้ากระจกเดินมาทรุดตัวลงนั่งตรงหน้า เอื้อมมือสองข้างไปแตะพวงแก้มที่ยังคงมีสีระเรื่อ แววตาปวดร้าวคู่นี้ ... เมื่อไหร่จะหายโศกเศร้าซะทีนะ
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะผม ผมทำให้พี่ต้องเป็นแบบนี้ .. ...พี่กลัวใช่มั้ย ว่าความรักของเรามันจะยืนยาวรึเปล่า .. ...พี่กังวลใช่มั้ย ว่าในใจผมตอนนี้คิดกับแอนดี้ยังงัย...
พี่ไม่บอกเรื่องของเราให้น้องรู้ พี่ไม่อยากให้น้องต้องมาตกอยู่ในวังวนของความรักที่มันอ่อนไหวเหมือนพี่...
และพี่รู้มั้ย ทุก ๆ อย่างที่พี่กำลังกังวล มันทำให้พี่เผลอสร้างกำแพงขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเองเอาไว้ กำแพงหนา ที่แม้แต่ความรักของผม ก็ทำอะไรมันไม่ได้
ชั้นเป็นอย่างนั้น....งั้นเหรอ
ใช่ พี่เป็นแบบนั้น ผมขอได้มั้ย อย่าให้มันมีอิทธิพลจนต้องทำร้ายพี่มากได้มั้ย ผมทำให้พี่เลิกคิดไม่ได้ แต่ผมกำลังพยายามทุกวิถีทาง พยายาม...จนผมก็ไม่รู้จะทำยังงัยแล้วเหมือนกัน...ผมอยากให้พี่รู้จักความรัก และเข้าใจมัน
นายบอกว่าชั้นไม่รู้จักความรักงั้นเหรอ จอนจิน แล้วไอ้ที่ชั้นเกือบเป็นเกือบตายกับแผนหลอก ๆ ของนายน่ะ แค่นั้นยังทำให้ชั้นรู้จักมันไม่ดีพออีกเหรอ
ก็นั่นงัยฮะ ผมถึงได้บอก ว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะผม ผมผิดเองทั้งหมด ...
เฮซองเริ่มนิ่ง เค้าจ้องมองลึก ๆ ลงไปในดวงตาของอีกคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
((ความพยายามงั้นเหรอ .. พยายามแล้วทำมัยต้องไปด้วย... ทำมัย นายกำลังลองใจชั้นงั้นสิ ถ้าจะบอกไปว่าความจริงเป็นงัย นายยังจะหนีชั้นไปอีกมั้ยนะ.. ))
ชั้น ... ไม่รู้สิ ชั้นไม่แน่ใจว่าทำมัยตัวเองต้องมีสภาพแบบนี้
ตอนนี้ ตอนที่ฤทธิ์แอลกอฮอลล์ยังคงส่งผลต่อร่างกายให้อยู่เหนือการควบคุม เฮซองเอื้อมมือจับไหล่กว้างของอีกคนตรงหน้าให้โน้มใบหน้านั้นเข้ามาใกล้ตัวเอง ริมฝีปากที่เผยอรอรสหวานประกบไปแรง ๆ ยังริมฝีปากหนา ลิ้นเรียวตวัดเคล้าเคลียกัน ซึ่งจอนจินเอง ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร กลับให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีอีกต่างหาก เค้ารวบร่างของที่อ่อนยวบของเฮซองให้ลุกขึ้นยืนก่อนจับชายเสื้อยืดถลกขึ้นเพื่อถอดให้มันหลุดออกไปพ้นจากร่างนี้ และทันทีที่ปากผละกันเพียงแป๊บหลังจากเสื้อพ้นตัวไปแล้ว มันกลับเข้ามาประกบกันใหม่ประหนึ่งมีสนามแม่เหล็กให้ดึงเข้าหากันอีกครั้ง สองแขนแขนโอบรอบคอกอดร่างหนานั่นเหมือนต้องการย้ำถึงสิ่งที่ตัวเองกังวลมากมาย คงอีกนาน กว่าเค้าจะได้โอบร่างอบอุ่นร่างนี้อีก ใช่มั้ย และเหมือนใครบางคนจะล้วงรู้ถึงความคิดของเค้า
ออมม่าฮะ ไม่ต้องกลัวนะฮะ .. อย่ากังวลกับอะไรอีกเลย จอนจินกระซิบเสียงแผ่วเบา ให้จมูกของเค้าคลอเคลียไปกับใบหู นั่นยิ่งเป็นการปลุกให้บางสิ่งบางอย่างภายในของอีกคนตื่นตัว
เฮซองพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนเงยหน้าระบายเสียงครางเบา ๆ เมื่ออีกคนซุกไซ้ทั้งจมูกและริมฝีปากของเค้าไปยังลำคอของตน และลากเลื้อยต่ำลงเรื่อย ๆ อย่างชำนาญ ตอนนี้ สองขาไร้เรียวแรงจนแทบยืนไม่อยู่ ร่างสูงผละออกนิดเอี้ยวตัวปิดฝาชักโครงและนั่งลงยกร่างบางขึ้นคล่อมหน้าขาตัวเองไว้ สองแขนโอวรอบเอวบางไม่ให้อีกคนหลายหลัง แต่เมื่อสายตาเหลือบเห็นเหงื่อเม็ดใหญ่เริ่มผุดขึ้นเต็มใบหน้าแดงระเรื่อนั้นจนชักนึกหวั่น
ไหวมั้ยฮะ
อืม ..
อาการชะงักไปของจอนจินทำให้เฮซองขัดใจมากมาย คราวนี้เค้าเป็นฝ่ายดึงอีกคนเข้ามาประกบปากอย่างเร่าร้อนแทน องศาความร้อนพุ่งขึ้นถึงขีดสุดก่อนที่ร่างบางแทบต้องทรุดฮวบลงกับพื้น
จอนจินวางร่างในอ้อมแขนลงบนที่นอนจัดแจงห่มผ้าก่อนจะหลับใหลไปในอ้อมกอดของกันและกัน
...
ผ่านคืนที่อากาศหนาวเหน็บเข้าสู่เช้าวันใหม่ที่อากาศดูจะอบอุ่นทีเดียว
เฮซองเปิดเปลือกตาตัวเองได้ยากเย็นเหลือเกิน เค้าใช้สองมือปีบขมับไล่อาการปวดหัวเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว จมูกตอนนี้หายใจขัด ๆ ชอบกล ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงบ่งบอกตัวเองได้ว่า สงสัย เค้าคงจะป่วยแน่ ๆ เค้าพยุงร่างตัวเองนั่งงัวเงียอยู่กับที่ซักพัก ก่อนจะหันสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง วันนี้แปลกกว่าทุกวัน ตรงที่ไม่มีร่างใครอีกคน นอนหลับเป็นตายซุกกายอยู่ข้างตนเองเหมือนทุก ๆ วัน และแม้อากาศวันนี้จะอุ่น แต่เนื้อตัวที่ปราศจากเสื้อผ้าปกปิดร่างกายซักชิ้น ทำให้เฮซองต้องดึงเอาผ้าห่มขึ้นมากระชับคลุมตัวไว้ เพียงไม่ถึงอึดใจ ประตูห้องก็ถูกเปิดขึ้น ใครอีกคนในยังอยู่ในกางเกงนอน และเสื้อกล้ามเพียงตัวเดียว ก็ปรากฏตัวยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าประตู
ตื่นและเหรอฮะ ผมทำโจ๊กมาให้
หืม ! โจ๊ก
ออมม่าอย่าทำหน้าภาคภูมิใจอย่างนั้นสิฮะ ก็แค่โจ๊กกึ่งสำเร็จรูป จอนจินลากเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งออกมาวางถาดในมือ และนั่งลงข้าง ๆ อีกคนที่ยังมีสีหน้ามึน ๆ ไม่หาย
เมื่อเช้าออมม่าตัวร้อนมากเลย กินซะหน่อยนะฮะ แล้วกินยาจะได้พักผ่อน
แต่ชั้นไม่หิวนะ
ไม่หิวได้งัยฮะ เมื่อคืนก็ไม่ได้กินอะไร ผมเห็นถ้วยบะหมี่วางอยู่ในครัว ออมม่าไม่ได้แตะมันซักนิด แถมยังดื่มหนักอีก จะไม่ป่วยได้งัย.. นี่น่ะ ออมม่าไม่รู้เหรอ นี่ไม่ใช่โจ๊กธรรมดา เป็นโจ๊กชามแรกที่ผมทำให้ออมม่าเลยนะ รู้มั้ย ผมบรรจงต้มน้ำ และฉีกซองโจ๊กอย่างสุดฝีมือ.. คำพูดพร้อมใบหน้าทะเล้น ระบายรอยยิ้มจาง ๆ ให้คนป่วยได้สดใสขึ้นมาอีกนิด
ชั้นไม่แน่ใจนัก ว่านายเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
แบบไหนฮะ
ก็ ..แบบนี้แหละ
แหม ก็ออมม่ากำลังป่วย ผมก็ต้องดูแลสิ ทีเมื่อก่อนตอนผมอยู่ที่นี่ ออมม่ายังดูแลผมเลย..
เพราะสายตาออดอ้อนชวนน่าสงสาร ทำให้เฮซองต้องยอมอ้าปากกินเจ้าโจ๊กนั่นแต่โดยดี
พูดง่ายแบบนี้ รักตายเลย
บทสนทนาระหว่างเค้าเมื่อคืน มันดูลางเลือนอยู่ในหัวอันปวดตื๊บ ๆ นี้เหลือเกิน บางครั้งก็เหมือนจะนึกได้ แต่บางทีมันก็หายไปซะเฉยๆ เค้าได้แต่คิด คิด และคิด..
จอนจิน
ฮะ
เมื่อคืนชั้นคงไม่ได้ทำอะไรน่าอายลงไปหรอกนะ
อืม... ก็ไม่หรอก ออมม่าก็แค่ตะโกนร้องเพลงดังลั่นถนนจนคนบนรถประจำทางหันมามองทั้งคัน ก็เท่านั้นเอง
จริงเหรอ คนป่วยทำหน้าตกใจ
ล้อเล่นฮะ ถ้าไม่นับที่ออมม่าข่มขืนผมในห้องน้ำ ก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว
บ้าเหรอ คราวนี้หน้าที่แดงอยู่เพราะฤทธิ์ไข้ กลับยิ่งแดงขึ้นเพราะอาการเขินอาย เรื่องอื่นแม้มันจะลางเลือน แต่ถ้าเรื่องนี้ มันกลับชัดเจนอยู่ในหัวทีเดียว ..
ทานต่อเถอะฮะ จะได้กินยา .. นะ
นายจะไปทำงานรึเปล่า
ผมเคลียร์งานที่บริษัทเรียบร้อยแล้ว วันนี้ผมอยู่เป็นเพื่อนและกัน
เคลียร์งานเสร็จแล้ว หมายความว่า นายต้องไปเร็ว ๆ นี้แล้วใช่มั้ย
จอนจินเพียงแค่ยิ้มแทนคำตอบ ...
โจ๊กพร่องไปกว่าครึ่งถ้วย ก่อนจะกินยา แล้วเอนกายลงนอน โดยมีอีกคนข้าง ๆ คอยดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ภาพสุดท้ายก่อนที่เฮซองจะหลับเพราะความอ่อนเพลียและเข้าสู่ห้วงนิทรา ...นั่นคือ...ใบหน้ากับรอยยิ้มที่อ่อนโยน และรอยจูบเบา ๆ ที่หน้าผากของตน แต่ทำมัย หัวใจเค้าถึงเหน็บหนาวขนาดนี้นะ เฮซอง นายกำลังจะกลายเป็นเจ้าชายน้ำแข็งแล้วงั้นเหรอ ..
ทำไมชั้นถึงหนาวจับขั้วหัวใจขนาดนี้...
ทำไมนะ ...
รีเควสอูด้งกันจัง เลยจัดให้ แต่ได้เท่าที่เห็นนะฮะ มันได้เท่านี้จริง ๆ ไปจิ้นต่อกันเอาเองน๊า ..ขอโทษอีกที
เป็นงัยล่ะ จบไม่ลงเลย เหอ ๆ ๆ
หวังว่าผู้โดยสารคงรัดเข็มขัดเตรียมตีลังกาเหนือก้อนเมฆ 1 รอบก่อนลงจอดเรียบร้อยและนะฮะ แปลกเนอะ เครื่องบินลำนี้ จะจอด จะจอด แต่ไม่จอดซะที
ขอบคุณที่โดยสารมากะเรานะฮะ ขอบคุณทุก ๆ กำลังใจด้วย ...
Create Date : 23 ตุลาคม 2551 |
|
22 comments |
Last Update : 27 ตุลาคม 2551 22:15:50 น. |
Counter : 958 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: โบ_andyholic IP: 115.67.95.0 23 ตุลาคม 2551 22:13:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่นา IP: 203.151.144.4 24 ตุลาคม 2551 9:17:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: จ๊อย.... IP: 222.123.108.196 24 ตุลาคม 2551 11:16:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: Pekkiokung IP: 203.146.75.80 24 ตุลาคม 2551 14:41:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: JM IP: 116.58.231.242 24 ตุลาคม 2551 19:07:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: โบ_andyholic IP: 115.67.184.175 24 ตุลาคม 2551 19:27:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: ekada IP: 124.120.188.38 24 ตุลาคม 2551 20:18:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: piyawan IP: 118.172.240.69 24 ตุลาคม 2551 23:12:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: carina_jeab IP: 58.9.82.206 24 ตุลาคม 2551 23:14:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: kayzila IP: 124.122.147.122 25 ตุลาคม 2551 14:20:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่จิ๋วจิน ค่า IP: 202.28.21.4 27 ตุลาคม 2551 9:11:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: นาค่า IP: 124.120.35.66 27 ตุลาคม 2551 12:23:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: wizze IP: 124.120.102.62 27 ตุลาคม 2551 20:13:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: JM IP: 116.58.231.242 28 ตุลาคม 2551 2:11:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: keiropi IP: 117.121.208.2 28 ตุลาคม 2551 17:43:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: praery_za IP: 58.10.170.106 28 ตุลาคม 2551 20:10:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: sushilanla IP: 58.9.22.192 28 ตุลาคม 2551 20:45:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: duckie IP: 124.121.28.101 28 ตุลาคม 2551 22:10:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: ket_dd IP: 117.47.189.142 2 พฤศจิกายน 2551 22:50:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่อัน IP: 202.129.32.218 4 พฤศจิกายน 2551 18:14:18 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เด๋วไปร่างคอมเมนท์ยาวๆก่อง ค่อยมารอบ 2 เน้อ อดใจรอน๊า