I call it Destiny You call it Love...
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
14 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 

Make a plan to love me (รักนี้ มีแผน 2) #7





Make a plan to love me (รักนี้ มีแผน 2)



…7... ผลิตผลบนความผิดพลาด




จอนจินยังคงยืนนิ่ง สายตาของเค้าเหม่อมองไปไกลแสนไกลอย่างไร้จุดหมาย แม้จะดึกมากแล้ว แต่บนถนนหนทางยังคงมีรถราขวักไขว่ สีสันของท้องถนนยามราตรี มองจากมุมสูงนี้ยังคงสวยงามเหมือน ๆ ทุกวัน แต่ไม่ว่าอะไรจะสวยงามแค่ไหนก็ไม่สามารถผ่านเข้ามาในหัวเค้าได้เลยในตอนนี้ ยกเว้นเรื่องของคน ๆ นั้น ใบหน้าเศร้า ๆ นั้น มันเหมือนมีดกรีดใจเค้าจนเป็นแผลเหวอะหวะไปหมด

มินอูนั่งมองจอนจินอยู่ในท่าเดิมนานราวชั่วโมงเห็นจะได้ เค้าตัดสินใจวางแก้ววิสกี้ในมือลง แล้วเดินไปยังร่าง ๆ นั้นที่ยังคงไม่ไหวติงเช่นเดิม

“นายโทรให้ชั้นไปรับแค่เพราะอยากมายืนกินลมที่ระเบียงห้องชั้น แค่นี้เนี๊ยะอ่ะนะจินนี่”

“...” ..

“หัวนายมันอาจระเบิดในวินาทีใดวินาทีนึงนี่แหละ อย่าคิดมากสิวะ”

“ผม ...ผมคิดไรไม่ออกต่างหาก”

“นี่!! .. นายรู้มั้ย....ปัญหาน่ะมันไม่ได้อยู่ที่ว่าทำไม ปัญหามันอยู่ที่ว่าจะแก้ยังงัยมากกว่า นายคิดวนไปวนมาแบบนี้มันก็ไม่มีทางคิดออกหรอก”

“...”

จอนจินเงียบอีกแล้ว พลอยให้คนที่เฝ้ามองอยู่ได้แต่ส่ายหัว เค้าตบบ่าผู้เป็นน้องเบา ๆ ก่อนจะหันมาดื่มด่ำกับบรรยากาศยามค่ำคืนเหมือนอีกคน แล้วปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมันไป ...

...
..

.
ผ่านไปอีกนาน ท่าทีที่ยังคงนิ่ง มันทำให้มินอูเริ่มยอมแพ้ .

“เอาเป็นว่าชั้นจะไม่ถามอะไร แต่เมื่อไหร่ที่นายพร้อมจะพูด ชั้นก็พร้อมจะช่วยนายทุกเมื่อ เข้าใจมั้ย”

...
.
.
“...” จอนจินพยักหน้าเบา ๆ

“ทุกอย่าง มันมีทางออก นายอาจคิดว่ามันเลวร้ายที่สุด แต่ความจริงแล้ว พอตื่นมาวันพรุ่งนี้ มันอาจจะไม่มีอะไรเลวร้ายเลยก็ได้ ฉะนั้น อย่าคิดมาก ระวังหน้านายจะยับเหมือนพี่ชายนาย ชั้นเตือนด้วยความหวังดี”

จอนจินกระตุกยิ้มมุมปากนิด ๆ เป็นสัญลักษณ์ให้มินอูสบายใจ ว่าเค้าจะไม่คิดมาก แต่ทันทีที่อีกคนเดินหายเข้าห้องไปแล้ว ความคิดเหล่านั้น ก็กลับมาเกาะกุมใจอีกครั้ง แม้ความตึงเครียดมันมีมากจนยากจะเอ่ยปาก แต่แค่คำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อครู่ มันกลับทำให้เค้ารู้สึกว่า

...อย่างน้อย .....เค้าก็ไม่โดดเดี่ยวเกินไปนัก


..........

เมื่อคืน อาจเป็นคืนที่มืดมิดของใครบางคน แต่สำหรับเฮซอง มันเหมือนโลกทั้งโลกถล่มลงมาใส่เค้ามากกว่า หลังจากเดินหันหลังกลับเงียบ ๆ ออกมาให้ไกลจากคน ๆ นั้น ตั้งแต่นั้น คำถามที่ไม่อยากรับรู้คำตอบ มันก็เฝ้าวนเวียนรุมเร้าอยู่รอบตัวจนยากจะข่มตาหลับได้ลง

วันนี้เฮซองตื่นสายผิดปกติ ความจริงแล้ว เค้าแทบไม่ได้นอนเลยต่างหาก ขณะยืนแต่งตัวหน้ากระจก เค้าเองยังคงคิดถึงมัน คิดซ้ำ ๆ วนเวียนอยู่อย่างนั้นจนหัวแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยง

((จอนจิน แอนดี้ จอนจินชอบแอนดี้งั้นเหรอ แล้วแผน?? แผนอะไร มินอูอีก เอริคอีก ชื่อนี้ยิ่งคุ้นแสนคุ้น ทำมัยเค้าถึงนึกไม่ออกนะ

....แล้วไหนจะหัวใจตัวเองอีกล่ะ จะจัดการกับมันยังงัย

“เวลาแค่ 2 อาทิตย์ ทำเอานายจะเป็นจะตายขนาดนี้เลยเหรอเฮซอง” เค้าบ่นพึมพำอย่างนึกรำคาญกับตัวเองหน้ากระจกอยู่อย่างนั้น

.....สรุปว่าตลอดเวลาที่จอนจินอยู่ที่นี่ เค้าโดนหลอกมาตลอดงั้นเหรอ ทั้ง ๆ ที่เค้าเฝ้าแต่โทษตัวเองอยู่ฝ่ายเดียวที่ทำให้อีกคนต้องความจำเสื่อม ..


“แต่ว่า.......วันนั้นไอ่หมอก็บอกนี่ว่า จอนจินความจำเสื่อมชั่วคราวจริง ๆ”

.....หมอเหรอ ...

...หมอ.. ใช่แล้ว

ไอ่ดงวาน!!!!!!!!!!!!!

ดวงตาที่แฝงไปด้วยความเคลือบแคลงเมื่อครู่ กลับเบิกกว้างทันทีที่เหมือนจะนึกอะไรได้ ทำมัยเค้าถึงลืมมันได้นะ ว่าแล้วก็รีบจัดแจงตัวเอง บึ่งบีเอ็มคันหรูออกจากบ้าน จุดหมายคือใครบางคนที่เค้าคิดว่าคงมีคำตอบดี ๆ ให้เค้า อย่างน้อย ปมในใจจะได้คลายออกไปบ้าง


“อ่าว ไอ่ซอง เป็นงัยวะ คิดถึงชั้นแต่ไก่โห่เลยเหรอเพื่อน” ดงวานทักขึ้นอย่างแปลกใจ ก็ยังเช้าอยู่ แล้วไหงไอ่เพื่อนยากถึงมายืนทำหน้าเมื่อยตรงนี้ได้

“ชั้นอยากคุยกับนายหน่อย”

“ท่าจะสำคัญแหะ นั่งก่อนสิ” เฮซองหย่อนตัวลงยังเก้าอี้ตรงหน้าช้า ๆ แต่สายตาไม่ละไปจากหน้าเพื่อนอีกคน จนดงวานเองก็ชักหนาว ๆ ร้อน ๆ

“นายจำเอริคกับมินอูที่เราเจอเค้าในบาร์หลายวันก่อนได้ใช่มั้ย คนที่นายบอกว่าเป็นคนไข้นายน่ะ”

“หืม ว่างัยนะ” ดงวานสะดุ้งนิดหน่อย เพราะไม่คิดว่าจู่ ๆ เฮซองจะถามเรื่องนี้กับเค้า

“ทำมัยจะจำไม่ได้ล่ะ ว่าแต่มีไรเหรอ”

“เค้าเป็นใครวะ”

“นายนี่ถามแปลก .. ก็มินอูเป็นคนไข้ชั้นงัย เคยบอกไปแล้วนี่”

“เออ อันนั้นรู้ ว่าแต่มินอูเค้าทำงานที่ไหนเหรอ วันนั้นชั้นก็ไม่ได้ถามเค้าด้วยสิ”

“เฮ้ย! ชั้นจะไปรู้เหรอ”

“แน่ใจนะว่าไม่รู้จริงๆ ประวัติคนไข้ก็มีนี่หว่า”

“ประวัติคนไข้เป็นความลับ ชั้นให้ใครดูส่ง ๆ ไม่ได้หรอก”
..
.

“กับชั้นก็เป็นความลับงั้นเหรอ ดูไม่ได้ หรือไม่อยากให้ดูกันแน่วะ”

“นายจะดูไปทำมัยเล่า ถามจริงๆ นายอยากรู้ไปทำมัยเนี๊ยะ”


เฮซองก้มหน้าเค้าลง หลับตานิ่ง ๆ เพื่อใช้หัวสมองในการคิดประมวลภาพวันนั้น ในบาร์นั่น เอริคบอกว่าเค้าเป็นนักธุรกิจเจ้าของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง เค้าจำได้แน่นอน เพราะบริษัทนั่นเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีทีเดียว จะลืมได้งัย

“เอริค กับมินอู รู้จักกับจอนจิน นายรู้เรื่องนี้รึเปล่า ดงวาน”

“ห๋า! นะ.. นาย จะบ้าเหรอ เอริคกะมินอูในเกาหลีมีตั้งกี่คน”

“ใช่ ถึงจะมีหลายคนจริง แต่มันจะบังเอิญขนาดที่คนทั้งคู่จะชื่อเหมือนกัน แล้วรู้จักจอนจินทั้งคู่ได้เหรอ”

“ได้ดิวะ ผิดปกติตรงไหน”


“นี่ ..ไอ่ดงวาน นายรู้มั้ย ว่าเราเป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้ว ชั้นเคยบอกนายแล้วงัย ว่าหน้าตานายน่ะ มันโกหกไม่ขึ้น”



“เย้ยย !! ชั้นเปล่านาเฟ้ย” ดงวานโบกไม้โบกมือให้มั่วไปหมด หาทางหลบตาคนตรงหน้ามายังกองเอกสาร แต่ก็ไม่มีท่าทีจะหลบรังสีอัมหิตที่พุ่งมาหมายจะทำลายล้างเค้าได้เลย


จนแล้วจนรอด..

...
..
.

“โธ่เว้ยยย !!!! อ่ะ โอเค ๆ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ถ้าชั้นไม่บอก นายก็ต้องหาทางรู้จนได้น่ะแหละ ใช่มั้ย”

“ก็ใช่”

ดงวานถอนหายใจเฮือกใหญ่ไปที หวังว่าเค้าคงได้หายใจต่อหลังจากเล่าจบนะ

“เอริคน่ะ เค้าเป็นพี่ชายของจอนจิน ส่วนมินอู เค้าก็คือเพื่อนของเอริค อยากรู้แค่นี้ใช่มั้ย”

“ไม่ อยากรู้ทั้งหมดที่นายรู้นั่นแหละ นายอย่าบอกชั้นน่ะ ว่านายรู้แค่นี้”

ดงวานจ้องมองสายตาเพื่อนพาลเสียวสันหลัง ดวงตาแบบนี้ของเฮซอง น่ากลัวที่สุดจริง ๆ แล้วหนูตัวน้อย ก็ตกอยู่ในอุ้งมือแมวผู้หิวโหยจนได้

“แล้ว ... นายอยากรู้เรื่องอะไรล่ะ”


“แผนงัย ชั้นอยากรู้เรื่องแผน...”

“แผน!!!!!!!!!!!!!!!!!!”



……….


เป็นเช้าอีกวันที่จอนจินยังคงหมกตัวอยู่ในห้อง วันที่ 3 แล้วสินะ ความจริง เค้าไม่มีใจจะออกไปไหนมากกว่า แค่นี้มันก็ทำให้มินอูสงสัยพอดู ก็ปกติเค้าเป็นคนอยู่ติดบ้านซะที่ไหนกันเล่า คิดอีกที เค้าก็อยากกลับไปยังบ้านหลังนั้นเหมือนกัน อยากกลับไปดูว่าป่านนี้เฮซองจะเป็นยังงัยบ้าง เป็นห่วงเหลือเกิน แต่ความกลัวในปฏิกิริยาของคน ๆ นั้นมันมีมากกว่า น้ำเสียงที่เย็นชา แววตาที่เศร้าสร้อยวันนั้น มันยังติดอยู่ในหัวของเค้าลบยังงัยก็ไม่ออก

“สำหรับนายแล้ว ชั้นเป็นอะไรเหรอจอนจิน” คำ ๆ นี้มันวนเวียนคอยหลอกหลอนเค้าแทบตลอดเวลา

เวลาแค่ 2 อาทิตย์ที่อยู่ด้วยกัน มันทำให้เค้าไม่แน่ใจตัวเองว่า เฮซอง เป็นอะไรสำหรับเค้ากันแน่ เรื่องคืนนั้นแม้อีกคนจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ตัวเองที่ยังมีสติ ครบถ้วน ไม่ได้เมามายซักนิด กลับสานต่อจนมันกลายเป็นเรื่องเกินเลย จะโทษเฮซองก็ไม่ได้ เค้าชักเริ่มไม่แน่ใจ ว่าที่เค้ากำลังเครียดและกลุ้มแทบเป็นแทบตายอยู่ตอนนี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไร

แอนดี้ !!!!!!!!!!!!!! หรือ เฮซอง!!!!!!!!!!!!!!

แค่นึกถึง ลำคอก็แห้งผาดขึ้นมาเฉยๆ จอนจินงัวเงียลุกขึ้นจากเตียงเดินไปยังตู้เย็นเพื่อหมายจะหยิบน้ำดื่มซักแก้ว แต่หากเพียงแค่ย่างก้าวเอาเท้าแตะพื้นห้องครัว ภาพใบหน้าในกรอบแว่นหนา ๆ ของใครบางคนก็ลอยเข้ามาในหัวสมอง

..เฮซองชอบทำงานในครัวเพราะว่าชอบกลิ่นครัว กลิ่นครัวนี่มันเป็นงัยนะ????


จอนจินปิดเปลือกตาของเค้าลง สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วทุก ๆ อย่าง ก็หลั่งไหลเข้ามาในมโนภาพของเค้า รอยยิ้ม คำพูด เสียงหัวเราะของใครบางคน อากัปกิริยาแทบทุกอย่าง เหมือนมันถูกแมมโมรี่ใส่ในหัวเค้าเรียบร้อย

วันนี้เค้าคงต้องเริ่มทำอะไรซักอย่างบ้างแล้ว ไม่งั้น เค้าคงได้เป็นบ้าไปจริงๆ แน่

อย่างแรกคือ เมื่อคืนมินอูบอกว่าเอริคอยากพบเค้า ฉะนั้น อย่างน้อยต้องเข้ามอบตัวกับเอริคซะก่อน จอนจินรู้สึกว่าเค้าทำตามใจตัวเองมานานเหลือเกิน แม้ว่าพี่ชายดูคล้ายจะดุและเคร่งครัดกับมาก แต่หากเทียบกับสิ่งที่เค้าทำแต่ละอย่างแล้ว มันก็สมควรอยู่หรอก ตั้งแต่เรียนจบมา ยังไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากเตร่ไปเตร่มา

“เฮ้อ! หวังว่านายคงไม่เป็นบ้าไปซะก่อนนะ จอนจิน”


.......



เช้าวันทำงานวันนี้ ก็เป็นเหมือนวันทำงานอื่น ๆ ของหลาย ๆ คน เอริคก็เช่นกัน เพียงแต่ตอนนี้ วันทำงานของเค้าเป็นวันที่พิเศษมากขึ้น นับแต่มีแจกันดอกไม้ดอกนี้อยู่ด้วย แจกันดอกไม้ที่ชื่อแอนดี้..

สองวันก่อนมินอูบอกว่า จอนจินอยู่กับเค้าที่คอนโด ท่าทางไม่ค่อยดี หากสาเหตุคือใครคนนี้ที่เค้ารัก เค้าไม่ค่อยแน่ใจนัก ว่าเค้าพร้อมที่จะปล่อยมือแอนดี้ไปหรือเปล่า และหากว่าแอนดี้กับจอนจินรักกัน เค้าจะทำยังงัยล่ะ

เอริคเหลือบสายตาตัวเอง มองไปยังร่างอีกร่างที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันนัก แอนดี้กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานของเค้าอยู่ อย่างน้อยวันนี้เค้าก็อยากรู้ หากว่าคน ๆ นี้มีใครในหัวใจแล้วจริง ๆ เค้าก็คงต้องเป็นฝ่ายหลีกทางสินะ โดยเฉพาะ ถ้าเจ้าของหัวใจดวงน้อย ๆ นั้น คือน้องชายของเค้าเอง


“แอนดี้ รายชื่อแขกวีไอพีที่ชั้นร่างให้นายนั่งจิ้มเมื่อวานน่ะ นายได้ตรวจทานอีกทีหรือเปล่า” เอริคปรับสีหน้าที่ฉายแวววิตกจนยากจะเก็บให้เคร่งขรึมขึ้น

“เอ่อ!! ก็พี่บอกว่าพี่รีบ ผมพิมพ์เสร็จก็เลยส่งให้พี่เลย มีอะไรรึเปล่าฮะ”

“นายรู้มั้ยว่ามันไม่ครบ ทำอะไรทำมัยไม่ดูให้รอบคอบ มานี่ซิ”

เอริคทำเสียงขึงขัง พลอยทำให้แอนดี้แปลกใจ

((ทำมัยตอนส่งให้เมื่อวานก็ไม่บอกให้เค้าตรวจเล่า ผ่านไปวันนึงและ เพิ่งนึกออกรึงัย แล้วรายมือที่ร่างนั่นอีก เรียกไก่มาเขี่ยคงสวยซะกว่าเป็นแน่)) แอนดี้เดินบ่นในใจเข้ามายืนคิ้วขมวดตรงหน้าโต๊ะเอริค

“นายรู้มั้ย ชีวิตนักเรียนน่ะ ผิดก็แก้ไขได้ นายสอบตก นายก็สอบซ่อม แต่ชีวิตทำงานมันไม่เหมือนกัน นายจะสะเพร่าไม่ได้เลยแม้ซักวินาที เพราะนั่นอาจหมายถึงความเสียหายที่จะตามมา จนบางที นายอาจจะรับผิดชอบมันไม่ไหวก็ได้”

“ฮะ” แอนดี้ก้มหน้านิ่ง

“เมื่อวานนายพิมพ์รายชื่อตกไปเกือบ 10 คน นายรู้มั้ย”

“ไม่รู้ฮะ”

“ถ้ามันเป็นเรื่องที่สำคัญกว่านี้จะทำยังงัย”

“ งั้น .. เดี๋ยวผมจะแก้ให้”

เอริคกอดอกมองหน้าอีกคนที่ตาแดง ๆ ตรงหน้าเค้า ตอนนี้แอนดี้เหมือนลูกหมาน้อยที่กำลังสำนึกผิด น่าหัวเราะชะมัด

“ผมขอโทษ” แอนดี้กล่าวขอโทษ พร้อมโค้งต่ำ ให้เอริค เมื่อเห็นว่าอีกคนเอาแต่เงียบ คงเป็นเพราะโกรธจัดล่ะมั้ง
...
..
.

“เมื่อวานได้ยินมาว่า นายแอบไปจีบพนักงานสาวประชาสัมพันธ์มา”

“หืม !!!! ผมเปล่านะฮะพี่” แอนดี้เริ่มงง ทำมัยอีกคนเปลี่ยนเรื่องได้เร็วเยี่ยงนี้หนอ

“ทำมัย??? ชอบผู้หญิงแก่กว่างั้นสิ …..มาตรงนี้ เข้ามาใกล้ ๆ ชั้นนี่” แต่แอนดี้ยังคงนิ่งอยู่กับที่


“บอกว่าให้มา หรือต้องให้ชั้นลากมา” ทันทีที่พูดจบ เอริคเอื้อมมือข้ามโต๊ะไปดึงมือของแอนดี้กระชากให้อีกคนเดินอ้อมโต๊ะเข้ามาใกล้ ๆ แล้วรวบเอาเอวบางให้นั่งลงบนตัก พลางสวมกอดไว้แน่นทันที

“ทำมัย ปล่อยให้คลาดสายตานิดนึงไม่ได้เลยใช่มั้ย ทำมัยต้องไปให้ท่าเค้าด้วย”

“ผมเปล่า เดินผ่านเค้าแล้วก็แค่ทักทายเฉย ๆ พี่จะหาเรื่องผมเหรอ”

“ก็ชั้นหวง”

“หวง???!~~”

“ใช่ หวง! ทำมัย หรือว่าไม่มีสิทธิ์”

“เปล่า...” น้ำเสียงของแอนดี้ยังคงมีอาการขุ่นเคือง ปะปนไปด้วยความน้อยใจในเรื่องเมื่อครู่ยังไม่ทันจางหายไป


“ฮึ สงสัยชั้นต้องล่ามนายไว้แล้วและล่ะมั้งเนี๊ยะ” แล้วเอริคก็ล้วงเอาบางสิ่งบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แหวนทองคำขาวเกลี้ยง ๆ วงเล็กน่ารัก เค้าบรรจงสวมมันลงบนนิ้วนางป้อม ๆ ด้านซ้ายของอีกคนอย่างเบามือ

“ต่อไปนี้ ห้ามมองใครอีก เข้าใจมั้ย”

“...” แอนดี้ได้แต่นิ่งอึ้งมองดูมันอยู่อย่างนั้น


“ทำมัยเงียบ”

“พี่ตบหัวผมด้วยเรื่องงาน แล้วก็มาลูบหลังผมเนี๊ยะอ่ะนะ อะไรของพี่อ่ะ มาทำให้โมโหแล้วก็จะมาปลอบใจงั้นเหรอ” แอนดี้โวยวายเสียงดังอยู่บนตักเอริคนั่นแหละ แม้จะพยายามจะแกะมือที่โอบรอบเอวออก แต่ก็ไม่สำเร็จ

“เปล่าหรอก ก็ชั้นชอบให้นายโมโหนี่นา หน้านายตอนนี้น่ะ น่ารักดี”

“พี่บ้าป่ะเนี๊ยะพี่เอริค ทำให้คนอื่นหงุดหงิดแล้วตัวเองสนุก”


“ว่าแต่ชอบมันมั้ย แหวนน่ะ ชั้นไปดูมาเมื่อวาน ไม่น่าเชื่อว่าชั้นจะกะขนาดนิ้วนายถูก”


“เฮ้อ!!!” แอนดี้ถอนหายใจอย่างระอา ทำงัยได้ จะโมโหก็ทำไม่ลงได้แต่นั่งนิ่งๆ ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าอยู่บนตักเอริคนั่นแหละ

..
..
.

“แอนดี้ ...”

“อะไรอีกอ่ะ”

“ตอนนี้นาย ... นายไม่มีใครในหัวใจนายใช่มั้ย”

“หืม” คราวนี้เอริคจะมาไม้ไหนอีก หน้าทะเล้นเมื่อครู่กลายเป็นหงอยขึ้นมาเฉยๆ ซะงั้น แอนดี้คิดในใจ

“พี่รู้ได้งัยว่าไม่มี”

“นายรักใครอยู่งั้นเหรอ”

“ช่าย” คราวนี้ได้ทีแอนดี้เอาคืนมั่งแล้ว

“งั้น ... ถ้านายไม่ต้องการมัน แหวนนั่นน่ะ จะถอดทิ้งไปก็ได้” ได้ผลคราวนี้สีหน้าของเอริคเริ่มเจื่อนๆ จนอีกคนสัมผัสมันได้ ปัดโธ่ แล้วบอกว่าตัวเองน่ะฉลาด

“พี่จะบ้าไปใหญ่แล้ว ถามมาได้ว่าใคร เห็นผมเป็นคนงัยเนี๊ยะ แค่นี้ยังไม่รู้ตัวเองอีก เฮ้อ! ทีเรื่องอื่นเห็นฉลาดนัก”

“นายหมายถึงชั้นงั้นเหรอ”

“ก็ถ้าไม่ใช่พี่ แล้วจะเป็นกอลิล่าที่ไหนได้อีกเล่า”

“นี่ ๆ มากไปและ ก็ชั้นไม่รู้นี่น่า นายกับชั้นเพิ่งเจอกันไม่นาน ใครมันจะไปรู้ว่านายมีหรือไม่มีแฟน”

“เออ แปลกเนอะ ไม่รู้แต่หลอกปล้ำเค้าไปและ”

“เอาเหอะน่า เรื่องนั้นมันผ่านไปแล้วจะชดเชยให้คุ้มเลย” ว่าแล้วก็เอียงหน้าอีกคนมาจุ๊บแก้มเบา ๆ ถือว่าเป็นดอกเบี้ยของค่าเสียหายและกัน


“เฮ้อ! แค่นี้ก็พอแล้ว ขอบคุณนะแอนดี้”

“ขอบคุณ ทำมัยเหรอฮะ” แอนดี้มีสีหน้าแปลกใจนิดหน่อย แทนที่เอริคจะทวงคำขอบคุณ กลับกลายเป็นขอบคุณเค้าซะงั้น

“ก็ขอบคุณที่นายรักชั้นงัย” พูดพลางซบหน้าลงบนหลังของอีกคน หลับตาพริ้มอย่างสุขใจเหลือเกิน

“อืม! ไม่เป็นไรหรอกฮะ ไว้ผมจะหาแหวนมาล่ามพี่ไว้ด้วย ดีมั้ย”

“ฮ่ะ ๆ ชั้นน่ะไม่ต้องล่ามหรอก แค่นี้ก็ไปไหนไม่รอดแล้ว” เอริคคลายวงแขนเค้าออก ปล่อยแอนดี้ให้เป็นอิสระ ทันทีที่อีกคนลุกขึ้นได้ ก็หันหน้า ก้มตัวกดปากตัวเองลงบนปากหนาอีกคนที่ไม่ได้ตั้งตัวอยู่อย่างแผ่วเบา และดึงตัวเองออกอย่างรวดเร็ว

“นายจะยั่วชั้นใช่มั้ย”

“เปล่า แทนคำขอบคุณสำหรับแหวนฮะ” แอนดี้ส่งยิ้มให้อีกที ก่อนจะหันหลังกลับเดินไปยังที่ของตัวเอง

“โธ่ ! ถ้ารู้ว่าจะขอบคุณกันแบบนี้ ชั้นซื้อให้นายใส่ครบทุกนิ้วไปแล้ว ....ออ เดี๋ยวสิ”

“ฮะ”

“นี่รายชื่อแขกเมื่อวานที่นายพิมพ์ตก ชั้นเติมไว้ให้แล้ว มาเอากลับไปจิ้มใหม่ด้วย”

“โธ่ ยังกะพี่พิมพ์เร็วกว่าผมนักนี่”







ก๊อก ๆ ๆ

“เชิญครับ”

ประตูถูกเปิดออกโดยแขกที่เจ้าของห้องไม่คิดว่าจะได้เจอกันตอนนี้ และทันทีที่ทั้งสามคนเห็นหน้ากัน พลันบรรยากาศในห้องก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป

“พี่จิน!!!”

“จินนี่!!!”

“แอนดี้!!!”

...
..
.
“พี่รู้ได้งัยว่าผมอยู่นี่ฮะ” หลังจากเงียบกันไปซักพัก แอนดี้ที่มีสติก่อนจึงทักขึ้น

“ก็ ไม่รู้หรอก แค่มาหาพี่ริคน่ะ”

“พี่ริคเหรอ” แอนดี้ยืนงง หันไปมองหน้าเอริคที่นั่งนิ่งอยู่กับที่

“เอ่อ แอนดี้ นี่จอนจิน น้องชายชั้น” แม้บรรยากาศจะชวนอึดอัดแค่ไหน แค่เอริคก็คงเก็บอาการเอาไว้ได้อย่างมิดชิดอยู่ดี

“โห โลกกลมเป็นบ้า พี่ใจร้ายจัง ไปไม่เห็นบอกกล่าวเลย พี่ซองกี้บอกว่า พี่ชายพี่มารับ งั้นก็แสดงว่าพี่เอริคมารับพี่ไปคืนนั้นน่ะสิ ใช่มั้ย” จอนจินที่ไม่คาดฝันว่าจะได้เจอกับแอนดี้ที่นี่ ยังคงอึ้งไม่หาย เค้ามองคนตรงหน้าสลับกับหน้าพี่ชายอย่างงง ๆ

“ออ เปล่าหรอก พี่มินอูไปรับน่ะ”

“ผมก็ว่าอยู่ ถ้าพี่เอริคไปรับ ผมก็ต้องรู้สิ ก็พี่เอริครู้จักบ้านผมนี่น่า งั้นแสดงว่าตอนนี้พี่จินหายดีแล้วสิ ใช่มั้ย ไม่เห็นไปเยี่ยมกันมั่ง พี่ซองกี้น่ะ คิดถึงพี่นะ รู้ป่ะ เค้าซึม ๆ ไปเลยพอพี่ไม่อยู่”

แค่ชื่ออีกคนนึงผ่านเข้าหู โสตประสาทก็กลับตื่นตัวอย่างไร้สาเหตุ เฮซองซึมไป ใช่สิ ทำมัยจะไม่เป็นงั้นล่ะ

“แล้วออมม่า เป็นงัยมั่งเหรอแอนดี้”


“พี่ยังเรียกพี่ซองกี้ว่าออมม่าอีกเหรอ” จอนจินเผลอลืมตัว จนต้องยิ้มกลบเกลื่อน ก็สรรพนามคำนี้เค้ารู้สึกชินกับมันนี่น่า

“พี่ซองกี้ก็ไม่เป็นงัยฮะ เค้าบอกว่าพี่ชายพี่มารับพี่ไปแล้ว ก็แค่นั้นแหละ และก็ไม่พูดอะไรอีกเลย ผมก็ไม่อยากถามมาก พี่เค้ายุ่ง ๆ น่ะฮะ ตอนนี้ก็อยู่เมกาด้วย”

“อยู่เมกา ไปมะไหร่ ไปทำมัย แล้วจะกลับวันไหนเหรอ”

“ไปเมื่อวานฮะ ไปธุระอ่ะ คงอีกอาทิตย์ก็น่าจะกลับ ทำมัยพี่ต้องตกใจด้วยล่ะ”

“ชั้นว่านายสองคนคงมีเรื่องที่ต้องคุยกันยาว” เอริคพูดขัดจังหวะขึ้น “งั้นชั้นขอตัวไปหาไอ่มินแป๊บนะ เออ จินนี่ เดี๋ยวอยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันนะ”

เอริคได้แต่เดินเลี่ยงคนทั้งคู่ เปิดประตูออกไปด้านนอกอย่างเงียบ ๆ ตอนนี้หัวสมองกำลังเรียกร้องอากาศบริสุทธิ์ซักหน่อย แม้จะเตรียมใจกับเหตุการณ์นี้ดีแล้ว แต่เอาเข้าจริง เห็นหน้าน้องชายแบบนั้นก็พาลทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันแหะ

...

เอริคเดินไปเรื่อย ๆ ถึงกระทั่งถึงหน้าห้องมินอู เค้าผลักประตูเข้าไปโดยไม่เคาะประตูเหมือนทุก ๆ ครั้ง ตอนนี้มินอูกำลังนั่งทำงานอยู่ เอริคเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกตัวอยากเหนื่อยอ่อนเหลือเกิน


“เป็นไรมาอีกน่ะ” มินอูเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน เห็นสีหน้าเอริคตอนนี้ เดาก็พอรู้ว่าคงรู้สึกแย่มาก ๆ

“จอนจินมา ตอนนี้คุยกับแอนดี้อยู่ในห้อง”

“ห๋า ! งั้นเหรอ ถึงว่า ทำหน้ายังกะไม่ได้เข้าส้วมมาเชียว” เอริคเหลือบมองด้วยสายตาหงุดหงิดนิดหน่อย ทำให้มินอูต้องหุบปากลง

“แล้วมีไร ไม่สบายใจงั้นเหรอ”

“อืม”

“อยากพูดอะไรก็พูดออกมาสิวะ ปิดปากเงียบแบบนั้น แล้วชั้นจะไปช่วยอะไรได้” มินอูลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินตรงมายังเพื่อนรัก ก่อนทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ กัน

...
..
..
.
“ชั้นกลัวว่ะ ไอ่มิน”

“ถ้าให้เดา นายคงกลัวน้องไม่เข้าใจนายใช่มั้ย” เอริคพยักหน้าช้า ๆ

“จอนจินเป็นน้องชั้นหรือเป็นน้องนายวะ ทำมัยนายไม่รู้จักน้องชายนายเลย เห็นมันลอยไปลอยมาแบบนั้น ไร้สาระไปวัน ๆ แต่มันค่อนข้างจะเข้าใจคนนะเฟ้ย ...เออ แม้บางครั้งมันไม่ค่อยจะเข้าใจตัวเองก็เหอะ จินนี่น่ะ มันไม่ใช่คนคิดพยาบาทใคร มันรู้ว่าแอนดี้ไม่ได้รักมัน และถ้ายิ่งมันรู้ว่าคนที่แอนดี้รักคือนายด้วยแล้ว มันไม่ดักตีหัวนายตอนนายเผลอหรอก”
..
…..

“นายรู้มั้ยไอ่มิน ชั้นต้องทำงานตามคำสั่งของพ่อทันทีที่เรียนจบ ชั้นไม่มีโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตที่ชั้นอยากมี และชั้นก็ไม่ต้องการให้จินนี่มีชีวิตแบบชั้น เพราะเหตุนั้นชั้นถึงไม่พยายามคาดคั้นให้น้องต้องมาแบ่งเบาอะไรไปจากชั้นจนกว่าวันที่เค้าพร้อมจะยอมแบกมันเอง ชั้นอยากเห็นเค้าสนุกกับชีวิตให้พอ เพราะชั้นเชื่อว่า อย่างน้อยถ้าเกิดอะไรขึ้น มันก็ยังมีนายคอยดูแลปรึกษา และเมื่อนั้น ทุกเรื่องของมัน ชั้นก็ต้องรู้ ...ทั้งที่ชั้นเฝ้าคอยดูแลมันห่าง ๆ อยู่อย่างนี้ แต่เหมือนครั้งนี้ ชั้นเป็นคนลงมือทำร้ายเค้าเองกับมือ โดยที่ชั้นไม่ได้ตั้งใจ”

..
.
“ไปกันใหญ่แล้วเพื่อน นายน่ะคิดมาก เรื่องแอนดี้จินนี่มันถอยตั้งนานแล้ว นายเข้าใจผิดไปเองทั้งหมดนั่นแหละ”

“เข้าใจผิดยังงัยวะ

“แอนดี้น่ะ เค้าไม่ได้รักไอ่จิน อันนี้มันก็รู้ และก็พยายามจะหลีกออกมาแล้ว ก็ที่ชั้นวางแผนนั่นงัย แต่พอดีว่า แผนดันเกิดแตกซะก่อน”

“อ่าว....แล้วทำมัยนายไม่บอกชั้นล่ะ”

“ก็นายมันน่าหมั่นใส้นี่หว่า และอีกอย่าง เวลาที่จะคุยกันมันมีซะที่ไหน นายได้ถอยห่างออกมาจากแอนดี้วันล่ะกี่ชั่วโมงกันเชียว”

แม้จะสบายใจไปเปราะหนึ่ง แต่เหมือนยังมีอะไรคั่งค้างในหัวเค้าเยอะแยะมากมายเหลือเกิน อย่างน้อย เค้าก็ต้องตอบคำถามของจอนจินอีกหลายข้อ แอนดี้อีกล่ะ ทำมัยเค้าถึงรู้สึกเหนื่อยอย่างนี้นะ

“ถ้านายยังไม่สบายใจ ไว้คืนนี้ชั้นจะคุยกับจินนี่เอง โอเคมั้ย”

“อืม” ..

มินอูนั่งมองสีหน้าที่เหนื่อยล้าของอีกคนอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้ และใช้มือหนึ่งโอบบ่าเอริคไว้


“ชั้นเข้าใจนะ .... ภาระหน้าที่ของนายที่แบกอยู่ตอนนี้ ไหนจะบริษัทนี้ ไหนจะลูกน้องไม่รู้อีกกี่ชีวิตที่นายต้องดูแล แล้วยังมีน้องชายอีกคน มันไม่แปลกหากว่านายจะต้องทำตัวให้น่าเคารพ เงียบขรึมให้เป็นที่น่านับถือ จริงจังให้ดูน่าเกรงขามแค่ไหน แต่เวลาอยู่กะเพื่อน นายวางมันลงบ้างก็ได้นี่หว่า ชั้นไม่ได้จะให้นายต้องกลับไปเป็นไอ่อีทีริคคนก่อนโน้น เพราะอันนั้นมันก็เกินไป ชั้นไม่หวังขนาดนั้นหรอก แต่นายสามารถหัวเราะดังๆ ได้เวลาอยู่กับเพื่อน นายสามารถตดออกมาเสียงดังได้โดยไม่ต้องอายเพื่อน นายสามารถแบ่งเบาอะไรก็ตามที่นายถือเมื่อมันหนักเกินไปให้กับเพื่อน นายสามารถพูดอะไรก็ตามแต่ที่นายคิดอยู่ได้ ไม่งั้นเพื่อน เค้าจะมีไว้ทำมัยกันล่ะ ใช่มั้ย”

เอริคนั่งฟังมินอูร่ายยาวด้วยสีหน้านิ่ง ๆ เหมือนเคย ก็ถูกนะ ภาระหน้าที่พัดพาเอาความสนุก ความบ้าที่เค้าเคยมีจมหายไปหมด ซึ่งบางครั้งเค้าก็เหนื่อยที่จะต้องแบกรับมันเต็มทีเหมือนกัน

“นี่เราไม่ได้แทงนุ๊กกันกี่ปีแล้ววะ” เอริคเอ่ยถามขึ้น

“เอ จำไม่ได้แล้วว่ะ ครั้งสุดท้ายตอนโดดเรียนสมัยไฮน์สคูลใช่มะ หลังจากนั้นก็ไม่เคยอีกเลย”

“อยากไปมั้ยล่ะ”

“พูดยังกะตัวเองว่างนักนี่”

“ว่างดิ ชวนแอนดี้กะไอ่จินนี่ไปด้วย”

“อืม ก็ดีนะ แต่ช่วงนี้ชั้นไม่ว่างนะเฟ้ย”

“ทำมัย” เอริคทำหน้าสงสัย “มีนัดกะใครเหรอ มีอารึเปล่า”

“เปล่าเว้ย ชั้นนัดคุณหมอไว้”

“อ่ะน่ะ ช่วงนี้นัดกันถี่นี่หว่า มีอะไรพิเศษป่ะเนี๊ยะ”

“พิเศษบ้านนายน่ะสิ ก็เจอกันทุกครั้งมันเพราะเรื่องของใครกันเล่า ทำชั้นปวดหัวอยู่ตอนนี้น่ะ

“หน้านายมันไม่ได้บ่งบอกเรยว่าปวดหัวนี่หว่า แล้วอีกอย่างนายเคยทำอะไรให้ชั้นด้วยความเต็มใจมาก่อนมะ แล้วทำมัยครั้งนี้เหมือนเต็มใจทำจังวะ”

“เออน่า.. ช่างชั้นเหอะ”

แล้วเอริคก็หัวเราะออกมา ทำเอามินอูโล่งอกไปหน่อย อย่างน้อยเพื่อนเค้าก็ยังคงไม่ลืมว่าการหัวเราะมันต้องทำยังงัย



“ชั้นดีใจนะ ถ้าแอนดี้จะทำให้นายมีความสุขน่ะ” จู่ ๆ มินอูก็พูดผ่าความเงียบขึ้นมา “ว่าแต่ว่านายลืมรักแรกของนายไปรึยังไอ่ริค”

“รักแรก อะไรวะ”

“ก็เด็กน้อยที่นายเคยเจอที่ป้ายรถเมล์น่ะ นายจับมด 2 ตัวมาคุยกัน แล้วเค้าก็หัวเราะชอบใจ”

“นายยังไม่ลืมอีกเหรอ”

“ลืมได้งัย ก็นายลากชั้นไปยืนรอเค้าที่ป้ายรถเมล์ทุกเย็น”

“นั่นสินะ” แล้วสมองเอริคก็นึกไปถึงภาพเด็กชายคนนึงที่นั่งร้องไห้อยู่คนเดียว จนเค้าต้องเข้าไปปลอบ เสียงหัวเราะทั้งคราบน้ำตานั่น ช่างน่ารักจับใจจริง ไม่รู้ป่านนี้ เค้าคนนั้นจะเป็นงัยบ้างแล้ว

….
..
.

“เฮ้อ! ไปกินข้าวกันเหอะว่ะ หิวและ”

“เออ ชั้นบอกจินนี่กับแอนดี้ไว้แล้ว ไม่รู้สองคนนั่นคุยกันไปถึงไหนและ”

“มื้อนี้นายเลี้ยงใช่มั้ย” มินอูหันหน้ามาถามเอริค

“เมื่อก่อนเราตัดสินแพ้ชนะด้วยอะไรกันวะ จำได้มะ”

“นายจะปั้นขี้มูกแข่งกะชั้นเหรอ”

“ไม่เอาว่ะ อุบาทไป งั้นยิงฉุบและกัน โอป่ะ”

“เออ ๆ ๆ ก็ได้ แม่ม รวยแล้วยังงกอีกนะนายน่ะ



มิตรภาพที่เวลาปั่นทอนไม่ได้ สำคัญเหนือกว่าอะไรทั้งหมด แม้อะไรข้างหน้าจะเกิดขึ้น ตรงนี้ก็ยังมีเพื่อนล่ะน่า
เอริคปลอบใจตัวเองไปงั้น พลางหันไปมองมินอูที่หัวเราะดังลั่นกระโดดตัวลอยที่เอาชนะเค้าได้ พลางบ่นกับตัวเองเบา ๆ

“มันจะดีใจทำมัยวะ ก็กรูเลี้ยงอยู่ทุกมื้อนี่หว่า”






 

Create Date : 14 สิงหาคม 2551
21 comments
Last Update : 2 ตุลาคม 2551 18:26:50 น.
Counter : 786 Pageviews.

 

ว้าววว
และแล้ว
การรอคอยก็ได้สิ้นสุดลง
มาเม้นก่อนอ่านค่า
^^

 

โดย: นาค่า IP: 124.122.128.71 14 สิงหาคม 2551 2:05:44 น.  

 

T^T
ตอนนี้ซึ้งแฮะ
มีคำที่ชอบเยอะแยะไปหมดเลย
แต่ชอบมากสุดก็
"มิตรภาพที่เวลาปั่นทอนไม่ได้ สำคัญเหนือกว่าอะไรทั้งหมด แม้อะไรข้างหน้าจะเกิดขึ้น ตรงนี้ก็ยังมีเพื่อนล่ะน่า"
โดนค่า...

ว่าแต่จินนี่จะตามออมม่าไปเมกาไหมเนี่ย อยากอ่านตอนลูกนกง้อแม่นกจริงๆ
^^

 

โดย: นาค่า IP: 124.122.128.71 14 สิงหาคม 2551 2:21:51 น.  

 

สงสารซองกี้จัง T^T

 

โดย: ฝนค่า IP: 58.64.63.32 14 สิงหาคม 2551 2:46:55 น.  

 

เหอ ๆ ยังไม่ได้อ่าน แต่อยากเม้นท์ก่อน

ขอบคุณมากน๊าพุดดี้ อุตส่าห์อดหลับอดนอน แต่งตอนนี้จนเสร็จ

เด๋วอ่านจบแล้วจะมาเม้นท์ใหม่

 

โดย: ekada IP: 124.120.183.148 14 สิงหาคม 2551 6:49:24 น.  

 

ไรว๊าเสียแชมป์มือวางอันดับ 1 ไปเลยอ่ะ

มะเกี่ยวกะฟิคแค่รำพึงรำพันส่วนตัว เหอๆ

 

โดย: Tom & Jinny 14 สิงหาคม 2551 8:07:10 น.  

 

โห...จินนี่หงอย...น่าจ๋งจ๋านง่ะ

พี่ป๋ากะดี้ก็หวีทจนน่าหมั่นไส้...เหอๆๆ


อร๊ายย...พี่ป๋ามีอดีตรักกะซองกี้ซะด้วย

เพิ่งอ่านตอน 7 ก็อยากอ่านตอน 8 ต่อแล้ว....น้องพุด Hwaiting นะจ๊ะ

 

โดย: พี่จิ๋วจิน IP: 61.19.231.4 14 สิงหาคม 2551 9:37:27 น.  

 

ปั้นขี้มูกแข่งกัน คนหน้าตาดี เขาทำอะไรกันแปลก ๆ เนอะ น้องพุด 555+

 

โดย: พี่นา IP: 203.150.219.200 14 สิงหาคม 2551 10:38:44 น.  

 

อยากได้แหวน อยากได้ ๆ ๆ ๆ ๆ

น่าอิจฉาจิง จิ๊งงงงง


แล้วอีกคู่มะไหร่จะสมหวังล่ะฮะ

 

โดย: puppi 14 สิงหาคม 2551 12:43:31 น.  

 

กรี๊ดดดดดด ฟิคตอน7 พี่ซาร่าก้อยังน่าสงสารเหมือนเดิมเลย พี่หอยนะพี่หอย ทำไมไม่รีบไปง้อออมม่าซะทีอ่ะ คนอ่านเค้าลุ้นกันจนเครียดแล้วนะ

“ทุกอย่าง มันมีทางออก นายอาจคิดว่ามันเลวร้ายที่สุด แต่ความจริงแล้ว พอตื่นมาวันพรุ่งนี้ มันอาจจะไม่มีอะไรเลวร้ายเลยก็ได้ ฉะนั้น อย่าคิดมาก ระวังหน้านายจะยับเหมือนพี่ชายนาย ชั้นเตือนด้วยความหวังดี” /// เอ่อ พี่เอ็มคะ...พี่ชายที่พูดถึงนี่ใช่พี่ป๋าป่าวอ่ะ ไม่จิงนะ พี่ป๋าหน้ายับตรงไหน ออกจะหน้ารัก หน้าหล่อ หน้าใสกิ๊งเลย (อวยเกินไปมะเนี่ย )
ถ้าหน้ายับนี่พี่เอ็มน่าจะเทียบกับคุณหมอมากกว่านะ 555

รีบไปก่อนเมียลุงมาด่าดีกว่า
ขอบคุนพี่พุดสำหรับฟิคนะค้าบบบบ

 

โดย: Bowiie IP: 58.64.81.237 14 สิงหาคม 2551 16:29:17 น.  

 

อ่านแล้วเม้นท้นที

สนุกดีจ้ะพุดดิ้ง สงสารออมม่า ให้ออมม่าไปทำใจซักพักก่อน แต่พุดแต่งเก่งน้า ทำเอาพี่เริ่มสงสารอิลูกนกและ ตอนแรกก็อยากให้มันหงอยนาน ๆ ตอนนี้สงสารมันอ่ะ

ริกดี้นี่มันจะมีอดีตหวานแหววไปหน่อยมะ แต่ไม่เป็นไร เรื่องนี้แม่ลูกเด่น

สงสัยอีกอย่าง ตดเสียงดังใส่กันได้นี่แสดงว่าเป็นเพื่อนรักเหรอ 555

 

โดย: พี่อัน IP: 202.129.32.218 14 สิงหาคม 2551 18:40:19 น.  

 

โอ้วๆๆ ซึ้งมากมาย.....

มิตรภาพระหว่างเพื่อน....


อ่านจบปุ๊บ..ก้ออยากอ่านตอน 8 ต่อปั๊บเลย..เหอๆ เกาะจอรออ่านน๊าาาา

 

โดย: A IP: 58.9.40.166 14 สิงหาคม 2551 20:45:05 น.  

 

บิวต์อารมณ์มายาวพรืด สะดุดตรงปั้นขี้มูกแข่งกัน
กร๊ากก ลงไปขำกลิ้ง

ไหนจะจับมดมาคุยกันอีก บ่งบอกความเป็น ET ได้ดียิ่งนัก

 

โดย: เจ้านิ IP: 124.121.56.136 14 สิงหาคม 2551 20:49:26 น.  

 

ว่าแต่ออมม่าไปเมกามัยอ่ะ ว้า ... ลูกนกเหงาแย่เลยอ่ะจิ งี้จะบินตามหาออมม่าป่ะเนี่ย ออมม่าอย่างอนนานนา เค้าสงสารลูกนกอ่ะ

มาปูเสื่อรอน้องพุดแต่งตอน 8 ต่อค๊าบ หนุกๆๆ

 

โดย: kayzila IP: 124.120.151.129 14 สิงหาคม 2551 21:24:15 น.  

 

โหหหหห...รักเอ็มอ่ะ

 

โดย: andybe IP: 58.9.195.95 15 สิงหาคม 2551 10:19:11 น.  

 

มาเม้นท์อีกรอบ หลังจากอ่านไปแปดตลบ เหอ ๆ

ชอบวะฮะ ความรักมันก็ต้องมีขม ๆ กันบ้างแหล่ะเนาะ

เด๋วค่อยมาหวานกันชิมิพุดดี้

ลุ้นให้จินนี่ตามไปง้อแม่นกที่เมกาฯ น่อ ฮี่ ๆ

 

โดย: ekada IP: 124.122.152.143 15 สิงหาคม 2551 21:12:06 น.  

 

อ้าววว... พี่พุดส่งซองกิไปต่างบ้านต่างเมืองสงบจิตสงบใจเลยหรอค่ะ อิอิ

น่าสงสารลูกนกจับใจ..แงแงแงแง


ป๋าข๋า เด็กคนนั้นอะค่ะ เห็นมดมาคุยกันแล้วมีหัวเราะด้วย สรุปว่าคนเอามดมาคุยกันแปลกหรือว่า คนดูนิสัยแปลกค่ะ อิอิ



ปล. เรื่องนี้รักพี่เอ็มขาดใจเลยค่ะ พี่เอ็มน่ารักมากมายจริงๆนะค่ะ อิอิ


ขอบคุณพี่พุดนะค่ะที่แต่งให้อ่าน มาแต่งต่อไวๆนะค่ะ หนูรออ่านกางเต้นท์นอนรอตรงนี้กันเลยทีเดียว อิอิ

 

โดย: praery_za IP: 58.10.170.21 15 สิงหาคม 2551 21:33:45 น.  

 

ปาเขาไป 7 ตอน เพิ่งมีเวลามาฮะ
ริคดี้น่ารักได้อีก แต่ซองจินลุ้นให้คู่นี้ลงเอยด้วยดี

ลุ้นคู่มินวานด้วยฮะ

 

โดย: ket_dd IP: 58.8.115.217 15 สิงหาคม 2551 21:35:04 น.  

 

สวัสดีค่าชื่อโบนะคะ
เพิ่งเข้ามาเม้นครั้งแรก แต่ว่าอ่านไปทุกตอนแล้ว555+++
ฟิกพี่พุดน่ารักมากเลยอ่า
ริคดี้ก็น่ารักได้อีก อ่านไปกรี๊ดไปเขินแทนดี้
คู่แม่นกลูกนกก็ปรับความเข้าใจกันเร็วๆนะค้า มีเพื่อนอย่างมินมินรักตายเรยค่า จีบคุณหมออยู่แน่เรย5555++
รักฟิกพี่พุด รอตอน 8 นะค้า

 

โดย: โบ_andyholic IP: 202.91.18.206 15 สิงหาคม 2551 22:37:53 น.  

 

พี่พุด...เจี๊ยบตามมาอ่านฟิคหลังจากได้ยินเสียงเล่าลือ แล้วก็สนุกมากๆๆค่ะ ติดฟิคเรื่องนี้ไปเรียบร้อยแล้ว

จะรอลุ้นว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปนะคะ

ขอบคุณค่ะ

 

โดย: เจี๊ยบ IP: 58.9.77.109 15 สิงหาคม 2551 23:19:40 น.  

 

ฟิคพี่พุดนี่ยังสนุกเหมือนเดิมเลย อ่านรวดเดียวแบบว่า..ตอนที่6ทำเราละลาย ตอนนี้ก็ละลาย อึ๊ย...ชอบๆมาต่อเร็วๆนะ

สงสารซอง

 

โดย: ++*WizzE*++ IP: 124.120.94.178 16 สิงหาคม 2551 9:08:02 น.  

 

ชูงแจตามง้อแม่นกให้สำเร็จนะ
ซองอย่าเสียใจไปเลย...ยังมีเค้าอยู่อีกคน(ใครเค้าอยากมีหล่อนยะ)

 

โดย: piyawan IP: 118.172.251.205 23 สิงหาคม 2551 2:11:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


พุดดิ้งของซอนโฮ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add พุดดิ้งของซอนโฮ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.