ในสวนบนเนินเขา (3)






“การถอยออกไปจากสนามรบของชีวิต
ทำงานเงียบๆ ด้วยเป้าหมายที่สร้างสรรค์
คือคำตอบหนึ่งต่อคำถามที่ว่า
จะอยู่อย่างไรในสถานการณ์ที่ทุกอย่างกำลังพังทลาย”

จากหนังสือ “ความเงียบ”
จอห์น เลน เขียน, สดใส ขันติวรพงศ์ แปล








ผมไม่รู้ว่า สวนของผมนั้นกลายเป็นสวนผสมผสานตั้งแต่เมื่อไหร่...

แต่ผมรู้ว่า พักหลังมานี่ เมื่อเดินทางกลับบ้านไปสวนทีไร ผมมักติดกล้าไม้เข้าไปในสวนเกือบทุกครั้ง ไม่อย่างก็สองอย่าง แวะซื้อมาจากกาดคำเที่ยง บ้างได้มาจากเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มอบให้มา พอไปถึง ก็ลงมือขุดหลุม เอาเศษฟางเศษหญ้าลงคลุกกับเนื้อดิน หย่อนต้นไม้ต้นเล็กลงไป กลบดิน รดน้ำให้ชุ่ม หรือรอให้น้ำฟ้าหล่นรดให้ฉ่ำชื้นเอง

แล้วก็รอการผลิบานของต้นไม้

มาถึงตอนนี้ สวนบนเนินเขาของผมมีต้นไม้ในสวนไม่ต่ำกว่ายี่สิบชนิดในเนื้อที่ไม่กี่ไร่

เมื่อยามตะวันเริ่มอ่อนแสง
ค่อยหย่อนตัวลับดอยหลวงเชียงดาวทางทิศตะวันตก
ผมชอบเดินย่ำไปในสวนยามเย็น สัมผัส ลูบคลำต้นไม้ในสวนไปช้าๆ ทีละต้นๆ
พบว่ามีต้นไม้อยู่หลากหลายไล่มาตั้งแต่มะม่วง ลำไย มะพร้าว กะท้อน ขนุน มะยงชิด ฝรั่ง พุทรา ไผ่ กล้วย มังคุด เงาะ อะโวคาโด มะไฟ มะเฟือง ชมพู่ มะละกอ มะเกี๋ยง มะม่วงหิมพานต์ สะตอ แค ชะอม ฯลฯ

เป็นภาพที่งดงามและเป็นสุข
เมื่อมองเห็นทุกๆ เนื้อที่ของสวนเล็กๆ ถูกเบียดเสียดด้วยกล้าไม้
ปลูกแทรกกันไปมาอยู่อย่างนั้น

ยิ่งยามมองเห็นกล้าถั่วแป๋ที่พ่ออนุญาตให้คนชนเผ่าลาหู่เข้ามาปลูก
เริ่มงอกงามชูช่อสดเขียว รอการเลื้อยคลุมไปทั่วผืนดินและสวน
ยิ่งดูว่าทุกอย่างช่างกลมกลืนกันไปหมด





ในขณะที่สวนของชาวบ้านส่วนใหญ่
จะพากันลงไม้ผลเศรษฐกิจอย่างใดอย่างหนึ่งลงไปจนเต็มสวนของพวกเขา
เมื่อนั่งอยู่บนเนินเขา ทอดสายตามองออกไปยังอีกเนินเขาอีกฟากฝั่งหนึ่ง
จะมองเห็นสวนส้ม สวนลำไย สวนส้มโอ ยืนต้น เข้าแถว
เรียงรายเป็นแถวลึกจากตีนดอยเข้าไปจนจรดแนวป่า

ใช่ ดินแถวหมู่บ้านของผม เป็นดินร่วนปนหิน จึงเหมาะกับการปลูกไม้ผล
ปลูกอะไรก็ขึ้นงามไปหมด โดยเฉพาะพื้นที่บนเนินเขา
คนแถวนี้มักจะปลูกลำไยกันเยอะ กระทั่งเริ่มมีการปลูกส้มเขียวหวาน กันเป็นทิวแถว

แต่ก็นั่นแหละ ดินดำ น้ำชุ่ม ปลูกแล้วได้ผลมากเพียงใด
หากชาวบ้านมุ่งหวังปลูกไว้เพื่อขาย ก็ไม่อาจประสบความสำเร็จได้ เ
มื่อราคาลำไย ส้มเขียวหวาน ต่ำลงๆ อย่างเห็นได้ชัด

ยกตัวอย่าง ราคาลำไย ตอนนี้ เกรด AA ราคาอยู่ที่ 8-10 บาทต่อกิโล ต่ำสุดอยู่ที่ 4- 5 บาทต่อกิโล

เห็นชาวสวนก้มหน้าก้มตาเก็บลำไย เด็ดเคว็ดลำไยใส่ลังทีละเม็ดๆ แล้ว รู้สึกเศร้า

“ราคาร่วงลงมาขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกำไร และไม่ต้องพูดเรื่องค่าแรงตัวเองที่ลงทุนลงแรงไปในแต่ละวันหรอก” เสียงชาวสวนลำไยบ่นครวญ

ทำให้นึกไปถึงคำแนะนำของ อ.ดีพร้อม ไชยวงศ์เกียรติ ที่เขียนบทความเกี่ยวกับลำไย ไว้ใน นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา

“...ลำไยเป็นไม้ผลที่ให้ผลผลิตล้นตลาดตามฤดูกาล ไทยขาดผู้บริหารจัดการที่จะทำให้ชาวสวนขายผลลำไยออกจากสวนในราคาที่ดีได้ เป็นอย่างนี้มาหลายปีต่อเนื่องกัน ชาวสวนจึงยากจนลง สมควรคิดหารายได้ทางอื่นมาเสริมรายได้จากการผลลำไย เช่น การเพาะเห็ดห้าและการค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนสวนลำไยให้เป็นไร่นาสวนผสม หรือทำเกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรพอเพียง ซึ่งทำได้หลายทาง เช่น ปลูกไผ่ กล้วย พืชสวนครัว ทดแทนลำไย ปีละ 5-10% ทำไปเรื่อยๆ ทุกปี จนกว่าราคาลำไยที่ขายออกจากสวนจะดีขึ้น...”

และทำให้นึกถึงแฟนผู้อ่านคอลัมน์ของผมอีกท่านหนึ่ง...ชื่อคุณพิชญ์ตะวัน ที่ส่งข่าวเรื่องพืชเรื่องสวนมาให้ผมเมื่อสัปดาห์ก่อน

“...มีข่าวดีจะบอก หากคุณภูอยากปลูกพืชหลายเชิง ไม่ใช่เชิงเดี่ยวที่ไร่ ขอให้พิจารณา มะละกอ(ตระกูลแขกทั้งหลายราคาดีม๊าก มาก) ช่วงก่อนที่สวนตัดขายราคามะละกอดิบ อยู่ที่ 6 บาท/ กิโล หากสุก แม่ค้ารับ 12-14 บาท/กิโล ตอนนี้ราคาลงมาบ้างอยู่ที่ 4 บาท/กิโลแต่สุกรับที่ราคาม 8-10 บาท/กิโล”

“แต่บ่ต้องกังวล เพราะมะละกอ ทิ้งไว้อยู่กับต้นได้นาน รอราคาขึ้นมาค่อยดัดขายก็ได้แหล่งขายเมล์สอบถามได้เน้อ...”

คุณพิชญ์ตะวัน ยังแนะนำอีกว่า หากอยากปลูกพืชยืนต้นที่อยู่โยงคงกระพันให้ปลูกมะขามเปรี้ยวยักษ์..มีแหล่งรับซื้อไม่อั้น ราคาประกันอยู่ที่ 12บาท/กิโล

“ฝากข่าวมาบอก เล่าสู่กันฟังเผื่อสนใจ๋...”

เออสินะ...น่าสนใจดีครับ และไม่น่าเชื่อว่า พืชสวนอย่างมะละกอ มะขาม ที่หลายคนไม่ค่อยสนใจหรือมักมองข้ามไป กลับมีราคาดีกว่าราคาลำไยที่ต้องคอยประคบประหงม ลงทุนลงแรงดูแลอยู่ตลอดเวลา

ผมกลับไปสวนครั้งล่าสุด, หลานชายที่ทำงานโครงการลุ่มน้ำปิงตอนบน ขนกล้ามะขามเปรี้ยวเกือบสองร้อยต้น มาให้ถึงในสวน บอกว่า เพิ่งไปติดต่อขอรับกล้ามะขามที่เจ้าหน้าที่เพาะเอาไว้ที่อำเภอพร้าว ผมตั้งใจไว้ว่า วันใดฝนตกซึงติดต่อกันอีกหน จะรีบกลับไปปลูกมะขาม กับไผ่ตง ตามแนวรั้วรอบๆ สวน

มาถึงตอนนี้ ผมไม่รู้ว่า สวนของผมนั้นกลายเป็นสวนผสมผสานตั้งแต่เมื่อไหร่...
แต่ผมรู้และเริ่มเห็นอะไรบางอย่างชัดเจนมากขึ้นในชีวิต เมื่อพลิกกลับไปอ่านถ้อยคำของ จอห์น เลน อีกครั้ง...

“การถอยออกไปจากสนามรบของชีวิต
ทำงานเงียบๆ ด้วยเป้าหมายที่สร้างสรรค์
คือคำตอบหนึ่งต่อคำถามที่ว่า
จะอยู่อย่างไรในสถานการณ์ที่ทุกอย่างกำลังพังทลาย”



Create Date : 03 ตุลาคม 2550
Last Update : 3 ตุลาคม 2550 13:17:35 น.
Counter : 1828 Pageviews.

39 comments
  
ภู
หลายวันก่อนไปดูผลไม้ที่ตลาดทีนี่
เห็นว่ามีผลไม้ เช่น ลำไยและ มังคุด นำเข้าจากบ้านเรา
ปรากฏว่า หนึ่งกล่องพลาสติกเล็กๆที่เรียกว่า punnetนั้นนะ
มีลำไยอยู่ 12 ลูก ราคาpunnetละ 15 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
มังคุดนั้นน่ะขายเป็นลูก ราคาลูกละ 1.70 ดอลออส
คิดคร่าวๆ ลองเอา 30 คูณแล้วกันนะ
เห็นแล้วไร้คำพูด ....................................
เดินออกจากตลาดด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
พร้อมอาการกั้ดอกแทนชาวสวนขนาด
เมื่อเทียบกับราคาลำไยที่ภูให้ไว้
โดย: มี่ IP: 192.43.227.18 วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:14:08:16 น.
  

คุณภู

ก็คงไม่ต่างอะไรกับชาวสวนผลไม้แถบบ้านนก ไม่ต้องพูดถึงราคาเลยค่ะ เงาะสีชมพู ในบางปี ราคาแค่โลละ 2-3 บาท ปีที่ผ่านมา มังคุดที่สวนขายในสวนได้โลละ 6-7 บาท ถูกจนแทบจะกลั้นใจตาย

ลูกหลานของชาวสวนที่เรียนจบแล้ว มักจะออกไปเผชิญโลก หางานทำ อยู่กับสวนน้อยมาก ๆ ด้วยความที่บรรพบุรุษเป็นชาวสวน จึงเก็บสวนไว้สำหรับแจกจ่าย หรือให้พรรคพวกเพื่อนฝูงได้มาท่องเที่ยว ที่บ้านนกจึงไม่มีลูกทำสวนเลยสักคน ออกจากบ้านไปทำงานที่อื่นกันหมดค่ะ

ในขณะที่ผลไม้ขายไม่ได้ราคา เจ้าของสวนบางสวนจึงจัดในลักษณะสวนท่องเที่ยวซะเลย ทานผลไม้อิ่มละไม่กี่บาท ทานกันแบบไม่อั้น เรียกว่า พยายามหาลู่ทางทำมาหากินให้ได้ไงคะ

เป็นกำลังใจให้ ชาวสวนผสมผสานค่ะ

โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:16:43:13 น.
  
สวัสดีค่ะคุณภู
"สวน pu_chiangdao" ผลิดอกออกผลเป็น ความสุข ที่ประมาณค่ามิได้

รู้สึกพื้นที่69ตารางวาของดิฉันหดแคบลงไปถนัดใจค่ะ
โดย: นกแสงตะวัน วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:20:27:10 น.
  
ตอนนี้พี่อยู่ฝาง จะกลับ กทม. อีกทีก็โน่นแหล่ะเกือบๆ งานมหกรรมหนังสือ

เรามาแข่งกันเน๊าะว่าระหว่างสวนของเธอกะของที่พี่อยู่ ของใครจะผสมผสานมากกว่ากัน ตอนนี้พี่ลงกล้วยไปประมาณ พันห้าร้อยกอ........ แล้วบอกคนงานว่าจะทำกล้วยฉาบขายกันเน๊าะ เขาหัวเราะก๊ากบอกว่ากล้วยเพิ่งลงหลุมนี้น๊า ..........

ส่วนเจ้านายพี่เขาให้ลงลิ้นไม้ หกร้อยกว่าต้น ๕๕๕๕
เล่าให้ใครฟัง เปิ้ลก็ขำกันทั้งนั้น แต่พวกเรากลับสนุกนั่งเม้ากันประจำว่าระหว่างกล้วยกะลิ้นไม้ใครจะรวยก่อนกัน

นอกนั้นก็มีสารพัด เท่าที่เธอบอกมาพี่มีเกือบทุกอย่างแถมมีมากกว่าด้วยนะ (โม้ไว้ก่อน) พี่ปลูกแม้กระทั้งต้นตะขบ ชาวบ้านเขาขำกันจะตายเราเลยบอกว่าปลูกไว้ให้นกกิน จริงๆ(ตู) นี้ละว่าที่ชอบ ....

ส่วนต้นดวงจำปาที่พี่ๆน้องๆลาว หัวเราะพี่นะเหรอ รอดมาประมาณ เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ที่เอามาจากซำเหนือปลูกรอบสระน้ำเลยจ้า แต่อย่าเพิ่งมาแบ่งปันเด้อ
คราวนี้กะว่าจะขอมาเพาะเป็นธุรกิจส่งออกเพื่อเอาเงินไปจ่ายค่าเรือท้าวบุญมี เธอว่าดีก่?....

ออ.. บอยเค้าฝากถามว่ายังจำคืนที่ร้องคาราโอเกะที่เชียงขวาง ได้อยู่ก่อ้าย?...

ตอนนี้พี่เดินทางขึ้น-ลง กทม.ฝาง บ่อยมาก เหนื่อยพอสมควร เพราะยังจัดสรรกับชีวิตตัวเองและการงาน ไม่ได้ แต่เวลาอยู่ฝางอากาศดี มีความสุขกะ (ไอ้) ลูกหมาบางแก้วสองตัวพอสมควร หวังว่าที่นี้คงมีโอกาสต้อนรับภูในเร็วๆ นี้
โดย: Pee Noi Fang IP: 203.113.17.156 วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:22:35:41 น.
  
blog นี้น่าสนุกและให้ความรู้ดีมากเลยค่ะ

การเกษตรนับว่าเป็นสิ่งสำคัญต่อคนไทย ก่อนหน้านี้ก็เป็นรายได้หลักของประเทศเ้ลย แต่ตอนนี้ไม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวมากนักค่ะ อยากจะปลูกพืชได้เก่งๆ เหมือนกัน แต่ก็ไม่มีความรู้ อีก แฮ่ๆ

นับถืิอชาวไร่ชาวสวนค่ะ
โดย: thaispicy วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:23:33:11 น.
  
สวัสดีเจ้า แวะมาแอ่วสวน คุณภูเจ้า พร้อมกับเอากำลังใจมาฝากนะค่ะ ขอให้มีความสุขกับสิ่งที่ทำนะค่ะ ไว้จะมาเยี่ยมใหม่ค่ะ แทคแคร์
โดย: Aiko (Yushi ) วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:23:14:54 น.
  

โดย: ดั่งดิ่งลงลึกหุบเหวแห่งภวังค์ IP: 61.7.172.106 วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:8:01:10 น.
  
อ่านแล้วไค่ขอไปแอ่วสวนอ้ายภูขนาด สัก 5-6 ปี บ่ต้องซื้อผลไม้กิ๋นเลยนะเนี่ย
ถ้ามีนักเปิดหื้อคนอื่นเข้ามาซื้อไปกิ๋นได้เลย (ย้ำว่าซื้อไปกิ๋นนา บ่ขายยกสวน)
ปากั๋นปลูกส้ม ดินมันเสื่อมโวยขนาดเลยเจ้า
อ้ายภูสบายดีน่อเจ้า น้องต๊องใหญ่ขึ้นกุ๊วันล่ะ อึดอัดขนาด
หว่างนี้ท่าจะบ่ได้ปิ๊กบ้านเฮาเจื่อเหมือนก่อน รอน้องน้อยเกิดก่อนค่ะ ค่อยเดินทางใหม่
ฮักษาสุขภาพเน่อเจ้า
โดย: varissaporn327 วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:15:28:30 น.
  
" ขึ้นไปอยู่บนที่สูงนั้น อยู่ได้ไม่นานก็ต้องลง โลกบนที่สูงเป็นโลกสมมติประเดี๋ยวชั่วอึดใจ ไม่อยู่กับเรานาน อย่าไปหลงมัน อย่าติดยึดติดใจมัน ชีวิตจริงคนต้องอยู่บนดิน อยู่กับความเป็นจริง แต่ความจริงของคนเราก็ทะเลาะกันบ้าง ดีใจ พอใจ ไม่พอใจ โกรธกันบ้าง ดีกันบ้าง ลำบาก ดิ้นรนกันไป คนอยู่กันอย่างนี้ "

เพิ่งกลับมาอ่านที่บ้าน........
เรียบง่าย.....ชัดเจน.....ตรงใจ.....

ชอบ......เลยรีบก๊อปปี้เอามาบอก
ว่าชอบตรงนี้........
วันนี้ปลายแปรงอยู่บ้านค่ะ...บ้านแห่งรากเหง้า
บ้านที่สอนให้เรารู้ว่ารากเราอยู่ตรงไหน
แม้เป็นเพียงไม้ในกระถาง.....
มิใช่วัชพืชคลุมดินดั่งเช่นอยู่ที่ปลายวา......
โดย: ปลายแปรง วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:11:52:17 น.
  
“...การปลูกกาแฟนั้นเป็นงานยาวนาน, มันไม่เป็นผลอย่างที่วาดไว้เสียทั้งหมด, เมื่อคุณยังอายุน้อย, เปี่ยมด้วยความหวัง, ภายใต้สายฝนที่ถะถั่งลงมา, คุณประคองหีบต้นกล้ากาแฟที่เขียววะวับออกจากเรือนเพาะชำ, และพร้อมพรักด้วยบรรดาชาวไร่มืออาชีพกลางทุ่ง, เฝ้าดูต้นกล้าที่ลงสู่หลุมเรียงรายเป็นแถวอย่างมีระเบียบบนพื้นดินเปียกฉ่ำซึ่งมันจะงอกงามขึ้น กินเวลาสี่หรือห้าปี กว่ามันจะเติบโตได้ที่ และในช่วงนั้นก็อาจจะเกิดแล้งฝน หรือโรคพืช, และเจ้าวัชพืชพื้นเมืองก็จะพากันงอกพรึ่บขึ้นมาเต็มไร่”

จนได้.......
ยังเขียนไม่ทันจบเรื่อง...ขลุกขลักเรื่องเน็ตนิดหน่อย เลยต้องมาเขียนต่ออีกรอบ
จะบอกว่า.....คนคือการเดินทางเสาร์นี้(6ตค.)
มีความคล้าย....ในความต่างกับภูเชียงดาว

กล่าวถึงดินคนละประเด็น.....แต่ท้ายสุดนั้นเราต่างยืนบนผืนดิน
ดิน...ทำให้เรารู้จักรอคอยและมีความหวัง
และทำให้เรารู้ว่า.......จะต้องอยู่ร่วมกับดินเช่นไร
เพื่อให้พืชผลแห่งชีวิตงอกงามปราศจากวัชพืช.....

เพราะเราไม่อาจก้าวย่างอย่างไร้น้ำหนัก...ปราศจากการรองรับแห่งผืนแผ่นดิน
ได้กลับบ้าน.....ผสานตนเข้ากับสวน
มีความสุขไหมคะ........
โดย: ปลายแปรง วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:12:08:03 น.
  
เข้ามาดูภาพเมฆบนท้องฟ้าเปิดบนภูเขา
ภาพสวยดีภู
โดย: แพรจารุ วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:12:13:16 น.
  
ภู ขอฝากข่าวตรงนี้หน่อยนะค่ะ
ช่วยติดต่อหาพี่ด้วย พี่โทรหาแล้วไม่ติด
มีเรื่องจะปรึกษาหารือค่ะ
"เจ้านาย" พี่เขาฝากถามด้วยว่าเรื่องบทความสองปีของตุ๊ ที่ภูกับเพื่อนๆ ช่วยกันเขียน ยังต้องเคลียร์อะไรอยู่บ้าง เห็นภูเงียบหายไปเลย เลยไม่รู้ว่าเป็นยังไง ว่างๆ แล้วติดต่อหาพี่ด้วยนะ ขอบคุณจั๊ดนัก......
โดย: Pee"Noi IP: 203.113.17.156 วันที่: 7 ตุลาคม 2550 เวลา:15:25:35 น.
  
สวัสดีค่ะคุณภู

ตอนนี้มาเป็นสาวเชียงใหม่ค่ะ
พึ่งจะมาถึงตอนเย็นนี้เอง
แต่ที่บล็อกเอารูปทุ่งนาแถวๆบ้านมาลงให้ดูค่ะ
ภูเขาที่เชียงรายกับฝีมือนักถ่ายรูปสมัครเล่นไม่รู้จะสวยสู้เขาได้หรือเปล่าค่ะ
สองคนน้าหลานรวมด้วยช่วยกันถ่ายค่ะ
โดย: เบญจวรรณ IP: 203.113.50.141 วันที่: 7 ตุลาคม 2550 เวลา:18:43:02 น.
  
ดีค่า สบายดีนะคะ
โดย: สวนลอยแห่งบาบิโลน วันที่: 8 ตุลาคม 2550 เวลา:3:29:39 น.
  
อ๊ะๆ บ่มากำเดียว เปลี่ยนสโลแกน..พบเพื่อจากพรากแล้วก่าคุณภู
วันก่อน..พี่ไปตลาด มีเงาะแทบจะเหี่ยวๆแพ๊คใส่ถุง แต่เป๋นเงาะสด
บ่ได้แช่แข็ง..กะว่าจะซื้อกิ๋นซักกำ..ถามแค๊ชเชียร์ว่า..เงาะนี่
มาจากที่ไหนคะ..เธอตอบว่า..ฮาวายค่ะ
หยิ่งเจ้า..เชิดใส่เงาะจากฮาวาย บ่ต๋ายถ้าบ่ได้กิ๋น
แต่ถ้าเป๋นเมดอินไทยแลนด์..เต๋มที่เจ้า

รวยใหญ่แล้วเนาะน้องเฮา..จะเป๋นป้อเลี้ยงดอยเชียวดาวเหียละก้า
บ้านสร้างเสร็จละยังคุณภู หรือว่า..รอขายพืชผลได้ก่อนค่อยต่อเติมเพิ่มแหม

ไปละ..กำเดียวคุณภู..ลักยิ้ม
โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.144.201 วันที่: 8 ตุลาคม 2550 เวลา:10:20:04 น.
  
ผมมีต้น มะลิดไม้ สนใจ๋ก่อ ปลูกไว้เป็นแนวรั้ว
ช่วงนี้ฝนตกคงลงปลูกได้เลย
เรื่องกล้าไม้
ผมไม่จำเป็นต้องไปอุดหนุนถึงพ่อค้ากาดคำเที่ยงหรอก
แต่ผมอาศัยความคุ้นเคยเพื่อให้ได้สิ่งที่เราต้องการ
พูดง่ายๆก็คือ ขอเขาเอา ไม่ต้องเสียตังซื้อ
และอีกอย่างเมื่อก่อนก็เคยซื้อเหมือนกันหมดเงินไปหลาย
สุดท้ายไม่เหลือซักต้น ก็เลยเข็ดไปอีกนาน

เข้าไปคอมเม้นให้หน่อยน่ะครับ....
โดย: ดอกเสี้ยวขาว วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:14:14:52 น.
  
ความเงียบสงบ
ไม่ได้หมายถึงโดดเดี่ยว

สบายดีไหมคะ
โดย: คนเลวที่แสนดี วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:17:10:54 น.
  
วันนี้ไปจ่ายตลาดมาล่ะ พอเห็นราคาผักผลไม้เท่านั้นล่ะ ภูเฮ๋ย
ตกใจตาเหลือก.........
ตาเหลือกยิ่งกว่านั้น.....เมื่อเห็นราคาพริกสารพัดพริก
พริกขี้หนู เม็ดละ 6 บาท
พริกชี้ฟ้า เม็ดละ 30 บาท
ส้มตำน่ะพอสู้ แต่น้ำพริกหนุ่มนี่คงต้องงดไปก่อน อิอิ จะลงแดงก่อหานี่
กลับบ้านกินเผ็ดไม่ได้แน่ ๆ เลยเนี่ยะ
จะปลูกก็ไม่ได้ เพราะไม่มีที่ กระถางเขาก็ไม่ให้ตั้ง

อีกอย่างฤดูร้อนที่นี่น้ำแพงมาก ถึงขั้นมี water restriction หรือ
มีข้อจำกัดการใช้น้ำจากรัฐบาลอีกต่างหาก แล้วแบ่งเป็นระดับ 1,2,3,4 ไรเงี้ย
เขามีตำรวจน้ำด้วยนะ คอยดูว่า บ้านไหนใช้น้ำเปลีอง ก็จะโดนใบสั่ง อิอิ
รัฐนี้แห้งแล้งอย่าบอกใครเชียว ปีที่แล้วรัฐบาล (ของรัฐ)ประกาศภาวะฉุกเฉิน
เรื่องการใช้น้ำเพราะมีน้ำในอ่างเก็บน้ำเหลือใช้ทำน้ำดื่มได้เพียง 40 วัน
เข้าของฟาร์ม และเจ้าของสวนทุกชนิดสู้สภาพอากาศไม่ไหว
ต้องเลิกทำทั้งสวนและฟาร์ม เพราะฝนมันเล่นไม่ตกเลย .....
รู้เลยว่าการรอฝนมันเป็นยังไง ...ทรมานมาก ...มันร้อนตับแล่บเลย 43 องศา
รัฐบาลก็จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสพปัญหาการทำฟาร์มและสวน
จ่ายให้จนกว่าเขาขะสามารถช่วยเหลือตนเองได้

บ้านเรา นี่สบายจริงๆ อยากปลูกไรก็ปลูก น้ำเหลือเฟือ
ท่วมบ้านท่วมเมืองอีกต่างหาก
อยากปลูกไรปลูกโลด ส่งมาขายที่นี่ก็ได้ อิอิ
พอมาเจออย่างนี้นะ รู้สึกโชคดีจังที่เกิดเมืองไทย รักเมืองไทยจริงๆ
โดย: มี่ IP: 192.43.227.18 วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:19:13:55 น.
  
มีความคิดจะกลับไปเป็นคนสวนอยู่นะค่ะ
โดย: สายลมอิสระ IP: 222.123.32.239 วันที่: 10 ตุลาคม 2550 เวลา:0:56:13 น.
  
สวัสดีค่ะภูเชียงดาว
------------------------------------------------------
ณ ยามนี้ มีสิ่งใดที่หัวใจปรารถนา
ขอก้าวไกลด้วยความมุ่งมั่น
แห่งพลังศรัทธา
ในตัวตน

โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 10 ตุลาคม 2550 เวลา:11:14:58 น.
  
เจอคนกำลังเห่อสวนเนาะ อิจฉามากๆค่ะ
ไม้รับประทานทั้งนั้นเลย เล็งผลเลิศนะ ไม่ต้องซื้อหาอะไรกินเลย
นี่แหละนะ สวนของคุณคือฝันแห้งๆของคนหลายคน
ข้อเขียนของคุณรดน้ำความฝันให้เราได้ ขอบคุณค่ะ
โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน วันที่: 10 ตุลาคม 2550 เวลา:21:37:24 น.
  
ขอบคุณทุกคนเลยครับที่แวะเข้ามาชมสวน...
แล้วจะไปเยี่ยมหาทุกคนนะครับ...
โดย: pu_chiangdao วันที่: 11 ตุลาคม 2550 เวลา:9:45:56 น.
  
สวัสดีค่ะ....
เงียบแต่ไม่เหงาเนอะ
โดย: บุหงายาวี วันที่: 11 ตุลาคม 2550 เวลา:15:35:19 น.
  
โห....แอบอิจฉาเล็กๆ
อยากมีที่แค่ไร่เดียวก็พอค่ะ
จะปลูกต้นไม้ที่อยากปลูกให้เต็มพื้นที่เลย
โดย: สเลเต วันที่: 11 ตุลาคม 2550 เวลา:19:15:56 น.
  
ถึง..อ้ายภู ผู้มีดวงตาเงางามดุจตากวางป่า
จาก...น้องหนิง สาวงามแห่งเมืองหละปูนอันมีตำแหน่งเทพีรับประกัน

อ้ายภูเจ้า ยินดีจ๊าดนักตี้กึ๊ดเติ้งหากันเน่อ ลาบควายตี๋หละปูน ท่าจะบ่มีปัญญาได้ฮื้ออ้ายภูได้จิม บ่ามาหาสักเตื้อ

เป็นจะได๋เจ้า...สบายดีก่อ บ้านน่าอยู่เน้อ ใคร่ได้คนไปอยู่ตวยก่อ น้องหนิงสมัครเน้อเจ้า 5555 ( กิ๋นนอก นอนใน เน้อ 55555)

มีความฝันใค่มีบ้านจะอี๋เหมี้ยนกันเจ้า ตี้มีแล้วรอสร้างบ้าน แล้วก็เสาะหาคนมาอยู่เป็นกู่เจ้า

กิ๊ดเติงหาเจ้า

น้องหนิง
โดย: run to me วันที่: 12 ตุลาคม 2550 เวลา:12:13:10 น.
  
ดิฉันว่า...
ดิฉันเพิ่งอ่านงานของคุณในหนังสือผู้หญิงเล่มหนึ่ง
ใช่คุณแน่เลย...


โดย: สเลเต วันที่: 13 ตุลาคม 2550 เวลา:11:56:36 น.
  
ใช่ครับ คุณสเลเต...มีงานสารคดี เรื่องห้องเรียนเรือนแพแก่งก้อ ชุมชนชาวประมง ที่ผมเขียนลงตีพิมพ์ใน "หญิงไทย" ครับ มีทั้งหมดสามตอนครับ
โดย: pu_chiangdao วันที่: 13 ตุลาคม 2550 เวลา:19:39:25 น.
  
เข้ามาอ่านด้วยความชื่นชมหลายรอบเลยค่ะ ..

ชื่นชมและยินดีกับคุณ pu_chiangdao ที่มีโอกาสได้ใช้ชีวิต
ในธรรมชาติที่บริสุทธิ์งดงาม ท่ามกลางไม้ผลไม้ดอกต่างๆ
ขอให้กิจการสวนผสมผสานของคุณภูประสบผลสำเร็จยิ่งๆ
ขึ้นไปนะคะ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสวนเกษตรแห่งนี้
จะสามารถเป็นต้นแบบและให้แนวคิดที่ดีแก่เพื่อนเกษตรกร
รายอื่นๆ ในการทำสวนเกษตรผสมผสาน รวมทั้งการติดตาม
ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกระแสความต้องการที่เป็นปัจจุบัน
ของตลาดพืชผลต่างๆ ด้วยนะคะ ..
โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) วันที่: 13 ตุลาคม 2550 เวลา:23:18:01 น.
  

อ่านคอมเม้นท์แม่หนิง อารมณ์ฝันที่สรรค์สร้างพลังชีวิตจากงานเขียนคุณภู กระเจิงด้วยอารมณ์ขำเลยเรา



คุณภู วิถีที่คุณตระเตรียม (เล็ง) ผลเลิศในอนาคตยิ่งนัก
เป็นวิธีที่ฉลาด หลักแหลมยิ่งกว่า หลายๆ การลงทุน
อย่างน้อย เป็นบ้านที่พำนัก พักพิง อุ่นไอทั้งกาย ใจ และจิตวิญญาณ
แถมยังเป็นแหล่งกำเนิดอาหาร และอาชีพได้ในตัว
ไม่นับอากาศ บรรยากาศที่ดี และจะสะท้อนผ่านงานเขียนที่ดีของคุณภูอีก


ขอชื่นชมคนอย่างคุณ และเอาใจช่วยกับฝันที่เป็นจริงของคุณ
(หลายคนอิจฉาวิถีที่คุณเดินมา และกำลังเดินไป ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ เรา)


โดย: p_tham IP: 124.120.170.129 วันที่: 14 ตุลาคม 2550 เวลา:1:29:12 น.
  
มาเยี่ยมวันอาทิตย์ค่ะ
ส่งกำลังใจ มาแลกเปลี่ยน กันและกัน
โดย: นกแสงตะวัน วันที่: 14 ตุลาคม 2550 เวลา:9:48:28 น.
  
ต้นหมุยที่เราให้ไปได้ปลูกหรือเปล่า
ยอดมันกับขนมจีน

โดย: แพรจารุ วันที่: 14 ตุลาคม 2550 เวลา:15:35:12 น.
  


คุณภูคะ..

ตามมาขอบคุณที่แวะไปอ่าน tag การบ้านของอาโดมค่ะ แล้วคนแถวนี้ไม่ได้ tag บ้างหรือคะ ไว้วันหน้าจะเอามาฝากค่ะ จะยินดีรับบ้างไหมเอ่ย อิอิ
โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) วันที่: 14 ตุลาคม 2550 เวลา:17:37:28 น.
  
กลัวจะไม่กลับไปอ่าน ก็เลยเอามาตอบไว้ที่นี้ด้วย และอย่าลืมเปิดเมลพี่ส่งข่าวเฉพาะไป

ต้นทำมังกับต้นหมุยมันต่างกันมาก
แต่ว่ามีกลิ่น และกลิ่นที่ว่าก็ต่างกันมาก เรื่องว่ามีความพิเศษต่างกัน
กลิ่นของทำมังจะเหมือนกลิ่นแมงดามาก ๆ คนที่ชอบกินนำพริกแมงดา เอาใบทำมังมาตำลงไปแทนแมงดาได้เลย

เมื่อก่อนบ้านคุณรงค์มีอยู่ต้นหนึ่ง กนกพงษ์ ฝากใครสักคนหนึ่งพี่จำไม่ได้แล้ว เอามาปลูกไว้ที่สวนทูนอิน ทุกครั้งที่พี่ไปคุณรงค์จะให้ผู้ชายสักคนหนึ่งที่แกเรียกใช้ได้ไปเอามาให้ ต้นมันสูงเป็นพุ่มกันแดดลมได้

แต่เจ้าหมุยเป็นพุ่มเตี้ยและแตกยอดเร็วใบเล็ก ๆ เหมือนรูป
ส่วนทำมังใบใหญ่ เคยถ่ายรูป แล้วจะหามาให้ดู

ตอนนี้ต้นทำมังที่บ้านคุณรงค์มันตายไปแล้วในปีเดียวกับการจากไปของกนกพงษ์ คุณรงค์เขียนไว้อาลัยด้วย คือไว้อาลัยต้นไม่ถึงกนกพงษ์ ภูคงได้อ่านในมติชนสุด

ไม่รู้ว่าที่เมืองเหนือใครปลูกทำมังไว้บ้าง ยอดหมุยพี่เอาไปให้คุณรงค์แล้ว รวมทั้งมะม่วงหิมพานต์ (ยาวร่วง หรือกาหยู)

พี่กำลังขยายการปลูกยอดหมุยเพราะมีเพื่อนมาบอกว่าเป็นที่ต้องการของร้านข้าวแกง และร้านขนมจีนปักษ์ใต้ที่นี่มาก
มันปลูกง่าย เข้าใจว่า ถูดกับดินทรายแบบกระท่อมทุ่งเสี้ยว

จะบอกอีกเรื่องว่า ให้พี่ชายเอามังคุดมาให้สามต้น เพิ่งจะลุงดินไปเพียงต้นเดียว ที่โชว์อยู่ในรูปให้ได้สักต้นถ้าสนใจก็แจ้งมา เข้าเมืองจะเอาไปฝากไว้ที่ร้านสายหมอกหรือจะมาเอาเองที่นี่ก็ได้ ปลูกไว้เผื่อมันออกลูกได้กิน ไม่มีลูกก็เป็นร่มเงา ใบมันสวยดีเป็นมันลื่น



โดย: พี่ยายคะ IP: 203.113.50.140 วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:12:19:29 น.
  
มีสวนเล็ก ๆ อยู่ใกล้ ๆ ภูเชียงดาว เป็นดอยนางนอน
อยากกลับไปอยู่ที่สวนจังเลย
คงไม่นานจะได้กลับแล้ว
โดย: กาสะลอง IP: 203.146.79.210 วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:13:31:46 น.
  
สวัสดีเจ้า ภู

บ่อได้มาแอ่วหาเมินละ ยุ่งขนาด แต่อ่านเรื่องสวนของภูแล้วก่อม่วนใจ๋แต้ว่า

มะใดได้ปิ๊กบ้าน ขอมาแอ่วผ่อสวนพ่องได้ก่อจา ปี้ว่าจะปิ๊กบ้านกลางเดือนธันวานี้

มีข่าวเรื่องคอนเสิรต์ชนเผ่า จัดโดยยูเนสโก วันที่ 3 พ.ย นี้ ลองดูเน้อ เผื่อจะจวนเจ้าหมู่ไปแอ่ว เขียนเรื่องได้ตวย เสียดายปี้ไปบ่อได้

งานนี้เข้าชมฟรี แต่ต้องติดต่อขอบัตรตี้สำนักงานประชาสัมพันธ์จ.เชียงใหม่ เน้อ

ถ้าอยากฮู้รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อคุณติ๊ก (โชติกา เครือมณี) คนหละปูน เปิ้นทำงานตี้ยูเนสโก เบอร์โทรฯต๋ามตี้แนบมาเน้อ

Hilltribes rock Chiangmai
In Honour of His Majesty the King:
Hilltribe Musicians Take to the Stage For Legal Status and Against HIV/AIDS, Human Trafficking, and Drug Abuse

On November 3rd, 2007, in honour of H.M. the King, the hills will rock once again as Hilltribe Musicians stage their second International Pop Concert to advocate for recognition of legal status and the prevention of HIV/AIDS, human trafficking, and drug abuse. The Permanent Secretary to the Prime Minister will be the events’ MC.
The Concert will attract more than 20 popular Hilltribe singers, from seven ethnic groups, who will lead the show with songs, entertainment and messages delivered in Karen, Hmong, Mien, Akha, Lisu, Tai Yai and Lahu languages.
A group of young Thais who participated in the Mekong Youth Forum on Human Trafficking this summer in Bangkok will also take part in the Chiang Mai event – reinforcing one of the Hilltribe Concert’s main messages – that vulnerable groups, including children, should have a voice in the prevention of trafficking and other matters that seriously affect their lives.
The show will take place at Kard Cherng Doi, and will be broadcast live by Radio Thailand Chiang Mai, which transmits across Thailand, southern China, Lao PDR, northern Viet Nam, Myanmar and parts of India (beginning at 7 pm). Thailand’s Channel 11 television station will also conduct a simultaneous live prime time telecast from 8.30pm onwards for viewers throughout the kingdom.
Three years ago, Thailand’s first International Hilltribe Pop Concert, organized by UNESCO and Radio Thailand Chiangmai, shook the mountains around Chiang Mai with a crowd of 4,000 stomping, dancing, jumping and singing fans. “The first concert was a major success – both as entertainment and in bringing attention to the issues facing hilltribe people ,” said Dr. David A. Feingold, head of the United Nations Educational Scientific and Cultural Organization (UNESCO) Trafficking and HIV/AIDS Project and one of the event’s co-organizers. “This year’s event is even bigger, and highlights the importance of legal identity in preventing human trafficking.”
This gathering of different cultures and languages reinforces UNESCO’s mandate to promote cultural diversity and protect indigenous and minority cultures. “Minority people are starved for information and entertainment in their own languages. This puts them at great risk,” says Dr. Sheldon Shaeffer, Director of the UNESCO Regional Office in Bangkok.
Thus, the concert presents a perfect opportunity to raise awareness on issues of citizenship, HIV/AIDS, drug abuse and human trafficking among hilltribe populations in Thailand and the Greater Mekong Subregion. “The concert will capture the attention of young people, who aren’t easy to reach. And it will help educate lowland Thai people to think of the hilltribe people as citizens of the country and not simply a tourist attraction,” says Feingold. Organized in honor of H.M. the King of Thailand’s 80th Birthday, the concert is an opportunity for highlanders to express their gratitude to King Bhumipol for his tireless work in improving the livelihood and welfare of mountain people.
Over 5,000 highland minorities and lowland people are expected to attend. Admission is free, but requires a ticket, which can be obtained from Radio Thailand Chiang Mai. The concert will coincide with an exhibition to honor His Majesty King Bhumipol, and the Chiang Mai Food Festival.

The event is presented as part of the continuing cooperation between UNESCO and The Government Public Relations Office Region 3, Chiang Mai. Additional support comes from the Office of Contemporary Art and Culture, Thai Ministry of Culture, Plan International Thailand, Southeast Asia Regional Cooperation in Human Development (SEARCH), Forum ASIA, the International Labour Organization (ILO) Mekong Project to Combat Trafficking in Children and Women, Joint United Nations Programme on HIV/AIDS (UNAIDS), British Embassy Bangkok, the UN Inter-Agency Project on Human Trafficking in the Greater Mekong Sub-region (UNIAP), and the Asian Development Bank (ADB).

For further information, please contact:
Dr. David Feingold
International Coordinator for Trafficking and HIV/AID projects, UNESCO
Email: d.feingold@unescobkk.org,
Tel: 02-391-0577 ext. 504

Ms. Chotika Khruemanee
Country Programme Officer, UNESCO
Email: k.chotika@unescobkk.org,
Tel: 02-391-0577 ext. 510.

Ms. Rojana MANOWALAILAO
Media and Communications Officer, UNESCO
Tel: 02-391-0577 ext. 347
Mobile: 081-825-2188
E-mail: m.rojana@unescobkk.org


For Tickets:
Radio Thailand Chiang Mai
49 Prachasamphan Street, Tambon Changklan, Muang District Chiang Mai 50100 Thailand




โดย: ปี้แหม่ม IP: 202.7.166.169 วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:16:04:21 น.
  
ลืมไปว่า แปล๋สรุปสักน่อยดีกว่าเนาะ

ยูเนสโกจัดงานคอนเสิรต์ชนเผ่าครั้งที่สอง ที่กาดเชิงดอย 3 พ.ย นี้ เพื่อร่วมฉลอง 80 พรรษาในหลวง คาดมีคนสนใจเข้าร่วมกว่า 5,000 คน เน้นสะท้อนปัญหาการขาดสถานะบุคคลทางกฎหมายของชนเผ่า และเพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจชนเผ่าเป็นพลเมืองของไทย ไม่ใช่แค่จุดขายการท่องเที่ยว

งานคอนเสิรต์ชนเผ่านี้เป็นครั้งที่สองที่ยูเนสโกจัดขึ้นหลังจากงานครั้งแรกสามปีก่อน เพื่อส่งเสริมความตระหนักเรื่องสถานะบุคคลของชนเผ่า การป้องกันและควบคุมเชื้อเอชไอวี/เอดส์ การค้ามนุษย์ และยาเสพติด

คาดว่าจะมีนักร้อง 20 คน จาก 7 เผ่า คือ กะเหรี่ยง ม้ง เมี่ยน อ่าข่า ลีซู ลาหู่ และไทยใหญ่ เข้าร่วม นอกจากนี้ยังมีตัวแทนเยาวชนไทยที่เคยมาประชุมเรื่องต่อต้านการค้ามนุษย์เข้าร่วมแสดงด้วย สำหรับการจัดงานครั้งนี้จะมีการถ่ายทอดเสียงทางวิทยุโดยสถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ จ.เชียงใหม่ ซึ่งจะรับฟังได้ทั้งในไทย พม่า
จีนตอนใต้ ลาว เวียดนาม และบางส่วนของอินเดีย และตั้งแต่เวลา 20.30 น.เป็นต้นไป สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 จะทำการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศด้วย

งานนี้มีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมาเป็นพิธีกร

ดร.เดวิด ไฟน์โกลด์ หัวหน้าโครงการต่อต้านการค้ามนุษย์และเอชไอวี/เอดส์ ขององค์กรด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก กล่าวว่า การจัดงานครั้งแรกเมื่อสามปีก่อน มีคนเข้าร่วมประมาณ 4,000 คน นับว่าประสบความสำเร็จมาก ทั้งในแง่ความบันเทิงและการทำให้คนตระหนักมากขึ้นเกี่ยวกับปัญหาที่ชนเผ่าต้องเผชิญ

"สำหรับงานปีนี้ จะใหญ่กว่าเดิม และจะเน้นถึงความสำคัญของสิทธิในเรื่องสถานะบุคคลที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ชนเผ่าตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์" ดร.เดวิด กล่าว

ส่วนดร.เชลดอน เชฟเฟอร์ ผู้อำนวยการของสำนักงานยูเนสโก กรุงเทพ กล่าวว่าการจัดคอนเสริต์ชนเผ่าครั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของยูเนสโก ที่จะส่งเสริมความหลากหลายทางวัฒนธรรม และเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมของชนเผ่าและชนกลุ่มน้อย ซึ่งปรารถนาที่จะได้รับข้อมูลข่าวสารและความบันเทิงในภาษาของตน

การจัดงานครั้งนี้ ยังเป็นโอกาสให้ชนเผ่าได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีในวโรกาสเฉลิมฉลอง 80 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงอุทิศตนในการช่วยเหลือชนเผ่าที่อาศัยบนภูสูง

ติดต่อขอบัตรเข้าชมโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ได้ที่สถานีวิทยุแห่งประเทศไทย สำนักงานประชาสัมพันธ์จ.เชียงใหม่ 49 ถ.ประชาสัมพันธ์ ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่
โดย: ปี้แหม่ม IP: 202.7.166.169 วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:16:48:01 น.
  
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาแวะเวียนเข้ามานะครับ
ขอบคุณพี่ยาย พี่แหม่ม ที่ส่งข่าวถึงกัน...ยินดีจ๊าดนักเน้อ....
โดย: pu_chiangdao วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:21:35:37 น.
  
แวะมาเยี่ยมค่ะ.....
ยังไม่ได้ออกไปท่องเที่ยวที่ไหน อยู่กับบ้าน อยู่กับแม่

เพราะเรามีเวลาท่องเที่ยว......มีเวลาอยู่กับตัวเองตั้ง 300 วัน
แค่ 65 วัน ที่อยู่กับแม่ 24 ชั่วโมงก็ยังน้อยไป.......

กลับบ้านแต่ละครั้ง...จึงไม่อยากไปไหน
อยากอยู่กับแม่ค่ะ......
โดย: ปลายแปรง วันที่: 16 ตุลาคม 2550 เวลา:9:26:55 น.
  
สวัสดีค่ะ หนูอ่านกระทู้ด้านบนแล้ว น่าสนใจมากค่ะ
หนูเป็นนักศึกษา คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
หนูอยากไปเที่ยวสถานที่ ที่อาจารย์พูดถึงกัน(ขออนุญาตเรียกอาจารย์นะคะ)
มันคงเป็นความพอเพียงที่น่ามหัศจรรย์มาก ๆ เรยนะคะ ขอบคุณค่ะอาจารย์ที่สร้าง
อะไรดี ๆ ให้นักศึกษาที่ยังรู้อะไรไม่มากได้รู้ได้เห็น สวัสดีค่ะ
โดย: นางสาว นันทนา คล่องการ IP: 202.91.18.204 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:56:55 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pu_chiangdao
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



ภาพและงานเขียนทุกชิ้นที่ปรากฏในเวบไซต์นี้
เป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบทประพันธ์นั้นๆ แต่เพียงผู้เดียว
ห้ามกระทำการดัดแปลง แก้ไข
หรือแอบอ้างไปเป็นผลงานของตน
โดยไม่มีการอ้างถึงเจ้าของลิขสิทธิ์
หากผู้ใดมีความประสงค์
จะนำข้อมูลดังกล่าวออกเผยแพร่ ตีพิมพ์
หรือนำไปใช้เพื่อประโยชน์อื่นใด
โปรดติดต่อเจ้าของบทประพันธ์โดยตรง


***************************

งานที่มีการเขียนลงบน WEB SITE แล้วส่งผ่านอินเตอร์เนตนั้นถือว่าเป็น สิ่งเขียนซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของงานวรรณกรรม ดังนั้นย่อมได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15) หากผู้ใดต้องการทำซ้ำหรือดัดแปลงงานดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน มิฉะนั้นจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ (มาตรา 27) การดัดแปลงงานจากอินเตอร์เนตเป็นภาษาไทย จึงต้องขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม การคุ้มครองลิขสิทธิ์เป็นการคุ้มครองอัตโนมัติ เจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้สร้างสรรค์ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ที่มา : เว็บไซต์กรมทรัพย์สินทางปัญญา









ตุลาคม 2550

 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
29
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add pu_chiangdao's blog to your weblog]