เรื่องสั้นขนาดยาว : สัญญาที่ปางโหลง(จบ)





- ๓ -

ใกล้ค่ำ ฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนักหน่วง ฟ้าร้องครืนคราง ลมกระโชกแรงอย่างบ้าคลั่ง มองออกไปข้างนอก มีแต่ม่านฝนหม่นมัว บรรยากาศในยามนี้จึงดูซึมเซาหงอยเหงาอย่างบอกไม่ถูก

ขณะที่เธอกำลังนั่งทำกับข้าวในครัวไฟนั้น เด็กนักเรียนคนหนึ่ง วิ่งหน้าตาตื่นมาบอกเธอว่า…มีใครไม่รู้ ไม่รู้จัก เดินเข้ามาในหมู่บ้านเยอะแยะเลย…

เธอรีบออกมายืนอยู่ตรงหน้าประตู จดจ้องภาพความเคลื่อนไหวท่ามกลางสายฝนที่หล่นโหมกระหน่ำ ผู้คนประมาณสามสิบกว่าชีวิต กำลังดุ่มเดินเรียงราย ไต่ขึ้นมาตามทางดินที่เละลื่นด้วยโคลน

ผู้ชายเดินนำหน้า ผู้หญิงก้าวตามหลังพร้อมเด็กหญิงชาย บางคนหอบกระเตงลูกน้อยไว้แนบแน่นแผ่นอก ดูเสื้อผ้าที่แต่ละคนสวมใส่นั้นล้วนเปื้อนดินโคลนและเปียกปอน

พวกเขากำลังเดินเข้ามาในเพิง ด้วยสีหน้าที่ยังหวั่นหวาดขลาดกลัว เด็กน้อยคนหนึ่งร้องไห้จ้า เนื้อตัวสั่นเทาเพราะความหนาวเย็นของน้ำฝน ลูกน้อยร้องกอดคอแม่ ไม่กล้าสบตากับเธอ แม่นั้นพยายามปลอบ อือออๆ พร้อมกอดกระชับลูกไว้แนบอกแน่น

“หมู่เฮา ขอค้างนอนที่โฮงเฮียนนี้ซักคืนได้ก่อ…” ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยกับเธอเบาๆ เหมือนจะเกรงใจ เธอจ้องมองลึกลงไปในดวงตาของเขานั้นดูหม่นเศร้า เธอนึกสะกิดใจ ดวงตาคู่นั้น คลับคล้ายคลับคลา ดวงตาที่เคยคุ้น เหมือนกับว่าเคยพบกันที่ไหนมาก่อน…

ในห้วงยามแห่งความเงียบงันนั้น …
“ ลายทูน…ใช่ลายทูนหรือเปล่า…” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจ้องมองเธอเต็มตา…

“คำแหลง… ไม่น่าเชื่อว่าจะได้พบคุณที่นี่…” เขาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นระคนแปลกใจไม่แพ้กัน…ทั้งสองรีบจับมือกันเขย่าๆ สายตาทั้งสองนั้นแสดงความยินดีปรีดา

“ฉันก็เหมือนกัน…” เธออุทาน รีบเชื้อเชิญทุกคนเข้ามาข้างในศูนย์การเรียน เธอไม่พูดไม่ถามอะไรมาก เพราะจากที่ฟังสำเนียงภาษาและดูการแต่งกายของพวกเขาแล้ว ก็รู้ว่าเป็นพี่น้องชาวไต พี่น้องชาวไทยใหญ่ผู้พลัดถิ่นนั้นแน่นอน

และที่สำคัญ…เธอได้พบกับลายทูนอีกครั้ง

- ๔ -

ฟ้ามืด ฝนหยุดตก พายุคงใกล้สงบแล้ว เธอค้นหาเสื้อผ้าเก่าๆ เอาให้เด็กๆ เปลี่ยนใส่กันหนาว เด็กๆ วิ่งเล่นภายในเพิงพัก และเริ่มมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ

พวกผู้หญิงที่ไม่มีภาระ เข้ามาช่วยเธอก่อไฟ หุงข้าว ตำน้ำพริก เธอจุดตะเกียงเจ้าพายุแขวนไว้กับเสากลาง เพียงครู่เดียว…ไฟตะเกียงที่สว่างไสว ก็หลอกให้เจ้าแมลงเม่าบินว่อนเข้ามาหาแสงไฟ

ลายทูนเดินเข้าไปในครัว หยิบเอาถังใส่น้ำมาวางไว้ใต้ดวงตะเกียง ปล่อยให้หมู่แมลงเม่าตัวอวบอ้วน ปีกบาง หล่นร่วงลงในถังน้ำใบนั้น

เด็กๆ ตื่นเต้นกับแสงไฟ ต่างช่วยกันจับแมลงเม่ากันยกใหญ่

อาหารของค่ำคืนนี้ จึงดูเอร็ดอร่อยเป็นพิเศษ…น้ำพริกถั่วเน่า กับแมลงเม่าคั่ว


- ๕ -

ดึกมากแล้ว…เด็กๆ ล้มตัวลงนอนอยู่ในอ้อมกอดของแม่อย่างอ่อนเพลีย คงเป็นการพักผ่อนหลับนอนอย่างมีความสุข เธอกับลายทูน ยังนั่งอยู่ข้างๆ กองไฟ คืนนี้เป็นคืนเดือนดับ หากยังพอมองเห็นดวงดาวทอแสงวอมแวมอยู่บ้าง กลางฟ้าที่เวิ้งว้าง

ฝนซาสาย…
อากาศเริ่มเย็นยะเยือก

หมอกหนาวคลี่คลุมหมู่บ้าน เขาดุนไม้ฟืนสุมไฟให้ลุกโชน เสียงปะทุของไม้ฟืนที่เปียกชื้นดัง เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ…แสงสีเหลืองนวลของไฟส่องสาดกระทบใบหน้าคนทั้งสอง เธอมองลึกลงไปในแววตาของเขา ช่างแสนเศร้า เปลี่ยวเหงา หากในดวงตาแห่งความเศร้านั้น ยังคงฉายแววเด็ดเดี่ยวและกล้าแกร่งแฝงไว้อยู่

นานนักแล้ว ที่เธอไม่ได้พบไม่ได้เจอหน้า เขาเปลี่ยนไปมากทีเดียว จากเด็กหนุ่มขี้อาย ไม่ค่อยพูดค่อยจา ร่างผอมเล็ก…ตอนนี้ รูปร่างของเขาสูงใหญ่ ท่าทีเชื่อมั่นในตัวเอง ใบหน้ากร้านด้วยริ้วรอยแผลเป็นบริเวณโหนกแก้มข้างขวา

ก่อนนั้น เธอจะพบเขาที่วัดฟ้าเวียงอินทร์ ตั้งอยู่บนเนินเขาสองลูก เนินหนึ่งตั้งอยู่ฟากฝั่งรัฐฉาน อีกเนินหนึ่งอยู่ในฝั่งของไทย นายพลโปโมเฮง ผู้นำสภาปฏิวัติชาติไต ผู้จากไป เป็นคนสร้างวัดนี้ขึ้นมา เพื่อให้พี่น้องไตที่อยู่สองฝั่งฟากชายแดน ได้มาทำพิธีทางศาสนาทำบุญร่วมกัน
แม่จะชวนเธอเข้าวัดในทุกๆ เช้า ทั้งเธอและแม่จะนุ่งผ้าซิ่นงดงามด้วยลายดอกไม้ ใส่เสื้อไตสีชมพูอ่อนสดใส

ภาพที่เธอเห็นจนชินตา ก็คือ เขายืนถือไม้กวาด ก้มหน้าก้มตากวาดเศษใบไม้ใบหญ้าตามข่วงลานวัด

เธอชอบเดินผ่านหน้าเขา แล้วแกล้งเอาเศษขยะโปรยทิ้งเรี่ยราดอยู่ตามทางเดิน แล้วหัวเราะชอบใจใส่เขา แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากเขาเลย เพียงเงยหน้าสบตา แล้วก้มหน้าก้มตาเก็บกวาดไปรอบๆ บริเวณนั้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนเธอรู้สึกแปลกใจในความนิ่งสงบของเขา และเธอรู้สึกผิด

ตั้งแต่นั้นมา เธอจึงหมั่นแวะเวียนมาหาเขา พร้อมกับเอาขนมไตกับลูกเดือยต้มร้อยเป็นสายสร้อย ที่แม่เธอทำขายในตลาดเปียงหลวง มาฝากเขาเป็นประจำ เขาเริ่มยิ้มและพูดจามากขึ้น

ครั้งหนึ่งยังจำได้…เธอกับลายทูน นั่งเล่นกันอยู่ใต้เงาต้นลั่นทม ทางฟากตะวันตกของวัด แสงแดดยามเย็นส่องทอประกายอาบไล้ดวงดอกสีขาวเหลืองนวล ลมภูเขาพัดโชยระรื่น ความรู้สึกดีๆ ของคนสองคนนั้นแผ่กระจายไปทั่ว และความฝันนั้นต่างล่องลอย ไปไกลแสนไกล…

“ ลายทูน ถ้าโตขึ้น ฉันจะลงไปเรียนต่อในตัวเมือง แล้วจะกลับมาเป็นครูแถวๆ ชายแดนบ้านเรานี้ “ เธอบอกเขาด้วยรอยยิ้มและดวงตาเปล่งประกายฝัน

“ อย่าลืม กลับมาสอนภาษาไทยให้ผมบ้างนะครับ…” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ แล้วลายทูนละ…โตขึ้นอยากเป็นอะไรเอ่ย…” เธอถามเขา

พอเธอถามเขาด้วยประโยคนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะหยุดนิ่ง ลมหยุดพัด บรรยากาศเงียบงัน เขานิ่ง, สายตาคู่นั้นบ่งบอกถึงความปวดร้าว เขาเหม่อมองออกไปยังยอดดอยที่อยู่อีกฟากฝั่งเบื้องหน้าโน้น…

“ ถ้าผมโตขึ้น ผมจะเป็นทหาร กลับไปต่อสู้กับพวกม่าน…” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตากร้าว…


- ๖ -

ในความยะเยียบเย็น เธอกับเขายังคงนั่งอยู่ข้างกองไฟ ลมป่ายังคงครวญคร่ำ คล้ายดั่งลมแห่งชะตากรรม ที่โหมพัดใส่ชีวิตหลายชีวิตที่พลัดถิ่น

หมอกหนาวคลี่คลุมไปทั่ว เงยหน้ามองฟ้า ดาวหมองอ่อนแสงล้า มองออกไปเบื้องหน้า เทือกเขาที่ทับซ้อนกันนั้นคล้ายซุกซ่อนความเศร้า หม่นมืดทะมึนอยู่รายรอบ

“ เหตุการณ์ฝั่งโน้นเป็นไงบ้าง ลายทูน…” เธอเอ่ยถามทำลายความเงียบ

“ ยังคงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ชีวิตเราถูกปิดล้อม หลายฐานถูกตีแตกกระจัดกระจายหนีตายกันอลหม่าน…”

“ คุณก็รู้อยู่แล้วว่า พวกทหารม่านมันโหดร้ายมาก บ้านและยุ้งข้าวถูกเผาวายวอด ผู้คนถูกพวกมันต้อนจับเหมือนงัวเหมือนควาย ผู้ชายถูกจับไปเป็นลูกหาบ จนบ่าหลังนั้นเต็มไปด้วยบาดแผลเน่าเฟะ สงสารพวกผู้หญิงและเด็กๆ ต่างถูกพวกมันกดขี่ข่มเหง บางครั้งพวกมันก็ลากเอาไปข่มขืนต่อหน้าต่อตาญาติพี่น้องของเรา…” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่น กัดกรามแน่น…

“ฉันอยู่ทางนี้ ก็พอได้ข่าวเหมือนกันจากสื่อของไทย “

“ ใช่…มันเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน นี่แหละ สงครามกวาดล้างเผ่าพันธุ์อันโหดร้าย ที่พวกมันกำลังใช้กับพี่น้องไตอยู่…” เขาพูดด้วยน้ำเสียงกร้าว ดวงตาจ้องมองเปลวไฟที่คุโชน

ในห้วงยามนั้น อกใครบางคนสั่นสะทกสะท้านแปลบปวดปร่า น้ำใสๆ หยาดรินไหลอาบแก้ม…หยาดน้ำตาลูกผู้ชายของผู้พลัดถิ่น ระเหเร่ร่อนผ่านดงสงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุด

…สิบปี๋ก่อแล้ว ซาวปี๋ก่อแล้ว
คนไตเฮายังเชื่อมั่นจริงใจเหมือนเดิม
หากใครกันที่ผิดสัญญา…


ลายทูนครวญเพลง “ลิ่กโหมป๋างโหลง” แผ่วๆ เบา เศร้าและรวดร้าว…

“อดทนนะ ลายทูน…อย่าท้อ แผ่นดินแห่งความหวังของไตนั้น ยังไม่ได้หายไปไหนหรอก ฉันเชื่อเช่นนั้น ไม่มีใครบิดเบือนความจริงได้หรอก…” เธอยื่นมือมาบีบมือเขาแน่น พร้อมเอ่ยเอื้อนปลอบโยน…




- ๗ -

ดึกดื่นค่อนคืนแล้ว…เขาและเธอแยกย้ายกันเข้าไปนอนพักผ่อน

ช่างเป็นคืนอันยาวนาน เธอยังนอนไม่หลับ นอนนิ่ง,ลืมตาจ้องมองความมืดดำ ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ตามแนวชายแดน การสู้รบแย่งชิงผืนแผ่นดิน ระหว่างเชื้อชาติ นึกถึงคำพูดของลายทูน ที่บอกกับเธอ…

“ ชีวิตคุณ แม้จะอยู่ท่ามกลางป่าเขาห่างไกล แต่ก็ยังมีความสุข เมื่อได้อยู่ในผืนแผ่นดินไทยที่สงบและสันติ…”

หากเธอกลับถกเถียงกับเขาว่า บางครั้งประเทศไทยในยามนี้ ก็คงไม่แตกต่างกันเท่าไหร่หรอก เพราะเหตุการณ์บ้านเมืองตอนนี้ รัฐเขากำลังถ่ายโอนขายกิจการต่างๆ ไม่ว่ากิจการของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือของเอกชน ให้กับกลุ่มนายทุนต่างชาติ พวกเขาคิดถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง อีกหน่อยคงเหลือแต่แผ่นดินของความเป็นไทที่อยู่ในแต่ความฝันเท่านั้น

สมองเธอคิดคำนึงถึงเรื่องราวต่างๆ มากมาย สลับทับซ้อนวนเวียนไปมา นึกถึงใบหน้าและดวงตาของเขา …ตอนนั่งเล่นพูดคุยกันบนวัดฟ้าเวียงอินทร์

นึกถึงภาพของเขาในชุดทหารไตในป่าเปลี่ยวและอันตราย นึกถึงความฝันและความรู้สึกที่ดีให้กันและกัน

เธอกำลังเฝ้าถามหัวใจตัวเอง ห่วงใย หรือว่านี่คือความรัก มันจะไปด้วยกันได้ไหมหนอ…ระหว่าง ความรัก อุดมการณ์ และการรอคอย…

เธอเฝ้าถามตัวเองอยู่อย่างนั้น

- ๘ -

ไก่ป่าขันแว่วมาจากท้ายไร่ เสียงครกกระเดื่องตำข้าวดังก้องดงดอย…เธองัวเงียตื่นขึ้นมา เธอม่อยหลับไปตอนไหนไม่รู้…ฟ้ายังมืดอยู่ เธอขยี้ตาลุกขึ้นมาจุดไฟตะเกียง เดินไปดูพวกชาวบ้านที่นอนพักกันในศูนย์การเรียน

เธอแปลกใจ…ไม่มีใครสักคน มีแต่ความว่างเปล่า ผ้าห่มถูกพับเก็บไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย บนกองผ้าห่มนั้น มีช่อดอกไม้ป่าสีขาววางซ้อนทับบนกระดาษแผ่นหนึ่งเอาไว้…

เธอหยิบขึ้นมาอ่าน ด้วยหัวใจที่ไหวว้าง…



คุณครูคนดี…

ขอบคุณสำหรับที่พักพิงอันอบอุ่นของพี่น้องไต ไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณ และไม่อยากให้คุณต้องรับภาระที่ต้องรับผิดชอบในรุ่งเช้า ทางการฝ่ายไทยอาจขึ้นมาพร้อมกับกล่าวหาคุณว่าให้ที่พักพิงแก่คนต่างด้าว…

มันรู้สึกปวดร้าวนะ…ที่หลายๆ คนยังมองกันอย่างนั้น ทั้งที่เราก็ยังนับถือหอคำองค์เดียวกัน แต่ก็อย่างที่คุณว่านั่นแหละ…ชีวิต บางครั้งต้องพบกับความเจ็บปวด แต่ผมก็พยายามนะ ว่าจะไม่ยอมสูญเสียความเชื่อมั่นและกำลังใจ เมื่อผมส่งพี่น้องไปถึงที่ๆ ปลอดภัยแล้ว ผมคงคืนกลับไปร่วมกับทหารไตเหมือนเดิม

ผมยังหวังไว้ว่า สักวันหนึ่ง…พวกเราคงได้คืนกลับไปหาผืนแผ่นดินที่เคยอยู่ ที่ๆ มีธงชาติรูปนกยูงโบกปลิวไสว และดวงตะวันฉายแสงส่องไปถึง

คนดีของผม…หวังว่าคุณคงเข้าใจผมนะ ว่ายังมีความรู้สึกดีๆ ให้คุณอยู่ตลอดเวลา ไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าเส้นทางข้างหน้านั้น อาจมืดมน และดูเหมือนว่าคงจะไม่อาจหวนคืนมาบรรจบกันได้อีก

แต่ผมยังมีความเชื่อมั่นลึกๆในใจอยู่เสมอว่า สักวันหนึ่ง..เราคงจะได้พบกันอีก…สักวัน

เก็บดอกไม้ช่อนี้ไว้ด้วยนะ ดอกไม้สีขาว คือตัวแทนของความดีงามของเรา และของทุกคนในโลกนี้ โลกแห่งความดีงาม ที่เปี่ยมสุขและสันติ

ยังระลึกถึงคุณ…และขอความดีงามจงปกป้องรักษาคุณ

ลายทูน.



เธอกอบกำช่อดอกไม้สีขาวช่อนั้นไว้แนบแน่นแผ่นอก
น้ำในตาเริ่มหยาดรินไหลอาบแก้มอันบอบบาง พร้อมเสียงสะอื้นไห้ลึกๆ ในหัวใจ…


…………………………………

ฉากและเรื่องราวเป็นเรื่องจริงเมื่อครั้งเป็นครูดอยสอนอยู่บนดอยน้ำบ่อใหม่ ชายแดนไทย-พม่า เขต อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ครับ

นึกถึงตอนนั้น ...ถ้าทางการจับได้ คงโดนข้อหาให้ที่พักพิงคนต่างด้าวแหงๆ เลย

เพื่อให้ได้อรรถรส โปรดอ่านตอน 1 อีกครั้ง...

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=puchiangdao&month=10-2006&date=26&group=3&blog=1



ตีพิมพ์ครั้งแรก สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ ฉบับที่ 31 วันที่ 27 ธันวาคม 2545 – 2 มกราคม 2546



Create Date : 29 ตุลาคม 2549
Last Update : 30 ตุลาคม 2549 9:09:04 น.
Counter : 614 Pageviews.

21 comments
  
เราอ่านแล้วนึกถึงเรื่องปุลากงแฮะ

โดย: นส อ IP: 58.10.128.112 วันที่: 30 ตุลาคม 2549 เวลา:9:08:51 น.
  
ว้าย .. อัพไม่ถึงนาที มาเจิมแระ เก่งจริงเรา

โดย: นส อ - เลิศมากกกก..... IP: 58.10.128.112 วันที่: 30 ตุลาคม 2549 เวลา:9:09:33 น.
  
โดย: pu_chiangdao วันที่: 31 ตุลาคม 2549 เวลา:8:22:06 น.
  
อภ วันนี้วันที่ 31

942 นะ 942
โดย: นส อ IP: 58.10.128.180 วันที่: 31 ตุลาคม 2549 เวลา:8:59:08 น.
  
ยุ่งเจ้าๆ..คุณภู..บ่ได้อ่านเตื้อเน่อ
แฮ๊บปี้ฮาโลวีนไว้ก่อน

แล้วค่อยกลับมาอ่านย้อนหลัง
ของอันนี้

ไปละ..ไปสอนก๋านบ้านลูกก่อน
ตุ๊กต๋าก่ดีถัก..

โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.144.202 วันที่: 31 ตุลาคม 2549 เวลา:10:18:55 น.
  
นึกถึงเรื่อง "เสลาดารัน" กับ "เก็บแผ่นดิน"


โลกนี้โหดเหี้ยมนัก


เจ้าของแผ่นดินในหลายแผ่นดิน ต้องกลายเป็นกลุ่มกบฏในบ้านของตัวเอง ในแผ่นดินของบรรพบุรุษ

ที่เหลือก็ต้องซัดเซ กลายเป็นคนเดนตายไร้สัญชาติ


โดย: ปิ่นเดือน ครูดอย วันที่: 31 ตุลาคม 2549 เวลา:11:14:28 น.
  
เศร้าอ่ะ นอนแล้วตื่นมาไม่เจอแล้วอ่ะ

เจ็บ จี๊ดดดดด ค่ะ

ปล.ออกเจแล้วนะคะ อ้ายภู กลับมากิน มังสะวิรัติต่อใช่ป่าวคะ

รักษาสุขภาพค่ะ

โดย: varissaporn327 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2549 เวลา:6:29:20 น.
  
แวะมาอ่านค่ะ....



สุขสันต์...วันลอยกระทงค่ะ...

เดินทางไปไหนขอให้ปลอดภัยและมีความสุขนะคะ..

โดย: แดดร่มลมโชย วันที่: 4 พฤศจิกายน 2549 เวลา:10:26:54 น.
  
nice story na mr.pu.
from ohm in usa

hope u get my mail na 55555

i will update my blog every saturday krab.
โดย: ohm in NY-USA IP: 66.231.171.5 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2549 เวลา:21:52:54 น.
  
เจ้าของบล็อกเดินทางไปต่างประเทศนะเจ้า อาจดูเงียบเหงาไปน่อยน่อ
โดย: เลขานุกาลกิณี IP: 124.157.236.223 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2549 เวลา:9:18:02 น.
  
มิน่า บล๊อกเบลิ๊กไม่อัพเลย

แล้วเจ้าของบล๊อกเดินทางกลับมาทันซื้อหวยงวดหน้าป่าวน่ะ ?

หรือว่าฝากคุณเลขาฯ ซื้อแล้ว
โดย: นส อ IP: 58.10.128.159 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2549 เวลา:9:54:03 น.
  
ตอนสุดท้าย....ช่างเป็นจดหมายที่เรียกหยาดน้ำให้รื้นในดวงตาได้ดีจริงๆ ค่ะ
โดย: PANDIN วันที่: 7 พฤศจิกายน 2549 เวลา:13:37:49 น.
  
ผมเพิ่งล่องแม่น้ำโขง มาถึงหลวงพระบาง เย็นนี้ครับ..แล้วจะเอารูปมาฝากนะครับ
โดย: _ภู IP: 202.62.100.72 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2549 เวลา:18:02:17 น.
  
จะรอชมรูปนะคะ


หลวงพระบาง เป็นเมืองที่อยากไปมากเหมือนกันค่ะ เหลือแค่ลาวเหนือนี่แหละที่ยังไม่ไปเยือน เคยไปเวียงจันทน์กับจำปาศักดิ์มาบ้างแล้ว รอๆๆๆจังหวะชีวิตที่เหมาะสมและพร้อมอยู่ค่ะ

สนุกกับการเดินทางนะคะคุณภูฯ
โดย: PANDIN วันที่: 9 พฤศจิกายน 2549 เวลา:17:06:25 น.
  
ตี้แต๊ หนีไปแอ่ว ก๊านเป็นห่วง

มาเจินไปอวยพรวันเกิด น่อยเจ้า ว่างก่อนก่อได้ค่ะ

รักษาสุขภาพเจ้า อ้ายภู
โดย: varissaporn327 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2549 เวลา:1:35:19 น.
  
ไหนล่ะคะ รูปน่ะ ?

---- รักษาสุขภาพระหว่างการเดินทางด้วยเน้อเจ้า

โดย: นส อ IP: 58.10.128.197 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2549 เวลา:9:41:18 น.
  
มารอดูรูปนะเนี้ย
โดย: กวิสรา IP: 61.19.65.87 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2549 เวลา:11:54:30 น.
  
ยาวมากมายค่ะ
อ่านไม่จบ สารภาพเลย อิอิ
จานอนแล้วค่า
จขบ. สบายดีนะคะ
โดย: สวนลอยแห่งบาบิโลน วันที่: 12 พฤศจิกายน 2549 เวลา:0:58:21 น.
  

อ่านจบแล้วคิดถึงดอยสูงจังเลยคุณ
อาจจะได้มาแอ่ว 19-20 มกรา
ถ้าเราไม่งานล้มทับก่อนก็คงไม่พลาด
สบายดีเจ้า
โดย: อุ้มสี IP: 124.121.151.170 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2549 เวลา:10:30:59 น.
  
โดย: gyjungy IP: 124.121.2.66 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:19:00:11 น.
  
www.shanmusic.tht.in เพลงไตเพราะๆค่ะ
โดย: ไต IP: 58.9.5.179 วันที่: 16 เมษายน 2551 เวลา:22:57:55 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pu_chiangdao
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



ภาพและงานเขียนทุกชิ้นที่ปรากฏในเวบไซต์นี้
เป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบทประพันธ์นั้นๆ แต่เพียงผู้เดียว
ห้ามกระทำการดัดแปลง แก้ไข
หรือแอบอ้างไปเป็นผลงานของตน
โดยไม่มีการอ้างถึงเจ้าของลิขสิทธิ์
หากผู้ใดมีความประสงค์
จะนำข้อมูลดังกล่าวออกเผยแพร่ ตีพิมพ์
หรือนำไปใช้เพื่อประโยชน์อื่นใด
โปรดติดต่อเจ้าของบทประพันธ์โดยตรง


***************************

งานที่มีการเขียนลงบน WEB SITE แล้วส่งผ่านอินเตอร์เนตนั้นถือว่าเป็น สิ่งเขียนซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของงานวรรณกรรม ดังนั้นย่อมได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15) หากผู้ใดต้องการทำซ้ำหรือดัดแปลงงานดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน มิฉะนั้นจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ (มาตรา 27) การดัดแปลงงานจากอินเตอร์เนตเป็นภาษาไทย จึงต้องขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม การคุ้มครองลิขสิทธิ์เป็นการคุ้มครองอัตโนมัติ เจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้สร้างสรรค์ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ที่มา : เว็บไซต์กรมทรัพย์สินทางปัญญา









ตุลาคม 2549

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
28
30
31
 
 
Friends Blog
[Add pu_chiangdao's blog to your weblog]