บางวิถีของเด็กที่อยู่อาศัยบนดาวดวงนี้
สิบกว่าปีแล้ว...ที่ฉันลาออกจากครูพี่เลี้ยงของโรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือ ก่อนจะเปลี่ยนวิถีทาง...ขึ้นไปสอนหนังสือให้กับเด็กๆ บนดอยสูง...แต่ก็นั่นแหละ ภาพผ่านในอดีตค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นมาในใจ

ภาพของตัวเองเดินเข้าไปสมัครเป็นครูพี่เลี้ยงเด็ก โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือ ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนักจากวัดพระสิงห์ กับคูเมืองด้านในทางด้านประตูสวนดอก รั้วกั้นล้อมรอบพื้นที่สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ลานกว้างด้านหน้าของอาคารสองชั้น ฉันจดจ้องมองความเคลื่อนไหวของเด็กๆ เหล่านั้น

เด็กหญิงตาบอด ใส่ชุดนักเรียนสีขาวน้ำเงิน ร่างบอบบาง ผมยาวถักเปีย มือข้างหนึ่งถือไม้เท้ากวัดแกว่งไปมา ก้าวไปข้างหน้า มีเด็กตาบอดตัวเล็กๆ อีกสองสามคน เดินเกาะแขน เกาะชายเสื้อตามหลังเธอไปรอบๆ ลานโล่งกว้าง...

ฉันนิ่งฟังบทเพลงที่เธอร้อง--น้ำเสียงใสๆ ของเธอช่างงดงามล้ำค่ายิ่งนักในห้วงยามของความสิ้นหวังของฉัน ผู้ที่กำลังสับสนวุ่นวายกับวิถีของตนเอง ว่าชีวิตตนเอง...จะอยู่บนโลกนี้ให้อยู่รอดปลอดภัย และยืนอยู่อย่างมีคุณค่าสง่างามได้อย่างไร

...ฉันค่อยๆ เรียนรู้และปรับตัว เมื่อมาเป็นครูพี่เลี้ยงเด็กตาบอด ที่มีเด็กนักเรียนทั้งหญิงทั้งชายจำนวนหลายร้อยคน

บางครั้ง, ฉันยังเฝ้าถามตัวเอง...เด็กผู้พิการทางตาเหล่านี้มาจากไหนกัน? มาจากดาวดวงอื่น...

หรือมาเพื่อให้มนุษย์ส่วนใหญ่ได้รับรู้ว่า ในสังคมโลกยังมีความบกพร่องให้มองเห็น...

แล้วเด็กๆ อย่างพวกเธอจะรู้บ้างไหมหนอ ว่ามันยุ่งยากลำบากเพียงใด กับการมาอาศัยอยู่บนดาวดวงนี้..


บ่ายนั้น ในวันเปิดเรียน ขณะที่ฉันนั่งอยู่ใต้ถุนอาคารเรียน มีหญิงชราคนหนึ่งจูงมือเด็กตาบอดตัวน้อยวัยสี่ห้าขวบ พร้อมด้วยถุงใส่เสื้อผ้าถุงเล็กๆ เดินเข้าหาครู

รุ่งเช้าของวันใหม่ หญิงชราก็เดินจากไป...ทิ้งให้เจ้าหลานตัวน้อยไว้กับครูที่นี่

เป็นภาพที่ยังอยู่ในห้วงความทรงจำของฉันอยู่เสมอ...
ภาพของเด็กน้อยดวงตามืดสนิท ยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่แปลกใหม่เช่นนี้ ยืนร่ำไห้สะอึกสะอื้นอยู่ตลอดเวลา

บางห้วง, เด็กน้อยพยายามเดินพลางร้องไห้พลางไปมา สองแขนคว้าไขว่ไปมากับความว่างเปล่า สะเปะสะปะ โซเซร่างจนชนกับโต๊ะ ตู้ เก้าอี้ เสา ที่ตั้งยืนขวางข้างหน้า...

"ยาย...ยายอยู่ไหน ทำไมไม่มาหาน้อง..."

"ยายไม่รักน้องแล้วหรือ..." เสียงสะอื้นรำพันของเด็กน้อย ทำให้ฉันอึ้ง, เหมือนมีบางสิ่งจุกแน่นอยู่ในลำคอ ในอก แปลบปวดร้าว

"ยายกลับบ้านไปแล้ว ปิดเทอมเมื่อไหร่ยายจะมารับกลับบ้าน"
ครูที่อยู่มาก่อน เอ่ยปลอบและหัวเราะ...

เขาอาจจะชินชากับเรื่องราวเช่นนี้ พลางบอกกับฉันว่า อีกสักพักเด็กมันก็ปรับตัวได้เอง

และในที่สุด ฉันก็ได้เด็กน้อยคนนี้แหละเป็นเพื่อนคุย ในยามที่สุขเหงาเศร้าลึก...

'โผผิน' คือชื่อของเด็กน้อยคนนี้...กำเนิดลืมตาออกมาดูโลก...ทว่า โลกช่างมืดดำ เรื่องราวของเด็กน้อยคนนี้อาจคล้ายนวนิยาย แต่ก็คงไม่เหมือนทั้งหมด เพราะนวนิยายยังมีตอนจบ หากชีวิตโผผินกำลังเริ่มต้น...และยังไม่มีใครรู้ในตอนจบว่า จะสิ้นสุดตรงที่ใด

เพื่อนครูบอกว่า...พ่อของโผผินยอมขายที่นา ไปทำงานขายแรงงานที่เมืองนอก หลายปีแล้ว ไม่ส่งเงิน ไม่ส่งข่าวคราว...และเงียบหาย สุดท้าย แม่ของโผผินจึงออกจากบ้าน ไปทำงานในเมืองใหญ่

ผ่านไปไม่นาน...เมืองใหญ่ก็กลืนกินความเป็นชนบทภายในตัวเธอไปเสียสิ้น โผผินจึงอาศัยอยู่กับยาย พร้อมกับความลำบากยากจนนับแต่นั้นมา

...เมื่อโผผินเริ่มปรับตัวคุ้นกับสถานที่ และผู้คนในโรงเรียน โผผินกลับกลายเป็นเหมือนนกน้อยที่ร่าเริง เสียงใสแจ๋ว ชอบพูดชอบคุยกับทุกคน ไม่หยุดหย่อน เหมือนกับว่าชีวิตน้อยๆ อยากรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในโลกนี้

"ท้องฟ้าสีอะไร...ดวงจันทร์ละครับ สวยไหม..." โผผินซักถามฉันอยู่อย่างนั้น

ทว่า พอฉันถามถึงเรื่องทางบ้านที่พะเยา โผผินกลับหยุดนิ่งเงียบ ไม่ค่อยพูดจา...

"โผผินรักยายไหม..." ฉันถาม

"รักครับ...ผมคิดถึงยาย...แล้วเมื่อไรยายจะมาหา..." เด็กน้อยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และสั่นเครือ...และหยาดน้ำใสๆ เริ่มรินไหลออกมา...

ฉันมองเห็นน้ำตาที่ไร้ดวงตาผุดพรายหยาดรดอาบแก้มอันบอบบาง บรรยากาศห้วงยามนั้นช่างบีบรัดหัวใจให้เหงาเศร้า...

ฉันเข้าโอบกอด ปลอบใจ เงียบงัน

ตีพิมพ์ครั้งแรก : "เสาร์สวัสดี" คอลัมน์เด็กคนนั้นบนดาวดวงนี้ นสพ.กรุงเทพธุรกิจ จำวันเดือนปีไม่ได้...



Create Date : 23 เมษายน 2549
Last Update : 23 เมษายน 2549 20:04:34 น.
Counter : 691 Pageviews.

14 comments
  
อ่านแล้วสงสารเด็กน้อยจัง เพียงเพราะเกิด
มาตาบอดก็ต้องถูกทิ้งไว้กับคนอื่นด้วยวัยเพียงน้อยนิด

โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.144.20 วันที่: 24 เมษายน 2549 เวลา:0:22:46 น.
  
เธอถามฉันว่าฟ้า...............สีใด
ฉันตอบเธอด้วยใจ............ไม่รู้
สีฟ้าเปลี่ยนแปรไป...........ตามแต่...ใจเธอ
ขอแค่เธอยังสู้.................แต่งฟ้าได้เสมอ



โดย: ปิ่นเดือน ครูดอย วันที่: 24 เมษายน 2549 เวลา:9:52:59 น.
  
เอาลิงค์เพลงต้นชบากับคนตาบอด มาฝากครับ จะได้จินตนการถึงเด็กๆ เหล่านี้ครับ

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=domino&month=04-2006&date=24&group=26&blog=1
โดย: ภู เชียงดาว IP: 203.156.77.2 วันที่: 24 เมษายน 2549 เวลา:10:17:14 น.
  
เพลงเพราะมากค่ะ

ไม่ได้ยินมานานแล้ว


โดย: ปิ่นเดือน ครูดอย วันที่: 24 เมษายน 2549 เวลา:11:13:35 น.
  
เราเป็นคนหนึ่งที่พยายามหลีกเลี่ยงการเอาตัวเองไปใกล้ชิดกับความเศร้า
คงเพราะในใจลึกๆ คิดว่าถ้าเราไม่เห็นความเศร้า ความเศร้านั้นย่อมไม่มีอยู่จริง
เหมือนคนตรรกกะเสื่อมเลยนะคะ แต่เราเป็นคนประเภทนั้น

.. เมื่อไรจะเปลี่ยนแปลงตัวเองในข้อนี้ได้ซะทีนะ

โดย: นางสาวอาร์ต IP: 58.10.128.157 วันที่: 26 เมษายน 2549 เวลา:14:03:22 น.
  
หวัดดีค่ะ เข้ามาให้กำลังใจ
โดย: บุหงายาวี วันที่: 26 เมษายน 2549 เวลา:17:32:40 น.
  

ได้ยินยัยหน่อยด่า เอ๊ย พูดถึงบ่อยๆ
แต่ไม่ได้ทัก เพราะไม่รู้จะไปทักตรงไหน

โชคร้าย เอ๊ย โชคดี เจอคุณในบล็อกยัยหน่อย

เลยหาช่องทางมาทักถูก

ยินดีที่ได้รู้จัก ฝากดูแลเด็กดื้อๆ บางคนด้วยนะ


โดย: s (sunny-low ) วันที่: 26 เมษายน 2549 เวลา:17:59:04 น.
  
ขอบคุณครับที่เข้ามาแวะเวียน...และให้กำลังใจครับ
โดย: pu_chiangdao วันที่: 27 เมษายน 2549 เวลา:7:28:23 น.
  
อ่านแล้วหัวใจหนักอึ้ง ... และรู้สึกหม่นหมองไปกับ
โชคชะตาของเด็กน้อยด้อยโอกาสเหล่านี้

ขอร่วมเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ ท่าน
ที่ได้มีส่วนช่วยสานช่วยสร้างชีวิตและอนาคต
ให้กับเด็กๆ เหล่านี้ด้วยนะคะ ...


Photobucket - Video and Image Hosting
โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) วันที่: 28 เมษายน 2549 เวลา:0:28:41 น.
  
ก่อนมา คิดแต่ว่า ทำไมเรามันแย่แบบนี้

หลังจากมาอ่าน กลับคิดว่า ยังมีคนที่เศร้ามากกว่าเราอีก



ขอบคุณค่ะ
โดย: varissaporn327 วันที่: 2 พฤษภาคม 2549 เวลา:6:45:21 น.
  
มาอ่านเรื่องราวประทับใจค่ะ
โดย: สายลมอิสระ วันที่: 2 พฤษภาคม 2549 เวลา:18:24:51 น.
  
ยินดีครับ...ที่แวะเวียนมาอ่าน ไม่งั้นเหงาแย่เลย...
โดย: pu_chiangdao วันที่: 3 พฤษภาคม 2549 เวลา:16:38:32 น.
  

กำลังจะลองไปเป็นอาสาสมัครโรงเรียนสอนคนตาบอดที่ กทม. เท่าที่เวลาและโอกาสจะอำนวย

หวังว่าตนเองจะช่วยอะไรพวกเขาได้บ้าง

และตอนไปติดต่อวันแรก
เจอน้องผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังจะสมัครเข้ามาเรียนที่โรงเรียน จากที่ได้สัมผัสกับน้องเขาวันแรก โลกดูสดใสมาก เขาอารมณ์ดี..

ร่างกายที่ไม่เหมือนคนอื่น ไม่ได้ทำให้ชีวิตเขาหมองเศร้า
เพราะเท่าที่เห็น แม่ที่พาเขามาจะรักและดูแลเขามาก แต่คงดูแลเท่าที่เขาจะดูแลได้ตามฐานะของตนเอง

แวะมาบอกกล่าวเฉยๆ ค่ะ

โดย: s (sunny-low ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:51:12 น.
  
วัยเยาว์งดงามไร้เดียงสา
ปรารถนาสิ่งใดไว้ห่มฝัน
ปรารถนาความรักอันนิรันดร์
พ่อ-แม่ เท่านั้น แค่นั้นพอ..

วัยเยาว์งดงามไร้เดียงสา
ยามเจ้าหลับตาคิดถึงพ่อ
ยามเจ้าตื่นมาตั้งตารอ
แม่-พ่อ อยู่ไหนไยไม่มา

ทำไมโลกนี้มีแตกต่าง
ทำไมไม่สร้างเท่าเทียมค่า
ทำไมสวรรค์ไม่กรุณา
สร้างดาวปวดปร่ามาทำไม

ฉันมาจากดาวความปวดร้าว
เธอล่ะมาจากดาวดวงไหน
เด็กคนนั้นล่ะลูกของใคร
รักหรือสิ่งใดจะทดแทน


วัยเยาว์งดงามไร้เดียงสา
ปรารถนากอดใครในอ้อมแขน
คว้าไขว่อากาศในขาดแคลน
ร่ำร้องหวงแหนเศษความรัก..
-----------------------------------
แด่เด็กน้อยของคุณ
กวิสรา 15 สิงหาคม 49 - เชียงใหม่
ด้วยความรัก
โดย: กวิสรา วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:22:29:35 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pu_chiangdao
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



ภาพและงานเขียนทุกชิ้นที่ปรากฏในเวบไซต์นี้
เป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบทประพันธ์นั้นๆ แต่เพียงผู้เดียว
ห้ามกระทำการดัดแปลง แก้ไข
หรือแอบอ้างไปเป็นผลงานของตน
โดยไม่มีการอ้างถึงเจ้าของลิขสิทธิ์
หากผู้ใดมีความประสงค์
จะนำข้อมูลดังกล่าวออกเผยแพร่ ตีพิมพ์
หรือนำไปใช้เพื่อประโยชน์อื่นใด
โปรดติดต่อเจ้าของบทประพันธ์โดยตรง


***************************

งานที่มีการเขียนลงบน WEB SITE แล้วส่งผ่านอินเตอร์เนตนั้นถือว่าเป็น สิ่งเขียนซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของงานวรรณกรรม ดังนั้นย่อมได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15) หากผู้ใดต้องการทำซ้ำหรือดัดแปลงงานดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน มิฉะนั้นจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ (มาตรา 27) การดัดแปลงงานจากอินเตอร์เนตเป็นภาษาไทย จึงต้องขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม การคุ้มครองลิขสิทธิ์เป็นการคุ้มครองอัตโนมัติ เจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้สร้างสรรค์ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ที่มา : เว็บไซต์กรมทรัพย์สินทางปัญญา









เมษายน 2549

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
8
9
11
12
13
14
15
16
17
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add pu_chiangdao's blog to your weblog]