เคยใช่ไหม,ชีวิต
ที่บางวิถีนั้นชำรุดทรุดโทรมจนรู้สึกได้
ลมหายใจนั้นขาดห้วง- -
ความทรงจำแหว่งหาย
ระบบความคิดแตกกระจาย
ปลดปล่อยชีวิตเลาะเลียบริมฝั่งน้ำกก ติดแนวตะเข็บชายแดน
ลัดเลาะผ่านหุบเขา สายน้ำที่คดโค้งแทรกหว่างท้องทุ่งราบ
นั่น, ดอกเลาหม่นเทาขาวเอนโอนลู่ลมหนาวกุมภาพันธ์
จากเช้าจนสาย เคลื่อนบ่ายไปบนถนนวงกลม
ใช่, เรากำลังเดินเป็นรอบวงกลม เหมือนตามหาอะไรบางอย่าง
ท่ามกลางแดดเปลวเต้นยิบยิบ เรามองเห็น,
ทองกวาวผลิกลีบแดงสดเต็มกิ่งก้านอยู่ข้างทุ่งแล้ง
อีกทั้งเกลื่อนกล่นเต็มโคนต้นอยู่อย่างเหงาเหงา
บ่ายนั้น,ขณะชีวิตบ่ายหน้ามุ่งสู่เมือง
สัญญาณเครื่องมือสื่อสารไร้สายปลุกเราตื่นจากภวังค์
...เรามีข่าวร้ายมาบอก... เสียงเศร้าของหญิงสาวคนหนึ่งสะท้อนให้หัวใจนั้นสั่นสั่นไหว
เขาจากไปแล้วเมื่อเช้านี้, เช้าวันที่สิบสามกุมภาพันธ์
หลังจากนั้น เสียงความเศร้าส่งข่าวมาอย่างต่อเนื่อง
บางความเศร้านั้นล่องลอยมากับเสียงสะอื้นไห้
ห้วงยามนั้น, เราต่างเงียบนิ่งครุ่นในคำนึงของตัวเอง
พลันนึกถึงมิ่งมิตรอีกหลายหลายคน ที่ต่างหมุนวนอยู่รอบตัวเอง
และนึกถึงดวงดอกทองกวาวที่บานอยู่เต็มกิ่งก้านสาขา
และนึกถึงกลีบทองกวาวสีซีดเศร้าที่ร่วงหล่นกล่นเกลื่อนเต็มลานดิน,
พร้อมกับคำถามข้างในมากมาย...
**...ต้องมีเหตุผล! อะไรสักอย่างทำให้เราเกิดมาเป็นชีวิต
ในดวงดาวสีน้ำเงินดวงนี้ หาใช่เป็นเรื่องบังเอิญที่เราเกิดมา
ชีวิตช่างเป็นเรื่องจริงเหลือเกิน ประกอบขึ้นด้วยเซลล์ เลือด เนื้อ ลมหายใจ
ความรู้สึกนึกคิด และวิญญาณ สามารถเคลื่อนไหว รับรู้ และเติบโต
นี่นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ทั้งเกิดขึ้นครั้งเดียว,
เพียงชั่วขณะหนึ่งในห้วงอันยาวนานของจักรวาล
ดับสูญไปแล้วก็ไม่อาจมีได้ใหม่
ต้องมีเหตุผลที่อะไรสักอย่างกำหนดให้ ชีวิต เป็นแบบนี้
หาใช่เหตุบังเอิญที่เราพบตัวเองอยู่ที่นี่
ปัญหาอยู่ที่ว่า เราตระหนักต่อชีวิตซึ่ง เป็น อยู่นี้หรือไม่?
อย่างน้อย, ควรตระหนักได้ว่า นี่คือสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง
อาจเป็นเหมือนรหัสบางอย่างที่ซ่อนนัยยะไว้ลึกข้างใน
ของชายผู้เคี่ยวกรำอักษรถ้อยคำความคิดมาอย่างหนักและลึก
ฉุกสะท้อนให้ใครหลายใคร ได้คิดและหยุดนิ่งในวันเปลี่ยวเศร้า
หรือว่าแท้จริงชีวิตนั้นเป็นเพียงชั่วคราวให้เรียนรู้สัมผัสและตระหนัก
เป็นเพียง ป่าน้ำค้าง และ สะพานขาด
หรือว่าเป็นเพียง คนใบเลี้ยงเดี่ยว เพื่อกลายเป็น แผ่นดินอื่น
หรือเป็นเพียง บันทึกจากหุบเขาฝนโปรยไพร ก่อนไปสู่ ยามเช้าของชีวิต
เพื่อการกล่าวย้ำย้ำว่า
โลกหมุนรอบตัวเอง ด้วยจิตคารวะ
ภู เชียงดาวระลึกถึง กนกพงศ์ สงสมพันธุ์
๑๓ กุมภาพันธุ์ ๒๕๔๙/แม่อาย เชียงใหม่
แม้จะไม่ได้รู้จักคุณกนกพงศ์ สำหรับคนที่เคยอ่านงานย่อมรู้สึกเสียดายและโหวงเหวงในใจอยู่ค่ะ แต่โลกเราก็เป็นแบบนี้ เคลื่อนไปข้างหน้าและทิ้งบางสิ่งไว้ ...
...พูดถึงเชียงใหม่ เป็นเมืองที่เราชอบนะคะ (เคยมีอยู่ปีหนึ่งไปเที่ยวสามหน) เราเป็นแค่คนเที่ยวขาจรแต่ก็แอบอิจฉาคนเมืองอยู่ค่ะ