ตำราหุ้น โดย nowya (34-57)
ข้อ 34 ..Vi & Vs ..อย่าสนใจหุ้นหลายตัวในเวลาเดียวกัน ควรสนใจหุ้นเพียง 2 - 3 ตัวก็เพียงพอมีโอกาสกำไรมากกว่าดูหุ้นหลายตัว (อธิบาย ...การเลือกหุ้นที่มีหลักการดีสัก 2 - 3 ข้อ แล้วเฝ้าสังเกตเส้นทางราคาและวอลุ่ม เพียงน้อยตัว จะมีสมาธิและเข้าใจเส้นทางราคารวมทั้งกลเม็ดการสร้างราคาได้ดีกว่าการเฝ้าหุ้น หลาย ๆ ตัว หรือรับข่าวดีจากข้างนอก การมีสมาธิกับหุ้นที่ตนเองเลือกแล้ว มักเล่นหุ้นได้กำไรมากกว่าจับหุ้นหลายตัวเสมอ ในกรณีที่ต้องการกระจายความเสี่ยง อาจต้องหาสูตรที่เหมาะสม เช่น หุ้น 1 ตัวต่อดัชนี 300-400 จุด ฯลฯ ) ข้อ 35 .. Vs ..ข้อผิดพลาดที่สำคัญของนักเก็งกำไร คือความโลภที่หวังรวยเร็วๆ ในเวลาสั้น ๆ (อธิบาย ... เป็นความสัมพันธ์ทางตรรกะ เกี่ยวกับ ราคา ,จำนวน, และเวลาเสมอ อย่าหวังรวยเร็วจำนวนมากในเวลาสั้น ๆ เพราะโอกาสเป็นไปได้นั้นน้อยมากจนสุดจะเอื้อม นอกจากจะมีโชคมหาศาล ดังเช่นถูกรางวัลที่ 1 ของสลากกินแบ่ง เพราะคนที่เข้าตลาดทั้งหมด มีเล่ห์กลการวางแผนไม่แพ้กัน นอกจากการเกิดอุบัติการณ์คาดไม่ถึงเท่านั้น ) ข้อ 36 .. Vi & Vs .. เมื่อตลาดซบเซา ราคาหุ้นส่วนใหญ่จะมีช่วงราคาแคบ ๆ อย่าเข้าซื้อขายเด็ดขาด ควรรอดูเหตุการณ์ว่าจะทะลุแนวต้านหรือแนวรับสำคัญเมื่อไร ค่อยลงมือก็ไม่สาย (อธิบาย ... คนส่วนมาก 95% กลัวการตกรถโดยไม่เข้าใจสภาวะตลาด หรืออ่านตลาดไม่ขาดว่าอยู่ในสภาวะใด เป็นกระทิง เป็นหมี หรือเป็นการเดินเฉียงข้างๆ การเข้าซื้อขายตลอดเวลา จะเป็นการเสียเปล่าโดยใช่เหตุ นอกเสียจากจะมีแผนการเล่นที่ฉมัง ก็แล้วไป ) ข้อ 37 .. Vi &Vs ..การที่จะประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น นักค้าหุ้นต้องมีกฎของตนเอง และปฎิบัติตามกฎของตนเองอย่างเคร่งครัด (อธิบาย ... การเล่นหุ้น เสมือนการหาสูตรอาหาร หากค้นพบสูตรการเล่นหุ้นที่ต้องใจตนเองสมเหตุสมผลและได้กำไรสม่ำเสมอ ก็ต้องปฎิบัติตามสูตรนั้นอย่างเคร่งครัด ข้อยกเว้นบ่อย ๆ จะทำคให้ผิดพลาดครั้งต่อไปได้ง่าย) ข้อ 38 .. Vi & Vs ..หากเกิดความไม่แน่ใจในตลาด จงรีบถอนตัวออกจนกว่าจะหายสงสัยหรือมั่นใจกว่าเดิม (อธิบาย ... ตลาดหุ้นเป็นธุรกรรมที่ท้าทายเสมอ ไม่ใช่มีสูตรมาตรฐานตายตัวว่า ต้องเล่นแบบไหนดีที่สุด บางสูตรอาจดีระยะเวลานาน อีกสูตรจะดีแค่ข้ามคืน คนมีความรู้สูงอาจแพ้คนไม่มีความรู้ในการลงมือแต่ละครั้ง แต่ระยะยาวควรศึกษาให้รู้กระจ่างถึงตรรกะของตลาดจะทำให้มองตลาดได้กว้างไกลกว่า และคนที่รู้ลึกกว่า รู้แนวลงมือ รู้กลยุทธมากกว่า โอกาสย่อมดีกว่า) ข้อ 39 .. Vs .. ไม่มีรถเที่ยวสุดท้ายในตลาดเพื่อการแสวงกำไร ถ้าไม่มั่นใจอย่ากระโดดขึ้นเที่ยวสุดท้ายที่ตนเองเข้าใจนั้น เพราะอาจเป็นรถด่วน นรกโดยแท้ (อธิบาย ... ความผิดพลาดอันยิ่งใหญ่มักเกิดจากการเชื่อข่าวรอบตัวว่า นี่คือเที่ยวสุดท้าย จงเข้าใจว่าตลาดหุ้นไม่มีเที่ยวสุดท้าย แต่ตัวเราเองอาจเป็นคนแรกที่ต้องออกจากเที่ยวสุดท้ายเพราะขาดทุนยับเยิน ตลาดคงอยู่ โอกาสยังมีเสมอ ถ้าต้องรอคือโอกาสกำไรจะยิ่งมากกว่าไม่รอเลย จงรำลึกเสมอว่า คนที่ชอบมากระซิบว่ารีบขึ้นรถเที่ยวสุดท้าย คือคนที่จะมาทำให้เงินในกระเป๋าคุณหายวับง่าย อย่าสน อย่าฟัง อย่าเชื่อ จนกว่าตนเองจะเรียนรู้เอง ) ข้อ 40 .. Vs ..จงทำการซื้อขายแต่หุ้น ACTIVE อย่าสนใจหุ้นไม่ แอคทีฟ เด็ดขาดแม้ตัวหุ้นนั้นจะดูดีเพียงใด (อธิบาย... ข่าวดีข่าวร้ายจะสะท้อนภาพมาที่จำนวนซื้อขายจริงในตลาดปัจจุบัน หุ้นที่ไม่มีคนเล่น ราคาก็ไม่เคลื่อนไหวเสมอ หรือหากมีการเคลื่อนไหว ก็ไม่ให้โอกาสรายย่อยทั่วไปเข้าไปได้ครอบครองจำนวนมาก เพราะรายใหญ่เก็บไว้หมดแล้ว ต้นทุนต่ำมากแล้ว หรือไม่ก็ไม่มีสภาพคล่องเพราะเป็นหุ้นนเน่ามาหลายสิบรอบ จนคนเอือมระอากับราคาและจำนวนที่เล่น อย่าเข้าไปแม้แค่ตีตั๋วดูเด็ดขาด ) ข้อ 41 ..Vi & Vs.. เมื่อมีกำไรจากหุ้น จงแยกกำไรนั้นออกเพื่อไว้ใช้สอยหรือสำรองก่อน ซึ่งเงินนี้อีกไม่นานต้องได้ใช้แน่ ๆ (อธิบาย ... เมื่อมีกำไรจำนวนมาก แสดงว่าตลาดเข้าสภาวะกระทิง หากขายได้กำไรต้องแยกเก็บทันที อย่าเอากำไรหวนเข้าไปเป็นทุนตามความโลภของตลาดเด็ดขาด เพราะอีกไม่นานนัก ตลาดก็จะเปลี่ยนแนวโน้มและราคาหุ้นจะตก เงินที่กำไรก็ได้ใช้ประโยชน์กลับมาเป็นทุนซื้อราคาต่ำๆได้อีก มันเป็นเช่นนี้เสมอ ๆ ในทุกตลาดทั่วโลกมาเป็นเวลานับร้อยปีแล้ว )
หรือท่านสามารถเข้า FB เสริด nowya.vis เพื่อดูทั้งหมด ล่วงหน้าได้ ข้อ 42 ..Vi & Vs..อย่าซื้อขายหุ้นเพียงเพราะ ...หมดความอดทน...ในราคาหุ้นที่รออยู่ เพราะอาจมีคนใจเย็นกว่าจ้องลงมือสวนการลงมือของตัวเราเอง (อธิบาย ... คนส่วนใหญ่แพ้ตลาดด้วยอารมณ์ตนเอง ไม่อดทน รีบร้อนเหมือนจะไปแย่งเงินเขา ทั้งที่ไม่มีแผนการใดๆ รองรับการลงมือครั้งนั้นเลย อย่าลืมว่า ในหุ้นแต่ละตัวจะมีคนหลากหลายสถานะจ้องอยู่เสมอ เขาอาจเป็นรายใหญ่กว่า รู้เกมดีกว่า ฉลาดกว่าเราเสมอ จ้องลงมือตามหลังเรา แต่ที่สำคัญ ทำสวนทางกับตัวเรา นี่คือเรื่องน่าเจ็บปวดยิ่งนัก) ข้อ 43 .. Vi & Vs..อย่าขายหุ้นเพราะคิดว่าราคาแพง จงขาย เพราะหุ้นตัวนั้นขึ้นต่อไม่ได้อีกแล้ว (อธิบาย ... บ่อยครั้งที่มักได้ข่าวจากรอบข้างว่า ตอนนี้หุ้นตัวนี้ราคาแพงแล้ว แต่ไม่บอกว่าแพงเพราะอะไร ทำไมแพง เท่าใดจึงถูก หากพบเจอข่าวแบบนี้ทั้งที่ตัวเราเองมีหุ้นนั้นครอบครองอยู่ จงรีบตรวจสอบราคาหุ้นว่า เคยขึ้นกี่ % ในระยะเวลาเท่าใด และบัดนี้ ขึ้นช้าลงหรือ วกวนอยู่กรอบราคาแคบๆนี้ นานแล้ว จึงค่อยตัดสินใจปล่อยออก อย่าดื้อรั้นถือ และก็อย่ารีบร้อนเชื่อข่าวตามความกลัว เพราะความกลัวทำให้เสื่อมเสมอๆ โดยเฉพาะข่าวจากนักวิชาการ ) ข้อ 44..Vi & Vs.. ผู้ประสบผลสำเร็จต้องชนะ...จุดอ่อน... ของผู้อื่นให้ได้ (อธิบาย ... ในตลาดหุ้นมีคนมากมาย แต่ส่วนใหญ่มีจุดอ่อนที่ใจ ความฉลาดหรือกลยุทธการเล่นอาจรู้เรียนเท่าทันได้ แต่อารมณ์ในใจ ควบคุมยากและแตกต่างกันราวฟ้าดิน คนที่จะชนะเอากำไรได้ดี ต้องชนะจุดอ่อนคนในตลาดภาครวมให้ได้) ข้อ 45 ..Vs.. เมื่อมีกำไรมาก ๆ จงลดจำนวนซื้อให้น้อยลง มิเช่นนั้นกำไรที่ได้อาจหายเกลี้ยงชั่วข้ามคืน (อธิบาย ... ตลาดจะไม่ยืนแจกเงินให้คนเล่นยาวนาน แต่หากมีเวลาเอาคืนก็หนักหนาสาหัสและรวดเร็วเช่นกัน จนทำให้เกิดการตื่นตระหนกได้ ถึงตอนนั้น แม้ขอกำไรคืนสักเล็กน้อยก็ไม่ให้ อย่าหวังเลย ) ข้อ 46 .. Vi & Vs..คนเล่นหุ้นมีนิสัยเสียอยู่อย่างหนึ่งคือ การตั้งความหวังเป็นตัวเลขเกินจริง และต้องผิดหวังเสมอ จงเล่นหุ้นตามทิศทางตลาด ให้ตลาดกำหนดกำไรให้เราดีกว่า จนเกิดภาษิตที่ว่า ...กำไรตลาดเป็นผู้ให้ ส่วนขาดทุนเรานั่นแหละทำเอง.... (อธิบาย...คนเล่นหุ้นมักมีความคิดยะโสในปัญญาตนเอง คิดว่าตนเองเก่งความรู้สูงอ่านงบออกเข้าใจตลาดดี แต่โดยส่วนใหญ่สุดท้ายมักแพ้ตลาดจนต้องคอตกออกจากตลาดไป แม้เป็นนักวิเคราะห์ที่เชี่ยวชาญ หากวันใดออกจากระบบเงินเดือน มาลงมือเองจะพบความพ่ายแพ้ชัดเจน เหตุผลง่ายๆ สองข้อ คือ ตลาดคือระบบมีคนได้ต้องมีคนเสียเสมอๆ เพื่อชดเชยกัน ตลาดจะมีแนวโน้มของมันเองตามกระแสรวม ใครจะมาเก่งสวนกระแสแนวโน้มก็รอวันขาดทุนไป ใครจะลงมือ 100 ครั้งกำไร 100 ครั้งไม่มี ตลาดไม่ยอมให้แน่ๆ อย่าหวังเสียให้ยาก) ข้อ 47.. Vi & Vs.. อาจมีคนให้ทฤษฎีเล่นหุ้นให้ท่าน เพื่อหวังให้ท่านพ้นจากแมงเม่า พ้นชีวิตรายย่อยที่ถูกเอาเปรียบ แต่ท่านก็ยังขาดทุน เพราะธรรมชาติของจิตจะขัดขวางกฎเกณท์นั้นเสมอ (อธิบาย...การเล่นหุ้น ก็เหมือนการค้าขายแบบหนึ่ง ต้องมีทุน ต้องวางแผนกลยุทธ เพื่อให้ได้กำไร ทุกขั้นตอนไม่ใช่ผ่านง่าย ๆ แต่ระบบมันทำให้รู้สึกง่าย แค่ซื้อแล้วรอดวง เมื่อขึ้นก็ขาย เมื่อลงก็ซื้อ ความแตกต่างอยู่ที่การกำหนดสูตรที่ดีเหมาะกับตนเอง ดังนั้นตลอดเวลาตัวเราเองจะทำร้ายตัวเองด้วยความคิดความโลภเสมอ ขาดวินัย ละเลยยอมให้ตนเองผ่านสิ่งที่ผิดง่ายๆ จึงมักขาดทุนเป็นนิจ) ข้อ 48.. Vi &Vs..อย่าซื้อหุ้นเมื่อตลาดซบเซามาก อย่าทำซ๊อตแซลด้วย เพราะมันคือช่วงเวลาเสี่ยงและน่าเบื่อหน่ายในการรอ แต่ก็จำเป็นต้องรอ (อธิบาย... เมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาตลาดซบเซา คือ ไม่มีวอลุ่ม กระแสเงินหายจากตลาด แต่อย่าลืมว่า จำนวนหุ้นที่จดทะเบียน ยังคงอยู่ครบ ดังนั้นหากราคากระเตื้องเพียงเล็กน้อย คนถือหุ้นก็อยากโยนขายให้เต็มที่ ดังนั้น ซื้อได้แต่ขายไม่ออกนอกจากขายขาดทุนเท่านั้น แล้วยังจะซื้ออีก ทำไมไม่ทนรอก่อน ) ข้อ 49 ..Vi &Vs..จำไว้ในสมองอันปราดเปรื่องของท่านว่า โอกาสทำกำไรดีที่สุดคือ ช่วงตลาดตื่นตระหนกและตลาดผันผวน (อธิบาย ...ตลาดที่ตื่นตระหนก มักไม่มีเหตุผลทั้งตื่นขาย และตื่นซื้อ คนจะมีความกล้าแบบบ้าบิ่น หรือ กลัวจนเหมือนบ้า ดังนั้นจะเกิดราคาพุ่งสูงรวดเร็ว ขายปุ๊บขึ้นต่อปั๊บ แต่เวลาลง ซื้อปุ๊บ ลงต่อปั๊บ การลงมือที่เร็วโดยไม่ไตร่ตรองหรือ มีแผนรองรับ อาจทำให้ขาดทุนกำไรและขาดทุนเงินอย่างรวดเร็วและมากมาย ซึ่งจะส่งผลต่อจิตใจและความคิดมาก ต้องระวังหรือ ทยอยลงมือ ปล่อยเวลาเดินทางนำไปก่อน) ข้อ 50.. Vi &Vs ..ตลาดตื่นตระหนก คือ ราคาหุ้นเกือบทุกตัวลงพร้อมกัน ด้วยข่าวจริงหรือข่าวลือเหลือเชื่อ ไม่มีเหตุผล หุ้นที่มีปัจจัยคงที่ก็ลงแรงไม่แพ้กัน (อธิบาย... เวลาที่ตลาดตื่นตระหนก panic จะเกิดจากเหตุใดก็ตาม แรงขายจะกระหน่ำจากรายใหญ่ก่อน ที่ทำให้รายย่อยเห็นแล้วสร้างภาพความกลัวต่อเนื่องเป็นระลอก ทั้งที่รายใหญ่หยุดขาย แต่แรงขายจากรายย่อยเองก็ยังกระทบต่อไป จนกว่าจะเห็นรายใหญ่เข้าช้อนซื้อสวน หลายครั้ง รายย่อยจึงจะหยุด) ข้อ 51 .. Vs..ซื้อหุ้นราคาติดพื้น floor ในช่วงเช้า ดีกว่าได้ในช่วงบ่าย เพราะหากตลาดช่วงบ่ายพลิกผัน ก็อาจขายทำกำไรได้ (อธิบาย...คนทั่วไปมักคิดว่า หุ้นที่ติดพื้นช่วงเช้าไม่น่าซื้อ ควรรอข่าวกระจ่างชัดก่อน หากข่าวดีค่อยไปซื้อช่วงบ่าย แต่ลืมไปว่า การซื้อช่วงบ่ายจะตั้งขายราคาสูงขึ้นต้องต่อคิวอันดับรองจากผู้ที่ซื้อช่วงเช้าก่อน และอีกทั้งจำนวนคิวก็มากมาย เพราะทุกคนมีสันชาตญานลดความเสี่ยงเป็นปกติวิสัยอยู่) ข้อ 52..Vs..ซื้อหุ้นติดเพดานช่วงบ่ายดีกว่าได้ของในช่วงเช้า (อธิบาย...เพราะหุ้นที่ติดเพดาน มีโอกาสพลิกผันง่าย ถ้าข่าวที่ตลาดรับรู้ไม่มั่นคง หากซื้อช่วงเช้าพอบ่ายพลิกผันก็ไม่มีทางแก้ตัวนอกจากขายขาดทุนอย่างเดียว แต่หากซื้อช่วงบ่าย อย่างน้อยเวลาที่ผ่านไปก็ให้โอกาสของข่าว ถ้าข่าวดีจริง ราคาคงตกจากราคาเพดาน ceiling ไม่มาก ให้โอกาสซื้อได้ และหากซื้อติดเพดาน ก็มีโอกาสขายได้ราคาวันถัดไป ) ข้อ 53..Vi & Vs.. อย่าเชื่อนักวิชาการมากนัก หากเทียบศักยภาพกับรายย่อย พวกเขาอาจเล่นหุ้นขาดทุนมากกว่าอีก (อธิบาย...ระบบตลาดหุ้นเป็นระบบท้าทายมาก และยืดหยุ่นมาก การค้าหุ้นต้องใช้ศิลปะไม่น้อย รายย่อยที่มีประสบการณ์ค้าขาย ส่วนมากก็เล่นได้ดีกว่านักวิชาการที่รู้แต่การอ่านเลขทางบัญชี ส่วนกลเม็ดการวางคำสั่งซื้อขาย การตัดสินใจยืดหยุ่นมักแพ้รายย่อยที่มีประสบการณ์ไม่ได้ ) ข้อ 54 ..Vi & Vs..อย่าเชื่อนักวิเคราะห์ที่ยอมรับเลี้ยงข้าวจากท่าน ท่านจะไม่ได้อะไรจากเขานอกจากคำหวานๆ (อธิบาย... ปัจจุบันอาจมีกฎข้อห้ามเรื่องจรรยาบรรณ แต่สมัยก่อน นักวิเคราะห์มักมีนัดทานอาหารกับรายใหญ่เสมอ นั่นคือภาพที่เห็น แต่ส่วนลึกรายใหญ่จะไม่ค่อยได้อะไรจากผู้รับเชิญเท่าใดนัก)
เหลืออีกไม่กี่ข้อ ก็จบตำราเล่นหุ้น โปรดติดตาม ตำรากลยุทธ(การเอาตัวรอดและมีกำไรเลี้ยงตัวจากอาชีพนักค้าหุ้น) ต่อไป (กำลังเขียน) หรือติดตามแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นการเล่นหุ้น จุดอ่อนจุดแข็งต่างๆ ใน FB เสริด nowya.vis ข้อ 55 ..Vi & Vs..มาตลาดหุ้นทุกวัน( สมัยก่อน ) หรือเฝ้าจอหุ้นทุกวัน( สมัยนี้ ) อย่าพกลมกลับไป ควรเรียนรู้วิธีการเล่นของผู้อื่นเป็นบทเรียน (อธิบาย...ในตลาดหุ้นจะเป็นแหล่งรวมผู้คนและความคิดหลากหลาย เล่ห์กลเหลี่ยมคู ยุทธวิธีต่าง ๆ ตามกาลและสภาวะของตลาด แม้เราจะไม่มีโอกาสนั่งประกบดูการซื้อขายกับตาของรายใหญ่ แต่ภาพในจอหุ้น การตั้งราคา การถอนออก การเสริมเข้า จำนวนและความถี่ ล้วนมีกลยุทธ์ซ่อนเร้นเสมอ ควรดูและจดจำแล้วนำไปเทียบผลตอนจบ จะรู้เล่ห์กลต่างๆ ชัดเจนขึ้น) ข้อ 56.. Vi &Vs..ซื้อเช้าขายบ่าย ซื้อวันนี้ขายพรุ่งนี้ เป็นวิธีการที่ดีที่สุดในตลาดหุ้น ( รายย่อยจะฟังข่าวว่าคือการ ปรับพอร์ต ปรับอะไรกันทุกวี่วัน ) แต่จะทำกำไรยากที่สุดเมื่อไม่รู้วิธีการลึกซึ้ง (อธิบาย...เคยลองคิดดู ทุกวันตลาดเปิด ปิดตลาดจะมียอดซื้อขายเสมอ กลุ่มที่ซื้อ ก็อาจซื้อต่อเนื่อง หรือขายต่อเนื่องตามสภาวะตลาด แต่ต้องมีคนรองรับ มีคนซื้อก็มีคนขาย หุ้นก็ถูกโอนถ่ายเปลี่ยนมือ แต่ในสังคมหุ้น เราจะพบแต่คำแนะนำที่ว่า ซื้อแล้วเก็บยาว ๆ หากเป็นเช่นนั้นจริง หุ้นดีๆต้องถูกเก็บจนหายเกลี้ยงในตลาดหมดไปนานแล้ว แต่ทำไมยังมีคนนำออกมาขายอีก(จำนวนมากด้วยในแต่ละวันโดยไม่ลดละ ) รายย่อยร้อนเงินขาย ? ก็ต้องถูกคนไม่ร้อนเงินเก็บไว้ยาวนาน ความจริงข้อนี้ รายย่อยไม่ค่อยสนใจฉุดคิด มันคือกลยุทธการลดทุนแบบหนึ่งที่ชาญฉลาดมาก หรือกลยุทธการสร้างราคา หรือทั้งสองอย่าง แต่รายใหญ่ไม่บอกให้รู้ ทุกวันทุกคนก็ซื้อ ๆขาย ๆ ไม่มีหมดสิ้น เพราะมันคือวิธีการลดต้นทุนดีกว่าการรอราคามาตามเป้าหมาย ที่รายใหญ่ทำ แต่รายย่อยตามอย่างไม่มีหลักการตลอดเวลา ) ข้อ 57 ..Vi &Vs..นักวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐานจะบอกแต่หุ้นน่าซื้อ ส่วนนักวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค จะบอกเวลาที่น่าซื้อ และน่าขายให้ (อธิบาย...การวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐานจะอ่านได้เพียงราคาที่เหมาะสมน่าซื้อ ตามหลักคำนวณพื้นฐาน อ้างอิงจากเลขทางบัญชีรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ส่วนราคาน่าขาย ขึ้นกับผู้ถือหุ้นพอใจ ถ้าคนเล่นหุ้นอยากซื้อควรถามนักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ส่วนหลังจากซื้อไปแล้ว ต้องถามนักวิเคราะห์ปัจจัยเทคนิค เพราะกราฟที่เกิดจากสิ่งที่ผ่านพ้นจริง จะบ่งบอกจิตใจคนส่วนมากว่า เขาขายที่บริเวณราคาไหน และความเสี่ยงที่ถือหุ้นบริเวณไหน ได้ดีกว่าข้อมูลปัจจัยพื้นฐาน ในเวลาที่พอเหมาะ)
ผมเขียนมาถึงข้อนี้ก็ได้จบตำราเล่นหุ้นลง ท่านที่สนใจสามารถรวบรวมตั้งแต่ต้นได้ ส่วนการรวมเล่มกำลังเตรียมรวบรวมต่อไป และกำลังเขียน กลยุทธเล่นหุ้นเพื่อเอาตัวรอด สามารถเลี้ยงชีพได้ โปรดคอยติดตาม สำหรับบทความต่อเนื่องในเว็ปพันธ์ทิพย์ สามารถเปิดย้อนดูถอยหลังและ รวบรวมเก็บไว้ เป็นข้อเตือนใจเตือนสติ ช่วยให้การค้าหุ้นได้กำไรสมปรารถนาในเวลาพอเหมาะด้วยกำไรที่สมจริงไม่เพ้อฝันเกินจริง ขอบคุณสำหรับท่านที่ติดตามและโหวตให้
Create Date : 29 สิงหาคม 2556 |
Last Update : 29 สิงหาคม 2556 21:12:27 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1667 Pageviews. |
|
|