ชื่อหนังสือ : คู่มายาปรารถนา ๑-๒ ชุด เสน่ห์เงามาร อันดับที่ ๓

ผู้เขียน : เฮยเจี๋ยหมิง ผู้แปล : เสี่ยวเฟิงหลิง

พิมพ์ครั้งที่ ๑,๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดย แจ่มใส มากกว่ารัก

ราคาชุดละ ๒๙๙ บาท จำนวน ๒๐๗+๑๘๓ = ๓๙๐ หน้า

ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๐๖-๑๔๕๘-๕

รายละเอียด

นับแต่ได้พบหน้ากันในวัยเด็ก แม้คนรอบข้างจะเกรงกลัว ปาหลาง ลูกชายบุญธรรมของนายช่างใหญ่แห่งโรงสำริด เพราะเขาเคยเติบโตมากับฝูงหมาป่า ทว่า อาซือหลัน รู้ดีว่าเขาหาได้เป็นเช่นที่ผู้คนพูดถึงเลยแม้แต่น้อย

ทุกการกระทำของเขา...นางล้วนเห็นอยู่ในสายตา

ทุกความรู้สึกของเขา...นางรับรู้ได้ด้วยหัวใจ

ด้วยเหตุนี้นางจึงรู้ว่าเขาเองก็มีใจให้นางเช่นกัน แต่สิ่งที่เขาแสวงหาอยากได้มาครอบครองกลับมิใช่ความรักหากแต่เป็นการยอมรับจากคนรอบข้าง นางต้องทำเช่นไร จึงจะสามารถปลอบประโลมจิตใจของเขาที่มีแต่ความโดดเดี่ยว หนทางใดกันหนอจึงจะพิสูจน์ได้ว่ารักแท้อยู่เหนือทุกสิ่ง

เนื้อเรื่องย่อ(เอง)

ครั้งหนึ่ง อาซือหลัน คือภรรยา คือยอดดวงใจ คือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา หากเพราะชื่อเสียงและลาภยศเป็นเหตุให้ ปาหลาง หลงลืมนางไปชั่วขณะ เพราะต้องการเป็นที่ยอมรับเชิดหน้าชูตาในฐานะนายช่างใหญ่แห่งแคว้น เขาจึงทุ่มเทแรงกายแรงใจจนหลงลืมยอดดวงใจที่เขาทิ้งนางไว้เบื้อง หลังหากแต่นางไหนเลยที่จะถือโทษโกรธเขา นางยังคงเฝ้ามองเขาอย่างเงียบ ๆ ในมุมของนาง รอวันที่เขาจะหันหลังกลับไปมองนางอีกครั้ง และมันก็สายเกินไปจริง ๆเมื่อเขารับรู้ถึงสายใยของนางในวันที่เขากำลังจะสูญเสียยอดดวงใจ

กี่ชาติภพที่เขาตามหา กีชาติภพที่เขาหลงวนเวียนในสังสารวัฏ เพื่อตามหายอดดวงใจ ครึ่งหนึ่งของวิญญาณที่เขาสูญเสียไปเพราะความโง่เขลา แม้แต่น้ำลืมอดีตก็ไม่สามารถทำให้เขาลบใบหน้าของนางออกใปจากความทรงจำของเขาได้ ด้วยทุกอณูวิญญาณได้ประทับไว้แล้วทุกความปวดร้าวทรมาน และหัวใจรักที่มีต่อนาง จนกระทั่ง ความพยายามของเขาก็เป็นผล นางมาปรากฎกายตรงหน้าของเขาอีกครั้งบวกกับความช่วยเหลือของมิตรแท้ที่เคยผิดต่อเขาในอดีต มอบโอกาสครั้งที่สองเพื่อคืนนางให้กับเขาและครั้งนี้ เขาสัญญากับตัวเองไว้แล้ว เขาจะไม่มีวันจะทำให้ให้นางต้องหลั่งน้ำตาเพราะเขาอีกเป็นอันขาดเขาพร้อมจะทำทุกวิถีทาง แม้ว่าทางนั้นจะหมายถึง เขาต้องเดินออกจากชีวิตนางอีกครั้งด้วยใจที่เจ็บปวดก็ตาม 

เมาท์มอยด์กัน(นะ)

ไม่อยากจะบอก .... คู่มายาปรารถนา ทำชะนีหลั่งน้ำตาล่ะเธอ ....ปกติชะนีไม่เคยอ่านหนังสือแล้วร้องไห้นะ พูดเลย! จะเศร้ายังไงก็แค่ปริ่ม ๆ นะแต่อิเรื่องนี้ มันกลั้นไม่ได้จริงๆ ... ดีนะที่เล่มสองเขามาแบบมุ้งมิ้ง และ Happy Ending ไม่งั้นชั้นจะเอามีดปาดคอตายตามอาซือหลันจริงด้วยงอแง ...

คู่มายาปรารถนา ถึงจะได้ชื่อว่าคู่รอง ซึ่งก็ไม่ใช่ตัวคู่หลักของชุดเสน่ห์เงามารแต่ก็ต้องบอกเลยว่า อาซือหลัน กับ ปาหลาง นี่ขโมยซีนสุด ๆ ตัวละครคู่นี้เหมือนจะใช้ชีวิตอยู่วงนอก แทบจะไม่ได้อยู่ในวงจรบุญคุณความแค้นใด ๆ เลยแต่แม้จะอยู่วงนอกก็ใช่ว่าจะหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ตามมาจากการตัดสินใจผิดพลาดของเหล่าผู้นำและคนชั้นสูงจนทำให้เราเห็นเลยว่า ทุกการตัดสินใจของคนที่อยู่ในจุดที่ยิ่งสูงมากเท่าไหร่ผลที่ต้องแลกมามันก็รุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

อีกเรื่องที่เห็นชัดคือ ความเข้าใจแบบผิดๆ ของผู้นำครอบครัวที่เรียกว่า ผู้ชาย ตรงนี่จะเห็นชัดเลยนะ ปาหลางที่คิดว่าหากเขาเป็นที่ยอมรับได้ชื่อเสียงเงินทองหรือได้รับความไว้วางใจจากองค์ราชาคือความมั่นคงคือความสุขในชีวิตคู่ของเขาและอาซือหลาน หากแต่แท้จริงแล้วสิ่งที่อาซือหหลันหวังคือการได้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายกับคนที่เธอรักจนแก่เฒ่าไปด้วยกันและแม้จะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของสามีคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นช้างเท้าหลังเป็นภรรยาเช่นนาง ก็คงได้แต่เฝ้ามองเขาอยู่เงียบๆ คอยเคียงข้างผู้เป็นสามีคอยซัพพอร์ทเขาในทุก ๆ ทางที่นางสามารถจะทำได้ หลาย ๆครอบครัวในปัจจุบันก็เป็นแบบนี้นะ เว้นแต่ว่าตำแหน่งภรรยาหรือผู้ตามในยุคสมัยปัจจุบัน ก็มีทางเลือกกันมากขึ้น บางคนอาจยอมตามบางคนอาจขัดแย้งจนถึงเลิกรากันไปก็มี แต่ผู้ชายแบบนี้ มันมีทุกยุคทุกสมัยจริงๆ นะซึ่งพอได้อ่าน pd ก็หมันไส้อิตาปาหลางและแอบสมน้ำหน้าพี่แกเบาๆนะคึคึ

เล่มสองเป็นเรื่องราวในช่วงชาติปัจจุบัน อืมแบ่งแยกกันอย่างชัดเจนดีจริงๆ หวานๆ อุ่น ๆแอบขมบ้าง เพราะงานมโนเพ้อเจ้อของพระเอก ชอบตรงที่บรรยายช่วงท้าย ที่บอกว่าตัวละครทั้งสองเป็นดั่งสัตว์ป่าที่บาดเจ็บใช้เวลาและความรักช่วยเยียวยาบาดแผลให้กันและกัน อบอุ่นนะ มันให้ความรู้สึกว่าต้องอย่างนี้สิ ชีวิตคู่มันมันต้องช่วยกันแก้ช่วยกันผูกมันเป็นเรื่องของคนสองคนต้องจับมือจูงกันไปนะ ต่างคนต่างแก้ปัญหา มันไม่ได้หรอก

สุดท้าย คู่มายาปรารถนาถือเป็นนิยายหวาน ๆ น้ำตาลไหม้จนเรียกว่าขม แต่อร่อยทั้งน้ำตาจริงๆอ่านจบเล่มแรกเสียทิชชู่ไปหลายแผ่นแต่ยังดีที่มีเล่มสองมาช่วงเยียวยาจิตใจชะนีไม่ให้หดหู่เกินไปนัก .... รอเล่มต่อไปแจ่มใสแปลเมื่อใดหนอ.....ชะนีอยากอ่านแล้วนะ พูดเลย!

Prophet Doll

๒๒ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๗