วิธีฝึกให้ได้อภิญญา

วิธีฝึกให้ได้อภิญญา

   เริ่มต้นจะต้องเรียนระดับอนุบาลก่อน เราจะต้องฝึกการกำหนดจิต 

ขั้นพื้นฐาน

  ๑. จะต้องเริ่มจากการสวดมนต์ ไหว้พระก่อน สามารถจำบทสวดมนต์ได้ขึ้นใจ สวดได้คล่องแคล่ว ว่องไวได้ ช้าได้

  ๒. กำหนดจิต เช่น การสวดมนต์ เราจะต้องตั้งกติกา กฎระเบียบวินัยขึ้นเองว่า จะเอาเวลาไหน เท่าไหร่ และจะต้องทำให้ได้ อย่างจริงจัง จริงใจ เด็ดขาด

  ๓. ขยับขึ้น คือ เช่น การสวดมนต์ เราจะเพิ่มให้มากขึ้น ทำให้มากขึ้น เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม จะเพิ่มเท่าไหร่ จะต้องทำอะไรเพิ่มเติม

  ๔. ฝึกการเคลื่อนไหว เช่น เราไหว้พระ มีการเปิดตา ลืมตา หรือปิดตา หรือเดิน หรือกำหนดจิตอยู่กับองค์พระพุทธรูป องค์ใดองค์หนึ่ง ถึงแม้ว่าเวลาเราสวดมนต์ สวดคาถา จิตเราก็จะต้องอยู่กับพระพุทธรูปองค์นั้น ให้จิตเราเห็นองค์พระองค์นั้น สมมติว่า เรากำหนดองค์พระไว้ที่สะดือ หรือกำหนดจิตองค์พระไว้ที่หน้าผาก ถ้าเรากำหนดจิตไว้ที่หน้าผาก เราจะต้องกำหนดจิตของเราไปอยู่ที่นั่นเป็นหนึ่งเดียว จิตใจไม่วอกแวก ไม่ซัดส่าย

  เช่น มี ๓ อย่าง 

    ๑. องค์พระพุทธรูป  

    ๒. ตัวเราที่กำหนด  

    ๓. จิตที่เราไปกำหนดรู้เห็นองค์พระพุทธรูป

  สมมติว่า ตอนนี้เรามององค์พระพุทธรูป แล้วเราหลับตาเห็นองค์พระหรือไม่? ก็ต้องให้เห็นองค์พระ มองไปที่หน้าผาก ก็ต้องเห็นองค์พระที่หน้าผาก จะต้องรวมกันเป็นหนึ่ง คลายๆ สามเหลี่ยม แล้วรวมศูนย์เป็นหนึ่ง

  สมมติว่า ตอนนี้เราเห็นองค์พระ แล้วตอนนี้เราอยู่ในนั้นไหม? องค์พระอยู่ในสมองหรือในจิตของเราล่ะ ตัวนั่นแหละทำให้เรารู้ เพราะว่ามีจิตทำให้รู้ ๒ ตัวนี้ ทีนี้ก็จะให้วิ่งไปวิ่งมา วนอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะหยุดกำหนดจิต

ฝึกระดับขั้นกลาง 

  ๕. สมมติว่าเราสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น รูเข็ม เอาเข็มขึ้นมาแล้วมองที่รูเข็มนั้น แล้วให้จิตเราไม่พ้นไปจากรูเข็ม จิตจะอยู่ที่รูเข็ม จะเข้าสู่ขั้นที่ว่า "กสิณ" เป็นการหมายกำหนดจิต เช่น ให้จิตอยู่ที่ปลายรูเข็ม 

  บางครั้งดูท้องฟ้า หรือดวงดาวดวงหนึ่ง แล้วให้จิตของเราไปอยู่ที่นั่น จิตเราไม่ใช่ตายนะ ให้จิตเราเหมือนกับ "แสง" เราส่องแสงไปแล้วแสงนั้นจะต้องส่องกลับมา

  ๖. ฝึกความไหว เช่น บางคนกระเพื่อมน้ำใส่ตา และขั้นต่อไป กระเพื่อมน้ำใส่ตาเราจะต้องกำหนดต้องไม่หลับตา และเพิ่มขั้นต่อไปอีกแม้กระเพื่อมน้ำก็มองให้เห็นสิ่งที่อยู่ในน้ำ

  พอเสร็จจากนี้แล้ว เราก็จะมาดูใบ พอใบไม้ไหวปั้บ ไม่ใช่มารู้ทั้งต้นไม้ เราจะต้องมารู้ว่าใบไหนไหว และไหวยังไง เป็นอะไร? 

  คำว่า "พลัง" ก็คือมีสมาธิ สมาธิแรงก็เท่ากับเรามีพลังแรง กำหนดได้

  นี่แหละขั้นนี้ "อยู่ท่ามกลางเคลื่อนไหว เราไม่หวั่นไหว" เราก็จะเพ่งเห็นอยู่ได้ ทำไมเราเพ่งเห็นได้ ก็เพราะว่าจิตของเรามีสัมผัสได้ ใครซัดอะไรมาหาเราจิตเราไม่กระเพื่อม ไม่เคลื่อนที่

  ๗. ฝึกเสียง เวลานี้เรานั่งอยู่เฉยๆ แล้วได้ยินเสียง แม้เสียงนี้จะมาจากไหนเราก็ต้องรับรู้ เช่น เสียงมาจากนก เสียงมาจากไก่ เสียงมาจากรถ แม้มีความเคลื่อนไหว เราก็ได้ยิน เราจะฝึกเคลื่อนไหวทางหู ทางเสียง เราได้ยินเสียงไก่ แม้เราหลับตาก็เห็นเส้นขนไก่ จะเห็นชัดเจนขึ้น

  ๗ ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนเบื้องล่าง ข้อที่ ๑-๗ เป็นขั้นรูป 

ขั้นนาม แต่เป็นขั้นกลาง

  ๘. เข้าสู่ภาวะนิมิต คือ แม้เราหลับตาก็เห็นรูปไก่ ปรากฏในจิตของเรา ในตาของเรา

  ๙. ละเอียดเรื่องอารมณ์ คือ ไก่ตัวนี้ขันด้วยอารมณ์อะไร ให้รู้รับทราบ เข้าใจถึงอารมณ์ของสิ่งนั้นๆ

  ๑๐. จะรวมอารมณ์กับรูป เหตุนั้นบ่งบอกหมายความว่าอะไร? แปลความว่าอะไร? เป็นอะไร? ไก่โก่งคอ หมายความว่าอะไร ถ้าเราฝึกเรื่อยๆ เราสามารถพูดคุยกับไก่รู้เรื่อง

  ๑๑. จะเข้าลึก เข้าสู่จิตวิญญาณ จิตแค่รับรู้ เราจะต้องรู้ว่าจิตของเราละเอียด จิตบวกวิญญาณจะต้องเสถียรดำรงอยู่ในความคิดของเราตลอดเวลา

  ๑๒. เจตนาในการส่ง เราจะต้องมีเจตนา มีปณิธานที่แน่วแน่ เหมือนกับเราส่งของ ถ้าเราไม่มีจิตตัวนี้เราส่งไปไม่ถึง

  สมมติว่าเราเห็นปากกา ๑ ด้าม แล้วเรามีเจตนาเก็บไว้ในสมองของเรา เราจะให้หายตัวไปอยู่ในสมองของเรา เราจะต้องให้ปากกานี้ปรากฏอยู่ในสมองของเรา เราจะขยายใหญ่เท่าฟ้าก็ได้ เราจะต้องนิมิต จินตนาการให้ใหญ่ แต่ตัวจริงๆ ยังไม่ใหญ่เท่าฟ้า 

  แต่ถ้าคนที่ฝึกได้จริงๆ สามารถให้ของจริงขยายใหญ่เท่าฟ้าได้ แม้แต่ซึงหงอคง (孫悟空) ก็ทำได้ แม้แต่หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ก็ทำได้สบายมาก

  พระครูวิมลคุณากร (หลวงปู่ศุข เกสโร) วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ที่เสกหัวปลีให้เป็นกระต่ายนั้นเป็นจิต ยังไม่ใช่ของจริง เช่น เราเจอคนหนึ่งกำหนดจิตให้เขาเห็นว่าเป็นกระต่าย คนนั้นก็จะเห็นเป็นกระต่าย กำหนดจิตให้เขาเห็นเป็นเสือ เขาก็จะเห็นเป็นเสือ แต่กระต่าย และเสือนี้ไม่ใช่เป็นของจริง แต่คนนั้นที่เราสะกดให้เขาเห็นนั้น เขาจะเห็นเป็นของจริง ร้อยทั้งร้อยเขาก็จะบอกว่าเป็นของจริง เสือนั้นจะเป็นจริงในสมองของเขา แต่ไม่แท้ 
"จริงในภาวะการณ์นั้นๆ แต่ไม่แท้"

  แค่ทำให้เราเห็น เรารู้ เช่น บางคนเห็นผี แล้วผีให้ทองก้อนเยอะแยะ แต่พอเอากลับไปที่บ้านแล้วกลับเป็นก้อนหิน





 




Create Date : 07 เมษายน 2563
Last Update : 7 เมษายน 2563 23:31:08 น.
Counter : 2310 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พรหมสิทธิ์
Location :
เชียงราย  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต

ศึกษาเรียนรู้ธรรมะโดยธรรม นำมาปฏิบัติ และเผยแผ่ธรรมะนั้น ให้คนรู้จักบริหารกรรม แก้กรรม พัฒนากรรม ให้เกิดสันติสุข
New Comments
Group Blog
เมษายน 2563

 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30