Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
2 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 

Bloody revenge Part4 - Finale

บทที่ 22
เวลาประมาณเที่ยง ทุกคนก็หอบสัมภาระลงมา ทุกคนดูมีชีวิตชีวาที่จะได้ออกไปจากเกาะนี้
“”ถึงบ้านแล้ว ชั้นจะอาบน้ำก่อนเลย” ทาคามิ จุน พูดกับคนอื่น ๆ อย่างสนุกสนาน
“ซาอิ นายกับไปจะไปทำอะไรก่อน”
“รุ่นพี่ ถามผมใช่ไหมครับ อืม...ผมก็คงจะเขียนไดอารี่ เล่าเรื่องราวที่อยู่บนเกาะ จากนั้นคงอ่านหนังสือมั๊งครับ”
“เค็นจิ นายล่ะ”
“ก็คงเหมือน ๆ กับซาอิ แหละครับ” พูดจบ เค็นจิก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมายื่นให้พร้อมปากกา ส่งไปให้รุ่นพี่
“มีอะไร รึ”
“ผมอยากให้รุ่นพี่ เขียนให้กำลังใจผมหน่อยน่ะครับ”
“ได้สิ”
“ทุก ๆ คนด้วยนะครับ”
เมื่อเขียนจบแล้ว เค็นจิ ก็ส่งกระดาษนั้นให้กับซาอิ แล้วซาอิก็พูดออกมา
“เอาล่ะครับ ทุก ๆ คน เวลาแสดงหมดลงแล้วนะครับ”
“แสดง... แสดงอะไร” วาชิโร่ ถามอย่างสงสัย
“ตั้งแต่ตอนที่คุณเซโตะ ตาย ผมได้ตกลงกับเค็นจิไว้ว่าเราจะเล่นละคร เพื่อจะเปิดเผยตัวฆาตกรตัวจริง”
“อะไรน่ะ ไหนพวกนายบอกว่าไม่เจอหลักฐานอะไรเลย ไม่ใช่เหรอ” ทาคามิ จุน พูดด้วยเสียงที่แฝงความตกใจอย่างมาก
“ก็บอกแล้วไงว่าละครครับ”
“เดี๋ยวก่อนสิ ซาอิ จากเท่าที่ดูสภาพศพแล้ว คุณเซโตะ ฆ่าตัวตายไม่ใช่เหรอ”
“ถ้าคิดอย่างที่มิวะ จัง พูดก็คงจะใช่ แต่ถ้าลองคิดดูให้ละเอียดกว่านั้น เป็นไปไม่ได้”
“นั่นก็เพราะ มีสิ่งที่บอกให้รู้ว่าคุณเซโตะ ถูกฆาตกรรม” เค็นจิ เสริมในส่วนของซาอิ แล้วอธิบายต่อไป
“ข้อ แรก คือเวลาที่คนเราฆ่าตัวตาย โดยเอามีดเสียบทะลุหัวใจนั้น จะตายแทบจะทันที มือทั้ง 2 ยังกำไว้ ข้อที่ 2 คือกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกนั้นหนามาก ๆ หากจะใช้แค่แรงจากความยาวไม่ถึงเมตรนั้น มันไม่พอแล้วมีโอกาสพลาดสูงด้วย”
“ส่วน เหตุผลสุดท้ายคือ ที่สันมือของคุณเซโตะ ที่บอกว่าใช้เป็นที่เขียนบนกำแพงเลยมีเลือดติดอยู่ นั่นก็เป็นเพียงอุบายของคนร้ายเท่านั้น”
“หมายความว่ายังไง ซาอิคุง”
“ครับ คุณวาชิโร่ ลองนึกว่าถ้าคุณวาชิโร่ เป็นคุณเซโตะ ที่จะฆ่าตัวตาย คุณจะเขียนก่อน แล้วจึงค่อยดับ
ลมหายใจตัวเอง ใช่มั๊ยล่ะครับ เจอปัญหาอะไรรึยังครับ”
“จะเอาเลือดที่ไหนเขียน งั้นสิ”
“ถูก ต้องแล้วครับ ถ้าผมเป็นคุณเซโตะ ผมคงเขียนแค่จดหมายลา แล้วผูกคอตายมากกว่า เพราะถ้าใช้มีดแทงแล้วไม่ตายในทันที มันจะทรมานกว่า”
“งั้น ก็หมายความว่า...”
“ใช่แล้ว ครับ ถ้าคนเราจะฆ่าตัวตายจริง ๆ คงจะเลือกวิธีที่เจ็บปวดน้อยที่สุด”
“ซาอิ ที่นายจะพูดคืออะไร”
ซาอิ มองไปทาง ไอโกะ มิวะ
“ฆาตกรที่ฆ่าพวกคุณเซโตะ ถึง 4 คน อยู่กับพวกเราที่นี่แล้วตอนนี้”

บทที่ 23
ความเงียบเข้าสู่บริเวณห้องโถง มีเพียงเสียงลมที่พัดเท่านั้น
“ผมขอพูดต่อเลยนะครับ” และเค็นจิ ก็พูดต่อ
“เราก็พอจะทราบกันแล้วนะครับว่า ฆาตกรโหดรายนี้ ได้ฆ่าคนไปแล้ว 4 ชีวิต โดยป้ายความผิดไปให้
คุณเซโตะ”
“การ ที่จะใส่ร้ายป้ายสีให้คุณเซโตะนั้น ฆาตกรได้เริ่มทำตั้งแต่ตอนที่คุณฮางาตะ ตาย และเมื่อมีคนตายต่อ ๆ กันมา ก็เริ่มใช้กลทางจิตวิทยาช่วย ทำให้ทุกคนเชื่อว่าคุณเซโตะ เป็นฆาตกรจริง ๆ”
“ซาอิคุง เธอจะบอกได้รึยังว่าใคร”
“งั้น ผมขอไล่ลำดับอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ นะครับ” เค็นจิ พูดขึ้นมา
“ตั้งแต่ ตอนที่มาถึงที่นี่ คนที่ขึ้นไปชั้น 2 เป็นคนแรกคือ คุณอานามิยะ จากนั้นก็รุ่นพี่ แล้วก็คนอื่น ๆ ก่อนที่จะเจอตัวอักษรเลือดในคืนแรก คนที่ลงมาท้ายสุดคือ รุ่นพี่”
“จะบอกว่าชั้นเป็นฆาตกร งั้นเหรอ”
“เปล่าครับ” ซาอิ เว้นระยะ “แต่ผมมั่นใจว่า คนร้ายที่ฆ่าไปแล้ว 4 ศพ คือรุ่นพี่...ไม่สิต้องพูดว่า ทาคามิ จุน
คือฆาตกรโรคจิต”
“ซาอิ เธอมากล่าวหาลูกฉันทำไม”
“ไม่ได้กล่าวหาครับ ผมแค่พูดความจริง”
“ฮึ ฮึ ฮ่า ๆ” ทาคามิ จุน หัวเราะ ขึ้น
“ตอนที่คุณฮางาตะ ตายน่ะ ชั้นยังนั่งคุยต่อหน้านายอยู่เลยนะ แล้วชั้นจะแบ่งร่างไปฆ่าคุณฮางาตะ ได้ยังไง”
“ไม่สงสัยเลยเหรอครับ ทุกคน”
“สงสัยอะไร” ทาคามิ วาชิโร่ พูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความโกรธเอาไว้
“ศพของคุณฮางาตะ กับคุณนากามะ จะเห็นว่ามีเลือดจำนวนมากใช่ไหมล่ะครับ”
“ก็ใช่”
“ที่ศพของคุณนากามะ จำเป็นมาก ๆ ที่จะต้องฆ่า”
“เพื่ออะไรล่ะ” ไอโกะ มิวะ ถามด้วยความสงสัย
“ก็เพื่อให้พยานเวลาสำเร็จไง”
“หมายความว่าไง ซาอิ คุง”
“รู้มั๊ยครับ ทำยังไงคุณฮางาตะ ถึงตายโดยที่ฆาตกรอยู่กับเรา”
ทาคามิ จุน สีหน้าเริ่มซีดขาวขึ้น
“น้ำแข็ง ยังไงครับ”
“ว่าไงน่ะ”
“วิธี การก็คือ นำเลือดจากห้องที่ชั้น 2 มาทำให้แข็งเป็นเกล็ด แล้วก็เอาน้ำแข็งก้อนไม่ใหญ่มาก 2 – 3 ก้อนมาวาง เป็นฐานจากนั้นก็นำร่างของคุณฮางาตะ ที่หลับเพราะโดนยาสลบมายืนไว้บนฐานที่ทำ น้ำแข็งมาดูดเลือดของคุณฮางาตะ ออกมาประมาณ 1 ใน 4 ของน้ำหนักตัว แล้วก็เชือดข้อมือทั้ง 2 จากนั้น ก็ค่อยเชือดที่
คอหอย ให้เลือดที่มีความอุ่นเป็นตัวละลายไปในตัว”
“ซาอิ ทำไมเธอรู้ว่ามีการนำเลือดออกมาล่ะ”
“จุดนี้แหละครับ ที่ทำให้ผมสงสัยในตัวลูกของคุณวาชิโร่”
“หมายความว่าอะไร”
“ตอนที่ชันสูตร รุ่นพี่เป็นคนชันสูตรทั้งหมด คุณเซโตะ บอกเพียงแค่วิธีการ แต่กลับไม่เจอรอยที่ต้นขา”
“แล้ว ทำไมเธอถึงรู้ว่ามีล่ะ”
“ก็ผมกับเค็น ไปชันสูตรอีกรอบนึง”
“แค่นั้น จะบอกว่าลูกฉันเป็นฆาตกรไม่ได้หรอกน่ะ”
“ครับ งั้นผมจะพูดถึงวิธีฆ่า และใส่ร้ายให้กับคุณเซโตะ ที่รุ่นพี่ทำทั้งหมดด้วยนะครับ ต่อจากคุณฮางาตะ ก็เป็นคุณนากามะ รุ่นพี่ออกอุบายคือให้พวกผมกับคุณเซโตะ และรุ่นพี่เองออกไปหา “เงิน” เป้าหมายของเราที่มาที่เกาะนี้ เมื่อเห็นว่าถึงเวลาก็นำยานอนหลับมา แล้วใช้กับคุณเซโตะ นำคุณเซโตะไปซ่อนที่ห้องน้ำภายในห้องคุณฮางาตะ เมื่อได้เวลาก็ออกอุบายให้ไปเป็นคู่ เมื่อทุกคนลับสายตาไปพักหนึ่ง ก็ชวนคุณนากามะไปหาในห้อง ตีหัวเธอจากนั้นก็นำเหล็กที่เสียบไว้แทง แล้วก็แกล้งนอนลง”
“สันนิษฐานเก่งจังนะ แต่ถ้าฉันเป็นฆาตกรแล้วจะฆ่าคุณอานามิยะ ยังไง”
“ก็ไม่ยากครับ เพราะผมลองมาแล้ว”
“ว่าไงน่ะ”
“ห้องที่ใช้ฆ่าคุณอานามิยะ คือชั้น 3 ห้องเดียวกับที่คุณเซโตะ ตาย”
“วิธีการล่ะ”
“วางยาคุณเซโตะ อีกครั้งแล้วก็คุณอานามิยะด้วย พาทั้ง 2 คนขึ้นไปที่ชั้น 3 โดยใช้ลิฟท์ที่อยู่ชั้นใต้ดิน”
ทาคามิ วาชิโร่ นั่งเงียบไม่พูดอะไรต่อ
“ลิฟท์ ชั้นใต้ดินจะขึ้นไปยังห้องชั้น 3 ที่คุณเซโตะถูกฆ่าตาย นำคุณเซโตะ ไปวางไว้แถว ๆ บันได โดยรอให้เค็นจิลงไปก่อน แล้วก็กลับเข้าไปในห้องอีกครับ ล็อคห้องจากข้างใน นำลวดสลิงผูกคอ แล้วก็กอดคุณอานามิยะ จากข้างหลังพร้อมกับกระโดดออกมา”
“งั้น ซาอิคุง เธอจะบอกว่า....”
“ใช่ เลยครับ...ที่ต้องใช้ลวดสลิงเพราะจะทำให้ตัวเองกระโดดลงมา พร้อมกับคุณอานามิยะ ได้ โดยที่ไม่ตาย แล้วก็รอเวลาที่เราออกไปข้างนอกก็แกล้งทำเป็นสลบ”
“สำหรับศพสุดท้าย ก็เริ่มจากวางยานอนหลับทุกคน ยกเว้นตัวเองโดยของคุณเซโตะ จะเป็นแบบออกฤทธิ์ช้าแล้วก็แกล้งทำตัวปกติ รอมีคนหลับไปแล้วค่อยหลับตาม จากนั้นก็พาคุณเซโตะ ขึ้นลิฟท์ไปแล้วฆ่าทิ้ง แล้วก็นำเลือดของคุณฮางาตะ ที่ดูดมาตั้งแต่แรกมาเขียนบนกำแพง แล้วก็กลับมา พอเห็นว่าเวลาที่ยาเริ่มหมดฤทธิ์ ก็มานอนอยู่กับพวกเรา”
“จุน บอกพ่อทีว่าไม่จริง”
“หลักฐานล่ะ”
“ได้ ครับ อันนี้ผมเจอที่กระเป๋าสัมภาระของรุ่นพี่เอง เป็นสมุดจดอะไรนิดหน่อยของรุ่นพี่มั๊งครับ” ซาอิ พูดพร้อมกับมองสมุดเล่มเล็กกว่าฝามือเล็กน้อย
“จำที่ผมให้ทุกคนเขียนได้มั๊ยครับ” เค็นจิ พูดขึ้น
“เมื่อลองมาเปรียบเทียบแล้ว จะเห็นว่าลายมือไม่เหมือนกับลายมือที่เขียนบนกำแพงเลย”
“นั่นไงล่ะ” วาชิโร่ ตะโกนออกมา
“แต่ ลายมือของรุ่นพี่ในสมุดเหมือนกับลายมือบนกำแพงเลยครับ”
ทาคามิ จุน สะดุ้ง พร้อมกับกัดฟัน ก่อนที่จะพูด
“แล้วมันเป็นอะไรล่ะ”
“ผม รู้ว่า รุ่นพี่ระแวงเรื่องลายมือที่เค็นจิ ให้เขียนจึงเขียนให้ลายมือไม่เหมือนให้มากที่สุด แต่ความระแวงนั้น มันยิ่งทำให้แน่ใจว่ารุ่นพี่คือคนร้าย” ซาอิ พูดแล้วก็เปิดสมุดจด กับชี้ไปที่ลายมือในกระดาษที่เขียนให้ทาคามิจุน และไอโก มิวะ ดู

บทที่ 24
“จุน บอกพ่อสิว่าไม่จริง”
“ไม่จริงใช่มั๊ย”
ทาคามิ จุน มองไปทางซาอิ และเค็นจิ
“ซาอิ ขอถามอะไรนิดหนึ่งน่ะ”
“ครับ”
“ทำไม ไม่หลงไปกับจิตวิทยาของฉัน”
“ก็คงเพราะรูปนี่ละมั๊งครับ” ซาอิ หยิบรูปถ่ายออกมาจากกระเป๋า
“รูปนี้ผมเจอที่ห้องทำงานชั้น 2”
“ความรู้สึกแท้ ๆ ถ้าไม่มีแผนการของฉันคงจะไม่เป็นอย่างนี้”
“รุ่นพี่ มีอะไรกับภาพนี้รึเปล่าครับ”
“ภาพนี้ถ่ายตอนฉันอายะ 5 ขวบ เป็นภาพถ่ายครอบครัวครั้งสุดท้าย”
“ว่าอะไรน่ะครับ” ซาอิ รู้สึกตกใจกับคำพูดนั้น
“งั้น ฉันจะเล่าให้ฟังน่ะ”
“ครับ”
“ผู้ชาย ในรูปนี้คือผู้บริหารของที่นี่คือพ่อของฉันเอง ชื่อของเขาคือ อาคิตะ ชิมิบุยะ ส่วนอีกคนคือแม่ของฉันเองคือ อาคิคิตะ เคียวโกะ คนที่ยื่นเรื่องขอเปิดโรงพยาบาลนี้คือพ่อของฉัน โรงพยาบาลก็ดำเนินงานไปได้ด้วยดี จนกระทั่ง....”
เสียงของทาคามิ จุน หายไป
“เมื่อสัตว์นรกทั้ง 4 คนเข้ามา” แววตาของทาคามิ จุน แฝงความพยาบาทอย่างที่สุด
“ที่พูดหมายถึงพวกคุณเซโตะ งั้นเหรอครับ”
“ใช่ พวกมันนั่นแหละ”
“พวก มันเข้ามาทำงานในฐานะแพทย์ที่จบใหม่ เนื่องจากทุกคนจบจากมหา’ลัยโตเกียว ด้วยคะแนนสูง พ่อจึงไว้วางใจมาก เวลาผ่านไปเกือบ ๆ 2 ปี ฝันร้ายก็เริ่มขึ้น พวกมันทั้ง 4 คน มีตำแหน่งรองจากพ่อ พ่อให้ตำแหน่งมันสูงขึ้น โดยหวังว่าจะช่วยพ่อกับแม่ให้มาก แต่ไม่ใช่เลย ซาอิ นายรู้เหตุผลที่ทำให้ฉันต้องฆ่าพวกมันทิ้งมั๊ยล่ะ”
“เพราะ พวกเขาฆ่าพ่อแม่ที่แท้จริงของรุ่นพี่ใช่ไหมครับ”
“วันหนึ่ง ขณะที่ดวงอาทิตย์เริ่มตก ลมหนาวค่อย ๆ พัดมา สิ่งที่พ่อฉันเจอคือ การขายอวัยวะคนไงล่ะ”
“หา” ทุกคนอุทานออกมา
“อย่าง ที่รู้ที่นี่มีห้องใต้ดิน กับทางชั้น 3 ที่มือ ๆ น่ะ เป็นสิ่งที่สร้างมาทีหลัง พวกมันใช้เป็นที่ชำแหละมนุษย์ เพื่อส่งขาย พอพ่อของฉันเจอก็สั่งห้าม แต่สิ่งที่เซโตะ ตอบนั้นมันทำให้พ่อเสียใจมาก
“ตอบว่าอะไรเหรอครับ” เค็นจิกล่าวขึ้น แล้วเอามือกอดอกไว้
“ที่ฉันทำก็เพื่อให้คนไข้ลดลง เงินมากขึ้นแล้วมันไม่ดีรึ”
“หลัง จากที่พ่อได้ฟังก็ไปทำลายอวัยวะบางส่วนทิ้ง ช่วยชีวิตคนไข้บางคนไว้ได้ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้พ่อฉันถูกฆ่า พ่อถูกพวกมันใช้เครื่องชำแหละตัดทั้งที่ยังมีลมหายใจ ฉันแอบดูจากช่องประตู ภาพของมันยังติดตาจนทุกวันนี้ เสียงทรมานที่ดังออกมา ส่วนแม่ของฉันก็กลัวจะโดนพวกมันทำร้ายก็เลยแขวนคอตัวเอง”
“แล้วต่อจากนั้นล่ะครับ”
“พอ พ่อฉันตาย มันก็ขึ้นเป็นผู้บริหารแทน จำนวนคนไข้ก็ลดลง และเป็นเวลาเดียวกับที่รัฐบาลไม่ให้งบประมาณ พวกมันก็ทำการขายอวัยวะมนุษย์จนหมด แล้วก็หนีออกไป ที่เห็นว่าเวลาไม่กี่วันหลังจากที่รัฐบาลตัดงบไปแล้วไม่มีใคร เพราะว่าทุกคนก็ถูกทำเหมือนกันหมด”
“ฆ่าทุกคนเลยรึครับ”
“แล้วตอนนั้นรุ่นพี่เป็นยังไงล่ะครับ” ซาอิ ถามหลังจากเค็นจิ
“มัน ฆ่าทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพยาบาล หมอ และก็เอาเงินไปทำธุรกิจขายอัญมณีเป็นการบังหน้า หลังจากที่พ่อแม่ฉันตายไป ฉันก็แอบออกมากับเรือที่ไว้ ไป – กลับ แล้วก็เดินไปทั่ว และก็เจอกับคุณวาชิโร่”
“เรื่องเศร้าน่ะครับ ชีวิตของรุ่นพี่”
“แต่พวกมันตายไปก็ดีแล้ว”
“เพี๊ยะ......”
สิ้นเสียงพูดทาคามิ วาชิโร่ ก็เอามือตบหน้า ทาคามิ จุน อย่างแรง
“ที่ฉันสั่งสอนแกให้แกเรียน เพื่อให้มาฆ่าใครงั้นเหรอ” แววตาของทาคามิ วาชิโร่ เต็มไปด้วยน้ำตา
“เอ่อ ผมคิดในมุมนี้น่ะครับ” ซาอิ พูดขึ้น
“ที่ แผนการของรุ่นพี่ไม่สำเร็จ คงเพราะว่าพ่อกับแม่ของรุ่นพี่คงไม่อยากให้ทำแบบนี้ ถึงรุ่นพี่จะฆ่าพวกคุณเซโตะ กี่พันครั้งพ่อแม่ของรุ่นพี่ก็คงไม่ฟื้นขึ้นมาหรอกครับ สิ่งที่พวกท่านอยากเห็นคือรุ่นพี่เป็นคนดี ช่วยเหลือผู้อื่นมากว่าน่ะครับ”
“ไม่คิดว่าอาจจะเป็นโชคชะตาบ้างหรือครับ การที่รุ่นพี่เองก็เป็นหมอ พ่อของรุ่นพี่ก็เช่นกัน” เค็นจิ เสริม
“นั่นสิน่ะ” น้ำตาหลั่งไหลออกมาจากตาทั้ง 2 ข้างของทาคามิ จุน
“ผมมีบางอย่างสงสัยคือ การที่ที่นี่มีไฟใช้ระดับหนึ่ง อาหารต่าง ๆ เป็นฝีมือของรุ่นพี่ใช่ไหมครับ”
“ใช่ การเตรียมการณ์ไงล่ะ”
“รุ่นพี่ จำคำถามที่ถามผมได้มั๊ยครับ”
“จำได้สิ”
“ถ้าเป็นรุ่นพี่จะตอบเหมือนกับผมรึเปล่า”
“เหมือน เพราะดูจากการตอบของนายทำให้ฉันพอจะรู้ว่านายกับฉันฉลาดพอ ๆ กันจึงไม่ค่อยกังวล”
“รู้มั๊ยครับ คำถามนี้ก็เป็นจิตวิทยานิด ๆ นะครับ คำตอบที่ถูกคือคนที่ทำได้ 0 คะแนน”
“หา”
“คำตอบแบบเลือกตอบ 50 ข้อ ถ้าคนที่ไม่รู้เรื่องมาทำก็คงได้ประมาณ 10 คะแนน เพราะถ้าเดาทุกข้อด้วย
1, 2, 3, หรือ 4 คนที่จะได้ 0 คะแนน คือคนที่รู้คำตอบจริง ๆ ทุกข้อแล้วเลือกข้ออื่น”
“ฉันไม่น่าประมาทนายเลย”
“คุณ วาชิโร่ ไปรึยังครับ” คนขับเรือตะโกนเรียก และทุกคนก็เดินขึ้นเรือ เรือแล่นด้วยความเงียบผ่านทะเลของคาบสมุทรโบโซ เมื่อถึงฝั่ง ทาคามิ จุน พูดขึ้น
“แยกกันตรงนี้น่ะ ซาอิฉันขอรูปนั่นได้มั๊ย”
“ครับ” ซาอิยื่นรูปให้ ทาคามิ จุน กับทาคามิ วาชิโร่ เดินจากไป
“ซาอิ” ทาคามิ จุน หันกลับมา
“มีอะไรรึครับ”
“ขอบใจน่ะ”
พูดจบ ทาคามิ จุน ก็เดินไปพร้อมกับ ทาคามิ วาชิโร่


บทส่งท้าย
เวลาผ่านไป 3 เดือน ซาอิ และเค็นจิ ไปไปเยือน ทาคามิ จุน ที่เรือนจำ ก่อนไปโรงเรียน
“พวกนายสบายดีรึ”
“ครับ”
“แล้วรุ่นพี่ เป็นยังไงบ้างครับ”
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอกน่ะ สอบให้ติด มหา’ลัยโตเกียวล่ะ”
“ครับ”
ระหว่างทางที่เดินกลับ ซาอิพูดกับ เค็นจิ ขึ้น
“ลมอุ่น ๆ พัดมาแล้วน่ะ”
“หวังว่ารุ่นพี่จะออกจากเรือนจำเร็ว ๆ”
“ขอให้เป็นอย่างนั้นน่ะ”
“นี่ซาอิ สายแล้วนะ ไม่รีบเดี๋ยวก็สายหรอก”
“ฮ่ะ ฮ่ะ”
และ ทั้งคู่ก็ออกวิ่ง สายลมหนาวได้หายไป ลมอุ่น ๆ ได้เยือนแล้ว เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็คลี่คลายลง เวลาทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติอีกครั้ง.

~Finale~




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2552
0 comments
Last Update : 2 ตุลาคม 2552 20:25:33 น.
Counter : 1269 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


neovalics
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add neovalics's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.